God-level Store Manager เถ้าแก่ขั้นเทพ! - ตอนที่ 1075
ตอนที่ 1075
หลังเปิดเส้นทางมิติเดินทางกลับถึงนครจิ่วเหยา เหล่านักปรุงยาและ
ผู้อาวุโสหุบเขาโอสถต่างเร่งรีบเดินทางกลับหุบเขาโอสถผ่านค่าย
อาคมเคลื่อนย้ายศูนย์กลาง
เหยาฮุยเฉินยามนี้ไม่คิดเร่งรีบ แต่เลือกที่จะไปยังร้านต้นตำรับเพื่อ
พูดคุยกับลั่วฉวนถึงเรื่องโบราณสถาน
“เดินทางกลับเลยหรือ?” ตระหนักพบเห็นเหวินเทียนจีที่คิดไปทาง
ด้านค่ายอาคมเคลื่อนย้ายศูนย์กลาง เขาอดไม่ได้ที่จะถามขึ้น
“เมื่อครู่ที่โบราณสถานได้พบเจออะไรที่น่าสนใจเข้า ตอนนี้ข้าคิด
กลับไปศึกษามันก่อน” เหวินเทียนจีกล่าวถึงลวดลายที่แกะสลักไว้
บนประตูซึ่งภายหลังกลายเป็นผงโลหะ
“หวังว่าเจ้าจะได้คำตอบโดยเร็ว” เหยาฮุยเฉินยิ้มรับ ผู้คนต่างทราบ
เรื่องที่เหวินเทียนจีมักสนใจในอักขระและค่ายอาคม
พบเห็นร่างเหวินเทียนจีเลือนหายมุ่งไปทางค่ายอาคมเคลื่อนย้าย
ศูนย์กลาง เหยาฮุยเฉินจึงมุ่งตรงไปยังร้านต้นตำรับโดยการเปิด
เส้นทางมิติ
เมื่อก้าวเดินออกจากรอยแยกมิติ เขาจึงมาถึงตรงหน้าซุ้มประตูหิน
อันคุ้นเคย
ลูกค้าหลายคนต่างเข้าออกตรอกแห่งนี้เดินทางไปมา ยามนี้ได้เห็นผู้
ยิ่งใหญ่ผ่านมา พวกเขาจึงเผยท่าทีเคารพแสดงออก
เหยาฮุยเฉินหาได้ใส่ใจเรื่องราวแต่อย่างใดไม่ ตอนนี้เขามุ่งเดินตรง
เข้าร้านไป ภาพอันคุ้นเคยปรากฏ เถ้าแก่กำลังนอนเอกเขนกเล่น
โทรศัพท์วิเศษอยู่
สภาพอันสบายกายสบายใจทุกวันเช่นนี้ มันทำเหยาฮุยเฉินรู้สึกนึก
อิจฉาขึ้นมา
“เถ้าแก่” เหยาฮุยเฉินเดินเข้ามาใกล้พร้อมกล่าวเรียก
“มีอะไรหรือ?” ลั่วฉวนหันมองกลับ
ช่างเป็นบทสนทนาอันคุ้นเคย
“หากไม่ว่าอะไร ข้าอยากสอบถามเถ้าแก่ว่าได้ทราบเรื่องพืชที่ค้นพบ
ในโบราณสถานหรือไม่” เหยาฮุยเฉินมุ่งตรงเข้าประเด็น
“ทราบแล้ว มันมีความสามารถในการชำระล้างอากาศและควบแน่น
พลังงาน” ลั่วฉวนตอบรับอย่างเอื่อยเฉื่อย
เหยาฮุยเฉินเกิดประหลาดใจ พวกเขายังไม่ทราบเรื่องเหล่านี้
“เอามันมาเพาะปลูกที่ภายนอกหรือ?” ลั่วฉวนคาดเดาการกระทำ
ของเหยาฮุยเฉิน
“เป็นดังท่านว่า” เหยาฮุยเฉินไม่คิดปิดบัง “ดอกครามเยือกแข็งมี
พลังงานมหาศาลคงอยู่ ข้ารับรู้ได้ว่ามันจะต้องเกิดปฏิกิริยาพิเศษกับ
ยาวิเศษชนิดอื่นแน่ เพราะอย่างนั้นจึงต้องการทดลองให้ทราบ”
การวิจัยและคิดค้นเม็ดยาชนิดใหม่ขึ้นมา มันต้องใช้ทั้งทรัพยากร
วัตถุดิบและกำลังคนอย่างมหาศาล บางทีทั้งทวีปเทียนหลันคงมีแต่
หุบเขาโอสถที่ทำได้
“เป็นแนวคิดที่ดี” ลั่วฉวนพยักหน้ารับ เขาไม่คิดประหลาดใจ “แต่
บางทีอาจต้องมองถึงเรื่องผลกระทบจากการใช้งานมันด้วย”
ได้ยินคำของลั่วฉวน เหยาฮุยเฉินอดไม่ได้ที่จะเผยสีหน้าจริงจัง เห็น
ได้ชัดว่าเขากำลังครุ่นคิด “เถ้าแก่ หยวนก่วยอยู่ที่นี่หรือไม่?”
“เล่นโกะที่หมู่บ้านซากุระอยู่กับอู๋เทียน” ลั่วฉวนชี้ไปทางหมู่บ้าน
ซากุระ
“ทราบแล้ว” เหยาฮุยเฉินที่เผยสีหน้าจริงจัง ตอนนี้เขาเผยยิ้มออกมา
แทน “อันที่จริงตามความเห็นข้า อาการข้างเคียงที่ไม่อาจถูกกำจัดทิ้ง
มันอาจหมายถึงสัญญาณพิเศษ”
ในห้วงความคิดลั่วฉวน ภาพที่ผู้คนทานเม็ดยาซึ่งหุบเขาโอสถคิดค้น
เข้าไปพร้อมเกิดรัศมีแสงจากปากมันผุดขึ้นมาอย่างเสียมิได้
แม้นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เกิดความคิดเช่นนี้ แต่เขาก็ยังอดไม่ได้ที่จะมอง
ว่าเหล่านักปรุงยาช่างมีมุมมองต่อโลกหล้าค่อนข้างแปลก
“กล่าวไปแล้วเถ้าแก่ ทางด้านเหวินเทียนจีนั้นกลับไปยังตำหนัก
จักรกลสวรรค์แล้ว การแข่งขันโกะที่ข้าเคยกล่าวถึงอาจต้องเลื่อน
ระยะเวลาออกไปก่อน” เหยาฮุยเฉินครุ่นคิดพลางเดินไปมา
“เพราะลวดลายที่ปรากฏบนประตูโลหะงั้นหรือ?” เหยาซือหยานที่
อยู่ใกล้เคียงเข้าร่วมวงสนทนา
เหยาฮุยเฉินพยักหน้าตอบรับ “หากไม่เกิดอะไรเกินคาดคิด ระหว่าง
นี้พักหนึ่งคงไม่ได้เห็นเขาโผล่หน้ามาแน่”
ลั่วฉวนเคยได้เห็นเหวินเทียนจีตกอยู่ในสภาวะที่ไม่สนโลกภายนอก
มาแล้ว
เหยาฮุยเฉินตอนนี้เดินไปทางหมู่บ้านซากุระ พบเห็นลั่วฉวนกับ
เหยาซือหยานมองตามมาเขาจึงหันมากล่าว “ข้าคิดไปดูว่าวิถีโกะ
ของอู๋เทียนกับหยวนก่วยตอนนี้ถึงขั้นใดแล้ว”
ทว่าในความเห็นของลั่วฉวน อีกฝ่ายคิดอยากไปรู้เห็นอาการประหลาด
ของหยวนก่วยกับตาตนเองมากกว่า
เวลาที่เหลือนับจากนั้นก็ไม่มีอื่นใดพิเศษควรค่าให้กล่าวถึง
หากจะมีสักเรื่องหนึ่ง ก็คงเป็นข่าวที่ลั่วฉวนได้เห็นผ่านโทรศัพท์
วิเศษ ทางด้านจี้อู๋ฮุยหลังกลับมาจากโบราณสถาน เขาเกิดแรง
บันดาลใจที่จะเนรมิตพื้นที่รอบด้านร้านต้นตำรับขึ้นเสียใหม่ ทว่า
สุดท้ายก็เท่านั้นเพราะผลสรุปว่ายากกระทำเกินไป
…..
“เกือบจะหมดเวลาแล้ว” เมื่อเคลื่อนย้ายด้วยเวทมนตร์กลับมาถึง
ออรัน เหยาซือเย่ว์จึงสำรวจมองเวลา
“เวลาหรือ? เวลาอะไร?” ชิงหยวนไม่ทราบว่าคำเหล่านี้กล่าว
หมายถึงอะไร
“ระยะเวลาเล่นเกม แล้วก็ระยะเวลาทำการของร้านต้นตำรับด้วย เรื่อง
นี้เหมือนข้าจะลืมบอกไปเสียสนิท” เด็กสาวที่ร่วมทางแยกตัวกลับไป
แล้ว ดังนั้นตอนนี้เหยาซือเย่ว์จึงไม่มีใดต้องพูดอย่างระมัดระวังอีก
“จากเวลาที่เห็นตอนนี้ อีกไม่นานร้านต้นตำรับก็ใกล้จะถึงเวลาพัก
ทำการแล้ว”
“หมายความถึงพวกเราควรออกไปเดี๋ยวนี้?” ชิงหยวนเกิดรู้สึก
เสียดายที่ต้องกลับ
“หากคิดมาที่ร้านอีกครั้งในช่วงบ่ายยังทำได้ แต่ระยะเวลาใช้เครื่อง
เล่นเกมเสมือนจริงต่อวันก็เหลือไม่มากแล้ว” เหยาซือเย่ว์เผยยิ้มกล่าว
บอก
เมื่อทั้งสองกลับออกจากมิติส่วนต่อขยาย ลูกค้าหลายคนในร้านก็
กลับกันไปแทบหมดแล้ว จะมีก็แต่ลั่วฉวนกับเหยาซือหยานที่นั่ง
พูดคุยกันอยู่
ทางด้านเหยาซือหยาน นางในตอนนี้ค่อนข้างตันทางความคิด ลั่วฉวน
จึงเสนอความเห็นน่าสนใจออกไป
พบเห็นเหยาซือเย่ว์และชิงหยวน ทั้งสองจึงหยุดบทสนทนา
“ชิงหยวน” เหยาซือหยานเข้ามาสอบถาม “เป็นยังไงบ้าง?”
“สิ่งที่เรียกว่าเวทมนตร์น่าทึ่งมากเลย” ชิงหยวนเผยท่าทีจริงจังพร้อม
ร่ายความสงสัยและมองที่ลั่วฉวน “เถ้าแก่ นั่นคืออีกโลกหนึ่งจริงหรือ?”
ลั่วฉวนพยักหน้ารับ ตามปกติแล้วลูกค้าใหม่ทุกคนที่เพิ่งมาเยือนร้าน
ต้นตำรับมักจะมีความคิดเช่นนี้เกิดขึ้น มันเป็นเรื่องที่ดูผิดหลักการ แต่
สุดท้ายเวลาสองวันก็มากพอให้พวกเขาทำความเข้าใจได้ บ่อยครั้ง
เขาที่มุมมองต่อโลกหล้าพวกเขาต้องพังทลาย
กล่าวถึงเรื่องนี้ เขายังจำได้ถึงระบบที่เคยกล่าวไว้ ว่าระดับความ
ละเอียดของโลกเข้าใกล้กันมากแล้ว แผนการหลายอย่างปรากฏขึ้น
คิดทำลองทำ แต่ว่าจะทำอะไรดีนั้นไว้รอจนถึงตอนเย็นค่อยว่ากล่าว
อีกที
“ไม่ได้เจอกันนานมาก อยู่ทานอาหารด้วยกันก่อนเป็นไร” เหยาซือ
หยานกล่าวเชิญชิงหยวน
“ทานอาหาร?” ชิงหยวนมองเหยาซือหยานด้วยความสงสัย “จำได้ว่า
เจ้าไม่น่าทราบวิธีทำอาหารนี่นา? เป็นข้าด้วยซ้ำที่ต้องทำให้เจ้าทาน”
“ตอนนี้ไม่ใช่แล้ว” เหยาซือหยานยิ้มบางตอบกลับ “มากับข้า”
ด้วยเหตุนี้ชิงหยวนจึงถูกลากตัวไปยังครัวที่ชั้นสอง ทางด้านเหยาซือ
เย่ว์เดินตามไปรับชมเรื่องสนุกด้วยแล้ว
ไม่นานลั่วฉวนจึงได้ยินเสียงอุทานจากชั้นบน
เพราะตอนนี้ว่างไม่มีอะไรทำ เขานำเอาดอกครามเยือกแข็งที่เหยา
ซือเย่ว์เก็บกลับมาออกจากมิติเก็บของ
กลีบของดอกครามเยือกแข็งเผยประกายอ่อนจาง มันแทบจะเป็นขั้ว
ตรงข้ามกับส่วนล่างที่มีโลหะปะปนไปจนถึงรากที่เป็นโลหะ
ลั่วฉวนมองที่กลีบดอก
หยวนก่วยกล่าวเอาไว้ว่ารสชาติของมันค่อนข้างดี