Girl, I’ll Teach You Cultivation – ฉันจะสอนเธอบ่มเพาะเอง - ตอนที่ 309
บทที่ 309
กลับตระกูลหลินอีกครั้ง
แม่ลูกทั้งสองคนลงจากภูเขาเป่าอวิ๋น นั่งรถกลับเข้าเมือง หลินเย่หลิงถอนหายใจเฮือกหนึ่ง สายตาของเธอจ้องมองผ่านหน้าต่างรถ มองย้อนกลับไปยังภูเขาเป่าอวิ๋น ในใจเต็มไปด้วยความละอายใจ เต็มไปด้วยความลำบากใจ
ปีนั้นความดูแลเอาใจใส่ของคู่สามีภรรยาที่มีต่อเธอในอดีต และการแต่งงานของเธอกับเจียงหยี่ มีแค่พวกเขาสองคนที่สนับสนุน เจียงหยี่สามารถไปดำรงตำแหน่งที่เจียงหนานได้ และยังพยายามทุกวิถีทาง ดูแลรักษาเด็กกำพร้าคนหนึ่งบนโลกใบนี้ หลินเย่หลิงได้ยินว่าในเวลาต่อมาอยากจะรับเธอมาดูแล แต่ว่า ในท้ายที่สุดเธอก็มีปู่กับย่า เธอเป็นคนนอกไม่ได้เป็นตัวหลัก
ตอนนี้เห็นเธอเป็นผู้ใหญ่แล้ว ถือว่าน่าพอใจมาก แต่ทว่า ความเศร้าโศกจางๆ บนร่างหญิงสาวคนนั้น ทำให้เธอสงสารจับใจ ถ้าไม่ใช่เพราะเจียงซิ่วรู้จักเฉิงหลิงซูก่อน เธอก็จะให้ลูกชายแต่งงานกับเธอแน่นอน นี่เป็นการปลอบใจที่ดีที่สุดของเพื่อนเก่าในฤดูใบไม้ผลิ
หลินเย่หลิงพูด “ไม่ทราบว่าเธออยู่ที่ตระกูลจัวสภาพแวดล้อมเป็นอย่างไรบ้าง?”
เจียงซิ่วพูด “แม่ แม่เเห็นใจเธอ?”
หลินเย่หลิงส่ายหัวแล้วพูด “ไม่ใช่ว่าเห็นอกเห็นใจ เป็นความละอายใจ เด็กน้อยที่สูญเสียพ่อแม่ อยู่ท่ามกลางคนที่ร่ำรวยและมีอำนาจ ลูกก็ควรอยากเป็นแบบนั้น เธอนะตั้งแต่เล็กจนโตก็ได้รับความอัปยศอดสูมามากแล้ว”
เจียงซิ่วแม้ว่าจะไม่ได้เติบโตมากับผู้ร่ำรวยและมีอำนาจ แต่เขาก็รู้ซึ้งถึงใบหน้าและริมฝีปากของผู้ร่ำรวยและมีอำนาจเหล่านั้นในหลายแง่มุม เจียงซิ่วล้วนรู้สึกว่าตัวเองกับจัวอวี่เฉินมีส่วนคล้ายกันบ้าง
“แม่ไม่สบายใจ ในกรณีที่ลูกกับอวี่เฉินยกเลิกสัญญาการแต่งงาน จะทำให้เธอที่อยู่ตระกูลจัวได้รับความลำบากยิ่งขึ้น” หลินเย่หลิงขมวดคิ้วมุ่น
นี่ไม่เป็นผลดีกับจัวอวี่เฉินและนี่ก็ไม่ใช่สิ่งที่เจียงซิ่วจะยอมเห็น
เจียงซิ่วพูด “งั้นจะทำยังไง?”
หลินเย่หลิงพูด “ลูกไม่ใช่ว่ามีหลายวิธีหรอ?”
เกิดใหม่อีกครั้งหนึ่ง เฉิงหลิงซูเป็นคนที่เธออยากให้แต่งงานด้วยมากที่สุด อันดับสองก็คือจัวอวี่เฉิน แต่เธอกลับเอนเอียงไปทางเฉิงหลิงซูมากกว่า หากทำตามวิธีการของเขา ค่อยๆห่างจากเฉิงหลิงซู จากนั้นก็แต่งกับจัวอวี่เฉิน ปัญหานั้นก็จะคลี่คลายอย่างรวดเร็ว แต่วิธีการนี้เทพเจียงสิบคนก็ไม่กล้าพูด เขาส่ายหัวแสดงท่าทางว่าตัวเองคิดวิธีการไม่ออก
หลินเย่หลิงพูดอย่างฉุนเฉียว “ปกติอะไรที่ทำไม่ได้ก็ทำได้ไม่ใช่หรอ?พอถึงเวลาสำคัญก็ลดห่วงโซ่ความสัมพันธ์ลงสิ”
“แม่ครับ อธิบายเหตุผลได้ไหม?”
“ไม่ได้!”
ไม่ว่าผู้หาผลประโยชน์หรือผู้ถูกกดขี่ล้วนตกที่นั่งลำบากเช่นกัน เจียงซิ่วก็ตกอยู่ในสภาพเช่นนี้เช่นกัน พอกลับถึงบ้าน หลินเย่หลิงเริ่มลงมือเตรียมอาหารกลางวัน เฉิงหลิงซูที่ตื่นอยู่ก่อนแล้ว หยิบสมุดบันทึกไปศึกษาแนวโน้มทางการเงิน
หลินเย่หลิงไม่เห็นเจียงหยี่จึงถาม “ซูซู่, พ่อของหนูล่ะ?”
เฉืงหลิงซูพูด “หนูตื่นขึ้นมาก็ไม่เจอแล้วค่ะ หนูยังนึกว่าออกไปกับพวกแม่ซะอีกนะ”
“เสี่ยวซิ่ว โทรหาพ่อของลูกที”
“ไปหาที่เล่นหมากรุกแหละ พอถึงเวลากินข้าวค่อยเรียกเขาละกัน” เจียงซิ่วยังพูดไม่จบ เจียงหยี่ก็กลับมาแล้ว หดหู่ใจเล็กน้อย เขาถูกเจียงซิ่วพูดใส่ว่าให้ออกไปหาคนเล่นหมากรุก แต่วนหารอบหนึ่ง ก็ไม่พบใครที่สามารถเล่นหมากรุกได้ และก็ไม่คิดว่าใครจะแปลกขนาดที่ไปสวนสาธารณะเพื่อเล่นหมากรุกในเทศกาลตรุษจีน
เจียงหยี่พูด “ก็อยู่ที่นี่น่าเบื่อนี่”
หลินเย่หลิงพูดอย่างอารมณ์ไม่ดี “หรือว่าคุณอยากกลับเจียงหนาน?”
ที่เจียงหนานทางนั้นมีเพื่อนร่วมงาน มีเพื่อนเล่นหมากรุก ที่สำคัญที่สุดคือหลีกเลี่ยงที่จะไปบ้านตระกูลหลินในวันพรุ่งนี้ เจียงซิ่วก็โน้มน้าวตระกูลหลิน แต่คนตระกูลหลินยังมีอคติต่อเขาเสมอ ไปแล้วทำอะไรก็ไม่มีประโยชน์
เจียงหยี่พูด “นี่ไม่ใช่ว่าคุณถามตัวเองหรอกหรอ?”
หลินเย่หลิงมองดูเขาด้วยสายตาว่างเปล่าแวบหนึ่ง ในใจกลับชัดเจน ที่ยากที่สุดคือสามีของตัวเอง จึงพูดว่า “อยากกลับก็กลับเถอะ เอาอย่างนี้ไหม ซูซู่หนูกับพ่อกลับเจียงหนานไปด้วยกัน วันนี้ก็วันที่สามแล้ว หนูยังไม่กลับไปหาครอบครัวเลย”
เฉิงหลิงซูประหลาดใจ ตามแผนเดิม พวกเขาจะอยู่ห้าวันถึงจะกลับ ไม่เข้าใจที่เจียงซิ่วมองมา เจียงซิ่วมองข้ามเธออย่างเนียนๆ
“อือ!”
เฉิงหลิงซูไม่เข้าใจแต่ยังฉลาดพอจึงตอบรับคำหนึ่ง
“ให้คนเตรียมเครื่องบินเถอะ”
ในใจของเจียงซิ่วเป็นเหมือนกระจก ให้เฉิงหลิงซูกลับไป ก็วางใจเรื่องจัวอวี่เฉินจะล่วงรู้เข้าหูเธอ กลัวว่าลูกสะใภ้คนนี้จะไม่มีความสุข หลินเย่หลิงกลับไม่รู้ว่าเฉิงหลิงซูเดิมทีก็ไม่สนใจเรื่องนี้เลย เพราะว่า เดิมทีเธอไม่มีสิ่งใดที่ทำให้ไม่มีความสุขเลย
วันที่สี่ หลินเย่หลิงตื่นนอนเช้ามาก ซื้ออาหารเช้าให้เจียงซิ่วเสร็จแล้ว ตัวเองจึงเริ่มแต่งตัวให้สวยงาม กังวลเล็กน้อยเมื่อสวมใส่อัญมณีมูลค่าร้อยล้านยูโร จะใส่อีกครั้งก็มีร่องรอยมากเกินไป ไม่มีทางเลือก ท้ายที่สุดก็ตัดสินใจไม่ใส่
เสียงโทรศัพท์ดังเวลาเก้านาฬิกาสามสิบนาที เป็นคุณป้าหวังเจียหลีของหลินเจ๋อคังโทรมาเร่งรัดพวกเขา พูดว่ารถถูกส่งไปรับแล้ว
หลินเย่หลิงเคาะประตูห้องเจียงซิ่ว ยืนรอเขาออกมา ไปเป็นแขกบ้านตระกูลหลิน
เปิดประตูออกมาก็เห็น Mercedes s450 จอดอยู่ในนั้น เจียงซิ่วไม่ชินที่จะนั่งรถของตระกูลหลิน ค่อนข้างชอบให้รถที่หวังซินตงจัดเตรียมมารับเขามากกว่า รถของตัวเองนั่งไม่สบาย รถยุโรปของตระกูลหลิน เขาก็ยังไม่คุ้นเคย
เมื่ออยู่บนถนนผ่านลานบ้านหลังหนึ่ง เธอพูดว่า “ข้างในก็คือตระกูลจัว ตอนแม่ยังเด็ก แม่ชอบวิ่งไปทางนั้นบ่อยๆ”
ตระกูลหลินกับตระกูลจัวสองครอบครัวเป็นมิตรกันมานาน แต่ว่าหลายปีมานี้ ความสัมพันธ์ห่างเหินเล็กน้อย ไม่ได้เจตนาห่างเหินกัน แล้วก็ไม่ใช่เหตุผลอื่นใด นั่นก็คือคนในตอนนี้ไม่ได้สัมผัสกับความยากลำบากเหมือนแต่ก่อนแล้ว
“ไม่รู้ว่าวันนี้ตระกูลจัวจะมาเป็นแขกรึเปล่า”
เจียงซิ่วพูด “แม่ก็ยังอยากจะไป?”
พูดตามตรง ที่หลินเย่หลิงกลับมา ไม่ใช่เพราะกลับในโอกาสช่วงปีใหม่ แต่เป็นเพราะเรื่องของจัวอวี่เฉิน เรื่องก็ผ่านไปแล้วทำให้คนเกิดความคิดถึง เธอยังส่ายหัวไปมา
หลินเจ๋อคังและภรรยาต้อนรับที่ประตู นอกจากนั้นก็มีอีกหลายคนในระยะร้อยเมตรรออยู่ ไม่กี่อึดใจ ก็ตะโกนขึ้นมาอย่างมีความสุข “มาแล้ว รถมาแล้ว”
หลินเจ๋อคังได้ยินก็ออกจากห้องมา
นึกย้อนกลับไปสองสามวันก่อน การเปลี่ยนแปลงนี้ช่างแตกต่างกันโดยสิ้นเชิง พอรถจอดสนิทแล้ว หลินเสี่ยวเข่อกระโดดโลดเต้นมาเปิดประตูให้หลินเย่หลิง พูดเสียงหวาน “อาหญิง พี่ชาย(ลูกพี่ลูกน้อง) พวกคุณมาแล้ว….”
เห็นคนบนรถลงมามีสองคน ตระกูลหลินก็ไม่คิดอะไรมาก ที่สำคัญที่สุดคือสองคนนี้มาก็ดีแล้ว
“น้องเล็ก!”
ดูแล้ว การเรียกขานก็เปลี่ยนไป
“เย่หลิง เมื่อเช้าหลานชายก็เอาแต่พูดว่าเมื่อไหร่พวกเธอจะมาสักที รีบเข้ามาข้างในเถอะ…..” พี่น้องตระกูลหลินทำตัวใกล้ชิดกับหลินเย่หลิง แต่กลับไม่กล้าอยู่หน้าเจียงซิ่วโดยพลการ ไม่กล้าพูดด้วย ใครจะรู้ดีไม่ดีอาจจะเป็นอุปสรรคก็ได้
เข้ามาข้างใน กองไฟที่คุกกรุ่นทำให้อุ่นดีทีเดียว งานเลี้ยงจัดเรียบร้อยแล้ว ตาเฒ่าหลินกับยายเฒ่าหลินนั่งบนเก้าอี้*ไท่ซือที่อยู่ด้านใน
*ตำแหน่งสูงสุดของขุนนางฝ่ายทหารในยุคราชวงศ์ฮั่น สามารถพิพากษาให้รางวัล หรือลงโทษขุนนางฝ่ายทหารทั้งประเทศ นอกจากนี้องค์จักรพรรดิยังถือเป็นที่ปรึกษาสูงสุดของกิจการกองทัพ
ตาเฒ่าหลินเห็นคนมาแล้ว ก็ลุกขึ้น ยิ้มกว้างอย่างที่ไม่เคยเห็นมาก่อน “เย่หลิงมาแล้ว!”
เร่งตั้งแต่เช้า นึกว่าจะมาไม่ได้ซะแล้ว
“เร็ว ทานของอุ่นๆสักหน่อย วันนี้ค่อนข้างเย็น ท้องว่างไม่กินอะไรมือเท้าจะแข็งเอา”
ห้องครัวทำเกี๊ยวมาแล้ว
“เป็นไส้เนื้อกระเทียมที่เธอชอบทานนะ”
ตาเฒ่าหลินไปดึงยายเฒ่าหลิน ยายเฒ่าหลินจึงข้ามมาอย่างไม่เต็มใจ มาด้านหน้าเจียงซิ่ว “เย่หลิน เรื่องราวในอดีด เป็นพวกเราที่ผิด ยี่สิบปีผ่านไปแล้ว เธออภัยให้พวกเราเถอะนะ”
นี่ถือว่าเป็นการขอโทษแล้ว
เป็นการปิดเรื่องราวทั้งหมด พวกเขาเปิดใจ แต่ว่าคำพูดที่ไม่เจ็บไม่คันประโยคนั้นยิ่งดูออกว่าเป็นแค่การแสดง ไร้ความจริงใจสิ้นดี
“พ่อ,แม่…….”
หลินเย่หลิงกลับพูดอะไรไม่ออก เพื่อผลประโยชน์ของตัวเอง แม้แต่ลูกสาวทั้งคนก็ไม่ต้องการ วันนี้เพื่อผลประโยชน์จึงให้ลูกสาวกลับบ้าน หลินเย่หลิงรู้สึกโศกเศร้าไม่รู้จบและยังทำอะไรไม่ถูก
“ดีแล้ว ฟ้าหลังฝนสดใสเสมอ”
หลานชายสองสามคนดีใจพลางเช็ดน้ำตา ความเข้าใจผิดครั้งใหญ่คลี่คลายแล้ว รอยร้าวได้กลับมาประสานกันดังเดิม
“จุดประทัด จุดประทัด…..”
เสียงจุดประทัดดังกึกก้อง ทุกคนล้วนอุดหู บรรยากาศของเทศกาลรื่นเริงขึ้นมา ความซึมเศร้าในจิตใจ ความทุกข์ ถูกเสียงประทัดขับไล่ออกจากใจแล้ว
หลินเย่หลิงพูด “พ่อ แม่ มารอบนี้ หนูอยากปรึกษาพวกท่านสักหน่อย เกี่ยวกับเรื่องเจียงซิ่วกับจัวอวี่เฉิน”
ตาเฒ่าหลินพูด “คู่ของเสี่ยวซิ่วนั้นพวกเราเคยรู้จัก หน้าตาโดดเด่นดุจพรายน้ำ แต่ว่าครอบครัวธรรมดาไปหน่อย แต่เดิมก็ไม่คู่ควรกับเสี่ยวซิ่ว ตามที่ฉันว่าอย่างตรงไปตรงมา ให้เสี่ยวซิ่วพาสาวตระกูลจัวคนนั้นมา ตระกูลจัวคงช่วยได้”
คำพูดของผู้เฒ่าหลิน เจียงซิ่วขมวดคิ้วเป็นปม กล้าดียังไงมาทำตัวเป็นเจ้านายของเขา การแสดงออกนี้อยู่ในสายตาของตาเฒ่าหลิน เขาลนลานเพิ่มอีกประโยค “เธอมีความคิดเห็นอย่างไร?”
หลินเย่หลิงเกลียดการมองข้ามเพื่อผลประโยน์มาก เธอหวังว่าความรู้สึกเป็นไปอย่างบริสุทธิ์ใจ ยิ่งไปกว่านั้น ในตอนนี้เธอสนใจเฉินหลิงซูมาก “หย่าร้าง เป็นไปไม่ได้ เวลาพวกเรายังคิดหาทางดีๆไม่ออก”
ตาเฒ่าหลินพูด “ไม่หย่า นั่นก็แค่ถอนหมั้นกับตระกูลจัว” นี่เป็นเรื่องที่เขาไม่ยินยอมอย่างมาก เท่ากับดูถูกศักดิ์ศรีตระกูลหลิน แต่ว่า ต่อหน้าเจียงซิ่ว เขาไม่มีข้อต่อรองอะไรเลย
“ก็ไม่ดี!”
หลินเย่หลิงขมวดคิ้วมุ่น
“ทั้งไม่แต่งงาน ทั้งไม่ถอนหมั้น?” ตาเฒ่าหลินพูด “งั้นก็ยากแล้ว…..”