Girl, I’ll Teach You Cultivation – ฉันจะสอนเธอบ่มเพาะเอง - ตอนที่ 307
บทที่ 307
ชีวิตของจัวอี้เฉิน
เฉินหลิงซูมองผู้หญิงรูปร่างสูงที่มีท่าทางเย็นชาด้วยความประหลาดใจ ลุ้นว่าเธอจะพูดออกมาสักคำ เสียงของหลงหยิงชิงหยุดลงไปทันที นั่นทำให้เฉิงหลิงซูรู้สึกตื่นเต้นขึ้นมา “เขามีคนอื่นหรอคะ?”
หลงหยิงชิงโบกมือปฏิเสธ “ไม่ใช่ๆ เธอเข้าใจผิดแล้ว ฉันแค่รู้สึกแปลกๆน่ะ เธอกับเจียงซิ่วยังดูวัยรุ่นอยู่เลย ทำไมรีบแต่งงานล่ะ”
“ฉันเป็นคู่หมั้นของเขาตั้งแต่เด็กแล้วล่ะค่ะ” เฉิงหลิงซูอธิบาย
สายตาของหลงหยิงชิงแสดงออกถึงความงงงวย โชคดีที่เปลี่ยนหัวข้อพูดคุยได้รวดเร็ว หลอกได้อย่างดีเลย แต่ในใจก็ยังรู้สึกแปลกๆอยู่ดี คนนอกพูดว่าเจียงซิ่วกับจัวอี้เฉินหมั้นกันตั้งแต่เด็ก คนหนึ่งคนจะมีคู่หมั้นสองคนเลยหรือ?
ไม่รู้เหมือนกันสิ จ๋านซิ่วเฉินคนเดียวก็มีภรรยาตั้งสามคน
“ที่มหาลัยคุณเขาเป็นยังไงบ้างคะ? หรือว่าไม่มีความสุข” เฉิงหลิงซูถามด้วยความแปลกใจ
“ก็ปกติน่ะ เขาไม่ค่อยมาที่มหาลัยเท่าไหร่” หลงหยิงชิงยิ้มตอบ
ทั้งสองคนอายุใกล้เคียงกัน ไม่นานก็คุยเข้าขากันได้ดี จากเรื่องสำคัญถึงเรื่องที่ไร้สาระ โดยเฉพาะเรื่องที่เฉิงหลงซูเริ่มที่จะเข้าตลาดการเงิน หลงหยิงชิงเองก็เรียนเรื่องการจัดการเศรษฐกิจมาเหมือนกัน เพราะความสัมพันธ์ที่มีกับเทียนเหมิน ตำแหน่งในบ้านก็ยังสูง การเรียนรู้เกี่ยวกับธุรกิจที่บ้าน เธอจะต้องเรียนรู้วิธีการดูแลอยู่แล้ว
งานเลี้ยงกลางวันยืดมาจนถึงประมาณบ่ายสามกว่าๆถึงจะจบลง หลังงานเลี้ยงจบลงแล้วคนของตระกูลหลินถึงมีแผนที่จะกลับบ้าน หลินเย่หลิงลุกขึ้นส่งแขกแต่หลินเจ๋อเฉิงเรียกหลินเย่หลิงไปข้างกาย ก่อนคุยกันนานสองนานด้วยท่าทางออกรสออกชาติ มองไม่ออกเลยว่าจะมีปัญหากันมาก่อนหน้านี้ “เย่หลิง ปีนี้มาที่บ้านสามด้วยล่ะ เวลาคือวันพฤหัสบดี เรื่องของเธอคนที่บ้านจะให้เธอเป็นคนจัดการเองแล้วกัน”
หลินเย่หลิงพยักหน้า
“เย่หลิง พอถึงเวลาก็รีบมาหน่อยแล้วกันนะ” ภรรยาของหลินเจ๋อคังวังเจียลี่ดึงมือของหลินเย่หลิงไปกุมไว้ ไม่มีเรื่องอะไรแล้ว นอกจากเรื่องที่ลูกชายของเธอก็โดนเจียงซิ่วขัดขา
“ได้ค่ะ ฉันจะรีบไป”
เธอรู้ดี วันนี้ที่ตระกูลหลินกลับไปแล้ว เป็นเรื่องที่เลี่ยงไม่ได้เลยที่จะสะเทือนกันไปบ้าง ต้องเป็นการขอโทษในปีนั้นแน่ๆ หลังจากนั้นก็ถึงคราวเคราะห์ร้ายของหลินเย่หลิง จริงๆ แล้วการคบค้าสมาคมของหลินเย่หลิงกับตระกูลหลินนับวันยิ่งลดลง เพราะว่าเธอรู้ความคิดในใจของตระกูลหลิน นับว่าการสำนึกผิดกับเรื่องในอดีตที่ทำต่อหลินเย่หลิงตอนนี้มันไม่ใช่เรื่องที่ทำมาจากใจแน่นอน
มีประโยคหนึ่งที่ใช้อธิบายได้ก็คือ คุณได้คนของฉันไปแล้ว แต่จะไม่ได้ใจของฉัน ไป
แต่ว่าอารมณ์ของหลินเย่หลิงตอนนี้ดีมาก วันนี้นับว่าเธอโล่งใจเป็นอย่างมาก ปีก่อน ในปีก่อนๆ นั้นใบหน้าที่เย้ยหยันตัวเองถูกแทนที่ด้วยใบหน้าที่เยินยอ แม้แต่พ่อใหญ่หลินก็ยังไม่สบตากับเธอ ในตอนที่กำลังที่จะเดินจากไป นัยน์ตาของเขาเต็มไปด้วยความเสียใจ แม้แต่กระทั้งมีแววตาอ้อนวอนอยากจะขอร้องให้เธอช่วยเหลือตระกูลหลิน
เธอรู้สึกว่าความเจ็บปวดที่เธอได้รับมาไม่กี่ปีนี้มันคุ้มค่าแล้ว
บางทีเรื่องนี้อาจจะจบแบบไม่ได้สวยงามนัก แต่ก็ยังดีกว่าไม่มีใครรักเธอเลย ถึงแม้ว่าจะไม่ได้รับมัน อย่างน้อยก็อยากได้คนของเธอก็แล้วกัน แล้วใจจะแข็งแกร่งกว่าคนพวกนั้นอีก
แต่อย่างไรก็ตามจากนั้นอีกกี่ครั้งโลกเต็มไปด้วยความปรารถนาดีจะมีเรื่องดีๆ ตามมา นี่คืออีกด้านหนึ่งของมนุษย์ ต้องการจะเข้าใจพอมองเข้าไปแล้วก็ไม่มีอะไร ตระกูลที่ร่ำรวยนั้นมักจะอ่อนแอ ใครมีอิทธิพลมากก็จะวนกลับมาหาคนนั้น
“ป้าเย่หลิง รีบๆมานะคะ” หลินเสี่ยวเข่อพูดเสียงหวาน
พ่อแม่ของเขามองเธอด้วยความชื่นชม
เรียกว่าป้าด้วยเสียงที่สดใจเลยล่ะ
“ป้าคะ พวกเราไปก่อนนะคะ”
มีแบบไหนก็เรียกตามแบบนั้น หลังจากนั้นคนรุ่นหลังๆก็เริ่มเรียกเธอว่าป้าแล้ว ราวกับว่าโดนเรียกแบบนี้แล้ว หลินเย่หลิงรู้สึกเหมือนได้กลับไปที่ตระกูลหลินอีกครั้ง “อยากทักทายลูกพี่ลูกน้องไหมล่ะ?”
หลินเย่หลิงหันมองจียงซิ่วยังคงนั่งอยู่ที่เก้าอี้กับตระกูลหลงและตระกูลกู่สักครู่ก่อนจะพูดขึ้นว่า “เขายังรับแขกอยู่ อย่าไปกวนเขาเลย”
หลังจากที่ส่งทุกคนแล้ว หลินเย่หลิงก็เดินกลับเข้ามา ในใจของรู้สึกตลก ใบหน้าของเธอเปื้อนรอยยิ้มก่อนที่จะพูด “ลูกพาแขกไปข้างสระน้ำเถอะ เดี๋ยวแม่จะให้คนยกหม้อชากับเมล็ดแตงโมไปให้”
เจียงซิ่วเห็นรอยยิ้มบนในหน้าของหลินเย่หลิง ก็รู้เลยว่าวันนี้เธอพอใจมากๆ “ได้ พวกเราเปลี่ยนที่กันเถอะ เดี๋ยวต้องให้คนเก็บกวาดที่นี่แล้ว”
“ให้หยิงชิงชงชาให้เถอะครับ เธอเรียนวิชาชงชามา” หลงฉวนหรูพูดขึ้น
เจียงหยี่ถือโอกาสนี้ลุกขึ้นเดินเข้าไปด้านใน อาศัยที่ตนเป็นพ่อของคุณเจียง สถานะของเขาก็เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ในใจเขาก็รู้สึกเสียดายอย่างมาก ถ้าไม่เจอโชคร้ายที่คุกนั่น รวมกับอิทธิพลของเจียงซิ่วแล้ว เขาต้องได้ควบคุมมณฑลสักมณฑลหนึ่งแน่นอน แต่ในตอนนี้ก็ได้แค่ทำเองการในเมืองเจียงเท่านั้น กู้เต๋อจือเอาแต่แย่งโอกาสเลื่อนตำแหน่งเขาซ้ำๆ ซากๆ เขาเลยไม่มีวิธีที่จะก้าวหน้าได้ในระยะเวลาสั้นๆนี้
มองเห็นหลินเย่หลิงอารมณ์ดีขึ้น เจียงหยี่หยี่จึงงกล้าที่จะพูดขึ้นมา “ได้ยินมาว่าวันพฤหัสนี้คุณถูกเชิญไปบ้านของหลินเจ๋อคัง?”
หลินเย่หลิงยกน้ำร้อนขึ้นก่อนจะพูดว่า “ใช่ค่ะ!”
“ทำไมล่ะ คุณต้องรีบกลับเจียงหนานนี่”
เป็นผู้นำน่ะยุ่งมาก โดยเฉพาะช่วงปีใหม่ ทุกคนมาที่บ้านเพื่อพักผ่อน ผู้นำยังต้องออกไปทำงาน นายใหญ่ก็ยังไม่ได้พักเลยนี่ พวกเขามีสิทธิ์อะไรถึงได้มาพักล่ะ แถมยังต้องไปปรับขวัญกับคนอื่นๆ อีก
“จะพูดว่าไม่ดีก็ต้องรอดูหน้างานแล้วกัน พวกเขาเชิญพวกเราไป หลักๆ ก็คงจะต้องการเจียงซิ่วล่ะนะ จะไปหรือไม่ไปก็ต้องอยู่ที่ว่าตระกูลหลินจะขอโทษคุณเรื่องปีนั้นหรือเปล่า” เจียงหยี่พูด
“ฉันไม่ได้กังวลเรื่องนั้นแล้ว คุณยังจำเรื่องปีนั้นได้นี่ ตระกูลหลินก็พูดกับเจียงซิ่วเหมือนกับเป็นญาติรึไง?” หลินเย่หลิงพูด
“รู้สึกว่าจะเป็นแบบนั้น” เจียงหยี่ตอบ
“ถ้างั้นเด็กคนนั้นที่เป็นคนตระกูลจัวฉันก็เคยเจอนะ พ่อแม่ของเธอเคยรู้จักกับฉัน หลังจากนั้นก็เสียชีวิต ตอนนั้นเด็กคนนั้นพึ่งจะอายุสามขวบกว่าๆ อย่าพูดเรื่องน่าเศร้าพวกนี้ดีกว่า หลังจากนั้นลุงของเธอก็พาไปอยู่ด้วย”
“ทำไมถึงพูดขึ้นมาล่ะ ชีวิตของเธอมันน่าเศร้า” เจียงหยี่พูด
“ใช่ไหมล่ะ ไม่อย่างนั้นตระกูลจัวไม่มีทางให้เธอหมั้นกับซิ่วน้อยหรอก ตอนนี้ที่ตี้ตูมีข่าวลือว่าฉันกลับไปที่ตระกูลหลิน เรื่องนี้เลยแพร่กระจายออกมา เรื่องเจียงซิ่วกับเด็กคนนั้น เรื่องมันไปเร็วมากเลยล่ะ เพื่อนฉันหลายคนก็โทรมาถามกันทั้งนั้น” หลินเย่หลิงถอนหายใจ
“ตระกูลหลินยังคงต้องการความช่วยเหลือของซิ่วน้อย เรื่องนี้คงทำไม่ได้มากไปกว่านี้แล้วล่ะ ยิ่งไปกว่านั้นซิ่วก็แต่งงานกับซูซูนานแล้ว พอถึงตอนนั้นอธิบายซักหน่อยก็คงพอแล้วมั้ง” เจียงหยี่พูด
“ฉันแค่กลัวว่าเด็กคนนั้นจะโดนตระกูลจัวทิ้งน่ะสิ ตัวคนเดียวไม่มีพ่อแม่ อยู่ท่ามกลางพวกที่ร่ำรวย ไม่กี่ปีที่ผ่านมานี่คงจะใช้ชีวิตลำบากแน่ๆ ถ้าเรื่องนี้เกิดขึ้นอีกก็กลัวว่ามันจะร้ายแรงกว่าเดิมนะสิ” หลินเย่หลิงพูด
เจียงหยี่มองไปที่ดวงตาของภรรยาตนเอง เหมือนได้มองเห็นหญิงตระกูลหลินที่มีจิตใจดีและแข็งแกร่งเป็นเกราะคุ้มกัน หลายปีที่ผ่านมาเธอไม่เคยเปลี่ยนไปเลย
“ถ้าอย่างนั้นคุณคิดว่าจะจัดการยังไง?”
หลินเย่หลิงส่ายหัวก่อนจะพูดว่า “ฉันก็ยังคิดไม่ออก ดีที่สุดควรจะมีทางออกแบบวินวินทั้งสองฝ่าย….”ความน่าเชื่อถือของตระกูลหลิน สถานการณ์ตอนนี้ของจัวอี้เฉิน เธอหวังจะจะไม่ได้รับผลกระทบกันนะ
“ยากมาก!”
“มันไม่ใช่ความคิดที่ดีเลยเรื่องที่จะไม่ปฏิเสธข่าวลือพวกนั้น อย่างไรก็ตามลูกชายของพวกเราก็แต่งงานแล้ว คนอื่นๆ ไม่นานก็ลืมเรื่องพวกนี้แล้วล่ะ” เจียงหยี่พูด
“หวังว่าจะเป็นแบบนั้นเหมือนกันค่ะ” หลินเย่หลิงตอบ
น้ำร้อนต้มเสร็จแล้วก่อนจะยกน้ำร้อนไปเพื่อที่จะรอดูศิลปะการชงชาของหลงหยิงชิง
แขกคนอื่นอยู่ถึงประมาณสี่โมงเย็น ท้องฟ้าใกล้จะมืดลงเต็มที คงจะไม่ดีนักถ้าอยู่ทานอาหารเย็นอีก คนของทั้งสองตระกูลเลยกลับกันไปด้วยใจที่เต็มไปด้วยความพอใจอย่างมากที่ได้สิ่งที่พวกเขาต้องการ
โดยเฉพาะตระกูลกู่ ถ้าเรื่องทั้งหมดนี่เป็นความจริงแล้วจะก็ คนในตระกูลกู่ต้องดีใจราวกับบินได้แน่ๆ
“ตามสถานการณ์ในปัจจุบัน หลังจากนี้ฐานะของนักสู้ของซิ่วก็น่าจะมีชื่อเสียงมากขึ้น ความสามารถคุณเจียงในกลุ่มลัทธิฟ้าก็จะปรากฏออกมาได้ชัดเจน จำนวนคนของพวกเราตระกูลกู้ก็จะน้อยหน้าไม่ได้” กู้เต๋อคังพูด
“นี่ เทียบกับพวกเราตระกูลหลงน่ะช่างแย่จริงๆ ยังไงคุณเจียงก็ชอบพวกเราตระกูลกู่มากขึ้นล่ะนะ ปัญหาของจำนวนคนในกลุ่มลัทธิฟ้าน่ะ พวกเราคิดหาวิธีที่จะเข้าทางหวังซินตงเถอะ เรื่องเล็กๆแบบนั้นคุณเจียงไม่สนใจหรอก” กู้เต๋อจือเริ่มพูด
“คนนั้นของตระกูลหวังกลายเป็นคนสำคัญแล้วหรือ?”
ปล่อยให้หัวหน้าในกองทัพคุยกับเด็กผู้หญิงตัวเล็กๆ มันน่าอึดอัดเล็กน้อย
“พี่ใหญ่คนนั้นน่ะเป็นตัวแทนของคุณเจียง เห็นคนที่โหดเหี้ยมแบบนี้มาเยอะแล้ว พวกนักเลงยั่วยุเขาไม่ขึ้นหรอก ตอนนี้ที่ฉันเห็นเธอไม่ว่าเธอจะพูดอะไรฉันก็ตอบหมดเลยล่ะ….” จากประสบการณ์การฝึกในกองทหารของกู้เต๋อจือทำให้เขามองสถานการณ์ขาดมากกว่าพี่ใหญ่ การเข้าหาคนในกองทัพเป็นเรื่องที่ง่ายมาก ถึงบางคนจะดูวุ่นวายไปเสียหน่อยก็ตาม
“วันนี้ออกจะเป็นวันสำคัญ ทำไมตระกูลหวังถึงไม่โผลมาล่ะ?” กู้เต๋อคังถาม
“นี่……”
กู้เต๋อจือไตร่ตรองสักครู่ก่อนจะตอบกลับไป “คุณเจียงอาจจะให้ตระกูลหวังเป็นเจ้าภาพจัดใต้ดินตามเงินทุนล่ะมั้ง เรื่องของข้างบนตระกูลหวังยังไม่มีอำนาจที่จะมาจัดการอะไรได้หรอก”
วันที่สาม หลินเย่หลิงมาปลุกเจียงซิ่วแต่เช้าตรู่ “ซิ่วน้อย ลุกได้แล้ว..ไปเที่ยวที่เขาเป่าหยินกับแม่….”
“ห้ะ??”
เจียงซิ่วสงสัยว่าหูตัวเองได้ยินผิดหรือไปหรือเปล่า เขาเป่าหยินมันเป็นป่าช้านี่