God-level Store Manager เถ้าแก่ขั้นเทพ! - ตอนที่ 1092
ตอนที่ 1092
“ข้าว่ามันมีอะไรไม่สะดวก” เหยาซือเย่ว์วางตะเกียบตนเองลงก่อนจะคว้าเอาจานเนื้อขึ้นมาเทใส่หม้อ “ทำแบบนี้สะดวกกว่าเยอะ”
“เห็นด้วย” อานเหวยหยาพยักหน้ารับ “ข้าคิดอยากทำอย่างนี้พอดี ทานเช่นที่เถ้าแก่บอกนั้นออกจะยุ่งยากเกินไป”
ลั่วฉวนไม่กล่าวอะไรตอบ เพียงแต่ช่วยเร่งความร้อนหม้อน้ำซุปให้มากขึ้น หม้อซุปที่โดนเนื้อเทใส่เงียบสงบไปครู่ก่อนจะกลับมาเดือดอีกครั้ง
จากนั้นเขาจึงลุกขึ้นเดินไปหยิบขวดโคล่าจากชั้นหลายขวดมาวางกับโต๊ะ หม้อไฟที่เผ็ดร้อนก็ต้องคู่กับโคล่า
“ถือเป็นเถ้าแก่เชิญชวนใช่หรือไม่? งั้นข้าไม่เกรงใจ” อานเหวยหยาเผยยิ้มกว้าง
สิบผลึกวิญญาณต่อโคล่าหนึ่งขวดไม่นับเป็นอะไร แต่หากลั่วฉวนเลือกที่จะเลี้ยง เช่นนั้นนางก็ยินดีรับเอาไว้
“สุกหมดแล้ว” ลั่วฉวนกล่าวเตือนคนอื่น
ชิ้นเนื้อเริ่มลอยปรากฏจากใต้น้ำซุปสีแดง มือแต่ละคนต่างขยับ เพียงสิ้นเสียงตะเกียบก็ญื่นไปคีบเนื้อกันขึ้นมาแล้ว
เหยาซือเย่ว์และอานเหวยหยารวดเร็วที่สุด ทางด้านลั่วฉวนเขายังเลือกทานแบบเดิม
ปิงชวงพบเห็นเนื้อแล่บางในหม้อไฟลดจำนวนลงอย่างฮวบฮาบ นางตอนนี้เกิดอาการร้อนใจชนิดที่ไม่อาจแสดงผ่านสีหน้า
แต่การใช้ตะเกียบไม่ใช่ว่าจะเชี่ยวชาญได้ในเวลาอันสั้น ลั่วฉวนที่นั่งตรงข้ามกับนางพบเห็นจึงหยิบยื่นช้อนให้เพื่อคลี่คลายวิกฤตให้แก่ปิงชวง
บนโต๊ะมีอาหารหลากหลายเตรียมไว้ให้ทาน ซึ่งก็มีทั้งผักและเนื้อหลากหลายชนิด ลั่วฉวนชอบทานเนื้อปลาเพราะค่อนข้างนุ่ม
หลังดื่มโคล่าเข้าไป ตอนนี้เขาค่อยได้เห็นว่าเหยาซือหยานกับชิงหยวนกำลังจ้องเนื้อชิ้นเดียวกัน ชนิดที่ว่าไม่มีใครยอมใคร
ตะเกียบของเหยาซือหยานเปรียบดังคมดาบคุกคามชีวิต มันพุ่งเข้าหาเป้าหมายด้วยมุมอันเหลือเชื่อ พลังอำนาจการคว้าจับของตะเกียบแผ่พุ่งพร้อมปรากฏหมอกควันลอยขึ้นมา
ใบหน้าชิงหยวนเผยยิ้ม ร่องรอยแสงสว่างสีเขียวปรากฏจากปลายตะเกียบของนางพร้อมเสียงที่พุ่งออกไปเพื่อคว้าจับอย่างเสียดแก้วหู
ลั่วฉวนคีบผักใกล้เคียงขึ้นมาอย่างเงียบงัน ขณะที่พวกเหยาซือเย่ว์ทั้งสามต่างหยุดใช้ตะเกียบในมือ
การเผชิญหน้าระหว่างเหยาซือหยานและชิงหยวน ไม่ช้าจึงจบลงด้วยชัยชนะฝ่ายแรก
เหยาซือหยานคีบเนื้อเข้าปากด้วยรอยยิ้มผู้ชนะ
“ซือหยาน ความแข็งแกร่งเจ้าถึงขั้นล้ำเกินกว่าข้าไปแล้ว” ชิงหยวนมองที่เหยาซือหยานอย่างแทบไม่นึกเชื่อ “นี่ผ่านไปนานเพียงใดกัน ไฉนความเร็วการก้าวหน้าของเจ้ารวดเร็วขนาดนี้กัน?”
“เร็วหรือ? ข้ามองว่าปกติ” เหยาซือหยานตอบกลับแม้กำลังเคี้ยวอยู่
ชิงหยวนไม่คิดโต้เถียง แต่เลือกที่จะหันมองทางลั่วฉวนก่อนจะเผยสีหน้าครุ่นคิด “เป็นปกติงั้นสินะ”
ลั่วฉวนไม่ตอบ แต่ตอนนี้หยิบเนื้อมาห่อเห็ดเอาไว้ ภายในใจเขากำลังนึกถึงร้านกาแฟที่ว่าควรไปทางใดต่อ
“ฮ่า อิ่มแล้ว” เหยาซือเย่ว์วางตะเกียบลงพลางเอนกายกับเก้าอี้
ปิงชวงตอนนี้เลือกขยับตัวเดินไปทางเครื่องเล่นเกมเสมือนจริง หาที่นั่ง และเริ่มจับจ้องโทรศัพท์วิเศษในมือเหมือนเช่นเคย
นางน่าจะกำลังเล่นไพ่พิชิตแลนด์ลอร์ดอยู่ ตอนนี้นางยังคงรักษาอันดับหนึ่งเอาไว้อย่างเหนียวแน่น
“อานเหวยหยา เจ้ากินจุไม่ใช่น้อยเลย” ก็เหมือนดังลูกค้าคนอื่นของร้าน ชิงหยวนไม่ทราบตัวตนของอานเหวยหยา
“ใช่ ข้ากินจุแบบนี้ตลอดเลยแหละ” อานเหวยหยายังคงกินพลางตอบคำถาม
เมื่อผักชิ้นสุดท้ายลงหม้อ จุ่มซอส และนำเข้าปาก หม้อไฟในค่ำคืนนี้จึงจบลง
ลั่วฉวนนำเอาโทรศัพท์วิเศษออกมารับชมกลุ่มแชท พบว่าหลายคนกำลังพูดถึงเรื่องปัญหาของเม็ดยา เหมือนว่า “โถงเล่าเรียนแห่งหุบเขาโอสถ” ของแอพวิดีโอจะมีการอัพเดทเนื้อหาใหม่แล้ว
ตั้งแต่ที่มีรายการโถงเล่าเรียนแห่งหุบเขาโอสถ จำนวนของผู้ติดตามรายการก็เพิ่มขึ้นเรื่อยมา อย่างไรแล้วสำหรับผู้ฝึกตนส่วนใหญ่ พวกเขาก็ต้องคอยซื้อหาเม็ดยาสารพัดชนิดเพื่อใช้งานอยู่โดยตลอด
มันทำให้พวกเขาได้ความรู้กันมากขึ้น
ตั้งแต่มีแอพวิดีโอให้ใช้งาน หลายเรื่องที่ไม่เคยรู้ก็ทำให้ได้รับรู้กัน ไม่ใช่เรื่องยากเช่นแต่ก่อนที่หาศึกษาได้ยาก
“มืดพอสมควรแล้ว เถ้าแก่ พวกเราขอตัวก่อน” หลังช่วยเหยาซือหยานเก็บกวาด อานเหวยหยากและปิงชวงจึงเข้ามาบอกลา
เหยาซือเย่ว์และชิงหยวนต่างก็กลับกันไป และด้วยเพราะชิงหยวนไม่รู้ทิศทางขั้นร้ายแรง เหยาซือเย่ว์จึงอาสาไปส่งที่โรงเตี๊ยมจันทราเมรัย
ภายในร้านมีระบบกรองอากาศอันยอดเยี่ยมโดยตัวของระบบเอง ดังนั้นกลิ่นหม้อไฟจึงเลือนหายไปอย่างรวดเร็ว
บรรยากาศในร้านกลับคืนสู่ความเงียบ ลั่วฉวนเตรียมไปยังเซ็นน่า เมืองชายหาดช่วงมืดค่ำคงน่าสนใจไม่ใช่น้อย บางทีอาจมีการปิ้งเนื้อย่างรอบกองไฟกันที่ชายหาดก็เป็นได้
จากที่เขาคาดการณ์ เซ็นน่ามีพื้นที่กว้างใหญ่ยิ่งกว่าออรัน นอกจากนี้แล้วยังเป็นเมืองที่ค่อนข้างสงบสุข ผลกระทบจากเก้าหายนะธรรมชาติแทบไม่ปรากฏ ดังนั้นมันจึงน่าสนใจ
และลั่วฉวนยังแทบไม่ได้ยินเรื่องราวถึงคลื่นลมซึ่งเกิดขึ้นที่เมืองนี้ ในความเห็นของเขา เมืองนี้น่าจะอยู่ในขอบเขตของอีกสองกองกำลัง
“ไปเก๋อหลัวไหม?” ลั่วฉวนเอ่ยถาม เพราะผลงานของเหยาซือหยานได้เผยแพร่ออกไปแล้ว นั่นหมายถึงนางมีเนื้อหาเตรียมไว้มากพอ ดังนั้นจึงพอมีเวลาให้เที่ยวเล่นได้บ้าง
“ไป” เหยาซือหยานรับคำ
ที่มิติเริ่มต้นอันขาวโหลน ลั่วฉวนเลือกสถานที่ซึ่งต้องการไป
สภาพรอบด้านแปรเปลี่ยน เหยาซือหยานสำรวจมองภาพฉากอันไม่คุ้นเคย
แสงอ่อนจางปรากฏในห้อง มันสะท้อนกับพื้นที่เป็นลายไม้ประกายงดงาม โซฟาบุนุ่มชนิดที่ว่าเพียงแค่เห็นก็ชวนให้นอน และยังมีเคาน์เตอร์ไม้ที่ถูกขัดเงาประหนึ่งกระจกตั้งอยู่
มันราวกับเป็นหมู่บ้านซากุระในอีกรูปแบบหนึ่ง
“โอ้…” เหยาซือหยานเผยเสียงอุทานดังออกมา สายตาของนางหันมองทางลั่วฉวน “เถ้าแก่ ที่นี่คือ?”
“ร้านกาแฟของข้าที่เก๋อหลัว” ลั่วฉวนกล่าวตอบ
เหยาซือหยานนึกย้อนถึงท่าทีแปลกไปของลั่วฉวนตั้งแต่สองวันก่อน ตอนนี้นางได้คำตอบแล้ว “เถ้าแก่ชวนข้ามาวันนี้เพราะต้องการอวดร้านกาแฟใช่หรือไม่?”
เกรงว่าคงมีเพียงแต่เถ้าแก่ที่สามารถเปิดร้านในเกมของเครื่องเล่นเกมเสมือนจริงได้
ลั่วฉวนพยักหน้ารับ “ร้านนี้เพิ่งเปิดได้สองวัน ตอนนี้ยังไม่มีลูกค้า”
“เถ้าแก่คิดมาขายกาแฟที่นี่ตลอดเวลาเลยหรือ?” หลังเกิดประหลาดใจ เหยาซือหยานเริ่มสำรวจมองสถานที่ด้วยความสงสัยพร้อมกล่าวถามลั่วฉวน
“ไม่ใช่” ลั่วฉวนส่ายศีรษะก่อนจะนั่งลงบนโซฟาที่นุ่มราวยุบตามตัวเขา
“แล้ว?” เหยาซือหยานยังคงค้างคา
“แค่สนใจก็เลยเปิดร้านที่นี่ ภายหน้าอาจมีอะไรเปลี่ยนแปลงบ้างตามแต่สะดวก” ลั่วฉวนกล่าวตอบ
“หรือก็คือ ร้านกาแฟอาจกลายเป็นร้านขายอย่างอื่น หรือไม่ก็ปิดร้านหากหมดความสนใจ?” เหยาซือหยานตีความจากคำของลั่วฉวน
“จะว่าอย่างนั้นก็ได้ อย่างไรแล้วที่นี่ก็เป็นต่างโลก ผ่านไปสักพักก็คงน่าเบื่อเหมือนดังทวีปเทียนหลัน” ลั่วฉวนกล่าวตอบ “นอกจากนี้แล้วที่นี่ไม่ใช่ออรัน แต่เป็นเมืองที่มีนามว่าเซ็นน่า”