Girl, I’ll Teach You Cultivation – ฉันจะสอนเธอบ่มเพาะเอง - ตอนที่ 339
บทที่ 339 ฆ่าเทพเลื่อนขั้น
ถ้าหากยามเช้ารุ้งมังกรไฟยังไม่ปรากฏตัวอีก เจียงซิ่วมีแผนสำรองเรื่องนี้ ก่อนหน้านี้มีแต่ประกายไฟเล็กๆอยู่ แต่ตอนนี้ไม่มีเหลืออะไรแล้ว การนั่งสมาธิของเขาครั้งนี้เพื่อเข้าสู่มิติแห่งภาพมายา
เมื่อนั่งขัดสมาธิเรียบร้อย ก็เตรียมการรวบรวมแสงเทพ ระหว่างการเดินทางจิตวิญญาณ จิตสำนึกก็จะล่องลอยออกมา โดยไม่หยุดทะยานขึ้นจากความว่างเปล่า ตามจิตสำนึกสั่งการยิ่งลอยยิ่งไกล
ด้วยจิตสำนึกของเขาที่ต้องการล่องลอยไปให้ไกล เขากลับต้องเข้าไปในดินแดนที่เหนือจินตนาการอีกครั้ง
การเดินทางมิติแห่งภาพมายา
เปรียบเทียบกับครั้งก่อน ครั้งนี้ถือว่าสบายกว่ามาก ไม่มีความรู้สึกกดดันแล้ว ไม่นาน ก็มองเห็นแสงกระพริบเล็กๆ ทั้งหมดนั้นคือแสงเทพ เขาไม่หยุดพัก แต่ทะยานขึ้นตลอด ทัศนียภาพเบื้องหน้าเหมือนกับท้องฟ้าในยามค่ำคืน มีดวงดาวส่องสกาวเต็มท้องฟ้า งดงามอย่างน่าเหลือเชื่อ
ไม่นาน ก็ทะลวงมาถึงชั้นที่สูงที่สุด
ครั้งก่อนที่มาถึงชั้นที่สูงที่สุดนี้ แทบไม่ทันได้ครอบครองแสงเทพแห่งสวรรค์ ก็ถูกคนตีร่วงลงมา ในตอนนั้นเจียงซิ่วก็พยายามต่อต้าน ผลปรากฏว่าก็ถูกคนตบจนออกจากมิติแห่งภาพมายาไป
แต่ครั้งนี้ เจียงซิ่วไม่ได้ไปหลวมรวมแสงเทพแห่งสวรรค์อีก เพราะตอนนั้นเป็นแค่เทพระดับล่าง แต่ตอนนี้เขาสามารถเลื่อนขั้นด่านภาพมายาชั้นที่หนึ่งได้แล้ว และเข้าสู่ชั้นที่สูงกว่า ขอเพียงสามารถหลวมรวมแสงแห่งเทพสักดวงได้ เขาก็จะเลือกชั้นที่สูงกว่าอย่างแน่นอน
อีกอย่าง เขาต้องการให้คนที่ทำร้ายเขาจนอดครอบครองแสงเทพแห่งสวรรค์เมื่อครั้งก่อนชดใช้ด้วย
ตอนที่เขาทะลวงขึ้นชั้นที่สอง รัศมีพลังอันแข็งแกร่งกลุ่มหนึ่งแผ่ลงมา จนทำให้จิตวิญญาณเกือบร่วงตกลงไป จู่ๆความรู้สึกนี้เหมือนกับถูกแรงโน้มถ่วงของโลกก็ดูดด้วยกำลังแรงกว่ายี่สิบเท่า เหมือนดูดคนให้ฟุบลงพื้นดิน แม้แต่นิ้วโป้งยังขยับไม่ได้เลย
ถึงแม้เจียงซิ่วจะมีร่างกายเป็นเทพระดับกลางแล้ว แต่ถ้าจิตวิญญาณสามารถหลวมรวมกับแสงแห่งเทพได้อีก ก็จะยิ่งทำให้พลังจิตวิญญาณของเจียงซิ่วแข็งแกร่งขึ้นอย่างมหาศาล ในเวลานั้นเขาจึงจะเป็นเทพระดับกลางอย่างแท้จริง
โฮก
เจียงซิ่วส่งเสียงร้องคำราม เพื่อต้านทานพลังที่แผ่ลงมา หลังจากเริ่มปรับสภาพได้ พลังก็ทะลวงขึ้นไปข้างบนอย่างรุนแรง และพุ่งทะลวงขึ้นไปชั้นที่สอง
ยิ่งพลังทะยานขึ้น พลังก็ยิ่งเพิ่มขึ้นหลายเท่าตัว
เชอะ
ด้วยอุปนิสัยที่เด็ดเดี่ยวของเจียงซิ่วทำให้เขาเย่อหยิ่งโดยปริยาย คนแบบนี้ จุดเด่นที่เห็นได้ชัดที่สุดคือ ต่อให้ต้องตายก็จะไม่ยอมแพ้
เขาเอาแต่ท่องคาถาต้องห้าม เพื่อเพิ่มพลังจิตวิญญาณให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้น เคล็ดวิชาลับประเภทนี้มีผลข้างเคียงที่รุนแรงมาก นั้นคือจะรู้สึกเหมือนร่างกายจะแตก ถ้าอาการรุนแรงกว่านี้ก็คงถึงขั้นเสียชีวิตได้ ปกติแล้วใช้คาถาต้องห้ามนี้ตอนเวลาหนีเอาชีวิตรอด แต่เวลานี้ใช้เพื่อสามารถทะลวงชั้นที่สองได้
ช่างเป็นคนน่าเกรงขามเสียจริง
ห่ะ?
เสียงจากข้างบนสะท้อนลงมา ทำให้มึนงง และซุ่มเสียงก็ไม่ห่างหาย เพียงชั่วพริบตาจิตวิญญาณของเจียงซิ่วก็พุ่งเพิ่มขึ้นแทบระเบิด เพียงเสียงโถม ก็เกิดแสงประกายแวววับร่วงลงจากท้องฟ้าในมิติแห่งภาพมายา ผลปรากฏว่าถูกทะลวงแล้ว จิตวิญญาณทะลวงชั้นสองของมิติแห่งภาพมายา
เจ้าเป็นใคร?
ซุ่มเสียงนี้ เป็นเสียงของคนครั้งก่อน เจียงซิ่วเย้ยหยันภายในใจ เวลาชดใช้มาถึงแล้ว
ไม่ได้รับอนุญาตจากทวงเทพ ยังใครกล้าบุกรุกโดยพลการอีกหรือ?
เจียงซิ่วส่งเสียงว่า : บุกรุกแล้วจะทำไหม?
เห็นแกเจ้าที่ฝึกตนมาอย่างยากลำบาก ถอยไปโดยเร็ว มิเช่นนั้นข้าจะดับสลายจิตวิญญาณของเจ้า เขาใช้น้ำเสียงด้วยความโมโหออกคำสั่ง
เจ้าไม่ฆ่าข้า แต่ข้าจะฆ่าเจ้า!
ไปตายซะ!
เจียงซิ่วพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา เมื่อยื่นคำขาด เขาก็กระโจมตัวตรงไปที่จิตวิญญาณคนนั้น
หาที่ตายชัดๆ!
พลังจากด้านบนก็ทะยานลงมาอย่างยากที่จะสามารถต้านทานได้ ราวกับจะพุ่งทับเจียงซิ่วให้บดละเอียด
โครก
ทันใดนั้นพลังมหาศาลสองกลุ่มพุ่งชนกัน ทำให้ทั่วทั้งท้องฟ้าสั่นสะเทือน ราวกับลูกอุกกาบาตสองลูกพุ่งชนกันบนท้องฟ้า เกิดประกายแสงแวววับจำนวนมาก
เป็นไปได้ยังไง?
คนนั้นตกใจจนเสียงหาย จิตวิญญาณอันแกร่งกล้าของเจียงซิ่วสามารถต้านทานพลังของเขาได้ ทั้งยังสามารถดันพลังของเขาพุ่งทะยานขึ้นข้างบนได้อีกด้วย
ยังจำข้าได้ไหม เทพระดับล่างที่ถูกเจ้าทำร้าย”
เป็นเจ้าเองหรือ? คนนั้นตกใจอย่างสุดขีด : ไม่จริง เป็นไปไม่ได้ เป็นเจ้าไปไม่ได้ เจ้าพึ่งเป็นเทพระดับล่างไม่นาน สองปียังไม่ถึงเลย แล้วเจ้าจะสามารถเป็นเทพระดับกลางได้ยังไง?
โครก
พลังจิตวิญญาณของเจียงซิ่วกลับยิ่งเพิ่มขึ้น ยิ่งเขาใช้คาถาต้องห้ามมากเท่าไหร่ ก็เหมือนกับแผดเผาจิตวิญญาณของตัวเอง กลับไปถามแม่เจ้าไป
ไม่ใช่ว่าเจ้าเก่งกล้าสามารถนักหรอ?
ถึงขนาดกล้าขัดขว้างข้าหลวมรวมแสงแห่งเทพ
เทพระดับกลางพูดอย่างหวาดกลัวว่า : เปล่า ไม่เลย
พลังจิตวิญญาณของเจียงซิ่วได้แผ่รัศมีจนทำให้เขารู้สึกหวาดกลัว เขากับเจียงซิ่วเป็นเทพระดับกลางเหมือนกัน เจียงซิ่วไม่ทันหลวมรวมแสงแห่งเทพระดับกลาง ก็ถูกเขาขัดขว้างอย่างไม่เหลือชิ้นดี
สิ่งที่น่าหวาดกลัวกว่านั้นก็คือ เจียงซิ่วดันพลังของเขาทะลวงขึ้นไปที่สูงที่สุดชั้นที่สอง ที่นั้นเขาไม่สามารถขึ้นไปได้
รีบ รีบหยุดซะ…
หยุดก่อน!
จิตวิญญาณของเทพระดับกลางเริ่มทนรับแรงกดดันจากความสูงไม่ได้แล้ว เสียงของเขาแผ่วเบาลง ถ้าหากยังฝืนต่อไปอีก เกรงว่าจิตวิญญาณอาจจะแตกสลาย และดับสูญหายไป
หยุดหรอ? ตอนที่เจ้าเข้ามาขัดขว้างข้า เคยคิดบ้างไหมว่าจะมีวันนี้ที่ต้องขอร้องข้า?
ไปตายซะ!
เทพวัยกลางคนตะโกนร้อง : ไม่ อย่า หยุดก่อนเถอะ ขอร้องล่ะ รีบหยุดก่อนเถอะ… ข้าเป็นเทพรับใช้ของทวงเทพ ถ้าหากเจ้าฆ่าข้า เจ้าจะกลายเป็นนักโทษของทวงเทพ รีบหยุดก่อน มีอะไรก็ค่อยคุยกันดีๆก่อน
โครก
จิตวิญญาณของเจียงซิ่วเพิ่มขึ้นอีกครั้ง ไม่มีวี่แววจะหยุดเลยสักนิด แต่กลับทะยานพุ่งขึ้นไปอีกชั้น
ไม่…
เสียงดังโครม เมื่อพลังจากข้างบนแตกกระจาย พลังจิตวิญญาณก็ระเบิดกลายเป็นแสงไฟแวววับไม่ถ้วน ราวกับว่าดอกไม้ไฟระเบิดบนท้องฟ้า และร่วงลงมาจากฟากฟ้าก็มิปาน
จิตวิญญาณดับสูญ!
เชอะ!
เจียงซิวส่งเสียงเชอะคำหนึ่งแด่ศัตรู เขาไม่มีความเห็นอกเห็นใจใครแม้แต่นิดเดียวตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้ว และยิ่งไม่มีความใจอ่อนด้วย ถ้าใช่ว่าเป็นจิตวิญญาณ เจียงซิ่วจะบดกระดูกให้ละเอียดเป็นผงเลย
เมื่อจิตวิญญาณดับสูญ เหลือไว้เพียงร่างกาย ก็เท่ากับซากศพอยู่ดี
อืม?
เมื่อกี้มัวแต่คิดแก้แค้นศัตรู แต่กลับไม่ระมัดระวังสิ่งแวดล้อมรอบตัว ในเวลานี้เขาเพิ่งสังเกตเห็นว่าชั้นที่สองมีแต่ความว่างเปล่า ราวกับค่ำคืนที่ไร้ดวงดาว แต่มีอยู่สามที่ที่มีแสงไฟแวววับอยู่
เขาบินไปออกสำรวจทันที
ที่แท้ก็เป็นแสงไฟสามดวงจากในร่างกายของเขา ชั้นที่หนึ่งคือจุดเริ่มต้นของทุกอย่าง ถ้าหากไม่ได้เก็บแสงแห่งเทพชั้นที่หนึ่ง ก็จะไม่มีแสงแห่งเทพชั้นที่สูง
โง่เขลา
เจียงซิ่วตำหนิหนึ่งที เขาอดไม่ได้ที่จะดูถูกเทพระดับกลางคนนั้น ตอนนี้เขาสามารถทำได้เพียงเลือกหนึ่งดวงของแสงแห่งเทพจากสามดวงที่อยู่เบื้องหน้า
แต่จิตวิญญาณของเขาเริ่มรู้สึกเจ็บปวด และเริ่มจะแตกสลาย
ผลข้างเคียงจากการใช้คาถาต้องห้ามเริ่มกำเริบแล้ว
เขากับเทพระดับกลางมีระดับชั้นเดียวกัน แต่เทพระดับกลางคนนั้นหลวมรวมแสงแห่งเทพได้แล้ว แต่จิตวิญญาณของเจียงซิ่วก็ยังแข็งกล้ากว่าเขาอีก หากไม่ใช่เพราะคาถาต้องห้าม เจียงซิ่วก็ไม่มีทางเอาชนะเขาแน่
ต้องรีบหลวมรวมวิญญาณแล้ว เลือกชนิดไหนดี?
แสงแห่งเทพสามชนิดล้วนมีประโยชน์แตกต่างกัน
ชนิดแรกคือแสงแห่งเทพสีเขียว เจียงซิ่วสืบหาความสามารถขอบแสงเทพนี้มาแล้ว มันมีความสามารถฟื้นฟูพลังให้แข็งแกร่ง ทำให้เจียงซิ่วสามารถฟื้นฟูร่างกายได้อย่างรวดเร็ว ซึ่งมันมีความสำคัญมาก ตอนนี้เขาเป็นเทพระดับกลางแล้ว และสามารถผสานบาดแผลของคนธรรมดาได้ ถ้าหากเส้นทางเลื่อนขั้นสำเร็จ เขาสงสัยว่าเมื่อถึงตอนนั้นตัวเขาเองจะมีพลังในการชุบชีวิตคนตายให้ฟื้นคืนชีพใช่หรือเปล่า
แต่ด้วยอุปนิสัยชอบสังหารเป็นหลัก ดังนั้นการช่วยเหลือและป้องกันการโจมตีที่มีประสิทธิภาพสูงล้วนเป็นสิ่งที่เขาไม่ชอบ
ตัดใจ !
ชนิดที่สองคือแสงเทพแห่งความศรัทธา เขาก็ไม่เคยมีความคิดอยากจะพึ่งพาสิ่งสักสิทธิ์เหมือนชาวบ้านทั่วไปอยู่แล้ว
ตัดใจ!
ชนิดที่สามคือแสงแห่งเทพปริศนา จนถึงวันนี้เขาก็ยังไม่รู้เลยว่ามันมีความสามารถอะไร ส่วนสิ่งที่รู้สองชนิดกลับไม่ชอบ งั้นเลือกชนิดที่สามล่ะกัน
เขาไม่มีท่าทีลังเล และเริ่มหลวมรวมแสงแห่งเทพปริศนาชนิดที่สามแห่งทันที
ค่อยๆดูดซับแสงแห่งเทพเข้ามาทีละนิดทีละน้อย
เท่าที่เขารับรู้ได้คือ แสงแห่งเทพชนิดที่สามหลวมรวมด้วยตัวมันเอง ทำให้มีพลังเพิ่มขึ้นจำนวนมาก ถ้าหากจะบอกว่าเมื่อกี้ฉันดูดซับเหมือนลำธาร แต่ตอนนี้กลับเหมือนแม่น้ำใหญ่
หลวมรวมเสร็จ ทั้งจิตวิญญาณรับรู้ถึงพลังที่เพิ่มขึ้นหลายเท่าตัวอย่างชัดเจน อีกอย่างการเลื่อนขั้นจิตวิญญาณทำให้อาการกำเริบจากการใช้คาถาต้องห้ามหายพลัน
เจียงซิ่วที่อยู่บนภูเขาแดนสวรรค์ค่อยๆลืมตา ดวงตาสองดวงมองเห็นโลกแห่งความเป็นจริง แสงค่อยๆเริ่มส่องมา ทันใดนั้นแสงเจิดจ้าก็สาดส่องเข้ามา และมีสายลมพัดปลิวผมผ่านไป
เทพระดับกลาง เป็นเทพระดับกลางอย่างเต็มตัวแล้ว
เขายืนขึ้นจากพื้นดิน สายตากวาดมองภูเขาลูกนี้ มังกรไฟดูดซับแล้ว หญ้าและผลไม้วิเศษก็เด็ดเก็บมากพอแล้ว ถึงคราวต้องกลับไปแล้ว