Girl, I’ll Teach You Cultivation – ฉันจะสอนเธอบ่มเพาะเอง - ตอนที่ 308
บทที่ 308
พบกันโดยบังเอิญ
เจียงซิ่วล้างหน้าแปรงฟันแล้วจึงลงไปชั้นล่าง หลินเย่หลิงเตรียมอาหารเช้าเรียบร้อยแล้ว ปาท่องโก๋น้ำเต้าหู้ เขานั่งและเริ่มทาน “ไปทำอะไรที่ภูเขาเป่าอวิ๋นในช่วงตรุษจีน ”
หลินเย่หลิงถอนหายใจแล้วพูดว่า “พาลูกไปพบเพื่อนเก่าแก่ของแม่คนหนึ่ง”
เจียงซิ่วคิดในใจ นั่นคงจะเป็นเพื่อนคนที่สำคัญมาก ไม่อย่างนั้นในเทศกาลตรุษจีนนี้คงไม่ไป จึงโพล่งถามขึ้นมา “ใครล่ะ?”
หลินเย่หลิงพูด “ไปแล้วก็รู้เอง”
เจียงซิ่วพูด “งั้นจอมประจบก็ไม่ได้ไปด้วยหรอ?” จอมประจบคือฉายาที่เจียงซิ่วตั้งให้เฉินหลิงซูในใจ คิดไม่ถึงว่าจะเผลอพูดโพล่งออกมา
หลินเย่หลิงพูดอย่างอารมณ์ไม่ดี “มีคนให้เกียรติแม่ไปเลยนะ ลูกก็ยังไม่มีความสุขหรอ เรียกคนที่ดูแลบ้านว่าจอมประจบ ซูซู่ดีกว่าลูกร้อยเท่า ครั้งหน้าก็ไม่ต้องเรียกหาซูซู่แล้ว”
เจียงซิ่วรู้สึกหดหู่ในใจ แม่ครับ ผมเป็นลูกชายแม่นะ
เทศกาลตรุษจีน เป็นวันที่รื่นเริง ไม่มีใครมาทำความสะอาดหลุมศพที่ปลีกวิเวกวังเวง ยังมีลมหนาวพัดมาอีก ที่นี่เจียงซิ่วไม่รู้สึกแปลกอะไร เพราะว่าชาติที่แล้ว พ่อแม่ก็ฝังอยู่ที่นี่ ดังนั้นเมื่อหลินเย่หลิงพูดถึงสถานที่นี้ เขาก็รู้แล้ว
“แม่ พวกเรามาพบใครกันแน่”
สิ่งที่สองแม่ลูกสวมใส่ล้วนงามสง่ามาก ในมือของเจียงซิ่วถือประคองดอกไม้สดที่ทำความสะอาดหลุมศพ ถือเทียนและเงินกระดาษ สิ่งที่ควรใช้ในการทำความสะอาดหลุมศพล้วนนำมาแล้ว หลินเย่หลิงหยุดอยู่หน้าหลุมศพหลุมหนึ่ง
“ตรงนี้ละ!”
เจียงซิ่วเหลือบมองหลุมศพแวบหนึ่ง บนป้ายเป็นภาพผู้ลาลับคู่สามีภรรยาอ่อนวัยคู่หนึ่ง ฝ่ายชายชื่อจัวชงหัว ฝ่ายหญิงชื่อเซี่ยหลัน ผู้ชายดูงามสง่าเป็นปัญญาชน ผู้หญิงดูสวยงามบริสุทธิ์
“สองท่านนี้เป็นเพื่อนที่ดีมากตอนที่แม่ยังเด็ก……” ใบหน้าของหลินเย่หลิงเผยความเศร้าออกมาจางๆ เธอระลึกถึงคนในภาพบนหลุมศพนี้พลันขอบตาค่อยๆเปลี่ยนเป็นสีแดง
“กาลเวลาผ่านไปเร็ว พริบตาเดียวก็ผ่านไปยี่สิบปีแล้ว ยี่สิบปีที่ฉันไม่ได้กลับปักกิ่ง และไม่มีวิธีช่วยพวกเธอดูแลลูกสาว ยิ่งไปกว่านั้นยังต้อง……”
เสียงของหลินเย่หลิงสั่นสะอื้นจนพูดต่อไม่ได้
“อย่าโทษฉันเลย…..”
อารมณ์ความรู้สึกในวัยเยาว์นั้นมีค่ามากที่สุด
เมื่อคืนก่อน หลินเย่หลิงคิดถึงเพื่อนเก่าขึ้นมา นอนยังไงก็นอนไม่หลับ กระสับกระส่ายอยู่บนเตียง ไม่สามารถหยุดคิดถึงเรื่องที่ว่าไม่สามารถช่วยเหลือลูกสาวของเพื่อนเก่าได้เลย มันยังทำร้ายเธอมาจนถึงตอนนี้ เพราะธรรมชาติของหลินเย่หลิงแท้ที่จริงแล้วจมอยู่กับความรู้สึกผิด ในใจนึกตำหนิตัวเอง นี่ไม่ใช่เพราะเจียงซิ่วพาไปที่หลุมศพ ไม่ว่าเป็นวันนี้หรือวันไหนก็รู้สึกเช่นนี้
“เสี่ยวซิ่ว ทำความสะอาดหลุมศพให้คุณลุงคุณป้า…..”
เห็นท่าทีของหลินเย่หลิง สองท่านที่อยู่ตรงหน้าควรจะเป็นเพื่อนที่ดีมากของเธอ ในฐานะที่เป็นรุ่นน้องอย่างแน่นอน เขาตอบรับคำหนึ่ง ปัดกวาดหลุมศพจนสะอาด วางดอกไม้สด จัดของบูชา จากนั้นหยิบถังเหล็กที่อยู่ด้านข้างเข้ามาแล้วเผาเงินกระดาษในนั้น
เปลวไฟกำลังลุกไหม้ เศษกระดาษที่ถูกเผาจนเป็นสีดำปลิวขึ้นไป ส่งกลิ่นเผาไหม้ธูปเทียนออกมา เพิ่มความโศกเศร้าเล็กน้อย “ขออโหสิกรรมคุณลุงคุณป้า”
ใบหน้าของเจียงซิ่วเต็มไปด้วยความตกตะลึงและพิศวง เทศกาลตรุษจีนถูกพามาหลุมศพ นั่นก็แล้วไป คาดไม่ถึงว่าจะให้เขาขออโหสิกรรมคนอื่น “แม่ ฉันผิดตรงไหนล่ะ?”
มองใบหน้างุนงงของลูกชาย หลินเย่หลิงเพิ่งนึกได้ว่ายังพูดไม่ชัดเจน กำลังจะเปิดปากพูด กลับได้ยินเสียงฝีเท้าใกล้เข้ามา มองข้ามไป เห็นผู้หญิงคนหนึ่งสวมเสื้อโค้ทสีดำขึ้นมา มือคู่นั้นถือดอกลิลลี่สีขาว
หน้าตาเธอสวยมาก แต่ว่าอาจจะมาทำความสะอาดหลุมศพของญาติ เงยหน้าขึ้นมาตามปกติ แต่รูปร่างหน้าตาที่งดงามเช่นเดียวกับภาพแต่ก่อน ผมยาว คิ้วเรียวบางสีน้ำตาลราวกับต้นหลิว ดางตาคู่นั้นราวกับภาพนิ่งในฤดูใบไม้ร่วงอย่างชัดเจน ริมฝีปากซีดค่อนข้างโดดเด่น แต่ละคนล้วนถูกสะกด ความเศร้าในนัยน์ตาฉายเด่นชัดบนใบหน้า ชวนให้อยากปกป้องดูแล ร่างนี้สูงประมาณหนึ่งเมตรเจ็ดสิบเซนติเมตร สูงกว่าเจียชวงซู่เล็กน้อย ท่าทางอ่อนโยน เอวและสะโพกที่แกว่งยามเดิน
สง่างาม มีเสน่ห์ยากจะยับยั้งใจได้
เจียงซิ่วเคยเห็นเธอ ชาติที่แล้วเคยพบเด็กหญิงที่พกพาความเศร้าแทรกซึมอยู่ทุกอณูอย่างเนิบช้า ผู้ที่มาคือจัวอวี่เฉิน ระดับที่เหนือกว่า เธอทำให้เจียงซิ่วรู้สึกว่าเหมือนกับเฉิงหลิงหรานเมื่อชาติที่แล้ว อาจจะเป็นเธอก็ได้ จัวอวี่เฉินกับเฉิงหลิงหรานอายุมากกว่าเขา ให้ความรู้สึกว่าเป็นผู้หญิงนิสัยอบอุ่นที่คุ้นเคย ทำให้ในใจที่โดดเดี่ยวอ้างว้างเจียงซิ่วได้รับการปลอบโยน
เธอเห็นเจียงซิ่วกับแม่ก็ตะลึงงัน ดวงตาคู่นั้นเป็นประกายแปลกๆ น้ำเสียงแฝงไปด้วยความประหลาดใจ “ทั้งสองท่านคือ?”
หลินเย่หลิงพูด “เธอคือ?”
เธอพูดว่า “ฉันคือจัวอวี่เฉิน”
หลินเย่หลิงใช้สายตาคู่หนึ่งมองเธอขึ้นลงหัวจรดเท้า แสดงอารมณ์ออกทางสีหน้าแล้วพูด “โตจนป่านนี้แล้วหรือ ฉันคือป้าเย่หลิงของเธอ ตอนยังเล็กฉันยังเคยพาเธอ…..”
จัวอวี่เฉินพูด “ป้าหลินเย่หลิง?”
หลินเย่หลิงพยักหน้า
เธอนำดอกไม้สดวางไว้ที่หน้าหลุมศพของพ่อแม่แล้วพูดว่า “ขอบคุณที่คุณมาหาพ่อแม่ของหนู!”
จนถึงขณะนี้ เจียงซิ่วเพิ่งจะรู้ว่า นี่คือหลุมศพของพ่อแม่จัวอวี่เฉิน ที่แท้ชีวิตของเธอคาดไม่ถึงว่าจะน่าสงสารเช่นนี้ ไม่คิดว่าจะเป็นเด็กกำพร้าคนหนึ่ง นึกย้อนกลับไปชาติที่แล้ว เธอยืนหน้าหลุมศพพ่อแม่ ร้องจนไม่มีเสียงร้องไห้ออกมา เดิมทีก็มีอารมณ์อ่อนไหว เวลานั้น เธอต้องรู้สึกเชื่อมโยงกับชีวิตของตนเองอย่างแน่นอน
แต่ว่า วันนี้ได้พบเจอโดยบังเอิญ ตั้งแต่ต้นจนจบจัวอวี่เฉินไม่ได้เงยหน้ามองเจียงซิ่วเลยสักครั้ง
นี่ทำให้เจียงซิ่วเสียความมั่นใจเล็กน้อย ชาติที่แล้วไม่มีกำลังปกป้องตัวเอง เธอกลับดูแลฉันอย่างดี ชาตินี้เป็นราชาแห่งโลก เธอกลับไม่สนใจฉัน เฉิงหลิงหรานเป็นเช่นนี้ จัวอวี่เฉินก็เป็นเช่นนี้ ผิดจากชาติที่แล้วของเฉิงหลิงซูที่ไม่ไยดีตัวเองกลับต้องมาพัวพันกับเขา
หลินเย่หลิงจ้องมองจัวอวี่เฉินอยู่ตลอด “หลายปีที่ผ่านมานี้เธอสบายดีรึเปล่า?”
จัวอวี่เฉินพูด “สบายดีค่ะ คุณปู่คุณย่า คุณพ่อคุณแม่…พวกเขาดีต่อหนู….เลี้ยงดูหนู ส่งเสริมหนู ตอนนี้หนูสามารถอยู่ได้ด้วยตัวคนเดียวแล้วค่ะ”
หลินเย่หลิงใช้สายตาคู่นั้นมองเธอ การแสดงออกของเธอไม่ได้ตกใจ ดังพระจันทร์ยามสารทฤดูในหูผิง สายตาเธอราวกับมองทะลุเข้ามาในใจ หลินเย่หลิงก็ออกมาจากตระกูลใหญ่ที่ร่ำรวยและมีอำนาจ อาจจะมีความแตกต่างระหว่างความสัมพันธ์ในครอบครัวที่เติบโตกับครอบครัวที่เกิด แต่สภาพแวดล้อมเหมือนกันมาก ไม่มีพ่อแม่ผู้ให้กำเนิดแล้ว จะเติบโตอย่างมีความสุขเหมือนเด็กคนอื่นๆได้อย่างไร
คิดถึงเพื่อนเก่าทั้งสองที่จากไป เหลือไว้พียงแค่เด็กกำพร้าคนหนึ่ง พลันน้ำตาไหลรื้นขึ้นมา “เมื่อก่อนฉันได้ยินว่าเธอไปต่างประเทศเพื่อเรียนวิทยาศาสตร์การแพทย์ แล้วมาทำธุรกิจได้ยังไง?”
พ่อแม่ของจัวอวี่เฉินประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์ แม้ว่าจะถึงมือหมอก็ไม่ทัน ตอนนั้นตระกูลจัวคิดว่ากับหมอใช้ไม่ได้ จัวอวี่เฉินจึงมีความคิดอยากเรียนแพทย์ ไม่รู้ว่าทำไมภายหลังถึงมาทำธุรกิจไม่ได้เป็นแพทย์แล้ว
จัวอวี่เฉินพูด “สภาพจิตใจไม่ค่อยดี ไม่เหมาะเป็นแพทย์”
“โอ!”
หลินเย่หลิงพยักหน้า “ทำธุรกิจก็ดี ตอนนี้เป็นยุคที่ถูกครอบคลุมด้วยเศรษฐกิจ ทุกคนร่วมกันเพื่อพัฒนาเศรษฐกิจก็ถือว่าเหมาะสม”
“ในยี่สิบปีมานี้ป้าไม่ได้กลับมา ดังนั้นจึงไม่ได้ไปเยี่ยมหนูที่ตระกูลจัว หนูอย่าจดจำว่าว่าป้าไม่ดีนะ”
จัวอวี่เฉินตกใจอย่างมาก “คุณป้าอย่าพูดอะไรอีกเลย”
เพียงแค่ได้ยิน ความสัมพันธ์ของหลินเย่หลิงกับพ่อแม่ก็ไม่เลว คิดไม่ถึงว่าเธอจะโทษตัวเอง ทำให้เธอตกใจมาก ดูท่าแล้ว ปีนั้นหลินเย่หลิงกับพ่อแม่มีความสัมพันธ์ไม่ธรรมดา
กลับกัน เธอคิดว่า มีรู้ว่าเพราะข่าวลือการแต่งงานเชื่อมสัมพันธ์ของตัวเองกับลูกชายของเธอหรือไม่ พูดถึงเรื่องนี้ เธอถึงรับรู้การมีตัวตนของวัยรุ่นคนที่อยู่ข้างกายหลินเย่หลิง ถ้าไม่เกิดอบัติเหตุก็ควรจะเป็นข่าวลือที่ว่าเธอต้องยอมรับการแต่งงานกับเจียงซิ่ว เธอไม่แม้แต่จะมองเขาสักนิด เพราะว่าเธอไม่ได้วางแผนยอมรับการแต่งงานนี้
หลิวซ่วนจือสัญญากับเธอแล้ว ว่าจะแก้ปัญหานี้
ขาดความเชื่อมั่นในตระกูลเจียง จัวอวี่เฉินก็ไม่เชื่อมั่น โดยเฉพาะเป็นหลินเย่หลิงมาทำความสะอาดในเทศกาลตรุษจีนได้ ภายใต้มิตรภาพนี้ หัวใจของเธอว่างเปล่าขึ้นเรื่อยๆ
หลินเย่หลิงคิดไม่ถึงว่าจะพบจัวอวี่เฉินโดยบังเอิญตอนที่เธอมาทำความสะอาดหลุมศพในเทศกาลตรุษจีน เดิมทีมาด้วยความละอายใจ อยากพาเจียงซิ่วมาขออโหสิกรรม จากนั้นปล่อยเรื่องนี้ให้กลืนไปกับอดีต
“ลูกสาว ป้าไม่ว่างอยู่ที่นี่แล้ว หนูกับพ่อแม่ของหนูค่อยคุยก็แล้วกัน” ที่นี่ไม่เหมาะจะคุยกันนานๆ
จัวอวี่เฉินโค้งตัวให้หลินเย่หลิง “ขอบคุณค่ะคุณป้า”
หลินเย่หลิงพาเจียงซิวเดินกลับไปแล้ว จัวอวี่เฉินหันกายมองดูพวกเขาจากไป หลินเย่หลิงเป็นคนส่วนน้อยที่ยังคงจดจำพ่อแม่ของเธอได้ นี่ทำให้ใจเธอเต็มไปด้วยความรู้สึก แต่ในเวลานี้ เจียงซิ่วหมุนตัวกลับไป จัวอวี่เฉินถูกทำให้ตกใจครั้งหนึ่ง คิดไม่ถึงว่าแอบมองแล้วจะถูกจับได้ เจียงซิ่วพูด “พี่อวี่เฉิน ภายหลังถ้าพบปัญหาที่ตัวเองจัดการไม่ได้ ครอบครัวก็ช่วยเหลือไม่ได้ พี่สามารถมาหาฉันได้นะ “
คำพูดของเทพเจียงคำนี้แสดงออกถึงความจริงใจ ชาตินี้ไร้การตัดสัมพันธ์ ความเมตตาในชาติก่อนกลับไม่ลืม และเจียงซิ่วในวันนี้เวลานี้ เขาก็กล้าที่จะโอ้อวดเช่นนี้
จัวอวี่เฉินยิ้มบางๆ เวลาที่เธอไม่ยิ้ม แลดูเหน็ดเหนื่อยแฝงความโศกเศร้า หนึ่งยิ้มนี้ความเศร้าพลันมลายหายไป ช่างเหมือนดอกไม้บานที่เติบโตกลางทะเลทรายชวนให้ตื่นเต้น
“ขอบคุณ…..”