God-level Store Manager เถ้าแก่ขั้นเทพ! - ตอนที่ 1108
ตอนที่ 1108
ลั่วฉวนไม่คิดสนใจประกาศแจ้งจากระบบ สายตาของเขาคงมองไปยังเส้นทางน้ำเดิมของแม่น้ำแห่งฝันร้าย มันมีวัตถุกลไกหลากหลายกระจัดกระจายอยู่ ดูไปแล้วคล้ายแขนขาจักรกล
คนขอตำหนักจักรกลสวรรค์ที่ฟื้นกลับคืนสภาพเรียบร้อย ตอนนี้พวกเขาต่างเข้ามาหาลั่วฉวนเพื่อกล่าวขอบคุณ ทั้งยังได้ตระหนักเห็นถึงวัตถุหลากหลายที่น่าจะเป็นของซึ่งอารยธรรมทวีปเทียนหลันไม่อาจเทียบเคียง
“พวกมันคืออะไรกัน? แปลกนัก”
“เป็นสิ่งที่ถูกซ่อนเอาไว้ใต้ของเหลวสีเงินเหล่านั้น บางทีอาจรอดพ้นจากการกัดกร่อนของเวลา”
“ไม่คล้ายใช่อาวุธวิญญาณ บางอย่างคล้ายของตกแต่งในร้านต้นตำรับ คล้ายว่าจะเป็นส่วนประกอบหุ่นเชิด…”
ค่ายอาคมของทวีปเทียนหลันมีความหลากหลาย การศึกษาเป็นไปหลายแนวทางความเป็นไปได้ ผลงานสำเร็จอันยิ่งใหญ่คือเหล่าหุ่นเชิดทั้งหลาย
หุ่นเชิดจะใช้พลังวิญญาณเป็นแหล่งพลังงาน จากนั้นจึงขับเคลื่อนด้วยค่ายอาคมขนาดเล็กจิ๋วมากมายที่แกะสลักเอาไว้ภายใน บางชิ้นส่วนจะสร้างขึ้นโดยโลหะพิเศษ เพราะต้องใช้ทรัพยากรอย่างมหาศาลจึงไม่ค่อยได้รับความนิยมในทวีปเทียนหลัน หากจะมีให้เห็นใช้งาน ก็คงมีแต่ภายในกองกำลังใหญ่
สิ่งที่เรียกว่าหุ่นเชิดในทวีปเทียนหลัน มันก็เหมือนดังหุ่นเชิดเวทมนตร์ของเก๋อหลัว หากเป็นแนวทางอารยธรรมทางวิทยาศาสตร์ รูปลักษณ์พวกมันคงคล้ายกัน–ตี๊ด– แม้ว่าเรียกหุ่นเชิด แต่เรียกหุ่นรบแห่งยุคอวกาศจึงเหมาะกว่า แนวทางการพัฒนาหุ่นเชิดของแต่ละอารยธรรมจะเป็นไปในทิศทางหลากหลาย
เมื่อมองโดยคร่าวเรียบร้อย ลั่วฉวนถอนสายตากลับคืน เขาไม่พบอะไรน่าสนใจ ต่อให้เป็นกัน–ตี๊ด–ของจริง สำหรับเขาก็ไม่ได้ชื่นชอบอะไรเป็นพิเศษ ดังนั้นอย่าได้กล่าวถึงเศษชิ้นส่วนอะไรที่ไม่รู้เหล่านี้แล้ว
แน่นอนว่าของที่ดูไร้ค่าในสายตาลั่วฉวน มันอาจหมายถึงขุมทรัพย์ในสายตาของเหล่าผู้ฝึกตน ไม่เห็นท่าทีของคณะสำรวจจากตำหนักจักรกลสวรรค์งั้นหรือ? หากไม่ใช่เพราะลั่วฉวนยืนอยู่ พวกเขาคงพุ่งพรวดลงไปเก็บกันแล้ว
ต้องกล่าวว่าอารยธรรมดั้งเดิมของโบราณสถานแห่งนี้เป็นวิทยาศาสตร์จริงแท้ จำนวนของข้อมูลที่เกี่ยวข้องจึงมีอย่างมหาศาล
แต่ก็ไม่ใช่ประเด็นสำคัญอะไร อย่างชาวไซเรนยังเป็นการผสานระหว่างวิทยาศาสตร์และแฟนตาซีเข้าด้วยกัน ตอนนี้จะมีอารยธรรมผสมผสานอย่างแปลกประหลาดปรากฏให้เห็น มันก็ไม่ใช่เรื่องแปลก
เพียงดีดนิ้วมือ แสงสีขาวปรากฏ ประตูแสงเคลื่อนย้ายก่อตัว ลั่วฉวนมุ่งตรงเดินทางกลับ เขาไม่ค่อยชอบสภาพแวดล้อมลึกลงมาใต้ดินอันหมองหม่นสักเท่าไหร่
“หือ… เถ้าแก่ไปแล้ว?”
“ดูจากสถานการณ์ น่าจะเป็นอย่างนั้น”
“แล้วของพวกนั้นล่ะ? ไม่เอากลับไปหรือ?”
“เถ้าแก่สมควรมองว่าไร้ค่า แต่พวกเราน่าจะเอาไปใช้ทำอะไรได้…”
หลังพูดคุยกันครู่หนึ่ง สมาชิกคณะสำรวจจึงตัดสินใจเก็บรวบรวมตัวอย่าง “โบราณวัตถุ” จากอารยธรรมอื่นที่พวกเขาไม่คุ้นเคย
ร้านต้นตำรับคึกคัก แม้ว่าลั่วฉวนเหมือนจะออกไปครู่หนึ่ง บรรดาลูกค้าก็ยังคงพูดคุยถึงสาเหตุว่าเหตุใดลั่วฉวนต้องไปเอง
ต้องทราบว่าครั้งก่อนที่ลั่วฉวนออกเดินทางสู่โพ้นทะเล มันมีข่าวคราวพูดกล่าวถึงมาก่อน แต่ครั้งนี้เขาลุกพรวดและเดินทาง หรือครั้งนี้เถ้าแก่เดินทางแบบไม่ได้เตรียมตัว? ดูจากนิสัยของเถ้าแก่ ก็มีความเป็นไปได้ที่จะตัดสินใจอย่างกะทันหัน
“น้องหญิงคาดเดาอะไรอยู่กัน?” เฉินโม่เอ่ยถาม เมื่อครู่เขาได้เห็นเฉินอี้อี้เดินเข้าไปพูดคุยกับลั่วฉวนและเหยาซือหยาน
“ข้ากระหายเล็กน้อย ขอไปซื้อชานมดื่มก่อน” เฉินอี้อี้มองทางเครื่องขายชานม
เฉินโม่กัดฟันรับ “ก็ได้”
แม้เหล่าลูกค้าต่างปรารถนาอยากได้ทราบคำตอบไม่แพ้กัน แต่พวกเขาก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกสนุกสนานไปด้วย
รอคอยไม่นาน เฉินโม่กลับมาพร้อมแก้วชานมส่งให้เฉินอี้อี้ “รับไป”
เฉินอี้อี้ยิ้มตอบ “ขอบคุณพี่ชาย”
“ตอนนี้พูดได้หรือยัง?” เฉินโม่เอ่ยถามอีกครั้ง
หลังดื่มชานมเข้าไปแล้ว เฉินอี้อี้พยักหน้าตอบพร้อมหยุดก่อกวน “เถ้าแก่ไปที่โบราณสถาน”
“เถ้าแก่ไปทำอะไรที่โบราณสถานกัน?” ปู้หลี่เกื๋อที่อยู๋ใกล้เคียงมาโดยตลอดเอ่ยคำถามที่หลายคนสงสัยออกมา
“อืม… จากที่พี่ซือหยานเล่า เหมือนว่าจะเกิดเรื่องอะไรขึ้น” เฉินอี้อี้กล่าวต่อ “นอกจากนี้ข้าก็ไม่ทราบแล้ว”
เพราะได้ยินดังนี้ กลุ่มคนเลิกคิดก่อนจะเลือกถาม
“พี่หญิง เถ้าแก่ไปไหนกันหรือ?” เหยาซือเย่ว์เข้ามาเขย่าแขนเหยาซือหยาน
“โบราณสถาน” เหยาซือหยานยิ้มตอบ
“อันนี้ข้าทราบแล้ว” เหยาซือเย่ว์ยังคงซักไซ้
“ยากจะกล่าวโดยจำเพาะเจาะจง” เหยาซือหยานส่ายศีรษะขณะมองความเปลี่ยนแปลงที่หน้าโต๊ะ “ไว้เถ้าแก่กลับมาแล้วลองสอบถามดู”
ลำแสงขาวปรากฏกระจายและรวมตัว ประตูแสงเคลื่อนย้ายก่อตัว ลั่วฉวนก้าวเดินออกมา
ปู้หลี่เกื๋อและคณะต่างถามด้วยความสงสัย แต่พวกเขากลับได้รับคำตอบจากลั่วฉวนว่า “เรื่องเล็กน้อย”
“เถ้าแก่ เป็นยังไงบ้าง?” เหยาซือหยานช่วยลั่วฉวนเปิดทางให้
“เรียบร้อยดี” ลั่วฉวนนั่งลงบนเก้าอี้นุ่มสบายก่อนจะนำเอาโทรศัพท์วิเศษออกมา
เรื่องภารกิจไว้ค่อยพูดกล่าวกันตอนกลางคืนอีกครั้งหนึ่ง
กลุ่มลูกค้าในร้านนึกโกรธเคืองที่ลั่วฉวนไม่ตอบให้ตรงประเด็น เพราะคำตอบที่ได้รับจนถึงตอนนี้ยังไม่มีอะไรที่แน่ชัด
เวลาผันผ่านรวดเร็ว คณะสำรวจของตำหนักจักรกลสวรรค์ในที่สุดก็มาถึงจุดปลายสุดของเส้นทาง พวกเขากลับขึ้นไปยังพื้น
หลังหารือกันครู่หนึ่ง พวกเขาตัดสินใจไปยังร้านต้นตำรับ อย่างไรแล้วเหวินเทียนจีก็อยู่ที่นั่น เหนือสำคัญอื่นใดคือการไปใช้เครื่องเล่นเกมเสมือนจริงเพื่อผ่อนคลาย
เมื่อกลุ่มคนมาถึงร้านกันอย่างยิ่งใหญ่ เป็นปกติที่กลุ่มลูกค้าจะให้ความสนใจมองมา แต่กระนั้นอย่างไรแล้วพวกเขาก็ไม่ได้รู้จักอีกฝ่าย
“ลุงซือเสวียน ที่โบราณสถานพวกท่านไปพบเจออะไรเข้ากัน?” เฉินอี้อี้ไม่ใช่เผยความสงสัยมองมา เพราะเหล่านี้คือผู้อาวุโสที่นางรู้จัก พุ่งเข้ามาสอบถามโดยตรงก็ได้แล้ว
นามของคนที่เฉินอี้อี้เรียกหาลุงซือเสวียน เป็นชายในชุดดำ เขาหยุดรับฟัง จากนั้นจึงเผยยิ้มรับ “อี้อี้ พวกเราไม่ได้พบเจออะไร ไม่มีอะไรเลย”
กลุ่มคนก่อนหน้านี้หารือต่อกัน ว่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นใต้ดินต้องไม่แพร่งพรายออกไป อย่างไรแล้วก็คงไม่มีใครคิดอยากให้ผู้อื่นได้ทราบถึงความหวาดกลัวในใจตน หากโดนกล่าวใส่ว่า “เจ้าหวาดกลัวของแค่นี้เนี่ยนะ” ก็คงชวนอับอายแย่แล้ว
“ท่านบอกแล้ว” เฉินอี้อี้ยังไม่ยอมปล่อย
“พวกเราไม่ได้พบเจออะไรจริง แต่เป็นเศษซากโบราณวัตถุของอารยธรรมที่นั่น” สตรีในคณะสำรวจเผยยิ้มกล่าวบอก
“เรื่องราวของโบราณสถานก็เป็นเช่นนี้ ของที่เหมือนจะเข้าใจ สรุปคือไม่เข้าใจ โบราณสถานครั้งนี้ก็เช่นกัน อี้อี้ บอกเจ้าไปตอนนี้ก็ไม่ทราบเช่นกันว่ามันคืออะไร ต่อให้บอกออกไปก็เสียเวลากล่าวถึงโดยเปล่า” ชายชราเผยคำจริงจังอย่างลึกลับซับซ้อน “เอาเป็นว่าพวกเราขอตัวไปรายงานจ้าวตำหนักก่อน”
เฉินอี้อี้เผยสีหน้างุนงงตอบรับ
นางไม่เข้าใจคำกล่าววกวนจับความไม่ได้เหล่านั้นจริง และเหมือนคณะผู้อาวุโสเหล่านี้จะเผยเป็นปริศนาธรรมจนนางไม่อาจตระหนักทราบได้