God-level Store Manager เถ้าแก่ขั้นเทพ! - ตอนที่ 1166
ตอนที่ 1166
“ภาคกลาง จักรวรรดิเทียนชิง นครจิ่วเหยา” ฉู่หยางบอกที่ตั้งของร้านต้นตำรับ
แม้ไม่บอกชัดเจนกว่านี้ แต่หากต้องการไปหาร้านต้นตำรับก็ไม่ใช่เรื่องยาก
“โอ้” เซี่ยเมิ่งอู๋พยักหน้ารับก่อนจะตอบคำ “ข้าไม่เคยได้ยินแม้สักชื่อ”
ฉู่หยาง : …
ไม่เคยได้ยินแต่ก็พยักหน้ารับ แปลกนักแต่ก็ช่างแล้วกัน!
เซี่ยเมิ่งอู๋อยู่ที่เมืองแห่งความโกลาหลยาวนานมากแล้ว นางแทบไม่ทราบเรื่องราวนอกเหนือไปจากทางใต้ของทวีปเทียนหลัน รวมถึงไม่รู้จักนามเหล่านั้นที่ฉู่หยางกล่าวออกมา
“แล้วคิดสอบถามอะไรอีก? ไปรับชมด้วยตัวเองไม่ดีกว่าหรือไร?” ฉู่หยางเก็บโทรศัพท์วิเศษใส่กระเป๋าเสื้อ “พิจารณาระยะทางจากที่นี่ น่าจะต้องใช้เวลาเดินทางพอสมควร”
“พูดกล่าวตามตรง ข้าอยากไปรับชมจริง” เซี่ยเมิ่งอู๋เผยท่าทีจริงจัง ทว่าก็ถอนหายใจ “แต่นั่นยังไม่อาจทำให้ข้าเดินทางได้ อย่างน้อยข้าก็ต้องจัดการเรื่องทางนี้
ฉู่หยางเกิดรู้สึก ว่านัยน์ตาสีดำของเซี่ยเมิ่งอู๋มันแฝงสิ่งอื่นนอกเหนือจากความสงสัยต่อร้านต้นตำรับเอาไว้ ทว่าเหล่านั้นซุกซ่อนเอาไว้ลึกยิ่ง
“นั่นก็ตามสะดวกเจ้า ไม่ได้เกี่ยวข้องใดกับข้าแล้ว” ฉู่หยางยักไหล่เผยท่าทีเฉยชา
“คิดไปแล้ว?” เซี่ยเมิ่งอู๋เผยคำเอ่ยถาม
“ก็น่าจะ” ฉู่หยางหาวตอบรับ “อย่างไรข้าก็มาที่นี่โดยบังเอิญ เพราะไปพบค่ายอาคมเคลื่อนย้ายที่ไม่ทราบว่าปลายทางเป็นที่ใด ด้วยความสงสัยเลยมาโผล่ที่เมืองแห่งความโกลาหล และในเมื่อมาถึงแล้วก็เลยเดินเที่ยวชมดู”
ดวงตาเซี่ยเมิ่งอู๋เผยประกาย “ค่ายอาคมเคลื่อนย้าย?”
“อย่าได้วาดฝัน มันคือค่ายอาคมเคลื่อนย้ายทางเดียว” ฉู่หยางโบกมือตอบเป็นการขัดความคิดเซี่ยเมิ่งอู๋ “อีกทั้งมันยังอยู่มายาวนานมหาศาล หลังข้าซ่อมแซมก็ใช้งานได้อย่างกล้ำกลืน ตอนนี้คงพังไปแล้วกระมัง”
ค่ายอาคมเคลื่อนย้ายเป็นตัวตนอันลึกลับ แต่ก็รู้จักกันอย่างกว้างขวาง มีทั้งเคลื่อนย้ายทางเดียว สองทาง หรือหลายทาง… โดยสรุปแล้วคือตราบเท่าที่จินตนาการไปถึง เช่นนั้นมันก็ไปได้
ด้วยตำแหน่งมิติอันแม่นยำ รวมกับพลังวิญญาณที่มากพอ เหล่านี้คือปัจจัยความสำเร็จในการเคลื่อนย้าย บางส่วนก็อาจมีความพิเศษเฉพาะตัว
เหมือนดังค่ายอาคมเคลื่อนย้ายศูนย์กลางที่เหวินเทียนจีสร้างไว้ใกล้เคียงนครจิ่วเหยา มีแต่เขาคนเดียวที่สามารถสร้างมันขึ้นในทวีปเทียนหลันได้ ความสามารถของมันถึงขั้นน่าทึ่ง ผู้คนทั่วไปยังสามารถใช้งานได้โดยปลอดภัย ระยะเวลาเคลื่อนย้ายก็ค่อนข้างสั้น
สำหรับค่ายอาคมเคลื่อนย้ายที่ด้อยกว่าเพียงใด มันก็ยิ่งต้องใช้เวลาเคลื่อนย้ายเพียงนั้น เป็นไปได้ด้วยซ้ำว่าครึ่งทางแล้วจะล้มเหลวจนหลงทางในห้วงความผันแปรทางมิติอันไร้สิ้นสุด
กับค่ายอาคมเคลื่อนย้ายผุพังที่พบเจอโดยบังเอิญ กระทั่งว่าต้องซ่อมมันเองด้วย คงมีแต่ยอดฝีมือเช่นฉู่หยางจึงกล้าใช้งาน หากแข็งแกร่งมากพอ เช่นนั้นคิดทำอะไรก็ตามสะดวก
“แย่ยิ่งนัก” เซี่ยเมิ่งอู๋ถอนหายใจ ท่าทีของนางผิดหวัง “กล่าวไปแล้ว เจ้าคิดเห็นยังไงกับเมืองแห่งความโกลาหล?”
“สมดังชื่อ ยุ่งเหยิงไปทั่วทุกที่” ฉู่หยางบอกกล่าวตามจริง เขาอดไม่ได้ที่จะนึกถึงภาพครั้งแรกมาถึงเมืองแห่งความโกลาหล
แม้เมืองแห่งนี้สงบเพราะกฎหลังงานประมูล แต่มันเป็นความสงบชั่วคราว หลังผ่านพ้นสิบวันเรื่องราวจะกลับคืนตามเดิม
เหล่าผู้ไร้กฎเกณฑ์และกระหายเลือด ไม่ใช่ว่าจะสามารถสะกดพวกเขาเอาไว้ได้นาน สองวันที่ผ่านพ้นเป็นพวกเขาอดทน สิบวันก็ถือว่ากล้ำกลืนแล้ว
“ก็ถือเป็นเรื่องปกติของเมืองแห่งความโกลาหล คิดเปลี่ยนแปลงถือเป็นเรื่องยากนัก” เซี่ยเมิ่งอู๋ยิ้มตอบ นางไม่ค่อยใส่ใจความเห็นของฉู่หยางที่มีต่อเมืองเท่าใดนัก
“มีเรื่องหนึ่งอยากถาม เจ้าสมควรทราบราคาน้ำแร่ของร้านต้นตำรับใช่หรือไม่” ฉู่หยางนึกถึงงานประมูลเมื่อสองวันก่อน ราคาปิดการขายนั้นสูงเกินกว่าสิบล้านผลึกวิญญาณ
“ทราบมาบ้าง” เซี่ยเมิ่งอู๋ยิ้มตอบประหนึ่งจิ้งจอกน้อยซุกซน “แต่กับลูกค้าที่เข้าร่มงานประมูล ต่อให้พวกเขาทราบก็ไม่เกี่ยวข้องอะไรกับข้า”
กล่าวได้ว่ามันคือกฎของการประมูล หากราคาปิดการขายถูกพบว่าเกินกว่ามูลค่าสินค้าไปมากโข เช่นนั้นก็ได้แต่ถือเป็นบทเรียน
ผู้ใดใช้ให้หน้ามืดตามัวประมูลสินค้ากัน? ครั้งชนะประมูลยังยินดีด้วยซ้ำ ตอนนี้คิดคืนสินค้าเพราะรู้สึกว่าโดนโก่งราคางั้นหรือ?
ไม่ว่าเรื่องจริงเป็นเช่นไร นั่นคือเรื่องที่ลูกค้าผู้ประมูลต้องรับผิดชอบ ไม่มีใดข้องเกี่ยวกับผู้จัดงานประมูล
อีกทั้งความแข็งแกร่งของคฤหาสน์จ้าวเมืองแห่งนี้ ต่อให้เป็นราชันจ้างเหยียน ที่ทำได้คงมีเพียงกัดฟันจนแทบแตกแล้วกลืนลงท้องเพราะไม่อาจหาเรื่อง
“นั่นก็จริง” ฉู่หยางไม่รู้จักอะไรกับราชันจ้างเหยียน ดังนั้นเขาไม่คิดใส่ใจ “หากไม่มีอะไรแล้ว ข้าขอตัวก่อน”
สายฝนที่พรำลงมาเริ่มแปรเปลี่ยนเป็นเม็ดฝนขนาดใหญ่ขึ้น ไอความร้อนและฝุ่นจากพื้นดินเริ่มปรากฏ บางส่วนได้ผสานเข้ากับดินบนพื้นกลายเป็นโคลน
ไอความร้อนที่ปรากฏขึ้นจากพื้นดิน มันไม่ใช่เพราะการชำระล้าง แต่เป็นการคายความร้อนออกมาจนเกิดเสียง จี่ ดังขึ้น
เซี่ยเมิ่งอู๋เงยหน้ามองเมฆสีดำ ท่าทีของนางไม่คล้ายได้รับผลกระทบจากสภาพอากาศ กลับกลายเป็นว่าผ่อนคลายด้วยซ้ำ นางเผยยิ้ม “ฝนตกแล้ว…”
…..
ร้านต้นตำรับ
หลังทานมื้อเย็น ลั่วฉวนก็ไปนอนเอกกายพลางเล่นโทรศัพท์วิเศษรับชมการถ่ายทอดสดไปเรื่อย
ภายในม่านฝนมืดทบ เม็ดฝนที่ไม่ทราบจำนวนร่วงหล่น แน่นอนว่าความสามารถการถ่ายทำของโทรศัพท์วิเศษไม่โดนผลกระทบเหล่านี้
แม้มืดก็ยังถ่ายให้สว่างระดับที่มองเห็นได้
ด้วยสภาพแวดล้อมที่ค่อนข้างสลัวจนทำให้ยากพบเห็นความกระจ่าง แต่อย่างน้อยก็ได้เห็นใบไม้ขยับไปตามจังหวะที่สายฝนตกกระทบ
โจวหู่และคณะกำลังซ่อนเร้นในพุ่มไม้ ม่านฝนหนาช่วยปิดบังออร่าของพวกเขาได้เป็นอย่างดี
โทรศัพท์วิเศษลอยอยู่ใกล้เคียง ด้วยการเปิดใช้ความสามารถพิเศษ การถ่ายทำท่ามกลางสายฝนก็แทบเหมือนไม่มีฝนตก
พื้นที่โล่งกว้างซึ่งรอบด้านลายล้อมด้วยป่าหนาทึบ มันมีร่างเงาสีดำซ่อนตัวอย่างบิดเบี้ยว พลังประหลาดเผยออกซึ่งความคุกคาม
เม็ดฝนหยาดหยดร่วงหล่นสู่ชุดเกราะสีดำพร้อมเสียงเม็ดฝนตกกระทบ มันกระทั่งสะท้อนแสงสอันเย็นเยือกหลังจากที่มีเหตุการณ์ฟ้าแลบ
ฝนที่นครจิ่วเหยาคือส่วนที่อ่อนกำลัง ขณะที่ส่วนลึกของเทือกเขาจิ่วเหยานั้นยังคงรุนแรงหนักหนา
ร่างมังกรประหลาด เหมือนว่ามันจะเป็นเหยื่อของโจวหู่และคณะในครั้งนี้ แม้เป็นเทือกเขาจิ่วเหยา มันก็ยังถือเป็นสัตว์อสูรที่ผิดปกติ ความแข็งแกร่งนั้นดีเยี่ยม
พลังป้องกันของชุดเกราะเหล่านั้นยังยอดเยี่ยม การโจมตีต่อผู้ฝึกตนขอบเขตโชคชะตาแทบทำได้แค่ให้คัน
ตามค่าที่กำหนดเอาไว้ของเกมออนไลน์ทั้งหลาย หากโจมตีทั้งสภาพนี้คงปรากฏตัวเลข –1 ขึ้นเป็นค่าความเสียหายอย่างแน่นอน
จุดอ่อนของมันอยู่ที่หน้าท้อง แน่นอนว่ารวมถึงบริเวณที่ไร้เกราะปกคลุมดังดวงตาและปาก
ภายใต้เสียงฝนพรำ โจวหู่ไม่ลืมที่จะอธิบายผ่านการถ่ายทอดสด รวมถึงลักษณะการดำรงชีวิตและความสามารถของเหยื่อในวันนี้
สุดท้ายลั่วฉวนถึงกับพูดกล่าวไม่ออก การระดมโจมตีเกิดขึ้น สารพัดเวทมนตร์ที่เรียนรู้จากโหมดทั่วไปเข้าประดังใส่เป้าหมาย