Girl, I’ll Teach You Cultivation – ฉันจะสอนเธอบ่มเพาะเอง - ตอนที่ 303
บทที่ 303
การโอ้อวด
หลังจากเวลาสิบโมงเช้า หลินเย่หลิงเริ่มมีอาการนั่งไม่อยู่กับที่ ตามสถานการณ์ทั่วไป แขกควรมาถึงที่ประตูนานแล้ว คิดไปคิดมาสามรอบ จึงตัดสินใจโทรไปที่บ้านตระกูลหลิน
และในความเป็นจริงแล้ว บ้านตระกูลหลินไม่ได้ตั้งใจที่จะมา ที่ลานบ้านหลายคนในครอบครัวมีแต่เสียงหัวเราะ และพวกเขาดูมีความสุขมาก
ผู้หญิงที่สวมชุดกี่เพ้าเดินถือโทรศัพท์เดินเข้ามา: “เย่หลิงโทรมาถามพวกเราว่าจะไปกันเมื่อไหร่”
หลินเจ๋อต้งพูดเยาะเย้ยถากถางไปว่า: “ลูกชายของพวกเขาเก่งขนาดนั้น พวกเรายังจะไปที่นั่นทำอะไรกันล่ะ?”
ผู้คนในสมัยนี้ชอบดูถูกเหยียดหยามเสียจริง
“ให้พวกเราไปขอโทษเธอรึไง?”
ประโยคดังกล่าวได้แทงใจดำผู้อาวุโสของบ้านตระกูลหลิน ทำให้เขาปัดมือไปมาด้วยความโกรธ: “พอ พอได้แล้ว……”
ลุงเซียนที่อยู่ด้านข้างพูดว่า: “วันนี้ครอบครัวเจียงต้อนรับแขก งั้นผู้คนที่พึ่งพาครอบครัวเจียงต้องมาอย่างแน่นอน เขาไม่คิดว่าตัวเองเก่งกาจมากเลยหรอ? เราต้องดูว่าพวกเขามีอิทธิพลมากเพียงใด วันนี้สามารถมองดูครั้งเดียวก็เข้าใจหมด เพื่อที่จะหลีกเลี่ยงไม่ให้พวกเราทำการสอบสวนและคาดการณ์ไปเอง ”
หลินเจ๋อเฉิงพูดสะท้อนมุมมองออกมาว่า: “ลุงเซียนพูดดูมีเหตุผล พ่อ ต้องการให้พวกเราไปที่บ้านนั่นไหม?”
ท่านอาวุโสหลินพูดพึมพำกับตัวเอง
หลินเจ๋อคังพูดว่า: “เด็กหนุ่มครอบครัวเจียงที่เป็นปรปักษ์ อารมณ์รุนแรง ยังจำได้ว่ามันเกลียดพวกเราตอนที่ขับไล่เย่หลิงออกจากบ้าน เห็นว่าครอบครัวมีภัยแต่ก็ไม่สามารถช่วยเหลือได้เลย แต่บางทีอาจจะถูกบ้านตระกูลหลินโต้ตอบกลับมาก็ได้ ไม่มีทางเลือกอื่นที่จะป้องกันเขาไว้ และประทับใจในงานเบื้องลึกเบื้องหลังที่เขาทำออกมาดี ยิ่งกว่านั้น ลูกน้องของครอบครัวบ้านเกาถูกฆ่าตายและพวกเขาไม่เคยปริปากพูดอะไรเลยจนถึงทุกวันนี้ จะเห็นได้ว่าเด็กหนุ่มคนนี้ไม่ค่อยว่าง่ายดีนัก”
ท่านอาวุโสหลินพูดพึมพำออกมาพร้อมกับค่อยๆลุกยืนขึ้น: “งั้นก็ไปดูสักหน่อยแล้วกัน……”
จากประโยคที่ท่านอาวุโสพูดออกไป ที่ตรงนั้นไม่มีใครที่ไม่เชื่อฟังคำสั่ง แม้ว่าหัวใจจะไม่มีความสุขอีกครั้ง ทำให้เจียงซิ่วไม่สบายใจ แต่เขาจะต้องเตรียมตัวที่ออกไปข้างนอกแล้ว
ภายในบ้านมีผู้คนอยู่มากมาย และจะขับรถยี่ห้อดีๆออกไปสองสามคัน
“อาเย่หลิง พวกเราทางนี้กำลังจะออกไปแล้วนะ”
ผู้หญิงที่สวมชุดกี่เพ้าตอบสายกลับไป
หลินเย่หลิงวางสายจากโทรศัพท์ ซึ่งที่บ้านกำลังจะมีแขกจากเจียงหนาน ส่วนเจียงหยี่ไม่ได้เตรียมการต้อนรับแขกที่เมืองหลวง ซึ่งในบ้านหรูหราเกินไปไม่ค่อยสะดวก เขาวางแผนที่จะกลับไปที่เมืองเจียงก่อน แล้วค่อยไปพบเพื่อนร่วมงานที่มาเยี่ยมทีหลัง แขกที่มาพักที่นี่ส่วนใหญ่ก็มาเพื่อเจียงซิ่ว และยังมีบ้านตระกูลหลินแต่ยังเดินทางมาไม่ถึง มีเพียงแค่แขกของเจียงซิ่วอย่างเดียวเท่านั้น
ที่เจียงหนานมีผู้คนหลายคนแห่กันให้ความสนใจคุณเจียง แม้แต่กระทั่งรู้ว่าเจียงซิ่วอยู่ที่เมืองหลวงหรืออยู่ไหนก็ไม่มีข้อยกเว้น ไม่ว่าจะมีหรือไม่มีคุณสมบัติ ล้วนต้องใช้ประโยชน์จากวันปีใหม่ของฤดูไบไม้ร่วงที่กำลังเริ่มต้นฤดูแห่งการเก็บเกี่ยว ค่อยๆปีนป่ายสร้างความสัมพันธ์กับเขา
คนต่อมาที่มาถึงอย่างตรงเวลานั่นก็คือผู้นำของเจียงหนาน ในวันเดียวกันนั้นผู้คนจากสวนคฤหาสหวังที่ถูกเจียงซิ่วขับไล่ออกไป ก็มาในวันปีใหม่ในวันนี้ อย่างไรก็ตามเจียงซิ่วก็ไม่แสดงตัวออก ฉะนั้นพวกเขาจึงไม่กล้าอยู่ต่อจนนานเกินไป ทิ้งของขวัญไว้ให้แล้วก็จะไปจากที่นี่
ณ ตอนนี้ในวันนี้ เขาไม่มีสิทธิ์ที่จะพบเจียงซิ่วได้อีกต่อไป
หลังจากนั้นก็เริ่มมีบางคนที่เข้ามา รวมถึงหนิงไห่ หางเฉิง นอกจากนี้ยังมีครอบครัวใหญ่ทั้งสี่ตระกูลทางเหนือของจีนมาด้วยเช่นกัน พวกเขาก็ไม่มีสิทธิ์ที่จะเจอเขา พวกเขาจึงทิ้งของขวัญไว้ให้แล้วก็ไปจากที่นี่ด้วยเช่นกัน
เจียงซิ่วเลือกหลบหนีมาที่เมืองหลวง ก็เนื่องจากประเมินไว้แล้วว่าที่ประตูรั้วสวนคฤหสหวังที่เจียงหนานกำลังจะถูกผู้คนเหยียบจนแตกหักแน่
เกือบสิบเอ็ดโมง ในที่สุดครอบครัวหลินก็มาถึง
ด้วยรถยนต์เจ็ดคัน แนวโน้นการเติบโตยังค่อนข้างน่ากลัว แต่ล่ะคนที่ลงมาจากรถ สายตามองไปถูกสะกดด้วยคฤหาสน์หลังหนึ่ง เหตุผลที่ตระกูลหลินไม่ทรุดโทรม ก็เพราะพวกเขายังมีทรัพยากรทางการเงินมากมาย หรือมีสมาคมทางการเงินมาสนับสนุน สถานการณ์ตอนนี้ต้องดูที่GDPเท่านั้น
เมื่อเห็นบ้านหลังนี้ งครอบครัวหลินดูไม่มีความสุข ตระกูลหลินลูกชายของพวกเขาบางคนไม่ได้มีชีวิตอยู่ที่ดีนัก ลูกสาวที่ถูกขับไล่ออกไปนั้น กลับมีชีวิตที่ดีกว่าพวกเขาบางคนเสียอีก ความรู้สึกนี้กล่าวว่าไม่มีความสุขยังคงไม่เพียงพอ
หลินเย่หลิงออกมาต้อนรับด้วยใบหน้าที่ยิ้มแย้มแจ่มใส เธอมองไปหาพ่อ อย่างไรก็ตามเธอไม่พบกับแม่ของเธออยู่กับเขา ท่านยายหลินอารมณ์ของเธอไม่ยอมลดลง “พ่อ พี่ชายทั้งสอง มาเร็ว รีบเข้ามาในบ้านกันเถอะ”
รอให้พวกเขาเข้าไปในคฤหาสน์ แต่นอกเหนือจากมีลูกหลานที่สร้างความวุ่นวายแล้ว แขกสักคนก็ไม่มี นี่มันค่อนข้างแปลก วันแห่งการต้อนรับแขก ทำไมถึงไม่มีใครสักคนเลย
หลินเจ๋อต้งพูดว่า: “โอ้อวดว่าตัวเองเก่งนักเก่งหนา แม้แต่ผีสักตัวก็ไม่มี”
ชั่งเสียดสีเหน็บแนมใหญ่โตเสียจริง และเมื่อมองไปที่โต๊ะงานเลี้ยงที่ว่างเปล่า คนบ้านหลินดูสะใจยิ่งนัก คุณเจียงแห่งเจียงหนานคุยโวซะใหญ่โต ผลออกมาก็คือขายหน้าจริงๆ
สีหน้าบนใบหน้าของคนตระกูลหลินดูเป็นเรื่องที่น่าขัน
“ทำไมไม่มีคนเลยล่ะคะ?”
หลินเย่หลิงพูดอย่างตั้งใจออกไปว่า: “อ้ออ พอดีเสี่ยวเจียงรู้ว่าพวกคุณจะมา เลยไม่ให้แขกท่านอื่นได้เข้ามาในบ้านเลย วันนี้เป็นวันสำคัญของครอบครัวเราในการฉลองวันปีใหม่ค่ะ “
คนบ้านหลินทั้งหมดผุดรอยยิ้มออกมา เพื่อไม่ให้เธอหน้าแตก
แบบนี้เหมือนกับทำลายฟันในช่องปากระหว่างที่กำลังกลืนกินอยู่
สำหรับหลายๆครอบครัวในการฉลองปีใหม่มันเป็นเรื่องที่กดดันมากๆ อันดับแรกต้องไปบ้านเป็นหัวหน้าคนไหนก่อน รองลงมาคือพูดคุยเรื่องเกี่ยวกับปัญหามากมาย แม้ว่าไม่มีคนมา แต่ก็เป็นเรื่องขายหน้าเป็นอย่างมาก
“น้องสะใภ้!’
หลินเย่หลิงจับไปที่มือของผู้หญิงที่สวมชุดกี่เพ้าอย่างรักใคร่: “มาเร็ว รีบนั่งลงเถอะ……”
“เย่หลิง บ้านของเธอนี่ไม่เลวเลยนะ งบประมาณที่ใช้ไปเท่าไหร่ล่ะ?’
หลินเย่ยิ้มพร้อมกับพูดออกมา: “ใช้งบประมาณไปเพียงห้าล้านค่ะ ใครก็รู้ว่าราคาของบ้านหลังนี้สูงขึ้นอย่างรวดเร็ว ตอนนี้ราคามากกว่าสามเท่าตัว ถ้าต้องซื้อหนึ่งหลังต้องซื้อราคามากกว่าสิบล้านบาทเลยค่ะ”
ในจุดนี้เธอยังคงภูมิใจในสิ่งนี้มาก มันคือความสำเร็จที่สร้างด้วยมือของเธอเอง
ตอนนี้ทุกคนมีความคิดพื้นฐานหลักๆ ก็คือ ต้องการหารายได้เพื่อสร้างอสังหาริมทรัพย์
“โชคดีมากเลย!”
ในใจบ้านหลินเหมือนโดนดูถูกเหยียดหยามเมินใส่ ขนาดเงินสิบล้านนั่นที่ทำให้มีความสุขแบบนี้ได้ หากคุณหาเงินมาได้หลายร้อยล้านบาท ก็ไม่รู้ว่าจะเย่อหยิ่งมากแค่ไหน หลังจากนั้นก็เป็นแค่คนธรรมดาทั่วไปที่อยู่ในเมือง โดยที่ไม่รู้ว่าฉากในตอนที่การเป็นครอบครัวที่ร่ำรวยและมีอิทธิพลเป็นอย่างไร สิบล้านสามารถบีบใครก็ได้ออกมาจากช่องว่างความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดกันได้
“ซูซู ผลไม้……”
“ค่ะ!”
แสงที่แผ่ออกมาจากดวงอาทิตย์นั้นชั่งอบอุ่นมาก ไม่มีก้อนเมฆลอยอยู่ ดวงอาทิตย์ตกลงที่ศีรษะของหลินเย่หลิงแสดงให้เห็นถึงสิ่งของที่ส่องแสงประกายแวววาวออกมา ผู้หญิงที่สวมชุดกี่เพ้าพูดว่า: “เย่หลิง สิ่งนั้นที่อยู่บนศีรษะของคุณมันสวยงามมาก”
หลินเย่หลิงเอื้อมมือไปสัมผัสบนสิ่งของที่อยู่บนศีรษะของตนพร้อมกับยิ้มแล้วพูดว่า: “นี้เป็นของที่เสี่ยวเจียงซื้อให้กับฉัน เจ้าลูกชายตัวดีคนนี้ เป็นครั้งแรกที่เค้าให้ของขวัญกับฉัน มันค่อนข้างมีราคาทีเดียว ”
ภรรยาของหลิงเจ๋อเฉิงพูดว่า: “ราคาเท่าไหร่หรอคะ” ลูกชายซึ่งถูกเจียงซิ่วเล่นงานจนขาหัก เธอจึงเกิดความพะวงอยู่ในใจตลอดเวลา
หลินเย่หลิงพูดว่า: “หนึ่งร้อยล้านยูโร!”
“ห๊าา!”
โม้หรือป่าว
หวังเจียลี่ภรรยาของหลินเจ๋อเฉิงพูดว่า: “เย่หลิง เธอว่าราคาเท่าไหร่นะ?”
หลินเย่หลิงพูดว่า: “หนึ่งร้อยล้านยูโร!” เธอตอบย้ำกับคำถามที่ถามมาอีกครั้ง ภายในใจรู้สึกมีความสุข ไร้กังวลและอยากจะหยักคิ้วให้ ตอนออกมาจากครอบครัวหลิน ชีวิตฉันมีความสุขมาก
“ฮ่าฮ่า……”
หวังเจียลี่ระเบิดเสียงหัวเราะออกมา: “เย่หลิง นี่ตั้งแต่คุณออกไปข้างนอกยังติดเชื้อขี้โม้คุยโวจนเป็นบ้าเสียสติไปแล้วหรอ เครื่องประดับชิ้นนึงตั้งหนึ่งร้อยล้านยูโร ล้อเล่นรึป่าว”
หลินเย่หลิงพูดว่า: “นี่เป็นสิ่งของที่เสี่ยวเจียงซื้อมาจากยุโรป และยังแสดงราคาค่อนข้างสูงมากปรากฏอยู่บนหน้าหนังสือพิมพ์”
พอพูดไปแบบนั้น หลินมี่ที่อยู่ข้างๆก็พูดออกมาว่า: “วันครบรอบของการเฉลิมฉลองRV ของบริษัท innuovo ในการขายห่วงโซ่ของราชวงศ์ ป้าหลิง คุณเอามาให้พวกเราดูหน่อยได้ไหม?”
ผู้หญิงหลายคนที่นั่งอยู่ข้างๆสีหน้าก็เปลี่ยนไปทันที
หลินเย่หลิงแสดงให้เห็นถึงโอกาสในทันที พร้อมกับนำสร้อยคอถอดลงมา เอาผ้าขนหนูรองไว้ด้านล่าง ภรรยาของพี่ชายคนที่สองและสาม ยังมีหลินมี่ ผู้หญิงทั้งหลายล้อมวงกันเข้ามา หรือแม้แต่หลินเจ๋อต้งและคนอื่นๆก็แสดงสีหน้าความอยากรู้อยากเห็น
“นี่ นี่มันของจริงหรอ……”
เหตุการณ์ของเรื่องนี้เป็นเพราะว่าคนจีนได้ซื้อมา ดังนั้นแวดวงคนชั้นสูงที่เมืองหลวงต้องทำให้เกิดคลื่นกระแสที่เพิ่มมากขึ้นแน่ๆ ซื้อเครื่องประดับ 100 ล้านยูโรพอที่จะทำให้เกิดความรู้สึกการติดสินบนในปี2008 นั่นคือมากกว่าหนึ่งพันล้านบาท
เครื่องประดับราคามากกว่าหนึ่งพันล้านบาท นี่ต้องบ้าแน่ๆ ตอนนี้ในประเทศจีนมีเศรษฐีไม่มากนัก
ในเวลานี้ที่ทุกคนคาดเดาว่าสุดท้ายแล้วใครกันที่เป็นคนซื้อ
“เสี่ยวมี่ นี่คือเครื่องประดับที่มีราคาหนึ่งร้อยล้านยูโรจริงหรือ?”
หลินเสี่ยวเค่อนำโทรศัพท์ขึ้นมาค้นหาข้อมูล ภาพที่นำมาเปรียบเทียบกันนั้นเหมือนกันมาก
“ใช่ค่ะ ไม่ผิดแน่!”
สีหน้าของคนในบ้านตระกูลหลินที่เปลี่ยนไป มูลค่ามากกว่าหนึ่งพันล้านบาทที่จะซื้อเครื่องประดับชิ้นนี้ สามารถทำให้กิจการงานของครอบครัวหลินชนะโครงการไปได้ไม่น้อยเลย อย่ามองความเจริญของธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ในตอนนี้ แต่อีกบ้านที่ไม่กู้เงินเลย เดิมทีไม่มีทางจะเห็นเงินได้จริงๆ นี่คือสินค้าอันหรูหราที่แท้จริงในมูลค่าที่มากกว่าหนึ่งพันล้านยูโร
หลินเจ๋อเฉิงกับหลินเจ๋อคังที่หันมาสบตากันโดยไม่ได้ตั้งใจ พวกเขาเห็นความตกใจจากดวงตาของอีกฝ่าย
“เย่หลิง เธอใจกล้ามากที่สวมใส่เครื่องประดับราคาแพงขนาดนี้ไปได้ทุกที่”
หลังจากทำการตัดสินใจแล้ว มือของบ้านตระกูลหลินไม่สามารถเอื้อมถึงได้ มันทำให้พวกเขาทั้งตกตะลึงหรือล้มลงไป มันไม่สามารถจ่ายได้จริงๆ หมิงรู้ว่าหลินเย่หลิงกำลังแสดงความมั่งคั่งของเธอ แต่มันไม่มีทางเลือก ทำให้ตื่นตาตื่นใจมากจริงๆ
“ไม่เป็นไรค่ะ เครื่องประดับนี้ก็ไม่ได้นำมาสวมใส่อะไร”
มองไปที่เย่หลิงกำลังนำมือไปหยิบมันกลับมา หัวใจของภรรยาของพี่ชายกำลังสูบฉีด 100 ล้านยูโร แม้แต่องค์ราชินีของอังกฤษยังไม่เคยได้สวมใส่ของราคาเท่านี้
เมื่อรอให้หลินเย่หลิงนำสิ่งของนั้นกลับเข้าห้องไป หวังเจียลี่ก็พูดขึ้นมาว่า: “ใครจะไปรู้ว่าอันไหนของจริงของปลอม ไม่แน่อาจจะนำมาทำเป็นของปลอมก็ได้?”
“อาจจะเป็นแบบนั้นจริงๆก็ได้?”
“คงไม่ใช่มีแค่คนเดียวที่ไม่มีเลย……”
เมื่อกำลังพูดถึงเรื่องนี้อยู่ จู่ๆมีคนจากข้างนอกเข้ามาทางประตูใหญ่: “ขอโทษนะคะ ใช่บ้านคุณเจียงรึป่าวคะ?”
คนบ้านหลินเมื่อเห็นคนเข้ามาและพวกเขาทั้งหมดก็หยุดสนทนากันทันที