Girl, I’ll Teach You Cultivation – ฉันจะสอนเธอบ่มเพาะเอง - ตอนที่ 326
บทที่ 326
เมืองฮาร์บิ้น
ดังนั้นเจียงซิ่วจึงพูดตรงๆออกมาว่า “พี่หลิงหลาน ฉันผิดไปแล้ว”
เฉิงหลิงหลานกล่าวสวนว่า : “เป็นการดีที่ รู้ถึงความผิดพลาดของตัวเอง”
เจียงซิวกล่าวถามอีกว่า: “พี่สาว ฉันขอถามพี่หน่อยได้ไหม พี่โยนสร้อยคอนั้นไปที่ไหน?”
เฉิงหลิงหลานยิ้มขึ้นมาทันทีพร้อมกับตอบกลับเขาอย่างรวดเร็วว่า: “ฉันไม่บอกนายหรอก”
เจียงซิ่วคิดว่ารอยยิ้มของเธอนั้นดูแปลกๆ ไปหน่อย เฉิงหลิงหลานไม่ใช่คนเสแสร้งแต่อย่างใด ไม่มีเหตุผลที่เธอจะไม่ชอบของขวัญของเจียงซิ่วซื้อมา แม้ว่ามันจะจริงหรือปลอมก็ตาม เฉิงหลิงหลานยังกล่าวอีกว่า: “บุตรชายเข้าประตูบ้านเป็นครั้งแรกด้วยมือเปล่า ไม่เป็นไรหรอก ขอเพียงแค่คุณพอเท่านั้นก็เพียงพอแล้ว ซู่ๆก็เช่นกันดูไม่สมเหตุสมผลเอาซะเลย “
เดิมทีอาจเป็นเพราะฉันไม่ได้สนใจอะไรในตระกูลเฉิง ด้วยเหตุนี้เขาจึงต้องการจะสั่งสอนฉัน
เล็บที่นุ่มนวลนี้ยังคงทรงพลัง
เจียงซิวกล่าวว่า: “เธอโยนสร้อยเส้นนั้นทิ้งแล้ว จริง ๆ หรือ”
เฉิงหลิงหลานพูดพร้อมกับยิ้มว่า: “ใช่ฉันโยนมันทิ้งตรงถังขยะด้านนอก หรือว่าตอนนี้เธอจะวิ่งออกไปเก็บมันมาให้ฉันอย่างนั้นหรอ?”
เจียงซิวตอบกลับมาว่า: “เรื่องอะไรละ โยนทิ้งไปแล้วก็ทิ้งไปสิ”
เฉิงหลิงหลานจากที่ยิ้มอยู่ก็เริ่มเปลี่ยนสีหน้าพร้อมกับถอนหายใจและพูดว่า: “คนไม่มีความจริงใจ” พอพูดเสร็จเธอก็รีบเดินเข้าไปช่วยงานในห้องครัว เจียงซิ่วได้แต่ยืนมองด้านหลังของเธอด้วยความเป็นมิตร ในใจรู้สึกโล่งใจและดีใจ พร้อมกับคิดว่าผู้หญิงนี่จริงๆเลยนะ
เจียงซิ่วคิดว่าสำหรับความสัมพันธ์ของเฉินหลิงหลานและเขาอาจเป็นความสัมพันธ์แบบผู้ใหญ่ สามารถดูแลผู้อื่นและคนในครอบครัวได้ สำหรับซู่ๆแล้วเขาไม่สามารถทำสิ่งนี้ได้ หรือกล่าวได้เป็นอีกนัยหนึ่งได้ว่า เป็นผู้หญิงที่รักสบายนั่นเอง ในทางกลับกันทางเฉิงหลิงหลานสามารถทำทุกสิ่งที่กล่าวมาข้างต้นได้ทั้งหมด ดังนั้นเจียงซิ่วคิดว่าหากคนที่เขาแต่งงานเป็นเฉิงหลิงหลานไม่ใช่เฉินหลิงซู่ก็คงจะดีสินะ เพราะเธอจะสามารถดูแลเอาใจใส่เขาได้เป็นอย่างดีแน่นอน
ณ เมืองเจียงเฉิงอากาศตอนนี้ค่อนข้างอบอุ่น อีกทั้งยังมีแดดจัดเป็นบางส่วน มีหนึ่งครอบครัวหนึ่งกำลังพูดคุยกันอยู่ในสวนสาธารณะ
ดูเหมือนว่าคนในครอบครัวนี้รวมๆกันแล้วน่าจะมีประมาณเจ็ดคน แต่เสียงหัวเราะจากการสนทนานั้นราวกับสองครอบครัวกลับมาคืนดีกัน เพิ่มสมบัติให้แก่กันและพูดคุยถึงเรื่องราวที่ผ่านมาไม่จบไม่สิ้น
น่าสนุกมากๆ
เจียงซิ่วหวนคิดถึงช่วงเวลาที่แสนสุขในวัยเด็กของเขา แต่ว่ามีสิ่งหนึ่งที่ทำให้เขาเสียใจเป็นอย่างมาก นั้นก็คือ ถ้าหากคนที่เขาจะแต่งงานด้วยคือเฉิงหลิงหลานไม่ใช่เฉิงหลิงซู่ทั้งหมดก็คงจะสมบรูณ์แบบ
กินผลไม้กันเถอะ เฉิงหลิงหลานผู้ที่หั่นผลไม้พร้อมจัดใส่จานเดินเข้ามาเสิร์ฟให้คนที่กำลังนั่งคิดถึงอดีตอยู่
ให้นาย!
เฉิงหลิงซู่เอื้อมมือไปหยิบพร้อมกับยื่นให้เจียงซิ่ว เจียงซิ่วหยิบผลไม้มาพร้อมกับมองตาเธอ สายตานั้นแสดงเจตจำนงที่ชัดเจนมาก เธอคิดจะทำอะไรเนี่ย เฉินหลิงซู่ยิ้มด้วยความเอียงอายแสดงออกให้เห็นถึงความน่ารักและซุกซน นี่คือการแสร้งทำเป็นรักต่อหน้าผู้ใหญ่ใช่หรือไม่?
เธอดูแลเรื่องสุขอนามัยบ้างหรือเปล่า แล้วมือของเธอสะอาดมั้ย?
นิ้วมืออันขาวผ่องของเฉินหลิงซู่เมื่อต้องกับแสงอาทิตย์แล้วจะมีประกายระยิบระยับงดงามมาก เล็บก็คล้ายดั่งคริสตัลที่เปล่งประกาย เมื่อมีสาวงามมาหยิบให้ขนาดนี้ ถ้าเป็นคนอื่นคงมีความสุขจนเป็นบ้าไปแล้ว แล้วนายจะไม่ชอบงั้นหรอ
ปากก็พลั้งพูดออกไปแต่มือก็รับของมาไว้ในมือตนเองแล้ว
เฉินหลิงซู่ถอนหายใจแล้วพูดว่า “แบบนี้ค่อยอร่อยขึ้นมานิดหนึ่งใช่ไหม?”
“มือของฉันก็เหมือนกับเครื่องปรุงรสไง หยิบมาแล้วรสชาติก็เปลี่ยนเป็นดีขึ้น”
“พวกเธอทั้งสองคน นี่ยังเด็กจริงๆ……….”
เฉิงหลิงหลานนำผลไม้ไปให้กับผู้อาวุโสที่สุดในบ้าน เมื่อเธอมาอยู่ข้างๆ แม่ของเธอ เฉิงหลิงหลานก็พูดขึ้นมาว่า “แม่ แม่รู้สึกบ้างรึเปล่าว่า เสี่ยวซิ่วและซู่ๆดูแปลกๆ”
ซุนเสี่ยวหงรีบตอบกลับว่า “ทำไมละ?”
เฉิงหลิงหลานกล่าว “วัยรุ่นที่เขาคบกันหรือแม้แต่พึ่งจะแต่งงานกันใหม่ๆ จะต้องตัวติดกันทุกวันไม่ห่างไปไหน แต่เมื่อฉันเห็นเสี่ยวซิ่วและซู่ๆแล้วมันเหมือนไม่ใช่คู่รักแบบนั้นเลยนะสิ แม่ลองมองไปที่โต๊ะที่สองคนนั้นนั่งสิ ตรงกลางยังเว้นว่างไว้ให้คนนั่งได้เลยนะ ตั้งแต่เจอหน้ากันจนวันนี้แม้แต่การแสดงความรักยังไม่มีเลย”
ซุนเสี่ยวหงมองไปยังพวกเขาทั้งสอง เธอไม่คิดว่าเจียงซิ่วและเฉิงหลิงซู่นั้นจะมีปัญหากัน เพราะเจียงซิ่วในตอนนี้คือคนที่ล้ำค่า ควรหลีกเลี่ยงการทะเลาะ และยิ่งไปกว่านั้น เจียงซิ่วคือคนที่มีต่ำแหน่งสูงส่งและบารมีที่มากมายอีกด้วย
“คงไม่เป็นไรหรอก นิสัยของเสี่ยวซิ่วก็ค่อนข้างเย็นชาอยู่แล้ว แม้แต่ใบหน้าของเขายังเย็นชาไม่เคยเปลี่ยน เป็นคนไม่ค่อยแสดงออกทางด้านความรู้สึก”
เฉิงหลิงหลานเริ่มเปลี่ยนสีหน้านิ่ง “แม่ นี่เราพูดถึงคนคนเดียวกันรึเปล่าเนี่ย?”
เจียงซิ่วตอนที่อยู่กับเธอด้านนอกนั้น เป็นคนที่เป็นมิตรมาก ถึงแม้จะเป็นคนพื้นๆ แต่เมื่อเขาถึงถนนช่องเล็กๆ ที่ไม่ได้ใหญ่มากคล้ายกับเมื่อก่อน เขายังสามารถซื้อของขวัญมอบให้เธอด้วยความเต็มใจอีกด้วย
“แน่นอนสิ”
ในใจของซุนเสี่ยวหงยังคงกังวลกับเรื่องราวครั้งก่อนที่อาจจะทำให้เจียงซิ่วนั้นเข้าใจผิด ตอนนี้เพื่อนๆของเธอต่างก็รู้ดีว่าลูกสาวของเธอได้แต่งงานกับคุณจียง เพื่อช่วยให้เธอได้รักษาความสัมพันธ์เอาไว้ แต่ด้วยอารมณ์ของเจียงซิ่วนั้น ทำให้เธอไม่กล้าที่จะทำ ในเวลานี้ เธอรู้สึกว่าไม่ว่าจะอย่างไรเธอก็คือแม่ของภรรยาของเขา จากที่กล่าวมาทั้งหมดนั้น เขาจะคารพฉันสักนิดบ้างรึเปล่านะ?แต่ถึงอย่างไรก็ไม่มีการแสดงออกถึงสิ่งนั้นเลย
“คุณป้าเยว่หลิงบอกว่า ตอนอยู่บ้านเจียงซิ่วก็เป็นคนแบบนี้แหละ พูดน้อย หน้านิ่ง ราวกับใครต่อใครเป็นหนี้เงินเขา จากคำพูดของคุณป้าเยว่หลิงพูดไว้ เขาก็คือคนที่ไม่มีใครสั่งสอนเท่านั้น”
เฉิงหลิงหลานได้ยินที่แม่พูดก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมา “ใช่ เขาคือคนที่ไม่ได้รับการสั่งสอนจริงๆ”
จากประสบการณ์ในอดีตของเฉิงหลิงหลาน โดยปกติที่เธอได้สอนเขา เขาก็พร้อมจะรับคำสอนนั้นเสมอ
เฉิงฮานหลินและเจียงยี่ที่ กำลังเล่นหมากรุกอยู่อีกด้านหนึ่ง เมื่อก่อนการเล่นหมากรุกของเฉิงฮานหลิงยังไม่ค่อยดีเท่าไหร่นัก ตอนนี้ก็เริ่มพัฒนาขึ้นมา สำหรับเจียงยี่ตอนเขาอยู่ในคุกนั้นกิจกรรมที่ทำบ่อยที่สุดก็คือการเล่นหมากรุก พอเวลาผ่านไปสิบกว่าปีทำให้เขาความสามารถในการเล่นหมากรุกของเขาเก่งขึ้นจนได้ฉายาว่า ปรมาจารย์หมากรุก
เจียงซิ่วเริ่มเปิดบทสนทนาขึ้น “พรุ่งนี้ฉันจะออกเดินทางแล้ว”
เจียงยี่ตอบกลับ “แกพึ่งจะกลับมา เกิดเรื่องอะไรขึ้น?”
เจียงซิ่วพยักหน้า “เรื่องนี้ไม่เล็ก “
เจียงยี่มองลูกชายอย่างเป็นห่วง คำพูดของเจียงซิ่วที่ตอบมาแบบนี้นั้น แน่นอนว่าต้องเป็นเรื่องใหญ่มากๆ แน่ แต่หลายวันมานี้เขาเองก็พอได้ยินข่าวมาไม่น้อยสำหรับเรื่องนี้ “ไปที่ไหนละ?”
เจียงซิ่วตอบ “เหลียวตงเมืองฮาร์บิ้น”
โดยทั่วไปแล้วเมืองนี้สามารถเรียกอีกอย่างว่าเมืองร้างของพวกสัตว์ร้ายที่ซ่อนอยู่ในตัวประชาชน ตอนนี้ทุกคนต่างก็รู้ว่าที่แห่งนี้ถูกเรียกว่าพื้นที่อันตราย เจียงซิ่วจะไม่ไปฆ่าสัตว์ร้ายพวกที่เขาไม่สามารถทำได้ เขาแค่ต้องการที่จะรู้ว่า ในภูเขาติดินนั้นมีความลับอะไรที่ซ่อนอยู่
การคืบคลาน การลงโทษของสวรรค์และการรวมตัวของพวกสัตว์ป่าและภูเขาที่ยิ่งใหญ่จะสามารถไขความลับได้ หากได้รับขุมทรัพย์แห่งสวรรค์และของโลก มันจะสามารถช่วยได้มากในเรื่องการหาความลับของเขา
เจียงยี่กล่าวว่า “ฉันเคยได้ยินมาบ้าง สถานที่นี้ถูกนำออกจากเขตความปลอดภัย”
“ในเมื่อแกจะไป แกก็ต้องระวังตัวให้มากๆ”
ในงานเลี้ยงคืนนี้ เฉิงหลิงซู่นั่งอย่างนิ่งๆ แต่ซักพักเธอก็เริ่มนั่งไม่ไหว คนที่ดื่มเหล้าไม่เก่งที่นั่งอยู่บนโต๊ะเหล้านั้นแน่นอนว่าเธอไม่สามารถนั่งไหวแน่แล้ว เธอและเฉิงหลิงหลานพูดพร้อมกันว่าต้องไปดูหนัง หลินเยว่หลิงจึงบอกให้เจียงซิ่วพาสองสาวพี่น้องไปดูหนัง
เฉิงหลิงหลานออกจากประตูบ้าน ด้วยความที่เธอดื่มหนักจนเมาอย่างมากทำให้มือของเธอเผลอไปกดกุญแจรถ ทำให้เสียงรถดังขึ้นมา จากนั้นเธอรีบวิ่งตรงไปยังรถที่อยู่ตรงหน้าด้วยความรวดเร็วราวกับจะบิน ไม่นานมานี้พี่สาวของเธอพึ่งจะขับรถเป็นครั้งคราวและนอกจากนี้เธอยังไม่ได้สอบทำใบขับขี่อีกด้วย
เจียงซิ่วถูกทิ้งให้ไปนั่งเบาะหลังอย่างเย็นชา
ในเย็นวันนั้น เจียงยี่และ หลินเยว่หลิงกลับไปห้องพักที่อยู่ในตัวเมือง มีเพียงเจียงซิ่วและเฉินหลิงซู่เท่านั้นที่อยู่ที่บ้าน หลังจากที่เฉิงหลินซู่เป็นอิสระอีกครั้งเธอก็มีความสุข เธอทำความสะอาดห้องและและทำให้เจียงซิ่วได้รับรู้ถึงการถูกสั่งสอนของเธอ
เฉินหลิงซู่ดึงกระเป๋าเดินทางออกมาเพื่อช่วยให้เจียงซิวใส่เสื้อผ้าของเขาเข้าไป “นายจะไปทำเรื่องนี้นานแค่ไหน?”
เจียงซิ่วตอบ “ไม่แน่ใจ!”
“เมืองฮาร์บินหนาวมากควรนำเสื้อผ้าไปเปลี่ยนให้มากๆ”
และในที่สุดเฉิงหลิงซู่ก็จัดกระเป๋าใบใหญ่สองใบให้เจียงซิ่ว
เจียงซิ่วกล่าว “เธอจะทำให้ฉันกลายเป็นผู้อพยพ”
เฉิงหลิงซู่จึงนำเสื้อผ้าออก และปากของเธอก็พูดพึมพำขึ้นมา “ฉันถามว่านายไปนานแค่ไหน แต่นายก็ไม่พูดอะไรเลย”
แน่นอนฉันเลยต้องจัดเสื้อเสื้อผ้าเพิ่มให้กับนาย จากนั้นเธอจึงพูดว่า “ถ้าย่างนั่นก็เอากระเป๋าใบเล็ก ๆละกัน …”
“พรุ่งนี้ ขึ้นเครื่องกี่โมง?”
ตอนนี้เมืองฮาร์บินเป็นอัมพาตอย่างสมบูรณ์ เจียงซิ่วต้องไปที่สนามบินเหลียวตงก่อนจากนั้นต้องขึ้นรถบัสไปยังชายแดนของฮาร์บิน ซึ่งมันไม่ง่ายเลยที่จะไปโดยตรง เขาต้องเช่ารถจี๊ปของทหารที่ชายแดนไป
ร้านค้านี้เป็นร้านที่ครั้งก่อนหลานชายของหนานกูพาเขามา ธุรกิจที่นี่ดีกว่าตอนยังไม่มีพวกสัตว์ร้าย ผู้คนที่เช่ารถมีมากมายส่วนมากจะไม่มีการคืนรถและโดยทั่วไปแล้วรถยนต์มือสองจะถูกขายและจำนวนเงินขายจะถูกนำมาตีราคาขึ้นใหม่อีกครั้ง
เขาโยนกระเป๋าเดินทางที่เตรียมโดยเฉิงหลิงซู่ไปที่เบาะหลังและขับรถไปที่เมืองฮาร์บิน เจ้าของรถเช่าเตือนว่า “มีทหารรับจ้างที่มีศิลปะการต่อสู้และสัตว์ร้ายจำนวนมาก แต่สิ่งที่ยากที่สุดสำหรับคุณก็คือ ปัญหาใหญ่เกี่ยวพวกอาหารและสิ่งต่างๆ ภายในที่มีราคาแพงจนเห็นแล้วอยากตายได้เงินของคุณอาจไม่สามรถซื้ออาหารได้ ฉันแนะนำให้คุณนำอาหารแห้งไปให้มากขึ้น “
ในส่วนลึกของเมืองฮาร์บิน ผู้หญิงคนหนึ่งยืนอยู่บนอาคารสูงราว 20 ชั้นที่ถูกทิ้งร้างหน้าถนนที่ยุ่งเหยิง ซึ่งเธอสามารถสังเกตเห็นถนนสายหลักทั้งสามสายได้อย่างชัดเจน
ผู้หญิงคนนี้สวยอย่างมากผิวของเธองดงามผุดผ่องและตาของเธอก็คมชัด แต่อย่างไรก็ตามเธอมีกริชอยู่ในมือของเธอและมีเลือดติดอยู่จนผู้คนไม่กล้าที่จะเข้าใกล้ตัวเธอ “เห็นได้ชัดว่าบริเวณใกล้ๆนั้น มีพวกสัตว์ร้ายอยู่ทั้งหมดสามตัว”
เมื่อเจียงซิ่วเห็นเธอเขาก็ตกตะลึง เธอเป็นคนที่ถูกฝึกวิชาและเติบโตจากหนานกงมาพร้อมกับเขานั่นเอง หลังจากพบเธอก็ร็ว่าเธอมีความสามารถอย่างมาก การฝึกฝนของเธอก้าวหน้าอย่างรวดเร็ว เมื่อถึงหน้ากระแสน้ำเริ่มขึ้นเธอก็มาที่นี่เพื่อฝึกอบรมผู้อยู่ใต้บังคับบัญชา
ความแข็งแกร่งในปัจจุบันของเธอทำให้เธอกลายเป็นทหารอาวุโสไปแล้ว เมื่อมีคนหนึ่งคอยต่อสู้กับพวกสัตว์ร้ายทั้งสองทำให้ใครๆต่างก็ยกย่องนับถือ
“ไม่ต้องกลัวตายหากนายคิดจะเข้าไปที่เมืองฮาร์บิ้น… “
แม้ว่าเธออยู่ไกล แต่ก็สามารถเห็นรถจี๊ปทหารที่เข้ามาในถนนสายหลักของฮาร์บินได้ รถที่ไม่ไร้เสียงเครื่องยนต์ดังมาจากที่ไกลและมีควันฟุ้งตามหลังรถมา
หลายชายของหนานกูอดไม่ได้ที่จะโยกหัวและพรั่งปากพูดออกมาหนึ่งประโยคว่า
“แตงโมลูกใหญ่กำลังมาแล้ว”