God Level Demon ระบบความเกลียดชังปีศาจ - ตอนที่ 1917
ตอนที่ 1917
เซี่ยปิงก็ไม่ได้สนใจกลุ่มของยอดฝีมือที่ถูกตนเองปล้นจนกลายเป็นคนยากคนจนแม้แต่น้อย เขาแสดงความเร็วเต็มที่ออกมา ไล่ตามลูกบอลแสงสีทองนั่นไปอย่างรวดเร็ว ใช้ความเร็วทั้งหมดที่มี
ทว่าเมื่อเขาไปถึงจุดหมาย เขากลับพบว่าตนเองมาถึงช้ากว่าคนอื่นๆ
รอบๆมีกลุ่มอิทธิพลจํานวนหนึ่งที่มาถึงที่นี่ก่อน ทว่าพวกเขาก็ยืนอยู่คนละมุมกัน ราวกับเป็นการรักษาสมดุล เกรงกลัวซึ่งกันและกัน ไม่มีใครที่กล้าเปิดฉากลงมือก่อน
ลูกบอลแสงสีทองนั่นก็กําลังลอยอยู่บนอากาศ ข้างในก็เหมือนว่าจะไม่ได้มีเม็ดยาเป็นจํานวนมากเหมือนกับลูกบอลแสงลูกอื่นๆ มีอยู่เพียงแค่สามเม็ดเท่านั้น
ทว่าเม็ดยาทั้งสามเม็ดนี้ก็ไม่ได้ธรรมดาเลย มีขนาดเท่ากับกําปั้น มีอักขระที่ลึกลับซับซ้อนมากมายที่จารึกอยู่รอบๆเม็ดยานี้ พลังงานยาที่ทรงอํานาจแผ่ออกมา เหมือนว่าจะแอบแฝงไปด้วยพลังวิญญาณที่ทรงพลังอย่างถึงที่สุด
เซี่ยปิงก็สัมผัสได้ว่าเม็ดยาทั้งสามนี้เหมือนจะมีชีวิตเป็นของตนเอง พลังงานอุดมสมบูรณ์จนกลายเป็นพลังชีวิตขึ้นมา
อย่างไม่ต้องสงสัย นี่จะต้องเป็นเม็ดยาระดับเซนต์ที่เลื่องลือ-เม็ดยาแห่งโชคชะตา!
เห็นได้ชัดว่าคนอื่นๆก็ค้นพบถึงสถานการณ์นี้เช่นกัน สายตาของพวกเขาต่างก็เต็มไปด้วยเปลวไฟที่เร่าร้อน แสดงให้เห็นถึงความปรารถนาแรงกล้า เพราะถึงอย่างไรนี่ก็คือโอกาสสําคัญในการพัฒนาเป็นเซนต์ ไม่มีใครที่ต้องการพลาดโอกาสนี้ไป
“ต้องครอบครองมาให้ได้!”
เซี่ยปิงหรี่ตาลงและมองไปที่กลุ่มอิทธิพลเหล่านี้ เขาค้นพบว่ามีว่าบุคคลที่ตนเองรู้จักอยู่เช่นกัน นั่นก็คือบรรดาลูกศิษย์ของวิหารแห่งความมืด เซียงหยุนตงก็อยู่ท่ามกลางคนเหล่านี้เช่นกัน
กลุ่มลูกศิษย์ของดินแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งการเริ่มต้นก็ปรากฏอยู่ที่นี่เช่นกัน ผู้นําของพวกเขาเหมีอนจะเป็นยอดฝีมือที่มีชื่อว่าซูฉาง
อีกทั้งก็ยังมีกลุ่มพระพุทธศาสนา เผ่าพันธุ์เทวดา ถ้ําหมื่นอสูร ตระกูลช้างและกลุ่มอิทธิพลอื่นๆ พวกเขาก็ถูกลูกบอลแสงสีทองนี้ดึงดูดมาเช่นกัน
“สหายทั้งหลาย เป็นอย่างไรบ้างหลังจากครั้งล่าสุดที่ได้พบกัน?”
วิซ เมื่อคิดได้เช่นนี้ ร่างของเซี่ยปิงก็กระพริบหายไปและปรากฏตัวขึ้นมาท่ามกลางกลุ่มอิทธิพลเหล่านี้ ปรากฏขึ้นมาต่อหน้าต่อตาทุกๆคน
อะไรกัน?!
ผู้ที่อยู่รอบๆก็สะดุ้งตกใจไปตามๆกัน พวกเขาไม่คาดคิดว่าในสถานที่ที่มีกลุ่มอิทธิพลจํานวนมากรวมตัวกันอยู่เช่นกัน จะมีใครบางคนที่โง่เขลาจนถึงขั้นพุ่งกระโจนออกมาด้วยตัวคนเดียว
ทว่ารอให้ได้เห็นว่าคนๆนี้เป็นใคร แต่ละคนก็มีสีหน้าที่บิดเบี้ยวขึ้นมาทันที
“อู๋ตี่?! นี่ยังกล้าโผล่หน้ามาให้พวกเราเห็นอีกรึ?!”
เซียงหยุนตงของวิหารแห่งความมืดเป็นคนแรกที่ตะโกนออกไป เขาจ้องมองเซี่ยปิงด้วยสีหน้าที่มืดมนอย่างมาก ออร่าจิตสังหารกําลังเดือดดาลออกมา เขาไม่คาดคิดว่าตนเองจะได้พบกับเจ้าอู๋ตี่อย่างรวดเร็วเช่นนี้
เขายังคงจดจําเรื่องก่อนหน้านี้ได้อย่างชัดเจน ตนเองที่เป็นศิษย์ในของวิหารแห่งความมืด ในมือมีสิ่งประดิษฐ์เซนต์ขั้นกลางอยู่นั้น ควรที่จะไร้เทียมทานถึงจะถูก
ทว่าบุตรที่ฟ้าประทานอย่างเขากลับพลาดท่าให้กับเจ้าอู๋ตี่อาชญากรที่ไร้ยางอายผู้นี้ กลายเป็นเหยื่อล่อให้กับฝ่ายตรงข้าม ช่วยให้เจ้าบัดซบนี้ได้ครอบครองผลประโยชน์ทั้งหมดไป
“โอ้ เซียงหยุนตงของวิหารแห่งความมืด ไม่คาดคิดว่าเจ้าจะยังไม่ตาย ข้าก็คิดว่าเจ้าจะถูกกลุ่มของเดม่อนเหล่านั้นกัดกินจนตายไปแล้ว ช่างโชคดีเหลือเกินไป” เซี่ยปิงก็พูดอย่างประหลาดใจ
“อย่าพูดจาเหลวไหล ไม่มีทางที่ข้าจะตายก่อนเจ้า!”
เซียงหยุนตงก็โมโหขึ้นมา นึกไม่ถึงว่าเจ้าบัดซบนี่จะคิดว่าตนเองตายไปแล้ว เพราะล่อลวงเขา ได้สําเร็จจึงคิดว่าเขาจะต้องตายอย่างนั้นรึ? เจ้าสารเลวนี้ ช่างบัดซบเกินไป
เขาปรารถนาที่จะจับตัวเจ้าอู๋ตี่มาทันทีและฉีกให้กลายเป็นพันๆชิ้น
“อู๋ตี่ เจ้าสังหารผู้อาวุโสจํานวนมากของพระพุทธศาสนาของพวกเราไป มีความผิดที่ร้ายแรง ทว่ายังกล้าที่จะโผล่หน้าออกมาให้พวกเราเห็นอีกหรือ? นี่เจ้าคิดว่ากลุ่มพระพุทธศาสนาของข้าไม่ มีฝีมือที่จะทําอะไรเจ้าได้รึ?!” กลุ่มของพระผู้อาวุโสก็จ้องมองไปที่เซี่ยปิงอย่างไม่ละสายตา
หากพูดถึงความเกลียดชังที่ทางพระพุทธศาสนามีต่ออู๋ตี่นั้น ต้องย้อนกลับไปในช่วงเวลาที่เจ้า นี่เดินทางเข้ามาในทางตะวันตกของจักรวาล ในตอนนั้นเจ้าบัดซบนี้ได้ปลอมตัวเป็นพระผู้อาวุโส ทําร้ายเผ่าพันธุ์อรหันต์และพระพุทธศาสนาของพวกเขาอย่างสิ้นหวัง ทําให้พวกเขาเผชิญกับความสูญเสียชื่อเสียงที่ดีงามบนี้ไป
ตอนนี้ก็เป็นเพราะแผนการของเจ้าเด็กนี่ ส่งผลให้พระผู้อาวุโสจํานวนมากเสียชีวิตไป ด้วยเงื้อมมือของพวกเดม่อน นี่คือความเกลียดชังใหม่ที่ทับซ้อนกับของเก่า เป็นความเกลียดชังที่ไม่สามารถอธิบายเป็นคําพูดได้
“พระอาจารย์ คําพูดนี้ไม่ถูกต้อง หากพวกเขาไม่มีจิตใจคิดร้ายต่อผู้อื่น พวกเขาจะตายไปได้อย่างไร นั่นคือผลกรรมของพวกเขา ยิ่งไปกว่านั้นพวกเขาก็ตายไปด้วยเงื้อมมือของพวกเดม่อน เป็นการตายที่คุ้มค่า เป็นการเสียสละเพื่อสังคม มอบร่างกายของตนเองให้พวกเดม่อน สิ่งนี้ควรที่จะแสดงความยินดี ตีกลองตีฆ้องถึงจะถูก เหตุใดจะต้องโมโหกัน?” เซี่ยปิงก็เอ่ยออกมาอย่างสุขุมเยือกเย็น
“ผายลม!”
เมื่อได้ยินคําเหล่านี้ ต่อให้กลุ่มของพระผู้อาวุโสเหล่านี้จะมีการควบคุมอารมณ์ที่ลึกซึ้ง ทว่าก็ยังอดที่จะสบถต่อว่าไม่ได้ บอกว่าคําพูดของเซี่ยปิงเป็นผายลมทันที
ผู้ที่อยู่รอบๆก็ตกตะลึงกับสิ่งที่ได้ยิน ไม่คาดคิดว่าเจ้าเด็กนี้จะยั่วยุจนพระผู้อาวุโสเหล่านี้โมโหขึ้นมาได้ เห็นได้ชัดว่าเจ้าเด็กนี่บัดซบจนถึงขั้นไหน แม้แต่พระก็ยังต้องมีอารมณ์ฉุนเฉียวขึ้นมา
“อย่ามัวแต่พูดถึงสิ่งเหล่านี้ ก่อนหน้านี้เจ้าได้จับตัวสายพันธุ์โบราณที่หายสาบสูญไปมากมาย รู้หรือไม่ว่านี่เป็นการกระทําอันชั่วร้ายที่ละเมิดกฏข้อห้ามของพวกเรา รีบปล่อยนกอสูรทมิฬ เฝยอี๋ และตัวอื่นๆมาทันที ไม่อย่างนั้นทั่วทั้งจักรวาลนี้จะไม่มีที่ให้เจ้าหลบซ่อนอย่างแน่นอน”
ในตอนนี้กลุ่มของสายพันธุ์โบราณที่หายสาบสูญก็ได้ตะโกนแทรกขึ้นมา มองเซี่ยปิงด้วยสีหน้าที่ไม่สบอารมณ์
ถึงแม้ว่าพวกมันสายพันธุ์โบราณที่หายสาบสูญจะไม่ได้มีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกันเท่าไหร่นัก ทว่าพวกมันก็มีพันธมิตรอยู่ร่วมกัน มีชื่อว่ากลุ่มพันธมิตรบรรพกาล
ทว่ากลุ่มพันธมิตรนี้ก็เป็นการที่สายพันธุ์ที่หายสาบสูญจํานวนมากได้ร่วมกันจัดตั้งขึ้นมาเพื่อปกป้องตนเอง เป้าหมายก็เพื่อหลีกเลี่ยงการที่บรรดาสายพันธุ์ที่หายสาบสูญซึ่งยังเยาว์วัยจะถูกจับตัวไป กลุ่มพันธมิตรนี้ก็ถือว่าเป็นหนึ่งในกลุ่มอิทธิพลในระดับสูงสุดของจักรวาล
ดังนั้นหลังจากที่ได้ยินข่าวนี้ บรรดาสายพันธุ์ที่หายสาบสูญแต่ละตัวจึงโมโหกันอย่างมาก นี่คือการละเมิดกฏข้อห้ามของพวกมันกลุ่มพันธมิตรบรรพกาล นี่คือความผิดที่ร้ายแรงอย่างยิ่ง เมื่อเกิดเรื่องนี้ เจ้าอู๋ตี่ก็กลายเป็นศัตรูสาธารณะของบรรดาสายพันธุ์โบราณที่หายสาบสูญเหล่านี้
กลุ่มพระพุทธศาสนา วิหารแห่งความมืด ดินแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งการเริ่มต้นและกลุ่มอิทธิพลอื่นๆต่างก็มองเซี่ยปิงด้วยสีหน้าที่มีความสุขกับความทุกข์ของผู้อื่น คิดว่าการที่เจ้าเด็กนี่ท้าทายกลุ่มพันธมิตรบรรพกาลนั้น นี่เป็นการรนหาที่ตายอย่างแท้จริง
ถึงแม้ว่ากลุ่มพันธมิตรบรรพกาลจะเทียบกับวิหารแห่งความมืดไม่ได้ ทว่าพวกมันก็มีจํานวนที่น้อยมาก ดังนั้นจึงสามัคคีปรองดองกันเป็นหนึ่ง หากท้าทายเพียงตัวเดียวก็เท่ากับว่าท้าทายทั้งกลุ่มพันธมิตร น่าสะพรึงกลัวอย่างไร้ขอบเขต
แม้แต่กลุ่มอิทธิพลด้านอธรรมส่วนใหญ่ก็ไม่กล้าท้าทายกลุ่มพันธมิตรบรรพกาลนี้ เกรงกลัวว่าจะกระตุ้นให้เฒ่าปีศาจที่น่าสะพรึงกลัวเคลื่อนไหวออกมา
ทว่าเจ้าเด็กนี่ก็คงจะไม่รู้ถึงเรื่องเหล่านี้ ไม่รู้ว่าตนเองได้ก่อความผิดที่ร้ายแรงแค่ไหน
“การจับพวกมันมาด้วยลําพังฝีมือข้า เหตุใดข้าจะต้องปล่อยพวกมันไป?”
เซี่ยปิงกระพริบตาอย่างใสซื่อ
“เจ้า!”
กลุ่มของสายพันธุ์โบราณที่หายสาบสูญก็เกิดอารมณ์ฉุนเฉียวขึ้นมาทันที
พวกมันออกอาละวาดในจักรวาลมาเป็นระยะเวลานาน ทว่าก็ไม่เคยเห็นมนุษย์ที่ยโสโอหังเช่นนี้มาก่อน จับพวกพ้องของพวกมันไปเป็นทาสไม่พอ ทว่าก็ยังยโสโอหังจนถึงขั้นที่ไม่เห็นกลุ่มพันธมิตรบรรพกาลของพวกมันอยู่ในสายตา
“เอาล่ะ ข้ามาที่นี้ไม่ได้เพื่อพูดคุยกับพวกเจ้า ทว่าเพื่อครอบครองเม็ดยาแห่งโชคชะตา”
เซี่ยปิงก็กวักมือ ไม่ต้องการที่จะพูดจาไร้สาระ พูดตรงเข้าประเด็นทันที “มองดูจากท่าทางการเคลื่อนไหวของพวกเจ้าที่หวั่นเกรงซึ่งกันและกัน ไม่กล้าที่จะเปิดฉากลงมือ เกรงกลัวว่าทั้งสองฝ่ายจะเผชิญกับความเสียหายทั้งคู่”
“ข้าจึงคิดว่าพวกเจ้าควรที่จะมอบเม็ดยาแห่งโชคชะตาเหล่านี้ให้กับข้าทั้งหมด หาก เป็นเช่นนั้น พวกเจ้าก็ไม่มีเหตุผลที่จะต่อสู้กันอีกต่อไป ไม่จําเป็นที่จะต้องเผชิญกัความเสียหาย ไม่ต้องมีใครบาดเจ็บล้มตาย รักษาสันติภาพไว้เช่นเดิม”
“การที่ไม่ต้องมีใครล้มตายในกลุ่มของพวกเจ้าและยังได้อยู่ร่วมกันอย่างสงบสุข ทว่าข้าได้ครอบครองเม็ดยาแห่งโชคชะตามา นี่คือเป็นสิ่งที่ดีที่สุดต่อทุกฝ่าย มีแต่ได้กับได้ พวกเจ้าคิดว่าอย่างไร?”
เขาได้เสนอความคิดเห็นของตนเองออกไป
“ไสหัวไปซะ เจ้ารีบไสหัวไปจากข้าให้ไกลที่สุด!”
“เวรเอ๊ย ไม่เคยเห็นใครที่ไร้ยางอายเช่นนี้มาก่อน”
“เป็นสิ่งที่ดีที่สุดต่อทุกฝ่าย ดีที่สุดบิดาเจ้าสิ ทําไมข้าถึงคิดว่านี่เป็นสิ่งที่ดีที่สุดสําหรับเจ้าเท่านั้น”
“เจ้าอู๋ตี่นี่ช่างมีใบหน้าที่ด้านหนายิ่งกว่ากําแพงเมือง เห็นพวกเราโง่เขลาถึงขั้นไหนกัน?”
บรรดายอดฝีมือต่างก็ต่อว่าออกมาทันที พวกเขาไม่เคยได้ยินข้อเสนอที่ไร้ยางอายเช่นนี้มาก่อน ต้องการที่จะครอบครองเม็ดยาแห่งโชคชะตาไว้เพียงผู้เดียว คิดที่จะครอบครองผลประโยชน์ ทั้งหมดโดยที่ไม่ลงมือลงแรงอะไรด้วยซ้ํา
“ครอบครองเม็ดยาแห่งโชคชะตา? แม้แต่อุจจาระเจ้าก็จะไม่ได้ไป เม็ดยาแห่งโชคชะตาเหล่านี้เป็นสิ่งที่พวกเรากลุ่มอิทธิพลจะหาทางแบ่งกันเอง เจ้ารีบไสหัวออกไปซะ!” เซียงหยุนตงของวิหารแห่งความมืดก็กัดมุมปาก เขาต้องการที่จะประเคนหมัดใส่ใบหน้าของเจ้าบัดซบที่ไร้ยางอายนี้ทันที ช่างมีความคิดที่เพ้อฝันยิ่งนัก