Girl, I’ll Teach You Cultivation – ฉันจะสอนเธอบ่มเพาะเอง - ตอนที่ 341
บทที่ 341 ขายทั้งหมดแล้ว
เมื่อถึงสถานีขนส่งผู้โดยสาร นึกไม่ถึงจะมีทางเดินสำหรับเทพด้วย ดูเหมือนว่าเทพจะอยู่ที่ไหนล้วนมีสิทธิพิเศษเสมอ ระหว่างที่เจียงซิ่วเดินนั้น เขากลายร่างเป็นหมอกควัน แล้วลอยเข้าไปในสถานีรถโดยสารประจำทาง และลอยขึ้นบนรถที่จะเดินทางไปเมืองหลวง
เจียงซิ่วอยู่ทั้งคน ไม่มีใครกล้าสร้างปัญหาต่อกลุ่มสิ่งมีชีวิตเทียนซี่งแน่ และไม่มีใครกล้าเตะต้องพ่อแม่ของเขาด้วย แต่การที่เขากอดอาวุธนิวเคลียร์ทะยานขึ้นฟ้า ทำให้ผู้คนคิดว่าเขาตายแล้ว จนไม่มีใครเกรงกลัวเขาเจียงโหลวเซี่ยอีก เพราะคงเป็นไปไม่ได้ที่คนตายจะฟื้นคืนชีพมาคิดบัญชีกับพวกเขา
ท่าทางของเขาดูเย็นชา มีชีวิตในทวีปการต่อสู้นิรันดร์มาสามพันปี ผ่านประสบการณ์ของวงจรชีวิตมาไม่น้อย โดยเฉพาะการข้ามผ่านช่วงชีวิตที่ยากลำบากบนโลก เขาชินชาแล้ว เพียงแต่ดวงตาของเขายังประกายรัศมีอำมหิตอยู่ หากใครบังอาจวุ่นวายกับตระกูลเจียง คงต้องตายยกครัวแน่
“น้องชาย ที่นั่งตรงนี้เป็นของฉัน”
ข้างๆหูมีเสียงดังขึ้น เป็นเสียงของหญิงสาวร่างอวบอายุราวๆสามสิบปีคนหนึ่ง เธอมีหน้าตาสะสวย แต่แต่งหน้าจัดมาก อีกอย่างน้ำหอมก็มีกลิ่นแรงด้วย
ในมือเธอถือตั๋วรถอยู่ เจียงซิ่วเพิ่งคิดได้ว่าตัวเองได้นั่งตรงที่นั่งของเธอ ยิ้มเก้อเขินและพูดว่า : “ผม น่าจะจำที่นั่งผิด”
“ไม่เป็นไรค่ะ”
ผู้หญิงคนนี้ยื่นมือดันไหล่ของเจียงซิ่ว และพูดว่า : “นั่งเถอะค่ะ คุณก็นั่งตรงนี้ ที่นั่งฉันอยู่ข้างคุณค่ะ”
ไม่เพียงดันมืออย่างเดียว ยังลูบไล้อีก
เจียงซิ่วรู้สึกเหมือนถูกลวนลาม โดยปกติแล้วผู้หญิงอ่อนไหวขนาดนี้เลยหรอ โดยเฉพาะหญิงสาวร่างอวบคนนี้ที่จ้องมองใบหน้าเขาอย่างเย้ายวน
น้องชาย ฉันชื่อหลินเสวน น้องสามารถเรียกฉันว่าเสวนก็ได้นะ แล้วน้องชื่ออะไรค่ะ
เจียงซิ่วพูดว่า : เจียงซิ่ว
ชื่อเสี่ยวเจียงหรอ หน้าตาก็หล่อเหลา ไม่ทราบว่าเป็นคนที่ไหน
หลินเสวนพูดไม่หยุดหย่อน แถมยังบีบมือของเจียงซิ่วอีก หลังจากที่เจียงซิ่วดึงมือออก เธอก็เอามือมาวางบนขาของเจียงซิ่ว วางอย่างเดียวไม่พอ นิ้วโป้งยังสะกิดอีก มันหมายถึงอันนั้นใช่ไหม การเดินทางครั้งนี้ของสองคนต้องตกอยู่ในสภาวะกระอักกระอ่วนแน่เลย
เสี่ยวเจียงจะไปหางานที่เมืองหลวงหรอ?
ในสายตาของหลินเสวน เจียงซิ่วจะต้องเป็นคนธรรมดาแน่เลย เพราะเจียงซิ่วไม่ได้ซื้อตั๋ว และแม้แต่เงินซื้อตั๋วก็ไม่มี แสดงว่าฐานะทางบ้านก็คงไม่ดีแน่ๆ จึงต้องการไปเมืองหลวงเพื่อสร้างอนาคต
“ค่าบ้านตอนนี้ของเมืองหลวงสูงมาก แค่หนึ่งตารางก็ห้าหมื่นหยวนแล้ว และค่าเช่าบ้านอย่างน้อยพันกว่าหยวน ไม่มีทางอยู่ได้แน่”
หลินเสวนพูดอย่างตรงไปตรงมาว่า “น้องเสวนนับเป็นคนโชคดี มีกำไรมากมายจากการขายเสื้อ ไม่กี่ปีมานี้ก็ขายบ้านได้สองหลัง แถมยังมีบริษัทเสื้อผ้าของตัวเองด้วย เป็นไง สนใจทำงานบริษัทของน้องเสวนบ้างไหม ทำงานไม่หนักหนาอะไร แค่นั่งหน้าคอมเท่านั้น น้องเสวนจะให้พักฟรีกินฟรี แถมให้เงินเดือนล่ะหนึ่งหมื่นด้วย”
การเชื้อเชิญทำงาน แสดงถึงความต้องการครอบครองเจียวซิ่ว
เจียงซิ่วตอบคำถามไม่ไหวแล้ว
เสี่ยวเจียง น้องคิดว่าพี่เสวนหน้าตาเป็นไงบ้าง พี่จะบอกให้นะว่า คนที่ตามจีบพี่เสวนมีเยอะมาก มือจอมซนตะครุบบนขาเจียงซิ่วอีกแล้ว
ใบหน้าของเจียงซิ่วแสดงอาการรังเกียจ ฉันก็แค่นั่งตรงที่นั่งของเธอ แต่กลับโดนเธอลวนลาม ฉันจะยังมีเกียรติอะไรอยู่อีก?
ไปกับพี่เสวนไหม พี่เสวนเอ็นดูมากเลย
ถ้าฉันไป ไม่ยิ่งเพิ่มความน่าสงสัยอีกหรอ
ถ้าในมือเจียงซิ่วมีมีด คงทนไม่ไหวแทงใส่แล้วแน่เลย ผมแต่งงานแล้ว มีภรรยาแล้ว ในใจคิดอยู่ว่า หนึ่งปีผ่านไปแล้ว ไม่รู้ว่าเฉิ่นหลิงซู่จะแต่งงานใหม่หรือเปล่า แต่พอคิดถึงตรงนี้ เขาก็รู้สึกดีใจขึ้นมา ดีแล้ว เธอแต่งงานใหม่ดีแล้ว จากนั้นก็รู้สึกคิดถึงจัวยวู่เฉิน ไม่รู้ว่าเธอเป็นอย่างไรบ้าง แต่เธอคงจะได้รับแรงกดดันจากครอบครัว จนเกรงว่าคงแต่งงานใหม่แล้ว
ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม พวกเธอล้วนไม่ใช่คนที่เจียงซิ่วอยากแต่งงานด้วยแล้ว ถ้าพวกเธอแต่งงานใหม่ เขาก็ถือว่ามีโอกาสจีบเฉิ่งหลิงหรานใหม่อีกครั้ง
เพิ่งอายุแค่นี้เอง ก็แต่งงานแล้วหรอ?
ภรรยานายคงไร้ความสามารถล่ะสิ ถึงให้นายไปทำงานเมืองหลวงคนเดียว ถ้ากลับไปต้องหย่ากับเธอเลยนะ สิ่งที่สำคัญสำหรับผู้ชายที่สุดคือการแต่งงาน เพราะมันหมายถึงการเกิดใหม่ ในเมื่อเลือกครั้งแรกผิดพลาด ครั้งที่สองก็เลือกให้ดีๆ หน่อย หลินเสวนอดไม่ได้ที่อยากจะกลืนกินเจียงซิ่ว
อย่าว่าแต่เธอเลย คนที่เดินผ่านมาต่างก็อดไม่ได้ที่จะมองเขาสักหน่อย แต่ละส่วนบนใบหน้าที่สมบูรณ์ของเขาทำให้สัมผัสถึงความงดงาม ขนาดผลงานชิ้นที่ดีที่สุดของนักปั้นรูปปั้นยังสู้ไม่ได้เลย ราวกับเป็นความงดงามจากสรวงสวรรค์ประทาน
ระหว่างทางได้จอดรถ และรับคนๆหนึ่งขึ้นมา เป็นผู้ชาย อายุน่าจะประมาณสี่สิบปี เขาเดินตรงมาที่ที่นั่งของหลินเสวน ที่แท้ที่นั่งว่างข้างๆเป็นของชายคนนี้นี่เอง
น้องสาว คุณนั่งตรงที่นั่งของผม
หลินเสวนพูดว่า : เรียกอะไรนะ ที่นั่งตรงนี้ฉันนั่งแล้ว บอกมาว่าเท่าไหร่เดี๋ยวจ่ายให้
ชายคนนี้พูดว่า : คุณก็ดูสิว่าบนรถมีที่นั่งว่างเหลืออีกไหม?
หลินเสวนพูดว่า : “หนึ่งพันหยวนพอใจไหม” เธอควักเงินหนึ่งร้อยหยวนปึกหนึ่งวางบนโต๊ะ
คิดว่ามีเงินแล้วมีอิทธิพลหรอ ผมจะไม่ยอม
เมื่อตอนที่หลินเสวนอายุสิบหกปี เธอก็ไปทำงานที่เมืองหลวงคนเดียว จึงมีนิสัยชอบเอาชนะ : ฉันนั่งตรงนี้แล้ว งั้นเรามาดูกันว่าใครจะเจ๋งกว่ากัน
ชายคนนี้ในมือถือกระเป๋าราชการอยู่ น่าจะเป็นคนพื้นเมือง ชายคนนี้ไม่โต้เถียงกับหลินเสวนอีกแล้ว แต่เขาหันหลังเดินไปเรียกเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยมา
ผู้โดยสารทั้งสองท่าน
การกระทำต่อไปนี้เหมือนแทงรังต่อเลย หลินเสวนพูดว่า : “จะเอายังไงว่ามา จะตรวจสอบก็ตรวจสอบเลย”
เจียงซิ่วรีบยืนขึ้น และเดินออกมาพูดว่า : “ขอโทษด้วย เป็นเพราะผมนั่งผิดที่นั่งเอง พี่เสวนอย่ามีเรื่องกับคุณตำรวจเลย มันไม่คุ้มเสียนะ เชิญนั่ง”
“เสี่ยวเจียง เสี่ยวเจียง” หล่อขนาดนี้ และหลินเสวนก็หมายปองไว้แล้วด้วย อีกอย่างช่วงชีวิตตอนวัยรุ่นก็ใช้เวลาไปกับการทำงานจนหมดสิ้น ตอนนี้ต่อให้มีเงินเพียงเล็กน้อย ก็จะต้องกอบโกยความสุขของชีวิตก่อน ไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่จะเจอคนหน้าตาหล่อเหลาเพียงนี้ และยังสุภาพเรียบร้อยด้วย แล้วจะให้ปล่อยไปง่ายๆได้อย่างไร
รอเดี๋ยว
หลินเสวนไม่ทันได้เรียกเขา เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยก็คุมตัวเขาไปแล้ว
ตั๋วรถของคุณล่ะ
โอเค ถึงตอนนี้จะหนีได้ แต่ก็หนีไม่ได้ตลอดหรอก
ตั๋ว ของผม เจียงซิ่วแกล้งทำเป็นหาของ หาไม่เจอแล้ว อย่าให้ผมต้องซื้อใหม่เลยนะ ในกระเป๋ากางเกงเขามีสองร้อยหยวน เพียงพอซื้อตั๋วอีกใบแน่นอน
นั่งตรงที่นั่งของคนอื่นแล้ว ตอนนี้ยังไม่มีตั๋วอีก ผมว่าคุณแสร้งแกล้งทำมากกว่า เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยทำงานมาหลายปี มีประสบการณ์กว้างขว้าง เพียงพริบตาเดียวก็มองทะลุอุบายของเจียงซิ่ว
เจียงซิ่วพูดว่า : ทำหายจริงๆ
ทำหายหรอ ไม่เป็นไร ซื้อใหม่ได้ ตอนนี้เขาใช้ระบบคอมพิวเตอร์แล้ว แค่สแกนก็จะปริ้นตั๋วรถได้เลย งั้นรบกวนคุณเอาบัตรประชาชนให้ผมหน่อย
พอเจียงซิ่วได้ยินก็รู้สึกงงงวยชั่วขณะ จากนั้นเริ่มรู้สึกเก้อเขิน เขาได้แค่บอกว่า : บัตรประชาชนของผมหายไปแล้ว
งั้นคุณก็ไปตามผมมา
เจียงซิ่วชี้ไปที่ป้ายประกาศบนรถ : ในใบนั้นไม่ใช่เขียนไว้ว่าเทพนั่งฟรีหรอ?
เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยพูดว่า : คุณจะบอกว่าเป็นเทพหรอ อย่ามาพูดเป็นเล่น ไปกับผมอย่างดีๆจะดีกว่า เพราะท่าทางของคุณน่าสงสัยมาก
ไม่เชื่อหรอ?
เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยพูดว่า : ดูคุณพูด คุณยังกล้าทำเป็นล้อเล่นต่อหน้าตำรวจอีกหรอ?
หลินเสวนพูดขัดขึ้นว่า : น้องเจียง ไม่มีอะไรต้องกังวล งั้นเดี๋ยวพี่เสวนจะไปเป็นเพื่อน ก็แค่ซื้อตั๋วรถเอง มีอะไรยากลำบาก อย่างมากก็แค่โดนปรับ ถึงแม้ว่าเธอจะยอมทุ่มเทช่วยเหลือทุกอย่าง แต่เจียงซิ่วตอนนี้ตกอยู่สถานการณ์ที่กลืนไม่เข้าคายไม่ออก ความเสียสละของหลินเสวน ไม่ทำให้เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยคนนี้หลั่งน้ำตาและรู้สึกซาบซึ้งเลยสักนิดเดียว
แต่คิดว่าเป็นเด็กวัยรุ่นอายุยี่สิบปีคนหนึ่งออกจากบ้าน และรักความสบาย
“แต่เมื่อได้รับ…จากหลินเสวนก็…”
อืม เจียงซิ่วยื่นมือขวาออก และปล่อยเปลวไฟกองหนึ่งออกมาด้วยความแผดเผา
ทะ ทะ เทพ
เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยตกใจจนตาค้าง
โอ้มายก๊อด
หลินเสวนเอามือมาปิดปากตัวเอง ใบหน้าแสดงถึงความเหลือเชื่อ
ตอนนี้คุณเชื่อได้ยัง?
เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยผงกหัวรับอย่างสุดกำลัง : “ท่านเทพ ทำไหมท่านไม่บอกตั้งแต่แรกละ บนรถมีที่นั่งโดยเฉพาะของเทพด้วยนะ แถมยังสะดวกสบายกว่าชั้นนี้มาก ผมจะพาท่านไป”
ยังมีเรื่องแบบนี้ด้วยหรอ ถ้ารู้เร็วแบบนี้ ก็จะได้ปฏิบัติตามฐานะ
เมื่อดูเจียงซิ่วจากไป หลินเสวนเรียกเสี่ยวเจียงอย่างแผ่วเบาหนึ่งที แต่ไม่มีการตอบกลับมา นั้นคือเทพ ซึ่งจำนวนของเทพมีน้อยมาก ถ้าอยากทำงานหาเงินจริงๆ สำหรับเขาคงหาได้สบาย จะมาสนใจงานที่เธอเสนอที่ให้เงินเดือนแค่เท่านั้นได้ยังไง ภายในใจรู้สึกสิ้นหวัง ถ้าหากเขาเป็นคนธรรมดาก็คงจะดี แต่ว่าหน้าตาของเขาหล่อเหลาดั่งเทพบุตร เป็นไปไม่ได้ที่จะเป็นคนธรรมดา
หกชั่วโมงกว่าผ่านไป รถโดยสารมาถึงเมืองหลวงเจียงซิ่วโบกเรียกรถคันหนึ่ง แต่ครั้งนี้เขาไม่ได้บอกว่าตัวเองเป็นเทพ อย่างที่เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยได้พูดไว้ว่า เทพสามารถไปลงทะเบียนรับบัตรประจำตัวเทพที่สถานีตำรวจไหนก็ได้ก่อน ถึงจะสามารถใช้สวัสดิการได้เต็มที่
ระหว่างทางกลับไปบ้านที่เมืองหลวงภายในใจของเจียงซิ่วรู้สึกกังวล ผลปรากฏว่าบ้านคฤหาสน์ถูกขายแล้ว และมีครอบครัวใหม่มาพักอาศัยแทนแล้ว เจียงซิ่วสอบถามเจ้าของบ้านใหม่ ได้เรื่องว่าบ้านถูกซื้อเมื่อตอนต้นเดือนปีที่แล้ว น่าจะไม่กี่เดือนมานี้ ตามความคาดเดาของเธอ คนขายบ้านน่าจะเป็นหลินเหย่วหลิงผู้เป็นแม่
เขาลองไปหาหวังซินตงแต่บ้านหวังซินตงก็ขายไปแล้วเหมือนกัน