Girl, I’ll Teach You Cultivation – ฉันจะสอนเธอบ่มเพาะเอง - ตอนที่ 365
ตอนที่ 365 อำนาจคุกคาม
เมื่อเห็นว่าเป็นใคร เสียงดังเซ็งแซ่ก็ลุกขึ้นมาคำนับ เจียงหนานในตอนนี้ อิทธิพลของคนคนนี้คุ้มฟ้า ทุกคนต่างแหวกทางให้ ไม่มีใครที่กล้าจะเข้าใกล้เข้าเกินกว่าห้าเมตร บรรยากาศเริ่มรู้สึกกดดัน แม้แต่คนที่มีตำแหน่งสูงสุดต่างก็มองไปยังเจียนหมอ
“องค์ชาย ทำไมถึงมาได้ เรื่องเล็กๆแบบนี้ ยังจะเหนื่อยถึงท่าน”หวังจื้อหมิงรีบประจบ
จูเก๋อหนิงโบกมือเบาๆ หมายความว่าไม่ต้องทำเป็นเรื่องใหญ่โต แต่ดวงตาทั้งคู่จ้องไปที่เจียงซิ่ว”อย่างไรเสียก็เป็นตำนานของเมืองนี้ ฉัน…แน่นอนว่าต้องมาดูอยู่แล้ว”
เมื่อมาถึงก็เหมือนกับใช้อำนาจบาตรใหญ่ มีอย่างที่ไหนที่บอกว่าเพียงแค่มาดูเฉยๆ แบบนี้มันเรียกมาแสดงอำนาจชัดๆ
สีหน้าเห็นใจจากคนรอบข้างต่างมองไปที่เจียงซิ่ว อิทธิพลของบ้านจูเก๋อที่เจียงหนานนั้น ก็เหมือนกับเจียงซิ่วในตอนนั้น ไม่สิ มากกว่าเจียงโหลวเซี่ยอยู่นิดหน่อย ตอนนั้นเจียงโหลวเซี่ยที่เป็นข้าหลวงที่มีปัญหากับเขา แต่ตอนนี้พรมแดนเจียงหนานนั้นล้วนเป็นคนของบ้านจูเก๋อ
หลังจากที่มีคนรวบรวมแผ่นดินแล้ว ก็ไม่มีใครไปขอบคุณผู้ที่รวบรวมแผ่นดินนั้นเลย
จูเก๋อหนิงพึมพัม”เหอะ น่าเสียดาย ช่างน่าเสียดาย คนที่มีชื่อเสียงในตอนนั้นอย่างเจียงโหลวเซี่ยตอนนี้จะกลายเป็นแบบนี้ไปซะได้ อย่างนี้เขาเรียกว่าอะไรนะ โหลวเซี่ยแมวเก้าชีวิต ชีวิตหนึ่งพันปี ไม่ยึดติดกับสิ่งใดลอยไปกับสายลม อะไรก็ดูไม่สมบูรณ์สักอย่าง ดูตัวเองตอนนี้สิ คนก็ไม่เหมือนผีก็ไม่เหมือน”
คนรอบข้างต่างก็พยักหน้าเห็นด้วยอย่างเงียบๆ ดูชัดว่าต่างก็พากันดูถูกเจียงซิ่ว เจียงซิ่วก็เหมือนกับตำนานที่ยังมีชีวิต ทั้งๆที่จริงแล้วแม้แต่จะเหยียบเข้าพระราชวังก็ยังไม่มีสิทธิ์
“เชิญองค์ชาย…..”
“องค์ชายมาแล้ว ผลการตัดสินนี้แน่นอนว่าต้องให้องค์ชายเป็นคนตัดสิน”
จูเก๋อหนิงยิ้มแหย”ฉันบอกแล้วไง ว่าตำแหน่งอันดับหนึ่งนั้นจะต้องเป็นของหวังข่าย ”ความสัมพันธ์ระหว่างครอบครัวของของจูเก๋อและทีมของหวังข่ายนั้นค่อนข้างที่จะเปราะบาง เพราะมีองค์ชายคอยสนับสนุนอยู่เบื้องหลัง ไม่ว่าเฉิงหลิงซู่จะโกงหรือไม่ก็ตาม อย่างนั้นแล้วการแข่งขันครั้งนี้ถือว่าเฉิงหลิงซู่นั้นเสียสิทธิ์อย่างแท้จริง
หวังจื้อหมิงปรบมือพูด“ใช่ ใช่ ความจริงต้องเป็นอย่างนั้น”
เสียงปรบมือจากผู้คนเริ่มดังขึ้นมา เสียงดังกึกก้อง
“ยินดีกับทีมของหวังข่ายที่ได้ตำแหน่งที่หนึ่ง”
“ยินดีด้วย”
“มันก็ต้องเป็นอย่างนั้นอยู่แล้ว”
เหมือนกับว่าคำพูดขององค์ชายแห่งเมืองเจียงหนานนั้น การโกงที่พูดถึงไม่เคยเกิดขึ้น การที่เฉิงหลิงซู่ได้ตำแหน่งนี้ก็ถือว่าเป็นไปด้วยความโปร่งใส
“ขอบคุณองค์ชาย ขอบคุณองค์ชาย…..”ซุนเสี่ยวหงน้ำตานองหน้า
“ซู่ซู่ ยินดีด้วยนะ”
โอวหยางชิง ลี้ตันและคนอื่นๆต่างพากันมาที่ข้างๆของเฉิงหลิงซู่ ถึงแม้ว่ายังจะคุกรุ่น อย่างมากก็สามารถดึงความสนใจจากองค์ชายรัชทายาทอันดับที่หนึ่งของเมืองเจียงหนาน ถึงแม้จะมองเพียงหางตาก็ยังดี
“ขอบคุณนะ”เฉิงหลิงซู่ยิ้มออกมาได้อีกครั้ง
สุดท้ายแล้วเธอก็ได้ตำแหน่งนี้มา เดิมทีเมืองเจียงหนานก็ไม่ใช่สถานที่ที่เธอจะมาทำชื่อเสียงอะไรได้ ไม่นับกับที่เขาพูดกันในตอนแรกนั้น ใครจะรู้ว่าเขาจะมาเป็นกรรมการตัดสินครั้งนี้ด้วย
“ขอบคุณทุกคน ฉันจะพัฒนาตัวเองต่อไปเรื่อยๆ”
แต่ในเวลานี้ เจียงซิ่วกลับพูดด้วยน้ำเสียงหาเรื่อง ”นายเป็นใคร?”
ทั่วทั้งบริเวณเงียบลงทันที
เขาบ้าไปแล้วหรืออย่างไร?
ไม่คิดว่าจะกล้าถามว่าองค์ชายคือใคร?
“ฉันเป็นใคร แกฟังให้ชัดเจน จูเก๋อหนิงลูกชายของจูเก๋อสือแห่งบ้านจูเก๋อ”
แต่เจียงซิ่วกลับส่ายหน้า “ไม่เคยได้ยินมาก่อน นายคิดว่าตัวเองเป็นใคร ที่แห่งนี้นายมีสิทธิ์ที่จะพูดหรือ?”
แบบนี้ต้องคัดค้าน
เจียงโหลวเซี่ยกำลังรนหาที่ตายชัดๆ
“อะไร?”
จูเก๋อหนิงไม่อยากจะเชื่อเลยว่า เจียงซิ่วจะทำให้เขาไปต่อไม่เป็นแบบนี้
“นายคิดว่าตัวเองเป็นใคร ใช่เวลาที่นายจะพูดหรือ? ฉันเป็นกรรมการของที่นี่ เรื่องของที่นี่ ต้องฟังฉัน”เจียงซิ่วพูด
ช่างเด็ดเดี่ยวจริงๆ
ถึงแม้ว่าตอนนี้จะไม่เหมือนแต่ก่อน มีการสืบช่วงตำแหน่ง ลูกชายของชายแดนก็ไม่ใช่ผู้สืบทอดตำแหน่ง เขานั้นไม่มีอะไรเลย พูดตรงๆก็คือเป็นช่วงที่สองที่รับช่วงต่อ ไม่มีสิทธิ์ในที่แห่งนี้เลยตั้งแต่แรก ถ้าหากเขาคิดจะขยี้เจียงซิ่วแล้วละก็ ก็เหมือนกับขยี้มดตัวหนึ่งให้ตาย
ทุกคนล้วนตกตะลึง เจียงโหลวเซี่ยบ้าไปแล้วจริงๆ หากองค์ชายลงโทษขึ้นมาแล้วละก็คงจะไม่รอด ยังคิดว่าตัวเองเป็นคุณชายเจียงอย่างเมื่อก่อนอีกเหรอ
“แก….”
ข้างกันนั้นก้มีคนหนึ่งพูดขึ้น”เสี่ยวหนิง คุณชายเจียงก็พูดไม่ผิด เขาเป็นกรรมการตัดสินในครั้งนี้ ผลจะเป็นอย่างไร พวกเราก็ไม่มีสิทธิ์เข้าไปยุ่ง พวกเราเป็นแค่ผู้ชมเท่านั้น”
คนคนนี้อายุสี่สิบกว่าปี ใบหน้าขาวซีดแปลกๆ น่าจะเกิดมาจากโรคด่างขาว ประเทศนี้มีกฏว่า ลูกหลานสายตรงของผู้รวบรวมแผ่นดินนั้นห้ามทำเกี่ยวกับธุรกิจ สมบัติของเจียงซิ่วนั้นล้วนตกอยู่ในมือของจูเก๋อชาง แน่นอนว่าไม่ใช่เขา แต่เป็นบ้านตระกูลจูเก๋อ
หวังซินถงบอกเขา สมบัติของเขาถูกคนพวกนั้นถูกขูดรีดทีละเล็กทีละน้อยจนหมด รวมทั้งสร้อยคอที่เขาซื้อให้แม่ บ้านพักตากอากาศที่ตี่ตู ถนนที่หยินหู สุดท้ายสิ่งที่เหลือให้แม่ของเขา ก็คือห้องผุๆหนึ่งห้อง เหมือนดังกับจุดเริ่มต้นของเขา
และคนนี้ก็เป็นสะพานเชื่อมระหว่างบ้านจูเก๋อกับนักดาบแห่งเมืองเสฉวน เขาเป็นลูกศิษย์ของนักดาบคนนั้น
“แต่ว่า….”
“ถ้าหาก มีบางคนริดรอนสิทธิ์การเป็นกรรมการตัดสิน ก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง”ความคิดของเขาขัดขึ้นมา
จูเก๋อหนิงยิ้มขึ้นมา”ลุงชาง ลุงคงจะไม่ส่งคนไปบ้านของคุณชายเจียงหรอกใช่มั้ย เขาเป็นถึงเจียงโหลวเซี่ยเลยนะ ผู้มีชื่อเสียงโด่งดังอย่างเจียงโหลวเซี่ย ที่แม้ว่าจะกลายเป็นคนพิการแล้วก็ยังจะกล้ากำเริบเสิบสานแบบนี้”
จูเก๋อชางยกหนังสือแต่งตั้งตำแหน่งขึ้นมา ”นี่คือชายแดนจูเก๋อมอบให้แก่ฉัน ถ้าหากเจียงโหลวเซี่ยรับผิดชอบเป็นกรรมการตัดสินในครั้งนี้ มีการตัดสินอย่างไม่ชอบธรรม ก็ให้ยกเลิก”
เมื่อพูดออกไป ผู้คนโดยรอบก็เริ่มแสดงความคิดเห็นกัน
ในเมื่อเชิญคนมาเป็นประธานกรรมการตัดสินแบบนี้แล้ว หากไม่มีความไว้วางใจซึ่งกันและกันแล้ว ก็ให้เป็นกรรมการธรรมดาก็ได้ ทำไมจะต้องให้ตำแหน่งประธานกรรมการแก่เขา ไหนยังจะเตรียมจดหมายเลิกจ้างเอาไว้แล้วอีก
นี่ไม่เรียกว่าจงใจกลั่นแกล้งเขาหรืออย่างไร?
ตั้งใจที่ทำให้เจียงโหลวเซี่ยอับอาย
ทุกคนต่างก็เห็นอกเห็นใจเจียงซิ่ว ต่างรู้สึกว่าเรื่องที่เกิดขึ้นกับเขานั้นช่างเยอะแยะเหลือเกิน เมื่อกี้ที่ยั่วโมโหองค์ชายจูเก๋อ ก็เหมือนกับรนหาที่เจ็บตัว คิดจะคว้าความน่านับถือและเกียติยศครั้งสุดท้าย แต่สิ่งที่ได้รับกลับเป็นความอับอายที่ไม่ไว้หน้า
จูเก๋อชางมองไปที่เจียงซิ่ว”คุณชายเจียง ยังคิดจะยืนหยัดความเห็นของตัวเองอยู่หรือไม่?”
ไม่ยอมรับคำประชดของพวกเขา จะยืนหยัดในความเห็นของตัวเองก็ไม่น่าจะได้ความอะไร สุดท้ายแล้วก็เป็นพวกเขานั้นแหล่ะที่เอาความคิดตัวเองเป็นใหญ่ ตรงกันข้าม จะมองไปทางไหนเขาก็ตกต่ำอยู่ดี กลายเป็นตัวหมากให้กับบ้านจูเก๋อ ทำตามอย่างที่พวกขาต้องการ
“เอาขึ้นมา”
คนหนึ่งโยนกระสอบเข้าไปกลางวง
“เจียงโหลวเซี่ย นายยังรู้จักเขามั้ย?”
เจียงซิ่วมองไปยังหัวผู้ชายที่โผล่ออกมาจากถุงกระสอบ อายุห้าสิบกว่า ดวงตาเบิกกว้าง มุมปากมีเลือดไหล ดูแล้วรู้สึกคุ้นหน้าแต่ก็ยังคิดไม่ออก
“คุณชายเจียง…..”เขาเดินเหมือนกับร่างไร้วิญญาณ
“มู่เจี้ยนผิง”
“ใช่ มู่เจี้ยนผิง หัวหน้าตระกูลหนึ่งในสี่ตระกูลใหญ่อย่างบ้านมู่ ทำทีเป็นคนไร้ประโยชน์ เข้ามาเป็นทาสของบ้านจูเก๋อปีกว่า แต่ว่าโชคไม่ดี ถูกพวกเราจับได้เสียก่อน”
ตอนนั้นที่เสี่ยวเจี้ยนและจูเก๋อเทาถูกเจียงซิ่วฆ่า มู่เจี้ยนผิงคนนี้ก็อยู่ในเหตุการณ์ด้วย แน่นอนว่านักดาบแห่งเมืองเสฉวนและบ้านจูเก๋อไม่มีทางปล่อยเขาเอาไว้ บ้านมู่ถูกทำลาย มู่เจี้ยนผิงกลายเป็นคนไร้ค่า เพื่อแก้แค้นจึงแฝงตัวเข้าเป็นทาส แต่สุดท้ายกลับต้องมากลายเป็นแบบนี้
“คุณชายเจียง คิดว่าไงบ้าง”จูเก๋อชางถาม
“เกี่ยวข้องอะไรกับฉัน?”เจียงซิ่วพูด
สีหน้าของจูเก๋อชางขรึมลง“ตอนนั้นแกอยู่ที่หัวเป่ย ฆ่าเสี่ยวเจี้ยน ไหนจะลูกศิษย์ของบ้านจูเก๋ออย่างจูเก๋อเทา แกคิดว่าตัวเองในตอนนี้จะกลายเป้นคนพิการแล้ว จะถูกละเว้นไปได้อย่างนั้นหรือ?”
“นายคิดจะทำอะไร?”เจียงซิ่วพูด
“เข้ามาเป็นทาสของบ้านจูเก๋อตลอดชีวิต”จูเก๋อชางพูด
เจียงซิ่วหัวเราะเสียงดัง“ฉันเกรงว่านายจะรับฉันไว้ไม่ได้”
จูเก๋อชางพูด“บ้านจูเก๋อของฉันใจกว้าง อย่าถูกถึงคนพิการอย่างแก แม้จะเป็นสิ่งที่แกเคยทำเอาไว้ บ้านจูเก๋อก็รับได้ทั้งนั้น”
“ชาง”
ทันใดนั้นก็มีเสียงหนึ่งดังมาจากที่ไกลๆ ทำให้ก้อนเมฆบนท้องฟ้าสั่นสะเทือน ทุกคนต่างตกใจมองไปที่ท้องฟ้า แต่กลับมองไม่เห็นออะไร
“คุณชายเจียงเป็นคนที่ยอดเยี่ยม ไม่สมควรที่จะถูกทำให้อับอายแบบนี้”
เสียงดังขึ้นอีกครั้ง เหมือนกับว่าเสียงนั้นดังมาจากที่ไกลแสนไกล
สีหน้าของจูเก๋อชางแสดงถึงความกลัว จนรีบคุกเข่า พร้อมกันนั้นก็ยื่นมือไปหาจูเก๋อหนิง จูเก๋อหนิงก็รีบคุกเข่าด้วยเช่นกัน ได้ยินเพียงจูเก๋อชางพูด ”ศิษย์เคารพท่านอู๋เย่”
แย่แล้ว แย่แล้ว
ซืออู๋เย่มาอย่างนั้นหรือ?
สีหน้าของผู้คนต่างเปลี่ยนไป เงยหน้ามองขึ้นมองหา ท้องฟ้าที่เหมือนแหล่งน้ำที่กว้างใหญ่ ไม่เห็นร่องรอย แต่เสียงนั้นกลับลอยมา ช่างน่าประหลาด”ลุกขึ้นเถอะ”
“ขอบคุณท่านอู๋เย่”
เจียงซิ่วเงยหน้าขึ้นไป สายตามองผ่านชั้นก้อนเมฆ มองเห็นชายคนหนึ่งยืนอยู่บนดาบลอยอยู่บนนั้น
“ซืออู๋เย่”
“เจียงโหลวเซี่ย หากไม่มาเป็นทาสของบ้านจูเก๋อ ไม่อย่างนั้นก็ตาย”