God-level Store Manager เถ้าแก่ขั้นเทพ! - ตอนที่ 1118
ตอนที่ 1118
“เถ้าแก่ ข้ามาแล้ว” กู่หยุนซีเดินเข้ามายังร้านต้นตำรับพร้อมกล่าวทักทายลั่วฉวน
“เหมือนว่าพวกเราจะมาถึงเร็วไปหน่อย ลูกค้าในร้านยังมีไม่มาก” เจียงเหวิ่นฉางมองทางเว่ยฉิงจู่และคณธ
ออร่าของปิงชวงถูกจำกัดเอาไว้เพียงแต่ในร้านต้นตำรับ ไม่ได้กระจายออกสู่นครจิ่วเหยาแต่อย่างใด ดังนั้นทั้งสองที่อยู่ระหว่างทางเดินมาจึงไม่ตระหนักทราบ
“มันฝรั่งทอดอยู่บนชั้นทางด้านนั้น เข้าใช้งานมิติแรกเริ่มจะพบเห็นมิติแห่งฝันร้ายปรากฏขึ้นมาใหม่” เหยาซือหยานบอกกล่าวทั้งสอง
“รับทราบ” กู่หยุนซีพยักหน้ารับ “พวกเราได้เห็นผ่านทางโทรศัพท์วิเศษมาบ้างแล้ว”
ตอนนี้หลายคนต่างทราบกันเรียบร้อย เหยาซือหยานค่อยประหยัดเวลาอธิบายได้ เวลานี้จึงไปอ่านกระดานสนทนาแทน
ประตูแสงเคลื่อนย้ายเกิดความเปลี่ยนแปลง เฮเลนเวียก้าวเดินออกมา ชาวไซเรนต่างตามมากันไม่เว้นระยะสู่ร้านต้นตำรับ ทั้งร้านกลายเป็นคึกคักขึ้นมาโดยทันที
“เหตุใดเถ้าแก่ถึงนำเสนอสินค้าใหม่กะทันหันเช่นนี้กัน?” เฮเลนเวียเดินมาที่โต๊ะกลางเพื่อสอบถามลั่วฉวน
“ก็ไม่ได้มีเหตุผลอะไรเป็นพิเศษ ตามสะดวกใจ” เพราะการสุ่มโชคไม่ได้ทำได้โดยตลอด ลั่วฉวนเองก็ต้องรอ
เฮเลนเวียหัวเราะตอบรับ “สมกับเป็นเถ้าแก่”
หลังพูดคุยกันครู่หนึ่ง เฮเลนเวียและชาวคณะไซเรนที่ซื้อสินค้าเรียบร้อยจึงเดินทางกลับกันไป สำหรับชาวไซเรนส่วนใหญ่ มิติแห่งฝันร้ายไม่ค่อยดึงดูดเท่าใดนัก
กู่หยุนซีทานมันฝรั่งทอดไปพลางเดินไปหาเว่ยฉิงจู่ นางเอ่ยถาม “ทำไมไม่เข้าไปเล่นมิติแห่งฝันร้ายกันล่ะ?”
ตามที่นางทราบมา ในเมื่อมีของใหม่มาให้ลองเล่น เช่นนั้นก็ต้องรีบไปเก็บเกี่ยวประสบการณ์ แต่เหมือนคนทั้งสามไม่ใช่
“อืม ข้ายังไม่อยากลองน่ะ” เว่ยฉิงจู่ส่ายศีรษะ ซ่งฉิวหยิ่งและหลินว่านฉซงต่างก็ตอบสนองเช่นเดียวกัน
“หือ? เป็นอะไรกันไปแล้ว นี่ของใหม่เลยนะ ของใหม่” กู่หยุนซีเกิดสับสน
“กล่าวยังไงดี…” เว่ยฉิงจู่ขมวดคิ้วครุ่นคิด ถ้อยคำกำลังเรียบเรียงในใจ “สำหรับพวกเรา ต่อให้เอาชนะความกลัวในใจตนเอง มันก็ได้ผลประโยชน์น้อยนิด ประมาณนี้ละมั้ง”
สุดท้ายนางจึงพยักหน้ากับตนเองเพื่อให้กู่หยุนซีเชื่อในคำพูด ซึ่งอันที่จริงก็เพื่อทำให้ตัวนางเชื่อในคำพูดที่กล่าวออกไปเองด้วย
กู่หยุนซีเกิดรู้สึก ว่าคำของเว่ยฉิงจู่มีเหตุผล หลังทานมันฝรั่งทอดเรียบร้อย นางเดินไปหาเจียงเหวิ่นฉางที่กำลังกดน้ำร้อนใส่บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป จากนั้นจึงกล่าวคำกับนาง
“ก็เข้าใจได้” เจียงเหวิ่นฉางถือถ้วยบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปเดินกลับพลางกล่าว “แม้ว่ามิติแห่งฝันร้ายจะสะท้อนความกลัวในใจของผู้ใช้งานออกมา แต่ไม่ใช่ทุกคนจะมีความกล้าเพื่อเผชิญ”
กู่หยุนซีเกิดรู้สึก ว่าเจียงเหวิ่นฉางกล่าวได้ไม่ผิด ตอนนี้นางเดินไปยังโต๊ะกลางพลางทานมันฝรั่งทอด จากนั้นจึงทวนความเห็นของทั้งสองให้ลั่วฉวนและเหยาซือหยานได้ฟัง
“เป็นปกติอยู่แล้ว แต่หากไม่อาจอดกลั้นต่อความสงสัยได้ไหว เช่นนั้นก็อาจจะได้รับประโยชน์อะไรเพิ่ม” เหยาซือหยานยิ้มตอบ “ร้านต้นตำรับอยู่ที่นี่เสมอ ทุกคนมีเวลาให้ตัดสินใจแล้วค่อยลงมือตามความพอใจของแต่ละคน”
“ก็จริง” หลังได้ฟังคำของเหยาซือหยาน กู่หยุนซีพยักหน้าตอบรับก่อนจะหัวเราะเบา “ไม่ทราบเลยว่าในใจข้ากลัวอะไรกันแน่ คงต้องไปทดสอบหน่อยแล้ว”
ลั่วฉวนมองว่าท่าทีของเว่ยฉิงจู่และคณะ มันเกี่ยวข้องกับออร่าที่ปิงชวงปลดปล่อยออกมา ทว่านั่นไม่ใช่เรื่องที่เขาต้องใส่ใจ “มิติแห่งฝันร้ายมีความปลอดภัย มั่นใจและใช้งานได้ตามสะดวก”
เพราะข่าวคราวสินค้าใหม่ของร้านต้นตำรับเผยแพร่ออกไป ลูกค้าหลายคนต่างเร่งรีบเดินทางมาเยือน ครั้งชานมที่ช่วยเสริมศักยภาพให้เล็กน้อยอย่างถาวรที่มีคิวต่อยาวเพราะมีเครื่องจำหน่ายเพียงหนึ่ง ขณะที่มันฝรั่งทอดซึ่งช่วยเสริมแกร่งร่างกายนั้นไม่ใช่ ลูกค้าหลายคนสามารถยืนเลือกไปพร้อมกันได้
แน่นอนว่ามิติแห่งฝันร้ายที่เพิ่งเปิดให้ใช้งานก็ได้รับความสนใจหลากหลาย เพราะคนที่เข้าไปทดลองยังไม่เคยมีใครกลับมาพูดกล่าว และชื่อของมันก็ชวนให้ต้องหยุดคิด
ปู้หลี่เกื๋อมองบรรดาผู้คนในคฤหาสน์ที่ราวกับหวาดกลัวตนเอง ตอนนี้เขาถูไถหมัดไปมาพลางกล่าวปลอบในใจ ว่าไม่มีอะไร
ครั้งได้ทราบว่าไม่อาจพัฒนาตนเองไปมากกว่านี้เพราะอาการบาดเจ็บซ่อนเร้น ผู้อื่นที่วี่วันไม่ทำอะไรต่างหัวเราะเยาะตัวเขา ในเมื่อนี่คือมิติแห่งฝันร้าย เขาไม่อาจที่จะเลือกเมินเฉยเหมือนดังแต่ก่อนได้
แม้ว่าเขาในตอนนั้นค่อนข้างเกียจคร้านจะพัฒนาตนเอง แต่เขาก็มีดีมากพอให้อัดผู้อื่นที่มาเยาะเย้ยตนเองได้
“ปู้หลี่เกื๋อ นี่เจ้ากล้าดียังไง?” ชายหนุ่มในชุดเทากุมคางตนเองพลางคำรามดังตอบ “ก้มหัวให้ข้า! จงยอมรับความผิดเดี๋ยวนี้!”
ไม่กี่นาทีให้หลัง ศึกปะทะจบแยก หลายสิบคนนอนล้มกับพื้น ท่ามกลางผู้โชคร้ายเหล่านั้นมีสองคนหลบหนีไปได้ และไม่ไกลห่างกำลังมีทหารรักษาการณ์มุ่งหน้ามา
กาลเวลาและห้วงมิติหยุดนิ่งที่ตรงนี้ ปู้หลี่เกื๋อยืดอกภาคภูมิ ไม่ทราบว่าเพราะอะไรตอนนี้เขาถึงกับผ่อนคลายได้มาก
“คราวหลังคงต้องมาใหม่แล้ว” เขากล่าวพึมพำกับตนเอง ก่อนอื่นคือไปต้มบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป เพราะเร่งรีบเข้ามาเล่นจึงยังไม่ได้ทานอะไรแก้หิว
จิตสำนึกปู้หลี่เกื๋อกลับคืนโลกความเป็นจริง ระบบป้องกันเสียงรบกวนภายนอกฉับพลันหยุดการทำงาน เสียงอื้ออึงดังปรากฏ เพราะกลับจากโลกเสมือนจริงอันเงียบงัน มันต้องใช้เวลาไปครู่กว่าจะปรับสภาพรับรู้ได้
“ปู้หลี่เกื๋อ มิติแห่งฝันร้ายเป็นยังไงบ้าง? ยากหรือไม่?” ลูกค้าคนหนึ่งตระหนักเห็นปู้หลี่เกื๋อกลับออกมาแล้วจึงเข้ามาสอบถาม
“เมื่อครู่อยู่ที่มิติแห่งฝันร้ายใช่หรือไม่ ทำไมหน้าจอไม่ปรากฏอะไรเลยกัน?”
“ที่ในนั้นน่ากลัวมากหรือไม่…”
ปู้หลี่เกื๋อปกติก็เป็นคนดังของร้านต้นตำรับอยู่แล้ว ลูกค้าหลายคนตอนนี้มารวมตัวกันล้อมเขาเอาไว้พลางสอบถาม
ปู้หลี่เกื๋อฟังอยู่ครู่หนึ่ง ยกโคล่าที่วางไว้ขึ้นมาดื่ม จากนั้นจึงค่อยเอ่ย “ข้าเชื่อว่าพวกเจ้าทราบแล้ว ว่ามิติแห่งฝันร้ายคือการดึงเอาความทรงจำของผู้ใช้งานออกมา มันจะไม่ทำร้ายพวกเจ้า และระบบรักษาความปลอดภัยมีอยู่เพื่อรองรับเหตุการณ์ฉุกเฉิน ไม่มีอะไรให้ต้องกังวล”
ได้ยินดังนี้ ลูกค้าหลายคนต่างพยักหน้ารับ พวกเขาได้ทราบแล้วก็ใช่แต่ต้องการคำยืนยันจากผู้ใช้งานจริง
“ภาพที่สร้างขึ้นในมิติแห่งฝันร้าย มันจะเหมือนดังความเป็นจริง ตราบเท่าที่จำได้ว่ามันเคยเกิดอะไรขึ้นกับพวกเจ้า ตระหนักรู้และแก้ไขมันเสีย ถึงตอนนั้นก็ไม่มีปัญหาแล้ว” ปู้หลี่เกื๋อลุกขึ้นจากที่นั่ง กลุ่มลูกค้าจึงถอยเปิดทางให้ “ส่วนที่หน้าจอไม่ปรากฏอะไร เถ้าแก่กล่าวว่าเพื่อป้องกันข้อมูลส่วนบุคคลของลูกค้า ยังไงพวกเจ้าเองก็คงไม่อยากให้คนอื่นมาเห็นความกลัวของตัวเองกระมัง การตั้งค่าพื้นฐานคือปิดการแสดงผลบนหน้าจอ นอกจากนี้แล้วไม่มีอะไรต้องกังวล มิติแห่งฝันร้ายไม่ได้น่ากลัวเพียงนั้น ลองใช้งานกันได้เลย”
ตรงหน้าโต๊ะกลางมีลูกค้าอยู่หลายคน ลั่วฉวนนึกย้อนถึงคาบเรียนชีววิทยาที่ตนไปพบเจอ มันไม่มีอะไรให้น่ากลัวจริง
หลังได้รับคำตอบยืนยันชัดเจน กลุ่มลูกค้าที่ลังเลก็เริ่มกระจายตัวแยกย้ายกันไปลองเล่น พวกเขาเลือกหาที่นั่ง จากนั้นจึงเตรียมพร้อมเข้ารับประสบการณ์จากมิติแห่งฝันร้าย