Girl, I’ll Teach You Cultivation – ฉันจะสอนเธอบ่มเพาะเอง - ตอนที่ 364
ตอนที่ 364 เปิดเผยหน้าตา
คนมีชื่อเสียงอย่างหวังข่ายมองไปที่เฉิงหลิงซู่แวบหนึ่ง แฝงไปด้วยความหมายที่ไม่อาจคาดเดาได้ แววตาแบบนี้ทำให้ใจของเฉิงหลิงซู่รู้สึกอึดอัดขึ้นมา ทำได้เพียงฟังหวังข่ายถาม”คนตัดสินคือเจียงลั่วเซี่ย?”
ท่านรองรัฐมนตรีพูด”ทำไม เธอไม่รู้หรือ?”
หวังข่ายส่ายหัว นี่เป็นงานเชื่อมสัมพันธ์ของทางราชการ ถึงแม้ว่าเขาจะเป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวาง แต่ก็เป็นวิสาหกิจเอกชน แน่นอนว่าทางรัฐบาลไม่มีทางที่จะแจ้งไปยังเขา
ท่านรองรัฐมนตรีพูด”โทรศัพท์ถามดูอีกที ว่าเจียงโหลวเซี่ยจะมาหรือไม่มา”
“ติดต่อไปแล้ว ทางนั้นบอกว่า เจียงโหลวเซี่ยมาถึงที่นี่ตั้งแต่เช้าแล้ว”
“มาแล้ว?”
เสียงประกาศจากลำโพงดังขึ้น”คุณชายเจียงโหลวเซี่ยขอเชิญคุณชายรีบไปที่เวทีประธาน คุณชายเจียงโหลวเซี่ย ขอเชิญคุณชายรีบไปที่เวทีประธาน มีเรื่องต้องการให้คุณชายช่วย”
เสียงที่ดังออกมาจากลำโพง ทำให้ทั่วทั้งบริเวณเสียงดังเซ็งแซ่ขึ้นมา
ชื่อเสียงของเจียงโหลวเซี่ยนั้นดังไปอย่างกว้างขวาง เป็นบุคคลที่มีกำลังแข็งแกร่งที่สุดในประเทศ นี่ไม่ใช่เพราะเจียงซิ่วสร้างกระแสขึ้นมาเอง และก็ไม่ใช่ประเทศเป็นคนพูดขึ้นมา แต่เป็นตำแหน่งที่ชาวต่างชาติแต่งตั้งให้กับเขา ตอนนี้คนที่มีพละกำลังที่ยอดเยี่ยมต่างก็ยกย่องสรรเสริญเขาจนถึงวันนี้ ถึงแม้ว่าตอนนี้เขาจะพิการไปแล้ว แต่ก็ไม่สามารถลบล้างความสามารถของเขาได้
“เจียงโหลวเซี่ยเป็นประธานตัดสินอย่างนั้นหรือ?”
“ไหนล่ะเขา ฉันไม่เคยเห็นเขามาก่อนเลย”
“อยากเห็นหน้าเขาสักครั้ง อยากจะเห็นกับตาสักครั้งคนที่มีชื่อเสียงเป็นอันดับหนึ่งของประเทศ ”
ผู้คนต่างพากันตื่นเต้น
เสียงประกาศดังขึ้นอีกครั้ง“คุณชายเจียงโหลวเซี่ยหากได้ยินแล้วขอให้รีบมาที่เวทีประธาน”
ดูไปที่เวที เงาของคนคนหนึ่งค่อยๆลุกขึ้นมา
“เรียกฉันเหรอ?”
คนรอบข้างต่างมองไปตรงนั้น ลู่ฉุนฉุนพูด ”บ้าไปแล้ว รีบนั่งลง คิดจะทำอะไร หล่อนทำให้ใจของนายไม่เป็นสุขหรืออย่างไร แต่ว่าที่นี่ไม่ใช่ที่จะก่อเรื่องนะ”
ตำรวจนายนั้นพูด”เขาคือเจียงโหลวเซี่ย คนที่มีอิทธิพลต่อเจียงหนานในตอนนั้น”
เจียงซิ่วพูด“คนคนนั้นก้คือฉันเอง”
“นาย ฮ่า ฮ่า ฮ่า…..”คนรอบข้างหัวเราะขึ้นมา
แต่เจียงซิ่วกลับไม่สนใจ เห็นแค่เพียงขาที่พิการของเขา เดินเป๋ไปที่เวทีประธาน รอบข้างต่างพากันเลิกลั่น ”นี่ เจ้าโง่คนนั้นไปจริงด้วย เจ้าโง่รีบกลับมา….”
ลู่ฉุนฉุนมองไปยังแผ่นหลังที่ดูอ้างว่างของเขา อดไม่ได้ที่จะชะงัก ค่อยๆเบิกตากว้าง เธอนึกถึงประโยคหนึ่งที่เจียงซิ่วเคยพูดกับเธอ เขาบอกกับเธอว่าครึ่งหนึ่งของเจียงหนานเป็นของเขา การที่สามารถทำได้ขนาดนี้เพราะเป็นคนของเจียงโหลวเซี่ย คุณชายเจียงอย่างเจียงเฉิง แต่ช่างบังเอิญเหลือเกิน เจียงซิ่วแซ่เจียง ก็คือเจียงเฉิง
“โอ้พระเจ้า”
ลู่ฉุนฉุนรู้สึกว่าใจของเธอนั้นเหมือนถูกกระชากอย่างแรง จนอดไม่ได้ที่จะยกมือป้องปากตัวเอง
“เขา เขาคือเจียงโหลวเซี่ย?”
ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่ เจียงโหลวเซี่ยคือคนที่เธอนับถือ ถึงแม้ว่าเธอจะเข้ามาสู่วงการนี้ได้ไม่นาน แต่หลังจากที่ได้ยินเรื่องของเจียงโหลวเซี่ยแล้ว เธอก็ค่อยๆไหวหวั่น ราวกับมีดที่ตั้งตระหง่านในซอกหลืบในใจเธอ
“เป็นไปไม่ได้”
สายตาทั้งหมดจ้องไปยังชายธรรมดา ที่ขาข้างหนึ่งพิการ หากการมีชื่อเสียงแล้วต้องกลายเป็นแบบนี้ก็ยังพอจะรับได้ แสงสว่างส่องไปยังบนตัวของเขา ราวกับอาทิตย์อัสดง แฝงไปด้วยความเย็นชาทุกคนล้วนพูดว่าเจียงโหลวเซี่ยนั้นไร้ค่าแล้ว แต่คนที่มีพละกำลังแข็งแกร่งในตอนนั้นตกต่ำในวันนี้ยังทำให้ผู้คนต่างเสียใจมีผู้หญิงบางคนที่ถึงกับอยากจะร้องไห้
ความจริงแล้วความเป็นผู้กล้านั่นไม่เคยถูกลบเลือน
“เสี่ยวซิ่ว….”เฉิงหลิงหรานมองไปที่เขา ภายในใจรู้สึกอะไรบางอย่างที่พูดออกมาเป็นคำพูดไม่ได้ การที่ได้มาเป็นผู้ตัดสินในการแข่งขันที่สำคัญแบบนี้นับว่าเป็นเกียรติอย่างยิ่ง แต่ว่าเมื่อทุกคนมองมาที่เขา ต่างก็รู้สึกสงสาร และต่างคิดว่าเขาเป็นวีรบุรุษไม้ใกล้ฝั่ง
“เหอะ”เหย่เหวิ่นเฉิน โอวหยางชิงและคนอื่นๆกลับรู้สึกว่าเขาไม่คู่ควรกับสิ่งเหล่านั้น
“เขามีสิทธิ์อะไรในการมาเป็นผู้ตัดสิน คนพิการแบบนี้”
คนที่อยู่บนเวทีก็จ้องเขม็งไปที่เจียงซิ่ว ชื่อเสียงของเจียงโหลวเซี่ยนั้นดังก้องหู แต่ไม่เคยเห็นกับตา ยิ่งคิดยิ่งแปลกใจ คนที่เป็นตำนานคนนี้จะรูปร่างหน้าตาเป็นอย่างไร
ท่านรองรัฐมนตรีอย่างหวังจื้อหมิงขมวดคิ้วพูด”รีบประกาศผลการตัดสินเถอะ ทุกคนล้วนกำลังรอเธออยู่นะ”
ท่านรอองรัฐมนตรีคนนี้เคยเห็นเจียงซิ่วอยู่ครั้งหนึ่งที่บ้านฉิง
เจียงซิ่วเดินมายังที่ว่าง เฉิงหลิงหรานนั้นหลังจากที่ตื่นเต้นในตอนแรก มุมปากยกขึ้นเล็กน้อย แววตาเต็มไปด้วยความกระหายสงครามมองไปยังที่เขา นี่เป็นเรื่องที่น่าติดตามอย่างใกล้ชิด ไม่ว่าใครก็เปลี่ยนแปลงไม่ได้ ไม่สนใจว่าเจียงซิ่วจะเห็นด้วยหรือไม่ ก็ไม่มีหนทาง ไหนจะที่ตอนนี้เจียงซิ่วเป็นแค่คนพิการคนหนึ่งแล้ว เชิญเขามาก็เพราะชื่อเสียงของเขาก็เท่านั้นเอง
“เฉิงหลิงซู่ได้รับรางวัลสานสัมพันธ์อันดับที่หนึ่ง ผู้ที่มีอายุน้อยกว่าสามสิบปีของเมืองเจียงหนาน เธอมาประกาศรางวัลสิ”
เฉิงหลิงซู่รอเจียงซิ่วประกาศผล
“รางวัลนี้ ไม่เหมาะสมกับเธอ”เจียงซิ่วพูด
ทันใดนั้นทั่วทั้งบริเวณเสียงดังขึ้นมา
สีหน้าของเฉิงหลิงซู่และคนที่สนิทกับเธอ รวมไปถึงเฉิงหลิงหรานเปลี่ยนไป
หวังข่ายพูดด้วยความโกรธ “เฉิงหลิงซู่ มีความสามารถในการจัดการกับฝ่ายตรงข้าม จนสามารถคว้าอันดับหนึ่งมาได้ โดยเฉพาะตอนที่ต่อสู้กัน ฝ่ายตรงข้ามก็ไม่มีแม้แต่ความกล้าที่จะต่อสู้ ตำแหน่งอันดับหนึ่งนี้ คุณมีอะไรมาพูดว่าเธอไม่เหมาะสมกับตำแหน่งนี้”
เฉิงหลิงซู่ก็จ้องเจียงซิ่วเขม็งด้วยความโกรธ
หวังจื้อหมิงที่อยู่ข้างๆนั้นก็พูดเตือนสติเสียงเบา”การที่เรียกเธอมาเพื่อที่จะให้นั่งอยู่เฉยๆ ดูการแข่งขัน แล้วก็ประกาศผลการแข่งเท่านั้น อย่างอื่นเธอไม่ต้องสนใจ”
“ผมหรือคุณกันแน่ที่เป็นผู้ตัดสิน” เจียงซิ่วพูด
“เธอ….”หวังจื้อหมิงพุดไม่ออก
ไม่ว่าจะเป็นเหตุผลอะไรที่ให้เขามานี้ แต่ตอนนี้เจียงซิ่วมาในฐานะกรรมการตัดสิน เขาเท่านั้นที่จะเป็นคนตัดสินใจ
เจียงซิ่วชี้ไปที่เฉิงหลิงซู่”เธอ โกง….”
สีหน้าของเฉิงหลิงซู่ค่อยๆเปลี่ยนไป ถึงแม้ว่าเธอจะไม่ได้เอาไข่มุกออกมาใช้ แต่เจียงซิ่วกลับรู้ เรื่องนี้เธอคิดว่าจะปิดบังก้ไม่ใช่เรื่องง่ายเลย แต่ที่เธอคาดไม่ถึงก็คือเจียงซิ่วกลับนำเรื่องนี้ออกมาเปิดเผย ไม่คิดถึงเรื่องราวที่เคยเกิดระหว่างเธอกับเขาตั้งแต่เล็กๆ ไม่คิดเลยว่าเขาจะทำกับเธอแบบนี้
เธอรู้สึกว่าใจของเธอนั้นถูกฉีกเป็นชิ้นๆ ดวงตาแดงก่ำขึ้นมา“ขอโทษนะ เธอมีอะไรมายืนยันหรือไม่”
“ของที่เธอใช้โกง ก็แขวนอยู่บนคอของเธอนั่นไง”เจียงซิ่วพูด
แต่ว่าของชิ้นนั้นเป็นของที่ฉันให้ช่วยปกป้องหรานหรานไว้ ใช้หนึ่งครั้งก็จะหายไปหนึ่งครั้ง หากเป็นอย่างที่เจียงซิ่วพูดจริง พวกเธอจะรู้ว่า กำลังที่เธอแสดงออกมานั้น พละกำลังยิ่งถดถอย
อาวุธนั้นแน่นอนว่าต้องอาศัยพลังเข้าช่วย ยิ่งกับอาวุธที่มีขนาดใหญ่แบบนี้แล้ว พลังที่มีก็ได้มาจากภายในร่างกาย ถึงแม้ว่าจะเป็นของที่สลายไป แต่กำลังก็ไม่หยุดที่จะลดลง
สีหน้าของเฉิงหลิงซู่ซีดยิ่งกว่าเดิม ”นายพูดมั่วๆ นายพูดมั่วๆ….”
เจียงซิ่วพูด”เฉิงหลิงซู่โกง จึงถูกตัดสิทธิ์ อันดับหนึ่งของผู้ที่อายุน้อยกว่าสามสิบปี คือฉินเทียนห่าวจากกลุ่มมีชีวิตเซียนฉิน…”
“เทียนห่าว นี่เป็นครั้งแรกของเธอก็ได้ตำแหน่งอันดับหนึ่ง”หญิงสาวที่เมื่อก่อนหน้านี้ยังโกรธเคืองแทนฉินเทียนห่าว กอดเขาเอาไว้ ส่วนฉินเทียนห่าวนั้นยังตกตะลึงไม่หาย
“ฉันว่าแล้ว ลานประลองสำหรับผู้เริ่มต้นแบบนี้ จะแสดงพลังออกมามากมายอย่างนั้นได้อย่างไรกัน”
หวังข่ายลุกขึ้นยืน มองไปที่เจียงซิ่วอย่างโกรธจัด แต่เจียงซิ่วกลับไม่สนใจ ”หากกรรมการตัดสินไม่เชื่อ พวกเราก็มีหลักฐาน พลังภายในตอนนี้ ใช้สำหรับปกป้องร่างกาย เมื่อเจอกับการโจมตีก็จะเพิ่มแรงขึ้นมา ไม่ว่าใครใส่ต่างก็มีผลลัพท์เหมือนกัน”
“ทำไม เจียงซิ่ว ทำไมนายถึงทำร้ายฉันแบบนี้?”ตาของเฉิงหลิงซู่เต็มไปด้วยน้ำตา ตาสีแดงก่ำจ้องไปที่เจียงซิ่วด้วยความโกรธ”ฉันไปทำอะไรให้นาย?”
เจียงซิ่วมองเธอกลับมาด้วยสยตาเย็นชา
“เจียงซิ่ว เธอมันอันตพาล ลูกสาวของฉันไม่ชอบเธอ ก็ทิ้งเธอไป เธอก็เลยคิดที่จะทำร้ายเธออย่างนี้? เธอยังเป็นคนอยู่มั้ย?”ตามองไปยังมือที่กำลังจะได้รางวัลแต่กลับถูกเจียงซิ่วริบไป ซุ่นเสี่ยวหงก็ไม่คิดจะสนใจอีกแล้วว่าตอนนี้ตัวเองอยู่ที่ไหน ราวกับว่าเขาเป็นผู้หญิงวัยทองที่เริ่มเปิดปากด่าว่า
“ท่านกรรมการทั้งหลาย อย่าไปฟังเขา เขาถูกลูกสาวของฉันสะบัดรัก พวกเธอดูเขาสิ พละกำลังไม่มีแล้ว เงินก้ไม่มี แถมยังจะกลายเป็นคนพิการ ตอนนี้ยังถูกลูกสาวของฉันทิ้งไปอีก ใจของเขาตอนนี้ไม่ปกติ เขาในตอนนี้คือคนโรคจิต เป็นคำพูดของคนโรคจิต พวกเธอว่าจะเชื่อได้อย่างนั้นหรือ?”
ในตอนนี้ ก็มีเสียงหนึ่งดังขึ้นมา ”ผู้หญิงคนนี้พูดไม่ผิด คนพิการคนหนึ่งที่ชีวิตของเขาเปลี่ยนไปจากเดิมอย่างมาก จิตใจก็ย่อมไม่ปกติ ฉันคิดว่า คนที่สมควรได้รับตำแหน่งนี้ก็คือคุณหนูเฉิงซู่หลิง”
เมื่อได้ยินดังนั้นก็หันไปมอง เห็นเพียงแต่วัยรุ่นคนหนึ่ง เดินมาทางนี้
ต่างพากันตกใจ เหมือนกับจูเก๋อเทาที่เจียงซิ่วฆ่าตอนที่อยู่หัวเป่ยไม่ผิดเพี้ยน
“คุณชายจูเก๋อ”
“องค์ชาย”
ไม่เพียงแต่ผู้ชมเท่านั้น แม้แต่หวังข่าย หวังจื้อหมิงรองรัฐมนตรีแห่งเมืองเจียงหนาน ตัวแทนของเซียนฉินที่นั่งอยู่บนเวทีต่างก็ลุกขึ้นยืนต้อนรับ
องค์ชายจูเก๋อสือ องค์รัชทายาทลำดับที่หนึ่งแห่งเมืองเจียงหนาน