God-level Store Manager เถ้าแก่ขั้นเทพ! - ตอนที่ 1101
ตอนที่ 1101
ช่วงเช้าที่ตำหนักจักรกลสวรรค์เงียบสงบ เพราะที่นี่คือยอดเขาสูงเทียมฟ้า รอบด้านมีแต่เมฆหมอกหนาปกคลุม กระทั่งเป็นดวงตะวันสีแดงชาดยังพบเห็นได้เพียงเลือนราง
เหวินเทียนจีมาถึงค่ายอาคมเคลื่อนย้ายที่สร้างไว้ที่นี่แต่แรก เพราะเป็นการเดินทางเร่งด่วนจึงต้องใช้พลังวิญญาณเป็นแหล่งกำเนิดพลังงานของค่ายอาคม อักขระที่แกะสลักเอาไว้ส่องสว่างขึ้น ความผันแปรทางมิติมากมายปรากฏพร้อมร่องรอยเส้นทางมิติของสถานที่ซึ่งเชื่อมโยงถึงกัน
เมื่อเข้าไปยังเส้นทางมิติ สภาพแวดล้อมรอบด้านจะขมุกขมัว เมื่อกลับคืนความกระจ่างชัดอีกครั้ง ก็จะพบว่ายืนอยู่เหนือแท่นอาคมเคลื่อนย้ายศูนย์กลางของนครจิ่วเหยาเสียแล้ว
ภายใต้พลังวิญญาณที่ปั่นป่วน วังวนที่ก่อเกิดขึ้นจากเมฆสีดำเริ่มรวมตัวกันเชื่องช้าแต่ก็มากพอให้เห็นด้วยตาเปล่า มวลฝนที่กระจัดกระจายไร้สิ้นสุด ทั้งสองสถานที่ซึ่งเพิ่งจากมาและเพิ่งมาถึง สภาพอากาศแตกต่างกันอย่างใหญ่หลวง
เพราะมาถึงแต่เช้า หน้าประตูทางเข้านครจิ่วเหยาจึงมีทหารในชุดเกราะไม่กี่คนประจำการ
อืม… โทรศัพท์วิเศษตอนนี้น่าจะใช้หาข้อมูลสำคัญได้กระมัง?
เมื่อเดินออกจากแท่นอาคมเคลื่อนย้าย เหวินเทียนจีฉีกมิติมุ่งตรงไปยังร้านต้นตำรับ
“หัวหน้า เมื่อครู่นี้คล้ายค่ายอาคมเคลื่อนย้ายมีความเคลื่อนไหวนะ” ทหารที่เฝ้ารักษาการณ์ตระหนักเห็นเหวินเทียนจีที่มาถึง เขาเร่งรีบไปรายงานหัวหน้า
“ทราบแล้ว ทราบแล้ว อย่าได้รบกวนข้าด้วยเรื่องเล็กน้อยสิ” หัวหน้าทหารรักษาการณ์โบกมือตอบอย่างอดกลั้นขณะกำลังดื่มด่ำกับแอพนักอ่าน…
เมื่อเหวินเทียนจีมาถึงร้านต้นตำรับ ภายในร้านยังมีลูกค้าไม่มาก ความนิยมในตัวชานมเริ่มสงบลงแล้ว อย่างน้อยก็ไม่มีการต่อแถวยาวให้เห็นอีก
เหยาฮุยเฉินมาถึงร้านต้นตำรับก่อน เขาเพิ่งกลับจากการหยิบสินค้ามุ่งหน้าไปเติมน้ำร้อนใส่บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป
“จ้าวตำหนักเหวิน ได้ตรวจสอบกฎแห่งฟ้าดินที่อยู่ภายในดอกครามเยือกแข็งเสร็จสิ้นหรือยัง?” เหยาฮุยเฉินหยุดเดินพร้อมเผยยิ้มเอ่ยถาม
เมื่อวานนี้เหวินเทียนจีใช้เวลาทั้งช่วงบ่ายในมิติส่วนต่อขยายของร้านต้นตำรับ กระทั่งว่าไม่จากไปไหนจนเวลาทำการของร้านหมดสิ้นลง เหล่าลูกค้าจึงทราบ ว่าเขากำลังพิจารณาหาถึงความพิเศษของดอกครามเยือกแข็ง
ทว่าของในร้านต้นตำรับไม่เคยมีใดที่ธรรมดา นอกจากนี้ก็มีเพียงแต่ขอบเขตราชันอันสูงส่งจึงพอจะได้เห็นกฎแห่งฟ้าดิน ดังนั้นสำหรับพวกเขา ที่ทำได้ก็เพียงพูดคุยไปเรื่อยอย่างไม่อาจจับหลัก
ในหมู่ลูกค้ามากมาย ร่วมวงสนทนาพูดคุยต่อกันเป็นเรื่องสนุกที่มักเกิดขึ้น ด้วยความแข็งแกร่งเช่นพวกเขาย่อมไม่อาจพบเห็นอะไรอยู่แล้ว อย่างไรเสียผู้ฝึกตนธรรมดาที่ระดับการฝึกฝนต่ำเตี้ยมีหรือจะมองเห็นกฎแห่งฟ้าดินเช่นเหล่ายอดฝีมือ
เหวินเทียนจีพยักหน้ารับ “ใช่ หลังการตรวจสอบของข้า ดอกครามเยือกแข็งไม่มีกฎแห่งฟ้าดินคงอยู่ แต่มันเป็นตัวตนที่เกิดขึ้นโดยกระบวนการก่อร่างของอาคมหรืออะไรทำนองนั้น น่าสนใจไม่น้อยเลยทีเดียว”
ลั่วฉวนที่กำลังอ่านนิยายอยู่ด้านหลังโต๊ะกลาง ได้ยินคำของเหวินเทียนจี ภายในใจเขาเรียบเฉย ราวกับเคยชินแล้ว
“รูปแบบอาคมงั้นหรือ? ข้าไม่คล้ายได้เห็น” เหยาฮุยเฉินไม่ค่อยได้ใส่ใจมากนัก จากนั้นจึงเปลี่ยนประเด็น “ได้ยินมาว่ามีการให้ผู้ฝึกตนของตำหนักจักรกลสวรรค์ไปสำรวจโบราณสถานงั้นหรือ?”
“โบราณสถานครั้งนี้ค่อนข้างพิเศษ ข้าคิดว่ามันควรมีอะไรมากกว่าดอกครามเยือกแข็ง บางทีลึกลงไปใต้ดินนั่นอาจมีสิ่งอื่นถูกฝังเอาไว้อีก” เหวินเทียนจีกล่าวตอบ
แม้อานเหวยหยาบอกลั่วฉวนว่า “โบราณสถานครั้งนี้ค่อนข้างพิเศษ” แต่ถ้อยคำเหล่านี้ไม่ได้เผยแพร่ออกไป แต่เป็นตัวโบราณสถานเองที่เผยความพิเศษออกมาผ่านทางอารยธรรมที่หลงเหลือ
“หวังว่าจะได้เรื่องอะไรติดไม้ติดมือ” เหยาฮุยเฉินตอนนี้ไม่ค่อยสนใจโบราณสถานเท่าใดแล้ว บทสนทนาระหว่างคนทั้งสองจึงจบลงเท่านี้
เหวินเทียนจีครุ่นคิดไปครู่ เดินไปที่ชั้นวาง คว้าขวดสไปรท์มา จากนั้นจึงเดินต่อไปยังมิติส่วนต่อขยาย กับความเข้าใจต่อกฎอาคมแห่งฟ้าดิน มันต้องใช้พลังจิตอย่างมหาศาล และสไปรท์เป็นตัวเลือกการฟื้นฟูที่ดี
“เถ้าแก่ จะไปร้านกาแฟไหม?” เหยาซือหยานดึงชายเสื้อลั่วฉวนเอ่ยถามเสียงเบา
“ร้านกาแฟ?” ลั่วฉวนวางโทรศัพท์วิเศษลง “จะไปดูคิเมร่างั้นหรือ?”
เหยาซือหยานพยักหน้ารับ
อย่างไรแล้วก็ไม่มีอะไรอื่นน่าสนใจ ไปเซ็นน่าจึงน่าสนใจกว่าเป็นไหน ลั่วฉวนคิดเช่นนี้อยู่ในใจ
เหยาซือเย่ว์มาถึงที่ร้านตอนนี้พอดี ลั่วฉวนโดนนางเรียกหยุดเอาไว้
“ไปเก๋อหลัวกันหรือ?” ท่าทีเหยาซือเย่ว์กระจ่างชัดรับคำของลั่วฉวน “งั้นก็ไม่มีคนดูร้านสินะ ฝากไว้กับข้าได้เลย!”
แม้ว่าตอนนี้ร้านต้นตำรับจะเหมือนร้านสะดวกซื้อที่บริการตนเองอย่างเต็มรูปแบบ แต่ก็การมีคนอยู่ดูแลร้าน ลั่วฉวนมองว่ายังไงก็ดีกว่า และยังถือเป็นงานที่สำคัญ
ขณะเหยาซือหยานกำลังจะเลือกหาเครื่องเล่นเกมเสมือนจริง ลั่วฉวนส่ายศีรษะ “ไม่ใช้ที่ตรงนี้”
เหยาซือหยานไม่คิดใดมาก บางทีเถ้าแก่อาจหน่ายกับเสียงรบกวน ตอนนี้จึงตามลั่วฉวนไปยังมิติส่วนต่อขยาย
เหวินเทียนจีนำเอาเก้าอี้น้อยออกมานั่ง เขาเตรียมจับจ้องพิจารณาดอกครามเยือกแข็งอย่างถี่ถ้วน ตอนนี้เองที่ได้เห็นลั่วฉวนกับเหยาซือหยานเข้ามา
เหยาซือหยานตามลั่วฉวนไปตรงผนังกำแพง นางเผยสีหน้าสับสน “เถ้าแก่?”
คำถามยังไม่ทันเอื้อนเอ่ย สายตานางเผยความประหลาดใจ กำแพงโลหะเปิดออกเผยซึ่งห้องที่ด้านใน
“มีห้องลับตรงนี้ด้วย?” เมื่อตามลั่วฉวนเข้ามา เหยาซือหยานเริ่มสำรวจมอง
ห้องขนาดไม่เล็ก การตกแต่งดูดีและเรียบง่าย ภายในประกอบด้วยสองเครื่องเล่นเกมประหนึ่งห้องบังคับการอะไรสักอย่าง
“เครื่องเล่นเกมเสมือนจริงที่ปรับแต่งพิเศษ” ลั่วฉวนตบเบาะนุ่มของตัวเครื่อง “นอนหรือนั่งเล่นกับเจ้านี่สบายกว่า”
เหยาซือหยานหัวเราะขื่นตอบรับความคิดเห็นของเถ้าแก่
……
แสงตะวันเจิดจ้าสาดส่องผ่านทางหน้าต่างโปร่งแสง จุดแสงระยิบระยับปรากฏบนพื้นไม้ คิเมน่ากำลังนอนอาบแดดอยู่
เหยาซือหยานและลั่วฉวนกลับไปเมื่อคืน หลังตระหนักได้ถึงภัยคุกคามจากผลึกสีดำ มันก็อยู่ที่นี่อย่างเงียบงันรอจนรุ่งสาง
ทันใดนี้เองที่สองออร่าปรากฏจากความว่างเปล่า มันเร่งรีบเงยศีรษะขึ้นมาดู
“เถ้าแก่ ต้องหาอะไรให้คิเมร่ากินไหม?” เหยาซือหยานเอ่ยถาม
“แน่นอน”ลั่วฉวนไปนั่งรับคำบนโซฟานุ่มภายในร้านเรียบร้อยแล้ว
เหยาซือหยานคิดไปครู่ จากนั้นนำเอาชิ้นเนื้อออกมาจากมิติเก็บของ จากนั้นจึงนำอาหารจานเล็กขึ้นมาพร้อมกาแฟดำ เป็นอาหารอันเรียบง่ายที่ดูดี
เนื้อที่วางบนจาน มันเผยออร่าพลังงานจากเนื้อชุ่มฉ่ำ และตอนนี้จานวางที่ตรงหน้าคิเมร่า
ดมกลิ่นอยู่ครู่ คิเมร่าโอนเอนกายเข้าหาจานก่อนจะเริ่มกัดกินมันราวกับหิวโซ
ร้านกาแฟแห่งนี้ได้ระบบให้การดูแล ดังนั้นมันจึงสะอาดใหม่อยู่เสมอ