Girl, I’ll Teach You Cultivation – ฉันจะสอนเธอบ่มเพาะเอง - ตอนที่ 330
บทที่ 330
การสู้อันดุเดือด
กลุ่มเล็กๆ ของตระกูลหนานกงมาถึง เสียงปืนด้านในก็เงียบลงแล้ว คนที่อยู่ด้านหลังตื่นตัวก่อนจะพูดขึ้น “คุณหนู ถ้าอยากจะช่วยพวกเราต้องวางแผนกันหน่อยแล้ว”
หนานกงโควเออยังคงไม่หยุดเดิน เธอเดินต่อเข้าไปยังด้านในของห้างสรรพสินค้า
คนในกลุ่มเล็กตกใจอย่างมาก “คุณหนูโควเออ!”
ถึงอย่างไงพวกสัตว์ประหลาดก็ไม่ใช่มนุษย์ ไม่รู้วิธีที่จะออกไปด้านนอก หนานกงโควเออเข้าไปแล้ว กลุ่มเล็กๆก็ไม่มีทางเลือก หนึ่งในนั้นตะโกนพูด “พวกมีปืนคุ้มกันไว้ คนอื่นตามพวกเรามา”
ห้างสรรพสินค้าเงียบสงัด เปลวไฟยังคงเผาไหม้อยู่ นอกจากศพไม่กี่ศพกลางห้องนี้ก็ไม่มีคนอยู่เลย การสู้กันทั้งหมดจบลงแล้ว หนานกงโควเออหยุดเดิน มองอย่างสยองขวัญ
“คนล่ะ?”
จากที่ที่พวกเขากำลังพักอยู่ห่างจากห้างนี้คั่นด้วยถนนเส้นหนึ่ง ระยะทางไม่กี่ร้อยเมตร ด้วยความเร็วของพวกเขาประมาณหนึ่งนาทีก็ถึงแล้ว ทำไมแค่ครู่เดียวทั้งคนและสัตว์ประหลาดถึงหายไปได้
“มองผิดหรือเปล่า ไม่เห็นมีอะไรเลย?”
เลือดของสัตว์ยังคงไหลนอง อีกทั้งกระสุนที่อยู่บนพื้นยังอุ่นๆอยู่
ไม่ผิดแน่!
กลุ่มเล็กที่ตามมาทีหลังรีบถาม “คนล่ะ?”
“แปลกมาก เพียงแค่พริบตา ทำไมทั้งคนกับสัตว์ประหลาดถึงไม่มี…” ผู้ชายคนนั้นน่าจะเป็นคนที่รับผิดชอบกลุ่มเล็กๆนั่น “คุณหนูโควเออ คุณเจอคนที่สนิทหรอครับ?”
คนที่อยู่ข้างๆมองเธออย่างสงสัย
ความรู้สึกของหนานกงโควเออรู้สึกประหลาดใจก่อนส่ายหัว ความสัมพันธ์ของเธอและเจียงซิ่วอาจจะไม่มีความหวังแล้ว เมื่อครู่เพียงตื่นเต้นไปหน่อย แต่ตอนนี้ในใจของเธอก็ยังคงตื่นเต้นดังเดิม ไม่รู้ว่าเจียงซิ่วเป็นอย่างไรบ้างตอนนี้
เธอเดินมาด้านบน ที่นั่นมีกระเป๋าสัมภาระอยู่ก่อนจะเปิดเพื่อตรวจสอบดู
ด้านในมีของกินประทังชีวิต คนที่อยู่ด้านข้างแสดงรอยยิ้มออกมา หนานกงโควเออถือโอกาสหยิบอาหารออกมาโยนให้พวกเขา นอกจากนี้ยังมีชุดชั้นในไม่กี่ตัวด้านใน ราวกับว่าชายคนนี้จะชอบใส่ของมีแบรนด์น่ะนะ “อ่ะ กระเป๋าตังค์!”
เธอหยิบออกมา ด้านในให้ความรู้สึกว่าเป็นวัยรุ่น บัตรเอทีเอ็ม “แบล็คการ์ด!”
นั่นทำให้หนานกงโควเอออุทานออกมา คนๆ นี้เป็นคนจนจะเอาแบล็คการ์ดมาจากที่ไหน ด้านในยังมีบัตรประชาชนหนึ่งเบา เธอรีบหยิบออกมา ด้านบนขอบัตรมีรูปวัยรุ่นคนหนึ่ง คล้ายๆ คนขี้อาย บนบัตรเขียนชื่อเจียงซิ่ว ซ้ำยังที่อยู่ยังเป็นเจียงเฉิงอีก
เจียงซิ่วทำบัตรประชาชนนี้ตอนอายุสิบหก ตอนนี้ก็ผ่านมาสามปีกว่าแล้ว ช่วงนี้เป็นช่วงฤดูใบไม้ผลิพอดี ซ้ำยังรูปร่างก็ยังคล้ายกันอีก
“ใช่เขาจริงๆด้วย!” หนานกงโควเออพูด รูปร่างเขาเปลี่ยนไปมาก คงจะไม่ได้ทำงานหนักไปหรอกนะ
หัวหน้าเดินมา “คุณหนูโควเออรู้จักเขาหรอครับ?”
“เจียงซิ่วนี่เป็นชื่อที่คุ้นหูจริงๆเลย…”
ในใจของหนานกงโควเออเต้นรัว กลัวว่าพวกเขาจะเคยได้ยินเรื่องของเธอกับเจียงซิ่วว่าเมื่อก่อนเธอกับเจียงซิ่วมีเรื่องหมั้นกัน ไม่น่าเป็นไปได้ เรื่องนี้มีแต่คนในตระกูลเท่านั้นที่รู้
“เจียงลั่วเซี่ยไม่ใช่เจียงซิ่วหรอ!” คนที่อยู่ด้านข้างพูดขึ้นออกมา
“ไม่น่ามั้ง พวกเราเจอคนที่แข็งแกร่งที่สุดในประเทศที่นี่น่ะนะ?” หัวหน้ายังคงไม่ชื่อ “ในประเทศนี้คนชื่อเจียงซิ่วไม่มีแสนก็มีหมื่น บังเอิญล่ะมั้ง”
หนานกงโควเออขมวดคิ้ว “เขาอาจจะมีอีกชื่อคือเจียงลั่วเซี่ย ไม่อย่างนั้นถ้าไม่มีความสัมพันธ์กับคุณเจียง คงจะเป็นศิษย์ล่ะมั้ง คนธรรมดาล่ะมั้ง อ้อ เขารู้คาถาบางอย่างด้วย”
“ออกไปตามหาสิ ยังไงก็ต้องหาเขาให้เจอ”
เมื่อนึกถึงวิชาของเจียงซิ่ว เธอคิดว่าใช่วิชาหลีกเลี่ยงสัตว์ประหลาดหรือไม่ ถ้าไม่ใช่นั่นคงไม่มีสถานการณ์แปลกๆแบบนี้
“พวกนายรีบมาดู ที่นี่ตายหลายอยู่”
เมื่อพวกเขาวิ่งมาถึงก็เห็นปากลิฟต์ส่งของ มีร่างของสัตว์สามสี่ตัวกองรวมกันอยู่
“หือ? ลิฟต์นี้ยังมีไฟฟ้าอยู่นี่!”
“น่าจะหนีกันไปแล้วล่ะ!”
อีกด้านหนึ่งบนถนนกลุ่มคนกำลังบินอยู่ ผู้กำกับเฉินอยู่ที่นี่มาหลายปีเลยให้คนให้ไปพักในห้างสรรพสินค้าและเกือบจะหาเส้นทางหนีได้แล้ว
“ไม่ไหว วิ่งไม่ไหวแล้ว?” หลี่เยียนหอบเหนื่อย
ไอคิวของพวกสัตว์สูงมากแต่ก็นึกไม่ถึงว่ามนุษย์มีสิ่งประดิษฐ์ที่น่ามหัศจรรย์อย่างลิฟต์
“หยุดไม่ได้ พวกเราต้องไปหาที่มั่นด้านหน้า วันนี้สัตว์ประหลาดมันมากันเยอะมาก” ไกด์เฉินพูดออกมาอย่างหนักแน่น
“ไม่ ฉันวิ่งไม่ไหวแล้ว” หลี่เยียนพูด
“ให้บอดีการ์ดแบกเธอไปสิ เร็ว”
กลุ่มคนนั้นได้แต่เดินไปด้านหน้าในถนนที่มืดมิด และยังวิ่งไปอีกไม่กี่ไมล์ บอดีการ์ดก็พูดขึ้น “ฉันรู้สึกว่ามีอะไรแปลกๆ พวกเรายังอยู่ในใจกลางเมืองฮา ไม่ใช่จะถอยกลับหรอกนะ?”
“ด้านนอกนั่นอันตรายมาก ที่มั่นที่สองอยู่ด้านหน้านี่” ไกด์เฉินพูด
พวกสัตว์ประหลาดนั่นออกมาด้านนอกหมดแล้ว ถ้าเดินเข้าไปด้านในก็อาจจะปลอดภัยกว่านี้
“เร็วหน่อย พอถึงที่มั่นต่อไป พวกเราจะได้พักสักที”
ด้านหน้าของขอบฟ้าพุ่งไปยังสุดปลายท้องฟ้า ภายใต้ความมืดมิดของท้องฟ้ายามค่ำคืนมีแสงสีขาวปรากฏขึ้นก่อนพุ่งขึ้นไปยังจุดสูงสุด
“มีคนส่งสัญญาณ!”
หลังจากที่โทรศัพท์ใช้การไม่ได้ ก็ต้องเอาวิทยาการสมัยก่อนมาใช้
“มันไปทางเขาเซียนจิ้ง….”
เสียงยังไม่ทันหยุดลง ขีปนาวุธลูกหนึ่งก็แล่นข้ามท้องฟ้าไป มุ่งไปทางที่มีคนส่งสัญญาณออกมาเมื่อครู่ หลังจากนั้นก็ได้ยินเสียงระเบิดครั้งใหญ่ แผ่นดินสั่นสะเทือน แสงสว่างขึ้นทั้งท้องฟ้า แม้คนที่ไกลมากๆก็น่าจะรับรู้ถึงความรู้สึกนี้ได้
สัญญาณนั้นคือการระบุตำแหน่ง มีคนเสียสละตนเองเพื่อให้รัฐบาลได้เตรียมพื้นที่
“พอฟ้าสางก็คงเริ่มจะโจมตี พวกสัตว์ประหลาดโต้กลับ ตอนกลางดึกแบบนี้เริ่มโจมตีบ้างแล้ว…”เจียงซิ่วพูดขึ้น “ด้านในคงมีเรื่องอะไรเกิดขึ้นแน่”
ชายผอมที่เป็นคนที่เดินเบิกทางหันหลังกลับมาพูด “ด้านหน้ามีเรื่องใหญ่แล้วล่ะ มีกลุ่มคนที่แข็งแกร่งอยู่กลุ่มนึง นอกจากนี้ยังมีพวกทหารรับจ้างที่ไปทางเขาเซียนจิ้งอีก”
“ได้ยินมาว่าคนที่มีสมบัติของเทพต้องละทางโลกล่ะ” ชายคนนั้นพูดออกมาราวกับไม่มีลมหายใจ
ฟ้าร้องทำให้ทั่วท้องฟ้ามีแสงประกายทั่วท้องฟ้า เมื่อมองไปทางตรงข้ามก็มีกระแสน้ำวนสีดำขนาดใหญ่เกิดขึ้น สายฟ้าค่อยๆผ่าลงไปตรงกลาง
“แบบนี้มันแปลกมาก!”
หัวหน้าบอดีการ์ดที่นอนคว่ำอยู่ข้างๆพูดกับหลี่เยียน “เร็วเถอะ พวกเราก็ต้องรีบไปเหมือนกัน ถ้าโชคดีหวังว่ามันคงไม่ตกลงบนหัวฉันนะ สิ่งต่างๆของเหล่าเทพคนที่มีวาสนาเท่านั้นแหละถึงจะได้”
เธอได้แต่คิดถ้าเธอได้ของพวกนั้นล่ะก็พอกลับไปที่เกาะเปา จะไปแสดงต่อหน้าคนในตระกูล แล้วก็จะโดนยกให้เป็นคนสำคัญของตระกูล
“เร็ว เร็วสิ!”
สายตาของไกด์เฉินกับลูกพี่ลูกน้องของเขาเปลี่ยนไป เปลี่ยนเป็นความปรารถนาอันแรงกล้า ต่อหน้าสิ่งที่ล่อตาล่อใจอยู่เบื้องหน้า พวกเขาก็ถูกล่อลวงเข้าให้ง่ายๆเสียแล้ว
“ไป ตอนนี้เขาเซียนจิ้งน่าจะปลอดภัยที่สุดแล้วล่ะ ไม่ว่าจะตรงไหนก็มีแต่คน พวกสัตว์ร้ายหาไม่เจอแน่”
“จุดประสงค์ของพวกคุณไม่ใช่ที่นั่นนี่”
เมื่อตัดสินใจแล้ว กลุ่มคนก็เริ่มมุ่งหน้าไปทางเขาเซียนจิ้ง พวกเขาตัดสินใจถูก คนส่วนมากต่างพากันไปที่เขาเซียนจิ้งนั่น เริ่มมีความรู้สึกเหมือนว่านี่เป็นพวกมนุษย์ที่เริ่มก่อสงครามก่อน ตามถนนมีเสียงรถยนต์อยู่บ้างจนกระทั่งเห็นรถถัง
“มีพวกที่แข็งแกร่งอยู่เยอะเหมือนกัน”
“กลุ่มจงเฉิน”
“กลุ่มลัทธิฟ้า”
“กลุ่มหงเหมิน”
“……”
พวกกลุ่มสำคัญๆเรียกคนของพวกเขามาทั้งหมด ทหารรับจ้างก็อยู่กันทั่ว แถมยังมีกองกำลังทหารของรัฐบาลอีก พอจะพูดได้ว่ามากจากสี่ทิศเลยล่ะนะ
“ให้ตายสิ ในที่สุดก็ได้สู้กับพวกสัตว์ประหลาดนี่ซะที”
“เสือเหลียวตง!”
มีคนร้องตะโกนออกมาเสียงดัง สายตาจ้องไปทันที มีชายคนหนึ่งยืนอยู่บนตึกที่สูงงราวๆยี่สิบเมตร โบกแขนเสื้อแบบจีนอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะมองไปนรอบๆ
“เซียวหยวนฉาน?”
และในขณะเดียวกันน้ำที่ก่อตัวกันขึ้นบนท้องฟ้าก็เป็นที่สังเกตได้ชัดเจนมากขึ้น สายฟ้าที่อยู่ด้านในยังไม่หยุดผ่า ราวกับต้องการจะออกมาด้านนอก
“ครืกก!”
สัตว์ประหลาดตัวใหญ่โผล่ออกมา ที่ยอดเขามีเสียงคำรามดังก้องทั่วพื้นที่และวนไปวนมา ได้ยินไปทั่วเมืองฮา
“ราชาสัตว์!”
เมื่อมองเห็นราชาแห่งสัตว์ร้ายขนาดมหึมาอยู่ในความมืด คนที่วิ่งไปมามีความรู้สึกเหมือนโดนริบอำนาจของตนไป
“เสียงคำรามน่ากลัวจริง”
หนานกงโควเออยังคงตามหาอยู่ใกล้ๆห้างสรรพสินค้านั่น เมื่อได้ยินเสียงนั่นก็ตกใจอย่างมาก เสียงแบบนั้นพวกเขาเคยได้ยินอยู่ครั้งหนึ่ง เป็นตอนนี้ราชาแห่งสัตว์ร้ายกำลังคำรามออกมาอย่างโมโห ทุกครั้งที่ราชาสัตว์ร้ายโกรธ แน่นอนว่าต้องเกิดเรื่องใหญ่แน่ๆ การที่มนุษย์ฆ่าสัตว์ร้ายพวกนั้นต้องเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่และรุนแรงแน่ๆ
“ราชาสัตว์ร้ายน่าจะต้องการให้พวกสัตว์ที่กระจายออกไปกลับมารวมตัว”
หนานกงโควเออส่ายหัวก่อนจะพูดขึ้น “ไม่ใช่ พวกเราติดกับแล้ว ตอนนี้ที่อยู่รอบนอกล้วนเป็นพวกสัตว์ประหลาด ที่เขาเซียนจิ้งก็มีพวกสัตว์ พวกเราตอนนี้โดนพวกมันล้อมไว้หมดแล้ว พวกมันจะโจมตีเราทั้งภายนอกภายในเลยหรอ?”
“เร็วเข้า พวกเราก็ต้องไปที่เขาเซียนจิ้ง คาดว่านี่ไม่ใช่การเรียกกลับหรอกนะ แต่เป็นการโจมตีตามทางมากกว่า”