God-level Store Manager เถ้าแก่ขั้นเทพ! - ตอนที่ 1147
ตอนที่ 1147
เมื่อผลประโยชน์มันใหญ่มากพอ และมีจำนวนผู้เข้าร่วมที่มากพอ ถึงตอนนั้นจะมีคนที่พร้อมลองเสี่ยง
ยังไม่ทันสิ้นเสียงของเซี่ยเมิ่งอู๋ ประกายแสงอันเย็นเยือกได้ปรากฏภายในห้องแยกทางด้านบน มันพุ่งตรงเข้าหาเวทีประหนึ่งภูตผีบุกโจมตี
สถานที่ซึ่งเคลื่อนผ่าน มันจะทิ้งรอยดำปรากฏเอาไว้บนห้วงมิติ
ร่างในชุดเกราะสีแดงและดำหันมอง ประกายแสงสีแดงคล้ายเคลื่อนผ่านสายตาในชั่วพริบตา
จากรอยแยกมิติ มันดึงเอากระบี่โลหะสีขาวเงินเล่มยาวเกือบสองเมตรออกมาสับฟันใส่ผู้ที่คิดลองดี
ตัวกระบี่ยังค่อนข้างเลือนราง ราวกับโดนอากาศเย็นเยือกบิดเบี้ยวการมองเห็น
เสียงปะทะดังปรากฏขึ้นครั้งแล้วครั้งเล่า ชิ้นส่วนโลหะขนาดราวเมล็ดข้าวร่วงหล่นจากกลางอากาศสู่พื้นด้านล่าง
หากพิจารณาให้ดี จะได้เห็นว่าเศษโลหะเหล่านี้มีขนาดเท่ากันอย่างน่าเหลือเชื่อ
ขณะเดียวกันที่หมอกสีดำหนาเริ่มปรากฏ มันมาพร้อมเสียงร้องโหยหวนจนทำผู้คนต่างขนลุก
ร่างในชุดดำที่เผยสีหน้าเฉยชาทะยานออกจากด้านในห้อง ในมือถือเรเปียร์อันแหลมคมทิ่มแทง ทุกการโจมตีล้วนกระชากมิติออกเป็นเศษซาก
ชายวัยกลางคนรูปลักษณ์ที่ไร้ความโดดเด่นเผยเสียงหัวเราะ และทางด้านหลังของเขา มันปรากฏทะเลเลือดที่กำลังลอยตัวขึ้น…
คล้ายหารือกันมานานแล้ว เมื่อมีคนเปิดฉาก หลายร่างจะพร้อมลงมือตามติด
พลังวิญญาณของขอบเขตราชันอันชวนสะพรึง มันเปรียบดังคลื่นยักษ์แห่งห้วงสมุทร เหล่าผู้ฝึกตนขอบเขตการฝึกฝนต่ำต่างเผยสีหน้าซีดเผือดทันทีที่แบกรับแรงกดดัน กระทั่งว่าหายใจยากลำบากด้วยซ้ำ
ความเปลี่ยนแปลงอย่างกะทันหัน มันปรากฏขึ้นในชั่วพริบตา
ขณะที่ทุกคนยังไม่ทันได้ตระหนักถึงถ้อยคำของเซี่ยเมิ่งอู๋ การเปิดฉากโจมตีก็ดำเนินขึ้นแล้ว และวิกฤตถึงชีวิตกำลังรายล้อมโฉมงามผู้ดำเนินการประมูล
“ข้าควรทราบ ว่างานเช่นนี้จะมีของดีให้รับชม” ฉู่หยางเผยยิ้มแย้มพลางนำโคล่าออกจากแหวนมิติมายกขึ้นดื่ม
ขณะเดียวกันก็เป็นเรื่องน่าเสียดายที่ไม่มีมันฝรั่งทอดของร้านต้นตำรับ ได้ยินจากลูกค้าคนอื่นบอกเล่า ว่าการได้ทานคู่กับโคล่าเพื่อผ่อนคลายถือเป็นความสุขสมประการหนึ่ง
ด้วยเผชิญหน้าจากขอบเขตราชันหลายทิศทาง เซี่ยเมิ่งอู๋ยังคงเผยยิ้มแย้มได้ หากจะมีผิดแปลกก็คงเป็นเสียงถอนหายใจเบา
ร่างในชุดเกราะในจำนวนเท่าเทียมผู้ลงมือเริ่มเคลื่อนไหว เหล่านั้นต่างมีกำลังไม่ยิ่งหย่อนไปกว่ากัน
จากรอยแยกของมิติ ร่างในชุดเกราะดึงเอากระบี่ยาวสีขาวเงินออกมาพร้อมโจมตีโดยไม่พูดพร่ำ
เมื่อเหล่าผู้แข็งแกร่งได้เห็นเรื่องราว สายตาพวกเขาทอประกาย ในใจเกิดนึกหวาดหวั่น
ในสถานที่เช่นเมืองแห่งความโกลาหล ผู้คนต่างต้องประเมินสถานการณ์ให้เฉียบขาด
และเหมือนสถานการณ์ในโรงประมูลตอนนี้จะเป็นสถานการณ์ที่ควรถอยไปรับชม ไม่ใช่ยุ่งเกี่ยว
“นี่… มันเรื่องอะไรกัน?! ทำไมปุบปับเปิดฉากต่อสู้กันเสียล่ะ!”
“พวกคนเหล่านี้ช่างไร้ความเกรงกลัว! ถึงขั้นกล้าลงมือในโรงประมูลของคฤหาสน์จ้าวเมือง!”
“น่ากลัวเกินไปแล้ว หายใจก็ยาก”
“เดี๋ยวก็คงจบ ถอยห่างมารับชมดีกว่า พวกที่ต่อสู้ระยะประชิดอยู่อีกไม่ช้าคงตาย…”
เหล่าผู้ฝึกตนในโรงประมูลต่างเผยสีหน้าซีดเผือด ตราบเท่าที่โดนออร่าขอบเขตราชันซึ่งเปิดฉากสู้รบเข้าสะกด พวกเขาแทบสัมผัสได้ถึงความตาย หลายคนต่างนึกเสียใจที่มาเข้าร่วมงานประมูล
โชคดีที่นอกจากร่างในชุดเกราะเหล่านั้นเข้าร่วมรับศึกแล้ว ยังมีเหล่ายอดฝีมือมากมายที่อยู่ชั้นบนซึ่งไม่ลงมือหรือยุ่งเกี่ยว หลายคนค่อยว่างใจกันได้มาก
ที่ร้านต้นตำรับ กลุ่มลูกค้าที่รับชมการถ่ายทอดสดได้เห็นถึงความเปลี่ยนแปลงกะทันหันในโรงประมูล แรกเริ่มพวกเขาประหลาดใจ แต่ไม่ช้าก็เผยเสียงฮือฮา
“เปิดฉากสู้กันแบบนี้เลย?” ปู้หลี่เกื๋อเผยดวงตาเบิกกว้าง “สมกับเป็นเมืองแห่งความโกลาหล เทียบกับนครจิ่วเหยาแล้ว ราวกับสองขั้วขาวและดำที่แตกต่างสุดกู่”
ตั้งแต่จี้อู๋ฮุยกวาดล้างภายในเมือง นครจิ่วเหยาก็เปลี่ยนไปอย่างเห็นได้ชัด แทบไม่เกินเลยหากจะกล่าวว่าไม่มีใครกล้าก่อเรื่อง ตราบเท่าที่มาถึงนครจิ่วเหยา ผู้คนจะรับรู้ได้ถึงความสงบสุข
นอกจากนี้ที่นครจิ่วเหยายังมีร้านต้นตำรับ ต่อให้ผู้ยอดฝีมือผู้ยิ่งใหญ่มาจากที่ใด พวกเขาก็มีแต่ต้องเคารพกฎ
“เหล่านั้นคือขอบเขตราชันหรือ?” เฉินอี้อี้ขมวดคิ้ว “เหตุใดไม่เหมือน? พลังทำลายล้างของขอบเขตราชันสมควรชวนสะพรึงกว่านั้นสิ”
“เพราะค่ายอาคมเสริมกำลังของโรงประมูล” จักรพรรดิปีศาจหาวพลางกล่าว “นั่นเหมือนดังมิติขายอาวุธของร้านต้นตำรับ แน่นอนว่าแค่เหมือน ไม่ใช่จะเทียบได้”
มิติขายอาวุธ ยิ่งมีขอบเขตสูงส่งเพียงใดจะยิ่งแบกรับการสะกดข่มเท่านั้น จักรพรรดิปีศาจเคยลองใช้กำลังสุดตัวแล้ว แต่สุดท้ายก็ทำได้เพียงแค่มิติสั่นไหว การฉีกกระชากมิติไม่อาจทำได้
คำของจักรพรรดิปีศาจช่วยคลายความสงสัยของผู้คนทั้งหลาย เพียงหารือกันครู่ พวกเขาก็กลับไปสนใจเรื่องราวบนหน้าจอกันต่อ
เหล่าร่างในชุดเกราะกำลังควบคุมสถานการณ์ ร่างของพวกเขาจะเคลื่อนที่ไปมา ราวกับเป็นความสามารถพิเศษที่สามารถเคลื่อนย้ายในพริบตาได้
รวมเข้ากับกระบี่เย็นเยือกยาวเกือบสองเมตร มันยิ่งชวนให้รู้สึกเย็นยะเยือก สาเหตุว่าทำไมแต่ละครั้งที่มันสับฟันลงจะเกิดภาพที่ไม่ชัดเจน ก็เพราะมันสั่นไหวนับพันหมื่นครั้งจนเผยอำนาจอันชวนสะพรึง
การต่อสู้ระหว่างฝ่ายผู้ไม่หวังดีและร่างในชุดเกราะรวดเร็วเกินคาดคิด นับตั้งแต่เริ่มศึกจนถึงจบศึก มันใช้เวลาเพียงน้อยนิด
ด้วยเผชิญหน้ากับกระบี่สีเงินยาวสองเมตรทิ่มแทง ขอบเขตราชันทั้งหลายคล้ายไร้ความสามารถต่อต้าน รอยแยกมิติที่พวกเขาฝากทิ้งเอาไว้ตอนนี้กำลังกลับคืนสภาพ
“น่าสนใจ” ฉู่หยางหรี่ดวงตารับชมอาวุธของร่างในชุดเกราะเหล่านั้น
ส่วนคมอาศัยแรงสั่นสะเทือนจำนวนครั้งนับไม่ถ้วนเพิ่มอำนาจการตัด อย่าได้กล่าวถึงขอบเขตราชันทั่วไป ต่อให้เป็นเขาเองก็ยังต้านรับไว้ได้ยาก
ผู้เฒ่าอสูรโลหิตรับชมร่างในชุดเกราะเหล่านั้นเดินกลับเข้าประจำที่ แสงในดวงตาทอประกายเจิดจ้า เขาทราบชัดดีถึงอำนาจอันชวนสะพรึงของเหล่าองครักษ์แห่งคฤหาสน์จ้าวเมือง
อย่าได้กล่าวถึงขอบเขตราชันระดับต้น ต่อให้เป็นขอบเขตราชันระดับสูงสุด หากถูกร่างในชุดเกราะเหล่านั้นปิดล้อม เกรงว่าจะไม่มีหนทางรอดพ้น
เพราะการต่อสู้ปิดฉากลงรวดเร็ว หลายคนแทบตอบสนองไม่ทัน เพียงไม่กี่วินาที เสียงถอนหายใจค่อยดังปรากฏ
“นี่… จบแล้วหรือ?”
“เกิดอะไรขึ้นกัน เหมือนข้าพลาดอะไรไป”
“พวกที่ลงมือเมื่อครู่คือราชันเลี่ยหยาง ราชันเทียนหลาง แล้วก็ขอบเขตราชันผู้อื่นที่เพิ่งปรากฏตัวในเมืองแห่งความโกลาหลปีนี้กระมัง?”
“องครักษ์แห่งคฤหาสน์จ้าวเมืองน่าสะพรึงสมคำเล่าลือ…”
ยามผู้คนมองร่างในชุดเกราะที่กลับไปยืนประหนึ่งรูปปั้น สายตาพวกเขาเผยความหวาดกลัว
พวกเขาแข็งแกร่งเพียงใดจึงสังหารขอบเขตราชันระดับต้นเป็นหมู่คณะได้ในอึดใจ? หรือจะเป็นขอบเขตนักบุญระดับกลาง หรือเป็นนักบุญระดับสูง?
กับเรื่องราวที่เกิดขึ้นเมื่อครู่ เกรงว่าผู้คนส่วนใหญ่จะเกิดความหวาดกลัวฝังลึกในหัวใจกันแล้ว
มีแต่หน้าโง่ที่ไม่รู้ความ และน่าจะเพิ่งมาถึงเมืองแห่งความโกลาหลไม่นานจึงกล้าท้าทายอำนาจคฤหาสน์จ้าวเมือง
มักจะมีผู้แข็งแกร่งที่เชื่อมั่นในกำลังของตนเอง ไม่เชื่อคำเล่าลือที่กล่าวขาน สุดท้ายราคาที่ต้องจ่ายในการยืนยันข่าวลือ มันคือสิ่งอันหนักหนาและเจ็บปวด