God-level Store Manager เถ้าแก่ขั้นเทพ! - ตอนที่ 1071
ตอนที่ 1071
ขณะลั่วฉวนและเหยาซือหยานพูดคุยกันจบไปไม่นาน สตรีในชุดกระโปรงดำจึงเดินเข้ามาภายในร้าน
หลังตระหนักพบเห็นเหยาซือหยาน ดวงตานางเผยประกายพร้อมยิ้มแย้มเรียกหา “ซือหยาน”
“ชิงหยวน” ได้ยินเสียงเรียก เหยาซือหยานที่กำลังเล่นโทรศัพท์วิเศษอยู่จึงลุกขึ้นเผยอาการประหลาดใจ
ลั่วฉวนเงยหน้าขึ้นมองตามเสียง พบว่าเป็นสตรีในชุดกระโปรงดำที่เรียกหาเหยาซือหยานเป็นมิตรสหาย
ขอบเขตของนางไม่ใช่ต่ำเตี้ย เป็นถึงขอบเขตราชันระดับกลาง รูปลักษณ์ดูดี หน้าตาดูดี ให้ความรู้สึกว่าเย็นเยือก แต่รอยยิ้มที่เผยนั้นแสดงถึงความจริงใจ
ตามคำเล่าลือของทวีปเทียนหลัน หัวหน้าภาคีเงาสังหารคือมังกรซ่อนเร้นที่ไม่เคยปรากฏตัว ซึ่งที่ลั่วฉวนทราบก็เพราะเหยาซือหยานเพิ่งบอกกล่าว
“เมื่อครู่กำลังพูดคุยกับเถ้าแก่ถึงเรื่องเจ้าอยู่พอดี ไม่นึกว่าจะมาถึงเร็วขนาดนี้” เหยาซือหยานกอดนางพร้อมเผยยิ้ม “ระหว่างทางมาไม่เจอปัญหาอะไรใช่หรือไม่?”
“ไม่มีปัญหา” ชิงหยวนส่ายศีรษะตอบ “ก่อนเข้าเมืองได้แผนที่มา ระหว่างทางยังสอบถามทางจากหลายคนจนถึงที่นี่”
ด้วยชื่อเสียงของร้านต้นตำรับในนครจิ่วเหยา รวมเข้ากับมีแผนที่ในมือ และการสอบถามทางหลายครั้ง เห็นได้ชัดว่าไม่ใช่การเดินทางที่ราบรื่นเท่าใดนัก
“อืม… ก็ฟังดูไม่น่ามีปัญหาอะไร” เหยาซือหยานยิ้มเจื่อนราวกับคุ้นชินแล้ว
ชิงหยวนหันมองทางลั่วฉวนที่อยู่ด้านหลัง สีหน้าของนางกลับกลายเป็นจริงจัง “ผู้น้อยชิงหยวน คำนับเถ้าแก่”
นางได้ยินเรื่องคำเล่าลือของเถ้าแก่ร้านต้นตำรับมาไม่มากก็น้อยแล้ว
เวลานี้ลูกค้าแทบทุกคนต่างเรียกหาลั่วฉวนเป็นเถ้าแก่ คนมาใหม่ต่างรู้ธรรมเนียมนี้ดี
ลั่วฉวนพยักหน้ารับตอบสตรีในชุดกระโปรงดำที่เพิ่งมาเยือนร้าน “เถ้าแก่ร้านต้นตำรับ ลั่วฉวน”
ลูกค้าหลายคนในร้านต่างหันมองมาด้วยความสงสัย สายตานั้นมองไปยังร่างของชิงหยวน
“เหมือนจะเป็นลูกค้าใหม่ที่คุ้นเคยกับเหยาซือหยาน”
“ลูกค้าใหม่ก็มีมาร้านทุกวัน ไม่เห็นมีอะไรน่าแปลกใจ”
“นั่นก็ใช่ แต่ลูกค้าคนนี้สมควรแข็งแกร่ง ข้าไม่อาจมองเห็นระดับการฝึกฝนของนางได้…”
ลูกค้าหลายคนเริ่มพูดคุยต่อกันก่อนจะแยกย้ายไป
ชิงหยวนได้ยินคำกล่าวทั้งหมด และนางก็ต้องแปลกใจที่หัวข้อการสนทนาแปรเปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว
เหยาซือหยานตระหนักเห็นสีหน้าของชิงหยวน ตอนนี้จึงพานางเดินมายังชั้นวางสินค้า “ในเมื่อเพิ่งเคยมาที่ร้าน ก่อนอื่นคือการทำความเข้าใจกับสินค้าที่มีขาย ตามข้ามา…”
ลั่วฉวนเพียงมองตามไปสักครู่ก่อนจะถอนสายตากลับไปรับชมการถ่ายทอดสดของเอเลน่าในโทรศัพท์วิเศษ ไซเรนสาวตอนนี้คล้ายพบเจออะไรที่น่าสนใจเข้าแล้ว
ท้องฟ้าเผยแสงสีส้มประหลาด สายลมสีเหลือง รวมเข้ากับมวลฝุ่นที่พัดพาจนเกิดเสียงประหลาดดังในโบราณสถาน ฟองน้ำของเอเลน่ากำลังเคลื่อนตัวออกห่างจากอาคารสูงที่ค้นพบดอกครามเยือกแข็ง
ตอนนี้นางกำลังรับชมรอยแยกหุบเหวที่พื้นตรงหน้า มันถึงขนาดที่ว่าทำนางอุทานได้
พื้นดินถูกแยกออกเป็นสองฟาก รอยแยกสีดำที่มองลงไปไม่อาจพบเห็นก้นบึ้ง เบื้องล่างมีเพียงความมืดราวกับนำไปเยือนอีกมิติหนึ่ง
ที่อีกฟากของรอยแยก สิ่งปลูกสร้างเผยให้เห็นถึงร่องรอยคล้ายโดนระเบิดลง แม้ว่ากาลเวลาได้ลบเลือนร่องรอยเหล่านั้นไปมากแล้ว แต่อย่างน้อยอมันก็ยังเห็นได้จากเศษซากซึ่งยังหลงเหลือ
เพราะระยะการมองเห็นไม่ไกล ทำให้ไม่มีใครตระหนักพบเห็นถึงความพิเศษทางด้านนี้
“เหมือนจะเคยเกิดสงคราม” ขณะรับชมอีกฟากของหุบเหว เอเลน่าตอนนี้ยิ้มไม่ออกแล้ว แต่เป็นถอนหายใจ “ไม่ทราบเลยว่าอารยธรรมนี้เกิดอะไรขึ้นจนล่มสลาย”
มันเป็นเรื่องยากที่จะหาข้อมูลปะติดปะต่อจากร่องรอยที่ผ่านกาลเวลายาวนานนับไม่ถ้วน กาลยังคงเป็นตัวตนอัอนไร้ปรานีที่พร้อมพรากทุกสิ่งไปได้
ที่ห้องกว้างใต้ดิน คณะของเหยาฮุยเฉินดิสำรวจดอกครามเยือกแข็งในขั้นต้นเสร็จสิ้นเรียบร้อยแล้ว
“จ้าวสำนัก พืชชนิดนี้ตอบรับต่อพลังงานทุกชนิด บางทีมันอาจเป็นเหตุผลว่าทำไมมันอยู่รอดและเติบโตมาจนถึงตอนนี้ได้” ใบหน้าของผู้อาวุโสที่สามเผยร่องรอยความประหลาดใจ
“หรือก็คือหากเคลื่อนย้ายไปเพื่อทำการเพาะปลูก มันอาจก่อให้เกิดผลตามมาที่เกินควบคุม?” เหยาฮุยเฉินกำลังพิจารณาถึงสิ่งที่อาจตามมา
“จากการศึกษาของพวกเรา มีความเป็นไปได้สูง” ผู้อาวุโสอีกคนหนึ่งกล่าวยืนยันข้อคาดเดา
เหยาฮุยเฉินขมวดคิ้วครุ่นคิด ในใจเขากำลังเลือกว่าควรรับความเสี่ยงนี้ดีหรือไม่
เหวินเทียนจีได้ยินบทสนทนาทางด้านนี้ เขาจึงเข้ามาเสนอความเห็น “ก่อนอื่นคือเปิดมิติแยกโดดเดี่ยว ลองทำการเคลื่อนย้ายที่นี่ดูก่อน อย่างน้อยหากมีอะไรเกิดขึ้นก็ยังพอจะเป็นผลตามมาที่คาดเดาได้…”
กล่าวถึงตรงนี้เหวินเทียนจีจึงหยุดคำ “บางทีพวกเราควรสอบถามเถ้าแก่ว่าจะทำยังไงดี แม้ร้านต้นตำรับไม่เปิดให้จ้างวาน แต่เถ้าแก่ไม่น่าจะนิ่งเฉยหากมีวิกฤตใดเกิดขึ้นกับทวีปเทียนหลัน”
“นั่นสินะ” เหยาฮุยเฉินเผยดวงตาเป็นประกายเห็นพ้อง
…..
เพราะได้พบมิตรสหายเก่าก่อนแวะเวียนมาหา ตอนนี้เหยาซือหยานกำลังอธิบายเรื่องราวของร้านต้นตำรับให้ชิงหยวนได้ทราบ
“โทรศัพท์วิเศษเป็นสินค้าที่ลูกค้าทุกคนควรมี แอพพลิเคชั่นทั้งหลายมีความสามารถที่ดีเยี่ยมและอำนวยความสะดวกได้ดี”
“เรื่องนี้พอได้ยินมาบ้างแล้ว” ชิงหยวนจับโทรศัพท์วิเศษถือในมือ นางราวกับเด็กสาวที่เพิ่งได้รับของเล่นใหม่ “ไม่เพียงแต่สามารถแลกเปลี่ยนข้อมูลกับลูกค้าทั้งหมดได้ แต่ความคงทนยังน่าสะพรึง”
“ความคงทน?” เหยาซือหยานชะงักเพราะหัวข้อสนทนาที่แปรเปลี่ยนไปอย่างกะทันหัน
“ใช่ คงทนอย่างมหาศาล” ชิงหยวนพยักหน้ารับ “ได้ยินมาว่าแม้เป็นขอบเขตราชันก็ยังไม่อาจสร้างความเสียหายแก่โทรศัพท์วิเศษได้ หากที่นี่ไม่ใช่ร้านต้นตำรับข้าก็คงอยากลองให้ทราบกับตา”
มุมมองของชิงหยวน โทรศัพท์วิเศษเปรียบดังโล่วิเศษ เหยาซือหยานตอนนี้ไม่ทราบควรหัวเราะหรือร้องไห้ดี แต่เรื่องนี้ก็ไม่อาจปฏิเสธ เพราะที่นางกล่าวมาคือเรื่องจริง
จักรพรรดิปีศาจเคยทดสอบความทนทานของโทรศัพท์วิเศษเมื่อนานมาแล้ว กระทั่งใช้อาวุธโจมตีอย่างสุดกำลัง มันไม่มีแม้ความเสียหายปรากฏ แต่เป็นอาวุธที่ปรากฏรอยบิ่น จนกระทั่งถึงตอนนี้ยังไม่ได้ซ่อมแซมอาวุธนั้นเลยด้วยซ้ำ
“ตามปกติแล้วลูกค้าซื้อโทรศัพท์วิเศษไปก็เพราะใช้เรื่องการสื่อสาร ไม่มีเรื่องประหลาดอื่น” เหยาซือหยานกล่าวด้วยความอับจน
“อืม…” ชิงหยวนพยักหน้ารับโดยไม่ทักท้วงใด “นามแฝงเจ้าว่าอะไร ข้าเพิ่มเพื่อนไปได้หรือไม่?”
“ได้สิ” เหยาซือหยานพยักหน้ารับ “ขอยืมโทรศัพท์วิเศษเจ้าสักครู่”
เมื่อเหยาซือหยานใช้งานโทรศัพท์วิเศษ ชิงหยวนจึงนึกอะไรขึ้นได้ “กล่าวไปแล้วตอนมาถึงที่นี่ ข้าสัมผัสได้ถึงความผันแปรทางพลังงานที่ปะทุจากทางด้านเทือกเขาจิ่วเหยา โบราณสถานปรากฏขึ้นงั้นหรือ?”
“ใช่ ลูกค้าหลายคนเพิ่งกลับกันมา แต่ที่นั่นไม่มีอะไรพิเศษ จะมีก็เพียงพืชที่ไม่เคยพบเห็นมาก่อน” เหยาซือหยานส่งโทรศัพท์วิเศษกลับคืน “เพิ่มเพื่อนเรียบร้อยแล้ว”