God-level Store Manager เถ้าแก่ขั้นเทพ! - ตอนที่ 1164
ตอนที่ 1164
ลั่วฉวนถอดหน้ากากสีดำ ภาพที่เห็นตรงหน้ากลับคืนความปกติ
แต่สิ่งที่ได้เห็น มันยังติดค้างในความคิดราวกับต้องมนต์
“แปลกจริง” หน้ากากที่ฝ่ามือของลั่วฉวน มันปรากฏหมอกสีดำเหมือนดังที่ประสบเมื่อครู่
อาซานอส ตามชื่อที่เห็นผ่านระบบและการออกเสียง น่าจะเรียกแบบนี้
หลังได้ทราบว่าลั่วฉวนไม่โดนผลกระทบ มันเข้าใจทันทีถึงความแตกต่างทางพลังอันยิ่งใหญ่ ที่มันกระทำคือยอมรับและมอบพลังให้ลั่วฉวน
สำหรับลั่วฉวน มันแทบจะเท่ากับว่า… ได้สัตว์เลี้ยงตัวใหม่?
เป็นสัตว์เลี้ยงก็เป็นสัตว์เลี้ยง เขาไม่คิดอะไรมาก
อาซานอสคือเทพอันศักดิ์สิทธิ์ มันสามารถส่งผลให้เกิดการเชื่อมโยงกับโครงสร้างของโลกที่อยู่ตอนนี้ผ่านทางวิธีการพิเศษ
“ระบบ เหตุใดรู้สึกว่ายิ่งมายิ่งเจอของแปลก” ลั่วฉวนปรบมือ หมอกสีดำเลือนหาย “จำได้ว่าตอนแรกบอกว่าตนเองคือระบบจัดการร้านไม่ใช่หรือ”
“ระบบได้ทำการพิจารณาแล้ว ว่ารายการที่ปรากฏขึ้นมันสอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบัน” ระบบตอบกลับมา “เถ้าแก่ละเลยการทำกิจการมานานไม่น้อยแล้ว”
“ละเลยงานงั้นหรือ?” ลั่วฉวนชะงักก่อนจะถอนหายใจ “ก็ไม่ผิด… สาเหตุหลักก็เพราะรู้สึกเบื่อนั่นแหละ”
ตอนนี้กิจการของร้านต้นตำรับเป็นไปตามเส้นทางที่วางเอาไว้ ชื่อเสียงก็แพร่กระจายในหมู่ลูกค้าอย่างต่อเนื่อง ที่เขาต้องทำก็เพียงแค่ลูกค้าเดินผ่านประตูร้านเข้ามา
สินค้าใหม่และแอพพลิเคชั่นใหม่ถูกส่งออกมาตามระยะเวลาที่เหมาะสม แต่ละครั้งล้วนสร้างความฮือฮาในหมู่ลูกค้า แต่เพียงเวลาผ่านไปเรื่องราวก็สงบเงียบลง
กับลูกค้าใหม่ที่มาเยือนร้าน พบเห็นสินค้าในร้าน ตื่นตะลึง สินค้าใหม่เข้ามาขาย ตื่นตะลึง ได้ใช้งาน ก็ตื่นตะลึง จากนั้นพอไปเล่นเกมเสมือนจริง ก็ตื่นตะลึงอีก
วัฏจักรเช่นนี้ดำเนินอยู่หลายเดือนแล้ว นอกจากความสดใหม่แรกเริ่มเปิดร้าน ลั่วฉวนมองว่ามันก็เป็นเช่นนี้จนเฉยชาและชินไป
“สิ่งมีชีวิตที่มีภูมิปัญญาต่างมีวิธีการดำรงอยู่ของตนเอง ผู้คนทั่วไปจะใช้เวลาทั้งวันเพื่อทำงานและหากิน ลูกหลานผู้มั่งมีเช่นขุนนางจะถือกำเนิดเพื่อรื่นรมย์กับเกียรติยศและโชคภาพ วิถีชีวิตล้วนแตกต่างตามสถานะ” เสียงอันราบเรียบของระบบดังขึ้น “การเปิดร้านสำหรับเถ้าแก่ก็เป็นเช่นกัน”
ลั่วฉวนหัวเราะอยู่ในใจ หลังเอนพิงกับโซฟาเพื่อผ่อนคลาย
คิเมร่าคล้ายรับรู้ได้ถึงความรู้สึกของลั่วฉวนที่แปรเปลี่ยน มันกระโดดขึ้นบนโซฟาพลางถูไถแก้มเข้าหา
ลั่วฉวนหันมองคิเมร่า ดวงตาสีทองอำพันธ์จับจ้องมองมาประหนึ่งทะเลดวงดาว
“ระบบ กลายเป็นว่าระบบเองนั้นก็ไม่ต่างกัน” ลั่วฉวนยิ้มพลางกล่าวคำในใจ แน่นอนว่าระบบไม่มีความสามารถทางด้านความรู้สึก
“ระบบเพียงแนะนำข้อมูลไปตามสภาพแวดล้อมปัจจุบันและความรู้สึกของเถ้าแก่ โดยอาศัยหลักความคิดที่มีเพื่อพิจารณา” เสียงระบบยังคงราบเรียบเหมือนเช่นเคย
“ไม่ต้องใส่ใจหรอก” ลั่วฉวนลุกขึ้นก่อนจะลูบหัวคิเมร่าด้วยท่าทีผ่อนคลาย
เขาเกิดนึกอะไรบางอย่างได้ เป็นความคิดที่โลดแล่นเข้ามา ชีวิตตอนนี้ก็ดีแล้ว ความราบเรียบเองก็มีข้อดีในตัวของมันเอง
หากรู้สึกเบื่อจริง… อย่างนั้นมันก็มีวิธีหาความตื่นเต้นมากมาย
แต่ก็ต้องกล่าว ว่าช่วงที่ผ่านมานี้เขายังทำได้ไม่ค่อยน่าพอใจเท่าไหร่ ถัดจากนี้ควรให้ความสนใจกับร้านต้นตำรับมากขึ้น
ภาพยนตร์เป็นอีกสิ่งที่ควรนำมา เขานึกถึงร้านต้นตำรับที่เพียงเปิดไม่นานก็ส่งผลต่อขนบธรรมเนียมตามปกติของชาวเมืองอย่างก้าวกระโดด
แต่เรื่องนี้จำเป็นต้องวางแผนคิดอ่านให้ดี แน่นอนว่าไม่มีใดต้องกังวล เพียงหารือกับเหยาซือหยานและรับฟังความเห็นนางก็ได้เรื่องแล้ว
ลั่วฉวนเกิดรู้สึกหิว สายตามองไปทางนอกหน้าต่าง พระอาทิตย์ใกล้ตกดิน แสงสีแดงอมส้มส่องผ่านเข้ามา รวมถึงแสงดาวที่เริ่มปรากฏอ่อนจางบนฟากฟ้าให้ได้เห็น
“ได้เวลามื้อเย็นแล้ว ไม่นึกเลยว่าจะผ่านไปเร็วขนาดนี้” ลั่วฉวนหาว “กลับก่อนนะ”
คิเมร่ามองตำแหน่งที่ลั่วฉวนเลือนหาย มันเงยหัวขึ้น ก้าวเดินเข้าไปและสูดดมหน้ากาก จากนั้นค่อยกระโดดลงจากโซฟาแล้วนอนลงผ่อนคลาย
“เถ้าแก่ยังไม่กลับออกมา แปลกจริง” เหยาซือเย่ว์มองทางพื้นที่ส่วนต่อขยายพร้อมเผยความประหลาดใจ
ในความเห็นของลูกค้าส่วนใหญ่ ลั่วฉวนรักชอบการทาน หลักสูตรทำอาหารในเครื่องเล่นเกมเสมือนจริงคือเครื่องยืนยัน
“รอก่อน ไม่ช้าเดี๋ยวเถ้าแก่ก็มา” เหยาซือหยานวางอาหารลงบนโต๊ะ
เมื่อกลับออกจากโลกเสมือนจริง ลั่วฉวนอดไม่ได้ที่จะยืดเส้น ประตูลับถูกเปิดออกพร้อมเขาที่เดินออกมา
พื้นที่ส่วนต่อขยายอันกว้างใหญ่ในร้านว่างเปล่า ดอกครามเยือกแข็งที่เติบโตบนกำแพงกำลังสาดส่องแสงสีน้ำเงินออกมา ประหนึ่งหมู่ดาวระยิบระยับบนฟากฟ้า
ด้วยหยุดไปครู่เพื่อรับชมความงามที่ตนเองเลือกตกแต่ง จากนั้นค่อยเดินกลับออกไป และเพียงเดินออกมาก็พบว่ากลิ่นอาหารลอยมาต้อนรับแล้ว
“เถ้าแก่ พวกเรารออยู่นานเลย” เหยาซือเย่ว์โบกมือเรียก
ลั่วฉวนนั่งลงก่อนจะกล่าว “มื้อเย็นดูเยอะกว่าปกตินะ”
“แน่นอน เถ้าแก่ ลองเดาว่าจานไหนที่ข้าทำ?” เหยาซือเย่ว์ขยิบตา
ลั่วฉวนสำรวจมอง ดวงตามองไปยังจานอาหารสีขาวตรงกลางโต๊ะ “น่าจะเป็นจานนั้น”
เหยาซือเย่ว์ถอนหายใจพร้อมพึมพำกับตัวเอง “นั่นสินะ มองเพียงครั้งเดียวก็รู้แล้ว…”
เหยาซือหยานมองทางลั่วฉวน ดวงตาสีม่วงเผยความสงสัย “เถ้าแก่วันนี้ดู… เหมือนจะแตกต่างออกไปเล็กน้อย”
“ก็ไม่เห็นมีอะไรเปลี่ยน” ลั่วฉวนตอบคำพลางกัดอาหารส่งเข้าปาก รสชาติยังคงอร่อยเหมือนเช่นเคย “แตกต่างตรงไหนกัน?”
“อืม…” เหยาซือหยานครุ่นคิดจนคำหนึ่งลอยขึ้นมาและกล่าวออก “น่าจะเป็นเรื่องความมีชีวิตชีวา”
ตามปกติแล้วลั่วฉวนมักอยู่ในสภาวะที่ไม่สนสิ่งอื่นใด เหยาซือหยานพบเห็นเขาที่เป็นเช่นนั้นมานานจนแทบกลายเป็นปลาตากแห้งภายในร้าน
ตอนนี้ลั่วฉวนเปลี่ยนไปเล็กน้อย เพราะอยู่กับลั่วฉวนมายาวนานกว่าใคร เหยาซือหยานเพียงเห็นก็บอกได้
“ชีวิตชีวา? ก็อาจจะ” ลั่วฉวนไม่ตอบปฏิเสธ ดวงตายังคงมองที่อาหารตรงหน้า
วัตถุดิบที่ใช้น่าจะเป็นผลไม้ประหลาดที่ระบบหามาให้ ชิ้นน้อยสีขมพูถูกตัดหั่นพอดีคำ พื้นผิวค่อนข้างกระจ่างใสคล้ายถูกน้ำเชื่อมเคลือบเอาไว้
ภายใต้แสงไฟในร้านสาดส่อง พื้นผิวของมันสะท้อนออกเป็นจุดแสงชวนน่ารับชม
เมื่อหยิบขึ้นมาด้วยตะเกียบ น้ำหวานที่เคลือบเอาไว้ก็เผยเป็นเส้นยืดจนเหยาซือเย่ว์อุทานร้อง “ไอ้หยา…” ออกมา
ลั่วฉวนส่งเข้าปากเนิบนาบ อุณหภูมิค่อนข้างดี น้ำหวานที่เคลือบเอาไว้ไม่ได้ชวนให้เสียรสชาติ ความหวานที่ผสมปนเปกำลังกระจายในปาก
ผ่านน้ำหวานที่เคลือบเอาไว้ ฟันกัดลงที่ตัวชิ้นผลไม้ด้านใน เสียงความกรอบพร้อมความรู้สึกสดชื่นปรากฏพร้อมกัน รูปลักษณ์มันคล้ายจะเป็นลูกพีชเคลือบน้ำตาล แต่รสชาติค่อนไปทางแตงโมมากกว่า