Girl, I’ll Teach You Cultivation – ฉันจะสอนเธอบ่มเพาะเอง - ตอนที่ 312
บทที่ 312
พบหน้า
จัวอี้เฉินกดมือถือที่พี่โยวหยิบออกมา ส่ายหน้ารัวเร็ว กล่าว “ฉันเคยเจอแม่ของเขา เธอเป็นคนที่ดีมาก ช่างมันเถอะ ตอนนี้เรื่องด่วนของพวกเราคือการตามหาเซี่ยวเสว่ถง เพื่อให้เธอเซ็นสัญญากับพวกเรา”
ทว่าเรื่องงานของพี่โยวกลับเป็นการรายงานความเป็นไปของจัวอี้เฉินให้กับหลิวต้าเซ่า โดยเฉพาะผู้ชายที่เข้ามาใกล้เธอ “ไม่ใช่หลิวต้าเซ่าบอกว่า เรื่องเซ็นสัญญาเซี่ยวเสว่ถงยกให้เขาทำแล้วหรือ? เรื่องที่หลิวต้าเซ่ารับปากเธอ มีครั้งไหนไหมที่เขาทำไม่สำเร็จ เธอวางใจได้แล้วน่า อย่างที่ฉันบอก เพียงแค่รอเซี่ยวเสว่ถงมารายงานตัว”
จัวอี้เฉินกล่าว “ฉันไม่อยากพึ่งพาเขาไปซะทุกเรื่อง”
พี่โยวกล่าว “มีผู้ชายคอยช่วยเหลือเธอไม่ดีหรือ? อย่าบอกนะว่าเธออยากให้ตัวเองลำบากขนาดนั้น? อี้เฉิน ทรานสคริปต์ก็แค่สิ่งที่คนอื่นมองเห็น ใครจะมาสนใจว่าเป็นสิ่งที่เธอทำเอง หรือว่าเธอใช้ทางลัด”
จัวอี้เฉินกล่าว “นี่ไม่เหมือนกัน ฉันไม่อยากพึ่งพาคนอื่น”
พี่โยวกล่าว “โอ้ย เธอนี่นะ ไม่รู้จักมีความสุขกับสิ่งที่ตัวเองมี เซี่ยวเสว่ถงจะดังขนาดนั้น บริษัทในวงการบันเทิงทั้งหมดล้วนแย่งชิงตัวเธอ สามบริษัทยักษ์ใหญ่ก็เริ่มลงมือแล้ว พวกเราจะทำให้เธอยอมเซ็นสัญญาด้วยได้ยังไง?”
จัวอี้เฉินกล่าว “ที่พี่พูดไง สู้เรื่องเงิน สู้เรื่องความจริงใจ สู้เรื่องทรัพยากร…”
“ต่อสู้ไม่ผิด แต่พวกเราไหนเลยจะสามารถต่อสู้ได้เหมือนสามบริษัทยักษ์ใหญ่?” ตอนนี้พี่โยวรู้สึกว่านักศึกษาสาวคนนี้ซื่อบื้อเกินไปแล้ว “ไม่มีหลิวต้าเซ่าออกหน้า โอกาสของพวกเราก็ใกล้เป็นศูนย์”
“เป็นครั้งสุดท้ายเถอะนะ หากครั้งหน้าพบเจอปัญหา พวกเราไม่ไปหาหลิวต้าเซ่าแล้ว”
จัวอี้เฉินกล่าว “ฉันอยากลองดูเองก่อน ไม่ใช่ดาราทุกคนที่จ้องแต่ทรัพยากรและเงิน พวกเขาย่อมต้องให้ความสำคัญกับความจริงใจ”
“พนักงาน ห้องเจิ้งคุณเบอร์ 23 ไปทางไหน?”
“อ้อ ทางนี้ครับ เลี้ยวซ้ายตลอดทาง ตรงไปเลี้ยวขวา จากนั้นก็จะเห็นป้ายแล้วครับ”
พนักงานชี้นิ้วบอกทิศทาง เป็นทิศทางที่เจอเจียงซิ่วพอดี จัวอี้เฉินกล่าว “ไม่บังเอิญขนาดนั้นหรอมั้ง เขาจะรู้ว่าฉันจะไปที่ไหนได้ยังไง?”
เรือนร่างและดวงหน้าของเซี่ยวเสว่ถงนับว่างามล่มบ้านล่มเมืองอย่างแท้จริง โดยเฉพาะคนงามที่เป็นศิลปินเทียบกับคนธรรมดาแล้วจะเข้าใจเรื่องการแต่งองค์ทรงเครื่องได้ดีกว่า ใบหน้าของเธอเฉิดฉาย เปล่งประกายงดงาม
กระทั่งในสายตาจอมเรื่องมากอย่างเจียงซิ่ว ก็ยังคิดว่านางเป็นสุดยอดหญิงงามผู้หนึ่ง
“คุณชายเจียง ทางนี้ค่ะ…”
เจียงซิ่วนั่งลงตรงข้ามเธอ ในดวงตาเซี่ยวเสว่ถงที่ให้รู้สึกยิ้มแย้มนั้นมองประเมินเจียงซิ่วอย่างสงสัย เธอส่งรายการอาหารให้เจียงซื่ว “ทำไม หน้าของฉันแก่แล้วหรือไง?”
เซี่ยวเสว่ถงส่ายหน้าอย่างแรง “ทำไมตอนนี้คุณดูธรรมดาขนาดนี้ละ เทียบกับตอนที่ทุบตีคน ก็หล่อเหลาเหนือมนุษย์นี่นา”
“ฮ่า…”
เจียงซิ่วพบว่าซุปเปอร์สตาร์ท่านนี้ไม่เพียงช่างนินทา แต่ยังไร้เดียงสามากอีกด้วย “เธอชอบมองฉันที่ธรรมดา หรือว่าชอบฉันแบบหล่อล่ะ”
“แน่นอนว่าต้องชอบมองหนุ่มหล่อ ใบหน้าของน้องสาวคนนี้ก็บ่งบอกแต่แรกแล้ว”
เจียงซิ่วหัวเราะ กล่าว “บังเอิญจริง ฉันก็ชอบมองคนงาม”
วันนี้เซียวเสว่ถงสวมชุดไหมพรมขนแกะสีชมพู ทำให้ดูเป็นคนน่ารักและไร้เดียงสา ทรวดทรงองค์เอวของเธอยิ่งดูเย้ายวนใจ ถึงแม้ว่าหญิงสาวจะยังดูเติบโตไม่เต็มที่อยู่บ้าง แต่แน่นอนว่าจะยิ่งยืดตรง ก็ยิ่งยืดหยุ่น
สายตาที่จดจ้องอย่างร้อนแรงไปที่หน้าอกของเซี่ยวเสว่ถง ใบหน้างามก็ค่อยๆ แดงระเรื่อขึ้น ถดกายถอยไปด้านหลังโดยไม่รู้ตัว
“คุณยังไม่ได้บอกเลยนะ ว่าที่แท้แล้วแบบไหนเป็นตัวจริงของคุณ?”
เจียงซิ่วกล่าว “ทุกสิ่งล้วนคือฉัน แบบหนึ่งเป็นโหมดธรรมดา อีกแบบเป็นการเปิดเผยร่างเทพ”
เซี่ยวเสว่ถงกล่าว “ถ้างั้น คุณเปลี่ยนร่างให้ฉันดูได้ไหม?”
เจียงซิ่วกล่าว “ถ้าเธอพูดแบบนี้อีก ฉันจะตะโกนว่าเธอล่วงเกินฉันแล้วนะ”
เซี่ยวเสว่ถงหัวเราะร่าออกมา เสน่ห์เย้ายวนสาดประกายผ่านนัยน์ตาของเขา กล่าวอย่างเง้างอนว่า “ขี้งก ด้วยความสัมพันธ์ของเราสองคน ยังจะปิดบังหลบซ่อนกันอีก น่าเบื่อจริงเชียว”
เจียงซิ่วกล่าว “ฉันคงไม่อาจมั่นใจกับปีศาจราคะไม่รู้จักพอได้หรอก ใครจะรู้ว่าเธอจะทำเรื่องเลยเถิดอะไรขึ้น”
เซี่ยวเสว่ถงหัวเราะคิกคักอย่างน่ารักไม่หยุด ปิดหน้ากุมท้องจนแทบจะขาดใจแล้ว
“ที่จริงแล้วฉันเป็นผู้หญิง หรือคุณเป็นผู้หญิงกันนะ?”
เจียงซิ่วกล่าว “แน่นอนว่าเธอเป็นผู้หญิง เพียงแต่ผู้หญิงถ้าเกิดราคะขึ้นมา เช่นนั้นก็ไม่ใช่เรื่องของผู้ชายแล้ว อย่างเช่นเซี่ยจี อย่างเช่นหยูสวนจี…”
เซี่ยวเสว่ถง “ดีจริง คาดไม่ถึงว่าจะว่ากล้าบอกว่าฉันหื่นกาม…”
มือข้างที่ถือรายการอาหารส่งให้เจียงซิ่วยกขึ้นจะตีเขา เจียงซิ่วเห็นเข้าก็รีบเอ่ยว่า “อย่าตี อย่าตี ฉันแค่พูดไปอย่างนั้น พวกเราสุภาพชนใช้คารมไม่ใช้กำปั้น…”
เซี่ยวเสว่ถงพลันตีเจียงซิวไปสองที เขายังร่วมส่งเสียงร้องสะเทือนขวัญออกมาสองเสียง เซี่ยวเสว่ถงส่งเมนูคืนเจียงซิ่ว ทั้งยังกล่าวอย่างใจป้ำยิ่งนัก “อยากจะทานอะไรก็สั่งมาให้หมด วันนี้ฉันเลี้ยงเอง ถึงแม้ฉันจะไม่ได้ร่ำรวยล้นเหลืออย่างคุณ แต่ข้าวสักมื้อฉันยังสามารถเลี้ยงคุณได้นะ”
เจียงซิ่วกล่าว “หากคนนอบน้อม ย่อมต้องมีเรื่องร้องขอแล้ว ถ้าเธอไม่พูดออกมาให้ชัดเจน ฉันก็ไม่กล้ากิน”
เซี่ยวเสว่ถงกล่าว “น่าเบื่อ น่าเบื่อจริงๆ”
“ฉันเป็นแม่ค้าหน้าเลือดขนาดนั้นเลย?”
สายตาของเจียงซิ่วมองตรงไปที่เซี่ยวเสว่ถงอย่างชัดเจนราวกับน้ำใสกระจ่าง สายตานั้นสงบนิ่งยิ่งนัก ราวกับสามารถพุ่งตรงเข้าไปถึงก้นบึ้งในใจเธอ นี่คือเด็กสาวบริสุทธิ์ไร้ราคีคนหนึ่ง “ใช่!”
เซี่ยวเสว่ถงโกรธจนแทบกระอักเลือด “นายคิดอยู่ตั้งนานกลับยกข้ออ้างที่ไม่สมเหตุสมผลออกมาแค่นี้เองหรือ”
“สั่งอาหารของนายเถอะ”
เจียงซิ่วกลับส่ายหน้า “ฉันไม่กล้า!”
เซี่ยวเสว่ถงยิ้มอย่างข่มกลั้น นายท่านผู้นี้เหลือเกินจริงๆ เธอลดเสียงของตนลงกล่าวว่า “งั้นนายต้องการอะไรละ?”
เจียงซิ่วกล่าว “ฉันเลี้ยงเอง!”
เซี่ยวเสว่ถงกล่าว “หากคนนอบน้อม ย่อมต้องมีเรื่องร้องขอ นายไม่พูดออกมาให้ชัดเจน ฉันก็ไม่กล้ากิน” ดีจริง คำพูดที่เจียงซิ่วกล่าวเมื่อครู่ เธอย้อนกลับคืนไปอย่างไม่มีผิดเพี้ยน
เจียงซิ่วยื่นมือออกมาหยิบถั่วลิสงบนโต๊ะใส่ปากเคี้ยวแล้วกล่าว “ฉันอยากให้เธอยินยอมเซ็นสัญญากับบริษัทเล็กๆ ของฉัน”
เซี่ยวเสว่ถงกล่าวอย่างตกใจ “ห๊ะ?”
“ทำไม? ไม่ได้หรือ?”
เจียงซิ่วไม่เคยคิดว่าเซี่ยวเสว่ถงจะปฏิเสธ แน่นอนว่าทุกคนย่อมมีความทะเยอทะยานของตน แม้จะบอกว่าตัวเขาช่วยเหลือเธอไม่น้อย แต่หากเธอไม่ตกลง แล้วจะทำอะไรได้อีกเล่า
เซี่ยวเสว่ถงกล่าว “ไม่ใช่ยังงั้น เพียงแต่ฉันรับปากคนอื่นไปแล้วว่าจะเซ็นสัญญากับบริษัทที่เขาแนะนำ แต่ในเมื่อคุณชายเจียงออกปากมาแล้ว แน่นอนว่าฉันยอมขายหน้าให้ได้ ใครใช้ให้คุณหล่อขนาดนั้นกันละ”
เจียงซิ่วกล่าว “ไม่จำเป็นต้องลำบากนะ”
เขาไม่ชอบทำให้ศัตรูอับอาย อย่างไรก็ไม่เคยทำให้เพื่อนลำบาก เขาไม่ใช่คนที่นำพาปัญหามาให้กับเพื่อน เพราะว่าโศกนาฎกรรมตั้งแต่เด็ก ขาดความรักจากพ่อ โตมาถึงได้สัมผัสความอบอุ่นของผู้คน อาจพูดได้ว่าเขาโดดเดี่ยวลำเข็ญ ดังนั้นเขาจึงให้ความสำคัญกับมิตรสหายเป็นอย่างมาก กล่าวไปแล้วก็อาจจะไม่มีใครเชื่อว่าคนอย่างเขาจะเห็นเพื่อนสำคัญ!?
เซี่ยวเสว่ถงกล่าว “ไม่ลำบากหรอก ในเมื่อยังไม่ได้เซ็นสัญญาเลย”
เจียงซิ่วกล่าว “เธอไม่ถามดูละว่าบริษัทไหน?”
เซี่ยวเสว่ถงกล่าว “คุณช่วยให้ฉันได้เป็นพรีเซ็นเตอร์ของ RV ตั้งแต่ตอนนั้น ฉันก็มีมูลค่าสูงขึ้นเป็นสามเท่า ซุปเปอร์สตาร์แถวหน้าจำนวนมากยังไม่สูงเท่าฉันตอนนี้เลย ขอเพียงคงสถานะพรีเซ็นเตอร์ของ RV เอาไว้ ตำแหน่งของฉันก็ไม่มีวันสั่นคลอน”
เจียงซิ่วกล่าว “ชิงอวี่หยูเย่”
เซี่ยวเสว่ถงมองเขาอย่างเย็นชา “ฉันว่าแล้ว คุณยินดีออกมาพบฉันขนาดนี้ ที่แท้ก็มีจุดประสงค์ พนักงาน…” หยิบรายการอาหารมาสั่งอาหารตามใจชอบ ไวน์แดงขวดละหลายหมื่นจะต้องมาอยู่ในมือ
สำหรับเจียงซิ่วเรื่องเงินที่จริงแล้วก็เป็นเพียงสิ่งของนอกกายเท่านั้น แต่ก็ยังแสดงสีหน้าเจ็บปวด เพื่อให้เซี่ยวเสว่ถงรู้สึกดีอกดีใจสักหน่อย “พอเถอะ ไม่ต้องเสแสร้งแล้ว คนที่สามารถประมูลไข่มุกด้วยเงินนับล้านยูโร ยังจะมาแกล้งจนต่อหน้าฉันอีก”
เจียงซิ่วกล่าว “ฉันจนจริงๆ นะ!”
เวลานี้พลันเห็นผู้หญิงที่เข้ามาจากข้างนอกสองคน พนักงานรีบเร่งเข้ามาหยุดพวกเขา “คุณผู้หญิง คุณผู้หญิง หองนี้เป็นห้องของแขกพิเศษของพวกเรา คนนอกไม่สามารถเข้าไปได้ค่ะ”
จั่วอี้เฉินมองเห็นเซี่ยวเสว่ถงแล้ว แต่เธอไม่สนว่ากฎคืออะไรระเบียบคืออะไรแล้ว เวลานี้คือช่วงเวลาที่ต้องสู้เพื่อความอยู่รอด “คุณเซี่ยวคะ พอมีเวลาให้พวกเขาสักห้านาทีไหมคะ แค่ห้านาทีเท่านั้น”
เซี่ยวเสว่ถงหุบยิ้มยินดีบนใบหน้างามของนาง “ขออภัย ตอนนี้ฉันอยู่กับเพื่อน มีเรื่องอะไรพวกเราค่อยคุยกันครั้งหน้าเถอะ”
จัวอี้เฉินมองไปทางผู้ชายที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้าม เกิดมึนงงอย่างอดไม่ได้ คาดไม่ถึงว่าเป็นเจียงซิ่วที่นั่งอยู่ตรงข้ามเซี่ยวเสว่ถง ร้องอย่างตกใจ “เป็นคุณ!”
เซี่ยวเสว่ถงกล่าว “ที่แท้พวกคุณก็รู้จักกันสินะ”
เจียงซิ่วกล่าว “แนะนำตัวให้คุณสักหน่อย ท่านนี้คือจัวอี้เฉิน เจ้าของชิงอวี่หยูเย่ พ่อแม่ของพวกเรามีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกันมาก อาจเรียกได้ว่าคบหากันมาหลายชั่วอายุคนแล้ว”
“คุณจั่ว เฉิน เชิญนั่ง!”
จัวอี้เฉินมองเจียงซิ่ว พลางยิ้มแกมขอโทษต่อเจียงซิ่ว เป็นเธอที่เข้าใจเขาผิดไป ที่แท้เขาก็มีเป้าหมายมาพบกับเซี่ยวเสว่ถง หลังจากนั่งลงข้างเจียงซิ่วแล้ว จึงกล่าวกับเซี่ยวเสว่ถงว่า “คุณเซี่ยว บริษัทของพวกเรามีความจริงใจอย่างแท้จริง ถึงแม้พวกเราจะไม่อาจเทียบกับบริษัทใหญ่ได้ แต่ในวงการพวกเราก็มีข้อได้เปรียบอยู่ นี่เป็นสัญญาเริ่มต้นที่พวกเรามีให้กับคุณ”