God-level Store Manager เถ้าแก่ขั้นเทพ! - ตอนที่ 1095
ตอนที่ 1095
ที่พักของอัลบูเคอร์วาโรเล็ทกินพื้นที่เป็นบริเวณกว้าง จากสิ่งปลูกสร้างหรูหราใกล้เคียงรอบด้าน แม้ตรงนี้เกิดแรงระเบิดรุนแรงขึ้น แต่สถานที่ใกล้เคียงก็ได้รับความเสียหายเพียงเล็กน้อย
“สิ่งปลูกสร้างนี้เดิมมีหกชั้น แต่ตอนนี้ชั้นล่างยุบตัวพังทลายจึงเตี้ยลงมาจากที่ควรเป็น” เออร์ฮาร์ตบอกกล่าวสถานการณ์ของสิ่งปลูกสร้างที่พังลงให้รับฟัง
เฮอร์แมนมองที่ซากสิ่งปลูกสร้างที่โดนแรงระเบิดรุนแรงเล่นงาน เมื่อคืนเขาเองก็ได้ยินเสียงระเบิดดังสนั่นเลือนลั่น จากความเสียหายที่ได้เห็นว่ายังมีซากหลงเหลือ เขามองว่าควรยกความดีความชอบให้อักขระเวทที่แกะสลักบนกำแพง
“ลงมือหนักยิ่งนัก… เหมือนว่าผู้ก่อเหตุและลอร์ดวาโรเล็ทจะมีความแค้นต่อกันใหญ่หลวง” มือของเฮอร์แมนหยิบหนังสือที่ถูกเผาไหม้กับพื้นขึ้นมา จากนั้นจึงเปิดหน้ากระดาษที่กลายเป็นสีน้ำตาล
“นักสืบเฮอร์แมน หวังว่าจะได้รับคำตอบจากที่เกิดเหตุนะ” เออร์ฮาร์ตมองไปยังสิ่งปลูกสร้างที่เคยรุ่งเรืองในอดีตก่อนจะกล่าว “ด้วยนิสัยคุณ คิดว่าคงอยากเข้าไปในที่เกิดเหตุโดยตรงเลยล่ะสิ”
เฮอร์แมนยิ้มตอบรับก่อนจะกระชับไม้เท้าของตน “แน่นอน ให้ข้าเข้าไปได้เลยหรือไม่?”
เออร์ฮาร์ตพยักหน้ารับราวทราบอยู่ก่อนแล้ว “ยกเว้นเรื่องการดับไฟและช่วยเหลือผู้คน สภาพที่เกิดเหตุยังสมบูรณ์ครบถ้วน หวังว่าเรื่องนี้จะช่วยได้”
อากาศที่เต็มไปด้วยบรรยากาศการถูกเผาไหม้ ต่อให้ถูกพายุฝนชะล้างไปแล้วก็ยังคงคุกกรุ่น เศษซากวัตถุมากมายกระจัดกระจายทั่วพื้น ในใจเขาตอนนี้แทบปรากฏภาพเหตุการณ์ระเบิดขึ้นราวกับอยู่ตรงหน้า
เฮอร์แมนพบเจอชิ้นส่วนหน้าต่างที่แตกพังออกมา จากนั้นจึงเข้าไปในตัวอาคารที่แทบจะพังทลาย เขาสุ่มมองหาสถานที่ซึ่งสามารถเดินไปได้เพื่อสำรวจให้ถี่ถ้วน
กำแพงสีขาวมีร่องรอยการถูกไฟเผาไหม้และรอยแตกอย่างสะดุดตา พื้นค่อนข้างยุ่งเหยิง เพราะอยู่ไกลจากจุดเกิดเหตุระเบิดมันจึงยังพอเหลือเค้าโครงให้ได้เห็นอยู่บ้าง
“โศกนาฏกรรมโดยแท้” เฮอร์แมนกล่าวออกมา ถัดจากนั้นเขาจึงบิดที่ครึ่งบนของไม้เท้าก่อนจะนำเอาขวดน้อยออกมาจากแกนด้านในและพ่นไปโดยรอบ
ละอองสีขาวปรากฏ มันคงอยู่ไม่เลือนหายโดยลอยตัวอยู่กลางอากาศเหมือนดังม่านปกคลุม ไม่ช้ามันจึงเริ่มปกคลุมทั้งบริเวณ
รับชมผ่านหมอกสีขาว โลกทั้งใบกลายเป็นขมุกขมัว แต่สิ่งหนึ่งที่จะได้เห็นคือรูปร่างที่ไม่เคยได้เห็นซึ่งประกอบด้วยสีสันประหลาดอันหลากหลาย
ตำแหน่งที่เขาอยู่ตอนนี้เปรียบดังยืนบนปุยเมฆ ร่องรอยกระแสการไหลเวียนของพลังเวทมนตร์ที่หลงเหลือได้ปรากฏให้เห็นชัด มันคือต้นตอของเหตุระเบิด
“ทางด้านนี้มีจารึกเวทมนตร์น้อย” เฮอร์แมนกุมหน้าผากตนเองราวปวดศีรษะ “ไม่พบเห็นอะไรเลย คงได้แต่ต้องไปรับชมที่ด้านนอก”
เออร์ฮาร์ตและกองอัศวินยังคงทำหน้าที่คุ้มกันโดยรอบอย่างแข็งขัน กับเฮอร์แมนที่เดินเข้าและออกจากอาคาร พวกเขาทำเป็นประหนึ่งไม่เห็น
รอบตัวของเฮอร์แมนตอนนี้มีหมอกสีขาวปกคลุม ด้วยเออร์ฮาร์ตและผู้อื่นไม่สนใจ เขาจึงเริ่มเว้นระยะห่างออกมา หมอกสีขาวเริ่มก่อรูปร่างเป็นสิ่งปลูกสร้าง
จุดสีแดงต้องตาปรากฏให้เห็นก่อนจะเริ่มกัดกร่อนหมอกสีขาวจากใจกลาง ไม่ช้ากลุ่มหมอกจึงกระจายตัวออกและเลือนหาย
“พลังงานที่รุนแรงเป็นตัวทำลายจารึกเวทมนตร์ที่แกะสลักเอาไว้บนสิ่งปลูกสร้างโดยตรง? น่าสนใจ…”
เฮอร์แมนสัมผัสคางตนเองพลางมองไปยังถนน ร่องรอยสีแดงที่แทบเลือนหายไปจนหมดสิ้นมันอยู่ที่ตรงหัวมุมทางด้านนั้น…
…..
หลังเดินผ่านมาหลายทางแยก สภาพแวดล้อมที่เงียบเหงาก็กลับกลายเป็นคึกคัก เพราะทั้งสองพูดคุยกันไปเรื่อยตลอดทางที่เดินมาจึงไม่ได้น่าเบื่อแต่อย่างใด
“คล้ายกับนครจิ่วเหยา กลางคืนคึกคักไม่ใช่น้อย” เหยาซือหยานมองคนสัญจรไปมาบนถนน
“โชคดีแล้ว เหมือนรถรางเวทมนตร์จะกำลังมา” ลั่วฉวนตระหนักพบเห็นรถรางคันใหญ่ที่กำลังขับเคลื่อนมาจากสุดปลายของถนนอีกฟาก
“น่าทึ่งนัก” เหยาซือหยานมองพาหนะที่เพิ่งเคยได้เห็นเป็นครั้งแรกพร้อมอุทาน
ราคาค่าตั๋วคือหนึ่งริก เหยาซือหยานได้รับประสบการณ์ซื้อตั๋วด้วยตนเองและโดยสารพาหนะที่ราวกับหลุดมาจากจินตนาการ
บนรถรางเวทมนตร์ มีหลายคนนั่งอยู่ก่อนแล้ว พบเห็นลั่วฉวนกับเหยาซือหยานขึ้นมา พวกเขาต่างเผยยิ้มทางดวงตามองมา
แม้เสื้อผ้าแปลกตาไปบ้าง แต่นั่นไม่ใช่ประเด็นสำคัญ จากรูปลักษณ์ที่เห็น ทั้งสองคล้ายเป็นคู่รักที่มาเดินเล่นในเซ็นน่ายามค่ำคืน
ค่ำคืนที่เซ็นน่าทำทั้งลั่วฉวนและเหยาซือหยานเกิดประทับใจ ภาพยามค่ำคืนของเมืองชายทะเล มันงดงามขนาดทำผู้พบเห็นอดไม่ได้ที่จะดื่มด่ำ
เหยาซือหยานใช้งานระบบถ่ายภาพของเครื่องเล่นเกมเสมือนจริงถ่ายภาพอันหลากหลาย นางกล่าวว่าอยากเก็บภาพความประทับใจเหล่านี้เอาไว้
ลมเย็นจากผืนทะเลพัดโชยมา แม้เป็นเวลากลางคืน แต่ทะเลไม่ใช่มืดมิด เกลียวคลื่นในผืนน้ำทะเลสะท้อนกับแสงจันทร์และแสงดาว มันเกิดเป็นความระยิบระยับยามค่ำคืนอันงดงาม
“ทะเลยามค่ำคืนถึงกับงดงามได้เพียงนี้” เหยาซือหยานรับชมอย่างตั้งใจ ขณะเดียวก็ยังหันไปมองสองฟากข้างของถนนไปด้วย
คลื่นลูกแล้วลูกเล่าพัดมายังชายฝั่ง ฟองคลื่นสีขาวปรากฏซัดใส่ชายหาดและเลือนหายไป ใกล้เคียงยังมีป้ายของภัตตาคารชายหาดศิลาทมิฬเผยแสงสุกสว่างโดดเด่น
รวมเข้ากับสายลมเย็นที่พัดมา ชุดของนางพลิ้วไสวไปพร้อมกับเส้นผมสีม่วง
ลั่วฉวนไม่พูดกล่าว บรรยากาศตอนนี้คือความเงียบ หากจะมีเสียงก็เป็นเสียงคลื่นทะเลและผู้คนที่ชายหาดทางด้านล่างและเสียงสายลมเย็นที่พัดมา
“เถ้าแก่ ท่านคงไม่หายไปไหนใช่ไหม?” เหยาซือหยานมองผืนทะเลไกลห่าง น้ำเสียงของนางดูผิดปกติราวกับเกิดความรู้สึกอันว่างเปล่าในใจ
“จะไปไหนได้?” ลั่วฉวนยิ้มตอบก่อนจะรับชมผืนน้ำทะเลที่สะท้อนแสงเป็นประกาย “ชีวิตตอนนี้ก็ดีแล้ว ยังจะให้ไปไหนอีกกัน?”
“ชีวิตตอนนี้ก็ดีแล้ว…” เหยาซือหยานทวนคำเสียงเบาก่อนจะหัวเราะ “ใช่ ตอนนี้ช่างวิเศษจริง ๆ”
ผ่านไปครู่ ทั้งสองจึงค่อยมาถึงตรงหน้าภัตตาคารชายหาดศิลาทมิฬ
ป้ายชื่อร้านแกะสลักเอาไว้ด้วยอักษรพลังเวท มันสามารถดูดซับพลังเวทมนตร์ในอากาศมาเปล่งแสงให้ส่องสว่างยามค่ำคืนได้
ในความเห็นของลั่วฉวน นี่จึงเป็นความเจริญก้าวหน้าทางวิทยาการของอารยธรรมเวทมนตร์
ที่หน้าภัตตาคารมีการย่างอาหารขายสำหรับเดินทาน ของเสียบไม้ย่างหลากหลายชนิดมีให้เลือก กิจการของที่นี่ดีขนาดว่ามีลูกค้าต่อแถวกันยาว
“เถ้าแก่ มีคนรอไม่น้อยเลย หากต่อแถวน่าจะต้องใช้เวลา” เหยาซือหยานขมวดคิ้ว นางไม่คิดอยากเสียเวลาที่มีตอนนี้ไปกับการต่อแถว
“ของเสียบไม้ย่างทำเองที่โรงครัวทางด้านโน้นก็ได้” ลั่วฉวนเกิดความคิดขึ้นมา
“โรงครัว?” คำที่ไม่คุ้นเคยปรากฏจากปากของลั่วฉวนให้เหยาซือหยานได้ทราบอีกครั้ง
“ทางภัตตาคารนำเสนอวัตถุดิบหลากหลายและสอนวิธีการทำให้โดยคร่าว จากนั้นลูกค้าค่อยซื้อวัตถุดิบไปปรุงด้วยตัวเอง” ลั่วฉวนอธิบายโดยย่อ
“ให้ลูกค้าทำด้วยตนเอง?” หลังครุ่นคิด เหยาซือหยานจึงทราบถึงความแตกต่างจากภัตตาคารทั่วไป เพราะอาหารที่ทำเองกับอาหารที่ผู้อื่นเตรียมและทำให้นั้นแตกต่างกัน “น่าสนใจจริง”