God-level Store Manager เถ้าแก่ขั้นเทพ! - ตอนที่ 1091
ตอนที่ 1091
เหยาซือหยานมองที่เหยาซือเย่ว์ซึ่งกำลังโต้แย้งกับปิงชวง ตอนนี้นางนึกอะไรขึ้นได้จึงนำเอาโทรศัพท์วิเศษออกมา จากนั้นค่อยถามลั่วฉวน “เถ้าแก่ ขอข้าเรียกชิงหยวนมาด้วยนะ”
“ตามสะดวก” ลั่วฉวนกำลังเล่นไพ่พิชิตแลนด์ลอร์ดต้นตำรับ สายตาจับจ้องที่หน้าจอโทรศัพท์วิเศษพลางรอคอยได้ทานหม้อไฟ
เหยาซือหยานเผยยิ้ม จากประสบการณ์ของนาง คำตอบของลั่วฉวนมักเป็นเช่นนี้อยู่แล้ว ดังนั้นตอนนี้นางจึงส่งข้อความหาชิงหยวน
“มาที่ร้านต้นตำรับ”
ไม่กี่วินาทีชิงหยวนค่อยตอบข้อความกลับมา
“ตอนนี้ข้าไม่ทราบว่าอยู่ตรงไหนของนครจิ่วเหยา ไปที่ร้านต้นตำรับไม่ถูก”
เหยาซือหยานกุมขมับพร้อมถอนหายใจ นี่หลงทางอีกแล้ว?
ตอนนี้ฟ้าเริ่มมืด ดังนั้นแม้บินขึ้นฟ้าก็ไม่มีทางทราบได้ว่าร้านต้นตำรับอยู่ตรงไหน อย่าได้กล่าวถึงชิงหยวนที่มีความสามารถหลงทิศอย่างน่าอัศจรรย์
รวมเข้ากับความพิเศษของร้านต้นตำรับยิ่งทำให้แทบไม่อาจรับรู้ถึงได้ จากที่เหยาซือหยานรู้จักชิงหยวน นางไม่น่าหาร้านเจอแน่
“ข้ามีงานมอบให้เจ้าทำ ไปพาชิงหยวนมา” เหยาซือหยานตบไหล่เหยาซือเย่ว์ที่กำลังหยอกล้อเล่นกับปิงชวงอยู่
“หือ? พี่ชิงหยวนหลงทางอีกแล้ว?” เหยาซือเย่ว์เกิดประหลาดใจ
“ใช่” เหยาซือหยานพยักหน้ารับด้วยความอับจน
“เช่นนั้นเชื่อมือข้าได้เลย” เหยาซือเย่ว์ตอบรับก่อนจะฝ่าสายฝนหายไปจากร้าน
ลั่วฉวนมองตาม พบว่าภายนอกมืดแล้ว อีกทั้งยังทำเขาคิดว่าควรมีแอพพลิเคชั่นเช่นแผนที่ต้นตำรับอะไรทำนองนั้น
เมื่อเหยาซือเย่ว์ออกไป ร้านกลับกลายเป็นเงียบ อานเหวยหยาเข้าไปลูบผมปิงชวง “แล้วหม้อไฟต้องทำยังไงบ้าง?”
“ก็แค่เตรียมวัตถุดิบสักเล็กน้อย ส่วนที่เหลือก็ง่ายแล้ว” เหยาซือหยานนึกย้อนทวนคำของลั่วฉวน
“งั้นให้ข้าช่วยเอง” อานเหวยหยาเกิดสนใจเพราะคิดว่าน่าตนเองน่าจะทำได้
“คงมีเรื่องสนุกอีกแล้ว” อานเหวยหยาเคยอยู่ทานอาหารที่ร้านต้นตำรับก็หลายครั้งแล้ว เหยาซือหยานทราบดีว่าพรสวรรค์ในครัวของนางเป็นเช่นไร
ห้องครัวที่ชั้นสองของร้านต้นตำรับ
“ตามที่เข้าใจ มันคือการหั่นอาหารให้บางเฉียบใช่ไหม” อานเหวยหยาเผยความเข้าใจที่มีต่อหม้อไฟ
“เนื้อแล่บาง ผักแค่จัดใส่จานไม่ต้องทำอะไรอื่น” เหยาซือหยานบอกกล่าว
ปิงชวงทำหน้าที่รับชมพลางทานผลไม้ที่เหยาซือหยานยื่นให้
หลังผ่านไปครู่หนึ่ง
โต๊ะถูกนำออกมาเพิ่มเพื่อวางของหลากหลาย น้ำซุปที่ร้อนกรุ่นในหม้อพ่นไอน้ำออกมาอยู่ไม่ไกล
ตรงบริเวณที่ตั้งหม้อ ลั่วฉวนจัดการกำหนดให้อุณหภูมิตรงนั้นคงที่เพื่อเป็นเครื่องทำความร้อน
รายล้อมหม้อตอนนี้มีอาหารหลากหลายที่หั่นและจัดวางเรียงราย
“กลิ่นที่ดี!” เหยาซือเย่ว์เพิ่งกลับมาถึงร้าน เพียงเปิดประตูเข้ามาก็ได้กลิ่นหอมพุ่งเข้าใส่
“หืม… นี่หรือคือหม้อไฟ? น่าสนใจดี” ชิงหยวนดึงเก้าอี้มาร่วมนั่ง จากนั้นนางค่อยอุทาน “ดูเหมือนจะเผ็ดนะ”
บางทีอาจเพราะอิทธิพลจากข้อมูลที่ผันแปร พริกก็เป็นสิ่งที่พบได้ในทวีปเทียนหลัน ทั้งยังรู้จักกันอย่างกว้างขวาง
ในหม้อซุกเดือดจึงได้เห็นเครื่องเทศและพริกลอยไปมา ซึ่งเครื่องเทศเหล่านั้นลั่วฉวนเป็นคนนำออกมาเพื่อใส่ลงไปเอง
“ความเห็นข้าคือต้องมีรสจัดบ้าง หากทานไม่ไหวให้ใช้อีกหม้อใส่ซุปใสลงไปแทน” ลั่วฉวนเริ่มกวนน้ำซุปในหม้อ
“ซุปใส? จะเผ็ดน้อยลงหรือ? หม้อไฟมีหลากหลายประเภทให้เลือกทาน?” เหยาซือเย่ว์ตอนนี้ลอบกลืนน้ำลายพลางมองซุปสีแดงฉาน
หากถาม ตัวนางไม่ชอบพริกสักเท่าไหร เพียงแค่ได้กลิ่นก็ทำนิ้วกระตุกแล้ว
“กล่าวไป สิ่งนี้คืออะไร?” ลั่วฉวนคีบขึ้นมา… ในจานตรงหน้านี้คือวัตถุดิบอะไร?
มันน่าจะเรียกว่าวัตถุดิบได้ แต่มันมีแสงสีน้ำเงินประหลาด และสภาพมันก็คล้ายครีม ดูไปแล้วไม่น่าทานอย่างไรชอบกล
“ตามคำแนะนำของตัววัตถุดิบ ผลไม้นี้เรียกว่าคูลี สามารถใช้ทานได้โดยตรง” เหยาซือหยานแตะสัมผัสมันเบามือ วัตถุดิบทั้งหมดที่มีในครัวจะมีคำอธิบายแจ้งให้ทราบโดยเสมอ
คูลี?
เป็นชื่อประหลาดที่คงมีแต่โลกนี้ หรือจะเป็นของประหลาดที่ระบบสรรหามา?
แต่นี่เรียกว่าผลไม้ได้หรือ? มันดูเป็นพืชมากกว่าผลไม้ หรือมันเป็นพืชที่ไม่ออกผลจึงเรียกมันเป็นผลไม้?
ลั่วฉวนค่อนข้างมั่นใจต่อร่างกายอันไร้เทียมทาน ดังนั้นจึงกัดมันเข้าไปคำหนึ่ง นุ่มและหวานชุ่ม ราวกับทานบ๊ะจ่างย่าง
“รสชาติน่าสนใจ” ลั่วฉวนพยักหน้ารับพร้อมกล่าวคำออกมา และทันใดนี้เองที่เขาได้เห็นสีหน้าประหลาดของผู้อื่น “เป็นอะไรกัน?”
“เถ้าแก่ ที่ท่านทานเข้าไปมันยังมีชีวิตอยู่” ชิงหยวนชี้ที่คูลีในมือของลั่วฉวน
ยังมีชีวิต?
ลั่วฉวนตระหนักพบเห็น ว่ามันมีรอยแยกปรากฏบนพื้นผิวของผลคูลี และเมื่อถูกกัดมันจึงเปิดออกเล็กน้อย เขาจึงใช้ตะเกียบทิ่มลงไปที่ตรงกลาง
ยังมีชีวิตอยู่จริงด้วย แล้วเหตุใดระบบเอาของประหลาดเช่นนี้ออกมากัน… ลั่วฉวนอดไม่ได้ที่จะครุ่นคิด
เรื่องคูลีเป็นเพียงส่วนหนึ่งของโต๊ะอาหารมื้อนี้ มันไม่ได้กระทบกับสภาพอารมณ์โดยรวมของผู้ทานคนอื่นมากนัก เพียงแต่อดไม่ได้ที่จะเกิดความรู้สึกว่าแปลกประหลาด
“พวกเครื่องเทศไม่แนะนำให้กินเข้าไป เลือกว่าอยากทานอะไรแล้วใส่ลงไป รอสุกแล้วค่อยคีบขึ้นมาทาน” ลั่วฉซนเตรียมซอสจิ้มสำหรับตนเองมาเรียบร้อย จากนั้นจึงเริ่มแนะนำวิธีทานหม้อไฟ “ใส่เนื้อแล่บางลงไป รอสักสักครู่ ผักก็เหมือนกัน เลือกความสุกเอาตามชอบได้เลย”
จากนั้นเขาจึงใช้ตะเกียบคีบเนื้อแล่บางใส่ลงในน้ำซุกร้อนสีแดง ไม่ช้าเนื้อจึงสุกในเวลาเพียงอึดใจ
เมื่อคีบขึ้นมาแล้วจึงจิ้มกับซอสที่เตรียมไว้และนำเข้าปาก รสชาติเผ็ดเล็กน้อยปรากฏในปากฟุ้งกระจาย สัมผัสการเคี้ยวกับความนุ่มของเนื้อแล่บาง ทั้งหมดเป็นไปอย่างลงตัว
ด้วยมีลั่วฉวนเป็นตัวอย่าง เหยาซือหยานจึงลองตามก่อนจะหรี่ดวงตาเล็กน้อย “อืม… รสชาติดีไม่น้อยเลย!”
“อาหารที่น่าทึ่งเช่นนี้เถ้าแก่คิดมาได้ยังไงกัน?” อานเหวยหยาทานคูลีเข้าไปพลางถาม
“โลกอื่นเขาก็กินกันเช่นนี้” ลั่วฉวนกล่าวตอบพลางคีบเนื้อแล่บางอีกชิ้นไปลวก
อานเหวยหยาพยักหน้ารับและเลือกที่จะหยุดถาม
“โลกอื่น? ทวีปอื่นที่นอกเหนือไปจากทวีปเทียนหลัน?” ชิงหยวนเอ่ยถามขึ้นมา
ลั่วฉวนรู้สึกว่าคำถามนี้คงไม่อาจตอบให้กระจ่างชัดเจนได้ เพราะความเข้าใจของคนในโลกนี้ที่เกี่ยวข้องกับจักรวาลและความว่างเปล่า ทั้งสองโลกไม่ได้มีแนวคิดเช่นเดียวกัน
“น่าทึ่งเกินกว่าที่เจ้าคิด แต่คำถามนี้เอาไว้ภายหลังจึงดีกว่านะ” เหยาซือหยานบอกกล่าวชิงหยวนเพื่อให้นางยับยั้งความสงสัย
ปิงชวงยังไม่คุ้นชินการใช้ตะเกียบ นางจับจ้องที่เนื้อแล่บางก่อนจะคีบขึ้นมาอย่างยากลำบาก… และก็ทำมันร่วง
หากไม่ได้เหยาซือเย่ว์ช่วย เช่นนั้นเกรงว่าวันนี้นางคงไม่ได้กิน