Girl, I’ll Teach You Cultivation – ฉันจะสอนเธอบ่มเพาะเอง - ตอนที่ 366
ตอนที่ 366 หยินหยางบรรจบกันยามรุ่งสาง
ภายในบริเวณเงียบสงบ บรรยากาศน่าอึดอัดค่อยๆ คืบคลานเข้ามาอย่างไม่รู้ตัว รอคอยการเลือกของเจียงซิ่ว แต่ไม่ว่าจะเลือกอะไร ล้วนแล้วทำให้คนต่างก็เวทนา บางที จุดจบของผู้แข็งแกร่งนั้นล้วนเป็นแบบนี้
สายตาของเจียงซิ่วมองไปยังเฉิงหลิงหราน เธอเองก็มองมาที่เขาอย่างเลิกลั่น แววตาเวทนา เต็มไปด้วยเส้นเลือด แต่ไม่มีน้ำตา เธอสามารถร้องไห้แก่โชคชะตาของเจียงซิ่วได้ แต่ไม่ใช่กับการถูกอันธพาลข่มเหงแบบนี้
หวังอี้มองมายังเจียงซิ่ว เฉิงหลิงหรานยิ้ม รอยยิ้มที่แฝงไปด้วยความขื่นขม เหมือนกับคนที่เห็นดอกไม้กลางทะเลทราย เป็นสิ่งที่ทำให้คนใจสั่น และเป็นสิ่งที่มอบพลังให้แก่คนรอบข้างจนไม่อาจเทียบได้
“อะไร ”จูเก๋อชางเห็นเจียงซิ่วลังเล ก็พูดขึ้น”เลือกไม่ได้อย่างนั้นหรือ ทำไมตอนนั้นถึงลงมือฆ่าจูเก๋อเทาได้อย่างง่ายดายขนาดนั้น แต่พอมาวันนี้ ตอนที่ฆ่าเสี่ยวเจี้ยนจู่ ก็ไม่คิดว่าจะมีวันนี้อีก”
“เจียงโหลวเซี่ย แกแย่แน่….
ครั้งนี้ถือว่าบ้านจูเก๋อนั้นเตรียมพร้อมมาอย่างดี หากเจียงซิ่วพิการจริง พวกเขาก็ไม่ต้องลงแรงอะไรมากมายก็สามารถเอาชนะได้ ทั้งอับอาย และทั้งความเกียดที่มีอยู่เต็มหัวใจ แต่ถ้าหากเจียงซิ่วนั้นแกล้งว่าตัวเองพิการ ข้างบนฟ้าก็ยังมีดาบในตำนานของท่านอู๋เย่ แน่นอนว่าต้องจัดการทันที เพื่อไม่ให้เกิดข้อผิดพลาด เขาต้องการที่จะให้เจียงซิ่วไม่มีวันชูคอขึ้นมาได้อีก และบ้านจูเก๋อก็จะเป็นใหญ่ในเมืองเจียงหนาน
“ขอร้องฉันสิเจียงโหลวเซี่ย บางทีหากแกยอมคุกเข่าขอร้องฉัน ฉันอาจจะปล่อยแกไปก็ได้”จูเก๋อชางพูดอย่างเป็นต่อ สายตาจับจ้องไปที่เจียงซิ่ว ท่าทีเหมือนทุกอย่างอยู่ในความควบคุม
เจียงซิ่วใช้สายตาเย็นชามองไปที่เขา แววตาไม่มีความรู้สึกใดๆซ่อนอยู่
“คุกเข่าไม่ได้?”
“ก็ใช่ แกเป็นถึงคุณชายเจียง เจียงโหลวเซี่ยที่มีชื่อเสียงดังกระฉ่อน คนที่เก่งมีความสามารถ จะมาคุกเข่าอ้อนวอนคนอย่างฉันได้อย่างไรกัน หากเป็นฉันก็ขอยอมตายเสียยังจะดีกว่า”
“ถ้าอย่างนั้นฉันจะช่วยแก….”จูเก๋อชางพูด
“เอาตัวเขาขึ้นมา”
ทุกคนมองไปยังประตูทางเข้า เห็นเพียงแต่สองสามีภรรยาวัยกลางคนคู่หนึ่งที่ถูกมัดเอาไว้เดินเข้ามา คนรอบข้างต่างพากันสงสัย ”แล้วสองคนนี้เป็นใครอีกล่ะ?”
เมื่อเห็นสองสามีภรรยาคู่นี่ บ้านของเฉิงหลิงหรานต่างก็มีสีหน้าตกใจ
“นี่…..”
แน่นอนว่าพวกเขาคิดไม่ถึงเลยว่ามือดาบที่แข็งแกร่ง ตระกูลบ้านจูเก๋อที่แข็งแกร่ง จะจับเอาพ่อแม่ของเจียงซิ่วมาเป็นตัวประกัน ไม่นานผู้นคนต่างก็เข้าใจแล้วว่าชายหญิงคู่นี้คือใคร
ประวัติของพวกเขาล้วนโด่งดัง พ่อแม่ของเจียงโหล่วเซี่ย
“เจียงโหลวเซี่ย ช่างเป้นคนที่หนักแน่นจริงๆ พ่อแม่ของเธออยู่ในกำมือของฉัน ก็ยังจะสงบแบบนี้ได้อีก ไม่แปลกใจว่าในตอนนั้นแกถึงปกครองเจียงหนานได้ ฉันนับถือแกจริงๆ”จูเก๋อชางค้นพบว่าตัวเองนั้นคิดผิด ตอนที่จับพ่อแม่ของเจียงโหลวเซี่ยออกมา แต่กลับไม่ได้สร้างความตกใจให้แก่เจียงซิ่วได้เลย ไม่สามารถทำให้เขาคุกเข่าลงได้ เหมือนกับว่าไม่มีความสำคัญอะไรสำหรับเขา
“เสี่ยวซิ่ว พวกเราไม่เป็นไร….”เจียงหยี่พยายามเค้นเสียงออกมา
สถานการณ์ในวันนี้ เจียงหยี่และหลินเหย่หลิงล้วนวางแผนรับมือไว้แล้ว เจียงซิ่วทำนั้นล้วนเป็นเรื่องที่อันตราย ไหนจะกลายเป็นผู้จัดการ มีหน้ามีตาไม่น้อย แน่นอนว่าความมั่งคั่งก็มีตามมาด้วย แต่ขณะเดียวกัน คนที่คิดจะทำลายก็มีไม่น้อยเช่นกัน
“เจียงโหลวเซี่ย แกยังจะแสดงละครต่อไปอีกหรือ?”
“เรื่องของบ้านหวังแกเป็นคนทำใช่มั้ย แกคิดว่าจะไม่มีใครรู้หรือไง ช่างน่าสมเพส แกคิดจะอยู่ในเมืองเจียงอย่างเงียบๆ ก็ไม่มีปัญหาอะไร แต่พอเกิดเรื่องกับบ้านหวัง หวังซินตันรับช่วงต่อ มือที่แกคอยชักใยอยู่เบื้องหลังนั้นจะล้างอย่างไรก็ล้างไม่ออก”
ทุกคนต่างก็มีเครื่องหมายคำถามขึ้นมาในหัว
“เจียงโหลวเซี่ย พลังของแกยังมีอยู่ และแกก็ไม่ได้พิการด้วย”
“อะไรนะ?”
จบคำพูด ทั้งบริเวณก็เสียงดังขึ้นมา
“เจียงโหลวเซี่ยไม่ได้พิการ เขาแกล้งทำ?”
พ่อแม่ของเจียงซิ่ว บ้านของเฉิงฮั่นหลิน และคนที่อยู่บริเวณนั้นต่างจ้องเขม็งมองไปยังเจียงซิว รอคอยคำตอบของเขา โดยเฉพาะเฉิงหลิงซูจากบ้านเฉิง ดวงตาคู่สวยสั่นไหวมองไปที่เขา
คนที่อยู่บนฟ้าอย่างซืออู๋เย่ที่ไม่ได้ส่งเสียงมานานพูด ”เจียงเพื่อนรัก เรื่องก็มาถึงขั้นนี้แล้ว ยังคิดจะเสแสร้งแบบนี้ไปเรื่อยๆ อย่างนั้นหรือ เปล่าประโยชน์”
เจียงซิ่วก้มหน้าลงเพื่อไม่ให้คนอื่นเห็นสีหน้าของเขา แต่ไหล่ของเขากลับสั่นสะท้าน เสียงหัวเราะดังขึ้นเบาๆ และค่อยๆดังขึ้น”ฮ่า ฮ่า ฮ่า……”
ครืนน!
เสียงที่ดังมากับเสียงหัวเราะ เสียงที่ดังกึกก้องออกมา นี่เป็นพลังแกร่งกล้าที่ไม่สามารถคาดการณ์ได้ ราวกับพายุโหมกระหน่ำ สะท้านไปทั่วฟ้าและผืนดิน ผมและดวงตาของเขามองเห็นความเร็วที่เพิ่มขึ้นมา เหมือนกับกองไฟที่กำลังแผดเผาขนาดใหญ่ หินก้อนโตก็ตั้งตรงขึ้นมา ไม่มีที่ไหนที่จะไม่ถูกพลังนี้กวาดไม่ถึง ดวงตาดูลึกลับ ลำตัวเหยียดตรง เสื้อผ้าพลิ้วไปกับลม ทั้งร่างเหมือนกับเทพกรีกโบราณ และยังเหมือนกับปีศาจที่ออกมาจากนรก
แย่แล้ว แย่แล้ว แย่จนไม่รู้ว่าจะแย่ขนาดไหนแล้ว
สถานการณ์ภายในเริ่มโกลาหล คนที่เห็นฉากนี้แล้ว ทุกคนล้วนถลึงตาเบิกโพลง
นี่เป็นหน้าที่แท้จริงของเจียงโหลวเซี่ยอย่างนั้นหรือ?
เขาเสแสร้งแกล้งทำจริงๆ
หัวของเฉิงหลิงซู่เหมือนกับจะระเบิดออกมา มองเห็นรูปลักษณ์ที่สวยงามเหมือนเทพเจ้าอย่างเจียงซิ่ว จัดการกับใจของตัวเธอเองไม่ได้ พลังเหือดแห้ง อะไรคือพิการแล้ว ทั้งหมดล้วนเป็นเรื่องโกหก เสแสร้ง ทำไม ทำไมนายถึงโกหกฉัน?
“นี่มัน…..”เฉิงฮั่นหลิน ซุนเสี่ยวหงต่างก็พูดไม่ออก
โอวหยางชิงเองก็เป็นครั้งแรกที่เคยเห็นใบหน้าที่แท้จริงของเจียงซิ่ว”โอ้พระเจ้า แท้ที่จริงแล้วเขามีรูปร่างหน้าตาแบบนี้หรือ แบบนี้หล่อมากเลย”
ทั่วทั้งบริเวณเกิดเสียงดังขึ้นมา
ทุกคนล้วนตื่นเต้นกับเหตุการณ์ที่เกิด
“เสี่ยวซิ่ว”เฉิงหลิงหรานเอามือปิดปากตัวเอง น้ำตาที่คลออยู่นั้นห้ามไม่ได้ที่จะไหลลงมา
“พวกแกคิดว่า ฉันกลัวพลังของนักดาบแห่งเมืองเสฉวน กลัวอำนาจของบ้านจูเก๋อ จึงแสร้งเป็นคนไร้ประโยชน์ เป็นคนพิการอย่างนั้นหรือ?” สีหน้าของเจียงซิ่วมีรอยยิ้มเยาะขึ้นมา “พวกแกมั่นใจในตัวเองมากเกินไปหน่อยแล้ว”
“พวกแกไม่คู่ควรตั้งแต่แรก”
เมื่อถูกทำให้เป็นแบบนี้ เจียงซิ่วก็ไม่คิดที่จะเสแสร้งอีกต่อไปแล้ว
“แล้วมันไม่ใช่แบบนั้นหรือ?” จูเก๋อชางพูด
“ก็เหมือนแมลงทั่วๆไป ทำไมจะต้องเหมือนกับฉันในตอนนี้ แต่แก…” เจียงซิ่วพูด เงยหน้าขึ้นมองฟ้า ”ก็เป็นแมลงที่ตัวใหญ่ขึ้นมานิดหนึ่งเท่านั้น”
ซืออู๋เย่พูด”เจียงเพื่อนรัก เชิญหลงระเริงไปเถอะ กล้ามาสู้กันสักรอบหรือไม่”
“หาที่ตาย”
เสียงฟ้าร้องดังครืน ร่างของเจียงซิ่วลอยขึ้นมา เสียงตึงตังดังขึ้น ร่างของจูเก๋อชางถูกเสียงนั้นระเบิดกระจุยกระจาย เลือดกระเซ็นเหมือนกับหมอกลง เจียงซิ่วในตอนนี้ลอยขึ้นสูงถึงสิบเมตร ราวราวตึกยี่สิบกว่าชั้น ทุกคนที่เห็นฉากนี้ต่างมือไม้สั่น ตาถลึงโตปากอ้ากว้าง จูเก๋อชางคือมือวางอันดับหนึ่งของบ้านจูเก๋อ มีความเป็นเทพไหลเวียนอยู่ ก็มาถูกฆ่าแบบนี้ สำหรับเจียงซิ่วที่มีพละกำลังมากมายอย่างนี้แล้ว ก็เหมือนกับแมลงเท่านั้น ไม่ทำให้ความเร็วของเขาลดลงเลยแม้แต่นิดเดียว
“เขา เขาแข็งแกร่งถึงขนาดนี้เลยหรือ?” ลู่ฉุนฉุนเหมือนกับต้องคำสาป ช่างน่าเกรงขามจริงๆ
แต่ตกใจยังไม่เสร็จ ร่างของเจียงซิ่วถูกลมพัดขึ้นไป จนถึงสวรรค์
“โอ้พระเจ้า ลอยไปถึงสวรรค์แล้ว”
การต่อสู้กับเจียงซิ่วในครั้งนี้ การถกเถียงที่เกิดขึ้นก่อนหน้าก็เหมือนกับการเล่นของเด็กๆ หรือพูดอีกแบบหนึ่ง ลักษณะพลังของเจียงซิ่วนั่นแข็งแกร่งเกินไป ทั้งแผ่นฟ้าต่างพากันสั่นสะเทือนต่อหน้าเขา
“ซืออู๋เย่….”
“เจียงโหลวเซี่ย….”เทพดาบแห่งเทืองเสฉวนลอยมาจากสวรรค์พุ่งเข้ามา ด้วยความเร็วของดาบ เหมือนกับฟ้าแลบ เห็นเป็นเงาดาบ “ให้ฉันเห็นพลังของแกหน่อยสิ”
“หลงหลาย”
ว่าเสียงดัง ก้อนเมฆบนฟ้าสั่นสะเทือนขึ้นมา ท้องฟ้าเริ่มกลายเป็นสีแดง เบื้องหลังประกอบด้วยเสียงฟ้าร้องน่ากลัว ครืน ครืน ครืน….
มังกรหัวแดงดั่งไฟลอยออกมา พริบตาเดียวเงาของเจียงซิ่วก็พาดอยู่บนหลังของมังกร
“โคร่ง….”
เจียงโหลวเซี่ยอาศัยลมในการบังคับมังกร ”ซืออู๋เย่ ฉันจะให้แกชดใช้เกี่ยวกับเรื่องที่เกิดขึ้นวันนี้…..”
“โอ้พระเจ้า นั่นมังกร ฉันมองไม่ผิดใช่มั้ย เจียงโหลวเซี่ยขี่มังกร….”
“นี่มัน…..”
มังกรนั่นมีมาตั้งแต่ในอดีต ศักสิทธิ์และแข็งแกร่ง แต่กลับมาเป็นที่นั่งของเจียงซิ่งเสียนี่?
“ไม่เลว ไม่เลว อายุยังน้อย แต่กลับสามารถทำให้เมฆจับตัวเป็นรูปร่างได้ ดูท่าแล้ว การที่จะเป็นเทพระดับกลางคงอีกไม่ไกลแล้ว เพียงแต่ช่างน่าเสียดาย หนทางข้างหน้ายังอีกยางไกล เด็กน้อย ตอนนี้เธอยังไม่อยู่บนทางเลยนะ”
“จริงหรือ?”
เจียงโหลวเซี่ยโฉบลงมาอย่างรวดเร็ว มือทั้งสองข้างกำขึ้นสูง เหมือนกับผ่าฟ้าลงมา ทั่วทั้งท้องฟ้ามีพลังกระจุกรวมตัวกันราวกับฟ้าจะถล่มพื้นดินจะแยก เหมือนของหนักเป็นพันกิโล ดาบยาวที่ฟาดเพียงครั้งเดียวก็แบ่งฟ้าออกเป็นสองส่วน ส่องแสงประกายเจิดจรัสร่วงลงมา
วินาทีนี้ ระหว่างท้องฟ้ากับแผ่นดินไม่เห็นอย่างอื่นเลย มองเห็นเพียงเส้นสีขาว ที่จะแยกท้องฟ้ากับพื้นดินแยกจากกัน
ก่อเกิดจงเซินซิ่ว หยินหยางบรรจบกันยามรุ่งสาง
“เปรี๊ยะ”