Girl, I’ll Teach You Cultivation – ฉันจะสอนเธอบ่มเพาะเอง - ตอนที่ 367
ตอนที่ 367 วันต่อสู้ที่แปลกประหลาด
เห็นท้องฟ้าเป็นแบบนั้นแล้ว ดวงตาของซืออู๋เย่ก็สว่างวาบขึ้นมา ถอยหลังผงะ ปลายเท้ามีดาบลอยอยู่ โน้มตัวไปข้างหน้า ปากก็ไม่หยุดที่ท่องคาถา นิ้วชี้บังคับไปยังดาบที่หักหล่น ดาบลอยพร้อมที่จะต่อสู้ ก่อให้แสงขึ้นเป็นสาย ดาบที่ลอยอยู่ในครรลองสายตาทำให้เห็นว่าความเร็วนั่นเพิ่มขึ้น ห้าสิบกิโลเมตรต่อชั่วโมง หนึ่งร้อยกิโลเมตรต่อชั่วโมง……
สีหน้าของซืออู๋เย่นั่นไม่เปลี่ยนแปลง แต่ในใจนั่นสั่นระริกราวกับคลื่นทะเล ยังไม่พูดถึงพละกำลังของดาบที่ไม่รู้ว่ามีมากขนาดไหน แต่จนถึงตอนนี้กลับไม่รู้ถึงกระบวนท่าของดาบ ในตอนนี้ เขาก็กำลังพยายามอยู่
“ออกมาสู่ผืนฟ้าอันกว้างใหญ่ เปิดผืนฟ้า”
ชายเสื้อของซืออู๋เย่พลิ้วสไว ท่าทางดูสง่า หนทางสู่การเป็นเทพของเขาผ่านไปได้สองระดับแล้ว เข้าสู่หนทางจินตัน ถึงตอนนั้นแล้ว ก็ปลดสิ่งที่แบกเอาไว้ ท่องเที่ยวไปยังสวรรค์ชั้นต่างๆ ย้ายภูเขาหรือจะถมทะเล หรือจะพลิกภูเขาก็ไม่ใช่เรื่องยากอีกต่อไป
“ผัวะ”
ท้องฟ้าที่ถูกดาบผ่า เกิดเสียงดังครึกโครม ดาบส่องแสงประกายออกมา ในเมื่อเสียงดาบที่ดังออกมานั้นเมื่อกับเสียงฟันของดาบปกติ แสงส่องประกายออกมาทั้งสี่ด้าน ฟ้าแลบฟ้าร้อง
ครืน
แสงดาบกระทบกันไปมา เพียงแค่แสงที่ส่องประกายออกมานั้นก็มีชัยไปกว่าครึ่ง ในเมื่อดาบขนาดใหญ่ลอยมาชนกันซึ่งซึ่งหน้าแบบนี้ ตัวดาบลอยวนไปมาบนท้องฟ้า ข้างบนนั้นเกิดรอยแยกเล็กเกิดขึ้น เพียงพริบตาเดียวรอยเล็กๆก็เปลี่ยนรอยขนาดใหญ่ลอยมาทางซืออู๋เย่
“หื้ม?”
สีหน้าของซืออู๋เย่ซีดขาวขึ้นมาทันที ร่างที่ลอยอยู่บนท้องฟ้าถอยหลังผงะ ดาบและร่างกายของเขารวมกันเป็นหนึ่ง ความเสียหายของดาบที่เกิดขึ้นก็จะเท่ากับความบาดเจ็บที่เกิดขึ้นกับร่างกายของเขา
“เป็นไปได้อย่างไร?”
ตอนนี้ใจของเขาเต้นแรงจนไม่สามารถกลับไปเต้นเป็นจังหวะเดิมได้ คนที่มีระดับต่ำกว่าเขาจะมาชนะเขาได้อย่างไรกัน เขาเป็นถึงคนที่มีเลือดเทพไหลเวียนอยู่ จนสามารถเหยียบไปถึงทางจินตันได้ หากว่ากันตามเส้นแบ่งที่คนอื่นขีดกั้นเอาไว้แล้ว เขาก็เหมือนกับเทพคนหนึ่ง ที่มีตำแหน่งสูงกว่าเจียงซิ่ว
“ไม่มีเหตุผล ไม่มีเหตุผลที่จะ….”
บนโลกใบนี้ไม่มีตำแหน่งเทพระดับกลาง เขารู้เรื่องนี้ เพราะว่าหนึ่งในเทพระดับกลางเขารู้จัก ถึงจะไม่รู้จัดเป็นการส่วนตัวก็ตาม เทพระดับกลางที่เขารู้จักนั้นล้วนถูกเจียงซิ่วฆ่าตายหมด ไม่สิ พูดให้ถูกก็คือเจียงซิ่วทำลายความเป็นเทพให้กลายเป็นผักเป็นปลา แต่การที่เขาปลดผนึกกำลังแล้วก้าวขึ้นสู่หนทางจินตันได้นั้น ก็เป็นสิ่งที่โลกนี้เปลี่ยนแปลงไปอย่างใหญ่หลวง
“ฉันดูถูกเธอเกินไปจริง….”
เจียงซิ่วขี่มังกรเคลื่อนเข้ามา รอบกายมีลมพัดช่วยพยุงเอาไว้ ตรงหัวมีเมฆฝนที่มีประกายสายฟ้าอยู่ เหมือนทั้งเทพและเหมือนทั้งปีศาจ เสียงหัวเราะขึ้นจมูกจะไม่เป็นการดูถูกได้อย่างไรกัน ดาบของเจียงซิ่วคือดาบปลิดชีวิต แต่ดาบของซืออู๋เย่เป็นดาบที่ผูกติดกับชีวิตของเขา หากถูกเจียงซิ่วจับทางได้ ระยะห่างของทั้งสองคนก็จะยิ่งใกล้เข้ามา
“แต่ว่านะ อย่างไรก็ตามแกก็ไม่รู้ว่ากำลังเผชิญหน้ากับใครอยู่” ซืออู๋เย่พูดไป ร่างกายของเขาก็แผ่พลังออกมาด้วย เมฆดำรอบข้างถูกเขาเขย่าสั่น จนเกิดเป็นคลื่น เหมือนกับว่าท้องฟ้าทั้งผืนนั้นกำลังสั่นไหว เหมือนกับได้ยินเสียงคลื่นน้ำ ครืน ครืน
ในขณะเดียวกัน แม่น้ำที่อยู่ไกลออกไปสิบกว่าลี้ น้ำขยับขึ้นลง พุ่งขึ้นสู่ท้องฟ้าไปทางที่ซืออู๋เย่อยู่
ตอนนี้เป็นเวลาเลิกงาน บนถนนมีรถอยู่มากมาย คนก็ด้วย แต่ท้องฟ้าที่ยังสว่างอยู่ ทันใดนั้นกลับมืดขึ้นมา เงยหน้าขึ้นมอง ทั่วท้องฟ้ามีเงาขนาดใหญ่คลุมไว้อยู่ เมืองทั้งเมืองถูกเงานั้นปกคลุมไปทั่ว
“โอ้พระเจ้า นั่นคืออะไรกัน?”
“ดุเหมือนว่าจะเป็นน้ำ”
หลังจากที่โลกเกิดการเปลี่ยนแปลง มนุษย์เราก็มีการปรับตัวมากยิ่งขึ้น ถึงแม้ว่าจะเกิดเหตุการณ์ประหลาดเกิดขึ้นก็สามารถเผชิญหน้ากับสิ่งนั้นได้
ภายในห้องทำงานของผู้ปกครองเมืองเจียงหนาน ตำแหน่งที่จูเก่อสือยืนอยู่นั่นสามารถเห็นเหตุการณ์ที่น้ำตกลงมาจากท้องฟ้า ที่ที่เขาอยู่นั้นมืดลงไปทุกหย่อมหญ้า
“นี่มัน…..”
ไม่รอให้เขาตอบ เลขาก็รีบเดินเข้ามาอย่างรวดเร็วจากข้างนอกพูด ”เป็นอย่างที่ท่านคาดการณ์เอาไว้ เจียงโหลวเซี่ยนั้นเสแสร้ง ถูกกดดันจนกลายเป็นแบบนี้ ท่านอู๋เย่ลงมือแล้ว”
จูเก๋อซือยิ้มนิดๆ ”ญาณของเจียงโหลวเซี่ยนั่นไม่ได้อ่อนแอเลย แต่ฝีมือของคนคนนี้นั้นไม่ธรรมดา เจ้าเล่ห์เพทุบาย มีกลยุทธ์มากมาย คิดจะเล่นแง่นี้ก็เหมือนกับเด็กสามขวบเพิ่งหัดเดิน”
ข้างกันนั้นยังมีผู้อาวุโสอยู่ท่านหนึ่ง ก็คือตัวแทนจากสำนักดาบเมืองเสฉวน เจ้าของสำนักก็คือหลานของเขา และเป็นคนที่เขาให้เชิญให้ซืออู๋เย่ลงมือ”ท่านอู๋เย่ลงมือแล้ว”
เขาส่ายหัว ถอนหายใจเฮือก ”น่าสงสารเจียงโหลวเซี่ย จากเดิมที่เป็นบุคคลที่น่ายกย่องนับถือ จนฉันคิดอยากจะสู้กับเขาสักครั้ง อยากจะรู้ว่าฝีมือดาบของเขานั่นยอกเยี่ยมเพียงไหน หรือว่าดาบของฉันจะมีดีกว่า”
เห็นสีหน้าที่ผิดหวังของเขาแล้ว เหมือนกับว่าพลาดโอกาสที่แสนดีแบบนี้ไป
จูเก๋อซือยิ้ม ”เมื่อท่านอู๋เย่ลงมือขนาดนี้แล้ว ก็เหมือนเอามีดฆ่าวัวไปฆ่าไก่ และก็ไม่ได้คิดไปเอง โลกนี้ก็หาวัวไม่เจอแล้ว หากคิดจะฆ่าก็คงต้องหาไก่ที่ตัวคอนข้างใหญ่”
เลขาข้างๆที่ได้ยินดังนั้นล้อเล่นกับผู้ดูแลชายแดนที่เข้มงวดแล้ว ก็เสริมโรงหัวเราะไปด้วย แต่ก็ยิ้มไปอย่างฝืนๆ เพื่อไม่ให้เขาคิดว่าตัวเองนั้นเงียบขรึมไม่พอ
ท่านนักดาบพูด “อย่างเช่นน้ำนี้ ทั่วทั้งท้องฟ้าที่กว้างใหญ่ หากไม่ทายผิด คงจะเป็นน้ำจากแม่น้ำเฉียนเจียง วิธีการที่บรรพบุรุษใช้จัดการกับน้ำนั้นสามารถดึงมาใช้ได้แล้ว หนทางสู่จินตันนั้นจะเป็นอย่างไรกันนะ”
คนที่อยู่ภายในห้องมองเห็นน้ำที่ไหลลงมาจากฟ้า ไหลไปทางที่เจียงซิ่วอยู่ แต่ก็ไม่มีเสียงตกใจ ”พระเจ้า….” ทางที่น้ำไหลไปนั้นเหมือนกับว่าจะครอบคลุมไปทั่วทั้งขอบฟ้า เหมือนกับเครื่องปั๊มน้ำที่ไหลไปทางเจียงซิ่ว
พลังของน้ำนั้นมีพลังที่มหาศาล ก่อให้เกิดน้ำท่วม จนสามารถทำให้ห้องทั้งห้องพังลงมาได้ ยิ่งกับน้ำที่ลงมาจากท้องฟ้าแล้ว ยิ่งไม่ต้องพูดถึงพลังที่เกิดขึ้น คิดว่าภูเขาทั้งลูกก็คงจะพังทลายลงมาได้อย่างไม่ยาก
เสียงน้ำที่ได้ยินซ่า ซ่า แฝงไปด้วยเสียงท่องคาถาที่ไม่หยุดหย่อน
“ฮ่า ฮ่า ฮ่า……”
เจียงซิ่วเผชิญกับเหตุการณ์แบบนี้ คนที่อยู่ข้างล่างที่มีความคิดที่น่าตกใจนั้นหยุดลงแล้ว เขากลับหัวเราะเสียงดัง ไม่สนใจอันตรายที่เกิดขึ้นตรงหน้า
“ในที่สุดเทพดาบก็ต้องใช้วิธีนี้ ช่างน่าสงสาร…..”
รอยยิ้มของเจียงซิ่วที่ค่อยๆ ฉายขึ้นมากลับหยุดลง สีหน้านิ่งสงบอีกครั้งสายน้ำที่บ้าคลั่งนี้มีความสูงกว่ากี่พันเมตร ความเร็วที่พุ่งเข้ามาจนกลบเสียงทั้งหมด
“เจียงโหลวเซี่ย ถ้ายังไม่หยุดกำเริบเสิบสานละก็ วันนี้แหล่ะที่จะเป็นวันตายของแก”
เพลงดาบของเจียงซิ่วนั้นทรงกำลังอย่างมาก ซืออู๋เย่ก็ตระหนักถึงข้อนนี้ได้ แข็งแกร่งกว่าดาบของเขา แต่การเผชิญหน้ากับสายน้ำในตอนนี้ ไม่มีทางที่จะต้านทานไว้ได้
การวิเคราะห์แบบนี้ เขาไม่มีทางพลาดแน่นอน
“เธอสามารถจัดการกับน้ำจากแม่น้ำเฉียนเจียงได้หรือไม่?”
“ตาย!”
แววตาของเจียงซิ่วเย็นเฉียบขึ้นมา เงยหน้าขึ้นมาสายน้ำที่ปกคลุมไปทั่วท้องฟ้า ปากสบถเบาๆออกมาหนึ่งคำ ”ลุกไหม้”
ฟู่ เขามองไปยังสายน้ำที่ปกคลุมไปทั่วทั้งเมือง จากนั้นเบาลมหายใจออกมา
เพียงแค่เสียงเป่าเบาๆ เสียงลมก็ดังขึ้นมา จนทำให้คนที่ได้ยินรู้สึกปวดแก้วหู ปากของเขายังเบาลมออกมาอย่างต่อเนื่อง พริบตาเดียวก็ก่อเกิดเป็นพายุขนาดใหญ่ความสูงกว่าร้อยเมตร ต่อมาก็เป็นพายุหมุนขนาดกว่าพันเมตร
“หลงหัว”
ลมก่อให้เกิดไฟ ลมหมุนวนกับประกายไฟ จนสามารถสกัดสายน้ำที่โหมกระหน่ำเข้ามา เหมือนกับถูกไฟกลืนกินเข้าไป ในเมื่อสายน้ำไม่หยุดที่จะเข้าหาเขา ไฟก็ไม่หยุดที่จะแผดเผา
“เป็นไปได้อย่างไรกัน?”
สีหน้าของซืออู๋เย่เปลี่ยนไปในที่สุด เขาคิดหาวิธีอื่นไม่ออกอีกแล้ว เขาถูกเหตุการณ์ตรงหน้าทำให้ตกตะลึงอยู่ไม่น้อย
คนที่อยู่ข้างล่างก็ไม่ต่างอะไรกับเขา
สายน้ำที่อยู่ท้องฟ้าข้างบนถูกสายลมที่มีประกายไฟหยุดยั้งเอาไว้เหมือนกับปรากฏการณ์ดวงดาว จนทำให้ตื่นตะลึง ราวกับกำลังฟังเทพนิยาย
หลงหัวไม่เหมาะกับที่แห่งนี้ เพราะทุกสิ่งทุกอย่างจะถูกเผาไหม้อย่างรวดเร็วไปด้วย
“เป็นไปไม่ได้ เป็นแบบนี้ไปไม่ได้”
“ฉันไม่เชื่อ”
ซืออู๋เย่บ่นพึมพัม มือถือดาบเอาไว้ ทันใดนั้นก็มีดาบทะลุออกมา ขณะเดียวกันนั้น ร่างกายเริ่มเปลี่ยนแปลง ส่องไสวไม่หยุด ท้องฟ้าถูกดาบเพียงดาบเดียวฟันจนเกิดรอยแยก
ดาบที่กำลังส่องประกายอยู่นั้นไม่มีอะไรที่จะต้านทานได้ เพียงดาบเดียวก็สามารถแยกภูเขาออกเป็นสองส่วนได้
“ดาบมา”
องค์ประกอบภายในของเจียงซิ่วส่องแสงขึ้นมา ลูกพลังงานลอยออกมากลายเป็นดาบ ส่องแสงไปทั่วท้องฟ้าดวงตาของเขาเปลี่ยนเป็นสีดำแฝงไปด้วยสายตาเย็นชา ความหมายที่น่ากลัวของดาบนั้นเหมือนกับลมที่บ้าคลั่งโหมกระหน่ำเข้ามา เทพเจ้าก็เหมือนนามธรรมที่จับต้องไม่ได้ ไม่ว่าดาบเล่มไหนล้วนส่องประกาย กับดาบยังไม่มาถึง แต่กลับถูกทำลายจนย่อยยับ
“ปึงปัง ปึงปัง ……”
บนท้องฟ้านั้น แสงของดาบไม่หยุดที่จะส่องแสงออกมา ดาบยาวที่เคยถูกทำลายมา ระหว่างการตัดสินใจของเหล็กที่มีทองติดอยู่ เมื่อต้องเผชิญหน้ากับดาบนี้ สีหน้าของซืออู๋เย่ก็ฉายชัดขึ้นมาถึงความสิ้นหวัง ทำได้เพียงถอนหายใจเสียงยาว
“ปึงปัง”
ซืออู๋เย่ทิ้งดาบที่อยู่ในมือ สร้างวงกลมขึ้นไว้บนท้องฟ้าจากนั้นก้ลอยออกมา ดาบเล่มนี้ ทำให้พื้นสั่นไหวได้ มีชื่อเสียงโด่งดัง ตอนสงครามโลกครั้งที่สอง คนร้ายไม่น้อยที่ได้ยินเรื่องนี้ ผู้คนต่างแดนที่แข็งแกร่งต่างก็นับถือในตัวดาบ แต่ตอนนี้เขากลับทิ้งดาบลง