God-level Store Manager เถ้าแก่ขั้นเทพ! - ตอนที่ 1074
ตอนที่ 1074
ขณะชิงหยวนกำลังดื่มด่ำไปกับโลกเสมือนจริง เหยาซือหยานเดิน
กลับมายังโต๊ะกลางก่อนจะได้เห็น ว่าลั่วฉวนกำลังเล่นไพ่พิชิต
แลนด์ลอร์ดในโทรศัพท์วิเศษ
“เถ้าแก่หยุดพิมพ์แล้ว?” เหยาซือหยานกล่าวถาม
“พักเหนื่อยเล็กน้อย” ลั่วฉวนกล่าวตอบ
คำตอบนี้อยู่ในคาดการณ์ของเหยาซือหยาน นางอดไม่ได้ที่จะหัวเราะ
ที่ส่วนลึกของป่ าหนาทึบ เสียงคำรามของสัตว์ร้ายดังปรากฏ ใบไม้
รอบด้านเริ่มสั่นไหวเกิดเป็นเสียงเสียดสีต่อกัน
เหยาซือเย่ว์ ชิงหยวน และสตรีที่คล้ายจะเป็นคนของออรันตอนนี้
กำลังต่อสู้กับสัตว์อสูร
พื้นที่รอบด้านมีสภาพเละเทะ ต้นไม้มากมายต่างหักล้มลงมา รวมถึง
ยังมีเศษกระดูกสีขาวแตกหักกระจัดกระจาย
รูปลักษณ์ของสัตว์อสูรค่อนข้างคล้ายกิ้งก่ากลายพันธุ์ แขนและขา
ของมันมีเกราะกระดูกอันหนาเตอะ และภายใต้ขนสีน้ำตาลดำของ
มันยังมีเกล็ดสีดำ
ดวงตาของมันเป็นสีแดงชาด ฟันขาวมีคราบของเหลวหนืดสีเขียว
เข้าปกคลุมส่งกลิ่นเหม็น
ขณะที่เหยาซือหยานพาชิงหยวนเข้าไปเล่นโหมดทั่วไป เหยาซือเย่ว์
ก็ตามมา
เหยาซือหยานมอบภารกิจให้นาง นั่นก็คือการนำชิงหยวนไปล่าสัตว์
อสูรเพื่อเพิ่มระดับ
ส่วนเด็กสาวอีกคนหนึ่ง นางเป็นมิตรสหายที่เหยาซือเย่ว์ได้พบใน
ออรัน
เหตุผลก็ตามที่กล่าวไป ตอนนี้ทั้งสามกำลังออกล่าสัตว์อสูร ทางด้าน
เหยาซือเย่ว์คอยช่วยแนะนำชิงหยวน ขณะที่เด็กสาวอีกคนหนึ่งจะ
คอยหลอกล่อไปมา
เพราะเป็นมิตรสหายของเหยาซือหยาน ชิงหยวนย่อมเคยได้ยินเรื่อง
ราวของเหยาซือเย่ว์ ทว่านี่เป็นครั้งแรกที่ทั้งสองพบเจอกัน และจาก
ที่เห็นก็สนิทสนมกันได้เร็วดีไม่น้อย
กิ้งก่ายักษ์เผยฟันอ้าปากกว้างพ่นเอาของเหลวสีเขียวออกพุ่งทะยาน
ออกประหนึ่งความเร็วเสียง
เหยาซือเย่ว์ทะยานร่างออกไป รองเท้าของนางเผยวงเวทปรากฏ
พร้อมกับทำให้ภัยคุกคามหยุดนิ่ง
พลังเวทที่ใช้งานออกครั้งนี้คือการควบคุมอุณหภูมิให้ลดต่ำลงใน
พริบตา ของเหลวสีเขียวที่พุ่งมาจึงแข็งตัวทันตาเห็น
และก็เป็นตอนนี้ที่ลำแสงสีทองได้พุ่งทะลวงเข้าศีรษะของสัตว์อสูร
กิ้งก่า
“เรียบร้อย” เหยาซือเย่ว์ร่อนลงกับพื้นพร้อมร่างสัตว์อสูรกิ้งก่าที่ร่วง
หล่นปะทะพอดี
“พี่ซือเย่ว์เก่งกาจนัก” เด็กสาวเผยสีหน้ายินดีกล่าวคำออกมา
“นี่หรือคือการเพิ่มระดับ?” ชิงหยวนมองหน้าต่างข้อความแจ้งเตือน
ที่ปรากฏตรงหน้า อีกทั้งนางยังรับรู้ได้ถึงสิ่งที่เรียกว่าพลังเวท สีหน้า
ของนางในเวลานี้คือความประหลาดใจ
“เมื่อถึงระดับที่ยี่สิบจะสามารถเลือกอาชีพและเรียนรู้ทักษะได้ ที่ข้า
เพิ่งใช้เมื่อครู่นี้คือพลังเยือกแข็ง” เหยาซือเย่ว์เผยยิ้ม
“เหลือเชื่อ” แม้ชิงหยวนพอเข้าใจกฎเกณฑ์ของที่นี่บ้างแล้ว แต่ยาม
ได้พบเห็นกับตนเองก็อดไม่ได้ที่จะเกิดตื่นเต้น
“พี่ซือเย่ว์พูดถึงอะไรหรือ?” เด็กสาวเผยความสงสัยมองมาทางเหยา
ซือเย่ว์
“เด็กอย่าเพิ่งรู้เรื่องของผู้ใหญ่จะดีกว่านะ” เหยาซือเย่ว์ลูบศีรษะนาง
ในบรรดาลูกค้ามีธรรมเนียมปฏิบัติ นั่นก็คือไม่เปิดเผยตัวตนออกไป
การที่คนท้องถิ่นเหล่านี้เข้าใจว่าพวกเขาคือ “ผู้อยู่รอดจากยุคก่อน”
หรือเป็น “ผู้ข้ามผ่านดวงดาว” และ “ผู้ระลึกชาติ” เหล่านี้ล้วนน่าสนใจ
กว่าเป็นไหน
ในความเป็นจริงพวกเขาก็แค่ผู้ฝึกตนทั่วไป แต่ที่ต่างโลกนั้นไม่ใช่
ผู้คนนับไม่ถ้วนล้วนไม่ทราบตัวตนของพวกเขา ที่ทำได้คือเพียงคาด
เดา
แม้เป็นคนนิ่งเฉยต่อแวดล้อม เผชิญหน้าสถานการณ์เช่นนี้ยังต้อง
เกิดสนใจเกมขึ้นมา
“อา เข้าใจแล้ว” เด็กสาวตอบรับด้วยความไม่ยินดี
นางทราบว่าพี่สาวตรงหน้าทำตัวลึกลับโดยเสมอ แต่นิสัยที่ได้รู้จัก
นั้นดีเยี่ยม หากไม่แล้วนางจะไม่มีทางตามเข้ามาสำรวจในป่ ารกทึบ
เช่นนี้
“ขึ้นไปจนถึงระดับยี่สิบไม่น่ายากมากกระมัง?” ชิงหยวนกล่าวคำขึ้น
เปลี่ยนหัวข้อ
“หากมีคนพาไปเก็บระดับ สักหลายวันก็น่าจะเรียบร้อย แต่หลังจาก
นั้นจึงต้องใช้เวลายาวนานมหาศาล การออกล่าสัตว์อสูรหรือผู้ติดเชื้อ
จะได้ค่าประสบการณ์น้อย หากต้องการได้รับเยอะต้องเป็นการทำ
ภารกิจให้สำเร็จ” เหยาซือเย่ว์บอกข้อมูลให้ชิงหยวนรู้จักโหมดทั่วไป
มากขึ้น
“ฟังดูน่าสนใจ” ชิงหยวนเกิดคาดหวัง
“อันที่จริงไม่ใช่ลูกค้าทุกคนจะชอบการเพิ่มระดับสักเท่าไหร่ หลาย
แห่งในโหมดทั่วไปก็มีสถานที่อื่นให้แวะเวียนไป เพราะอย่างนั้นเถ้า
แก่ถึงตั้งชื่อมันว่าทั่วไป” เหยาซือเย่ว์กล่าวความเห็นของตนเองออกไป
“โหมดทั่วไป… บางทีก็อาจเป็นเช่นที่เจ้าว่า” แม้ชิงหยวนยังไม่เข้าใจ
คำของเหยาซือเย่ว์มากนัก แต่ก็พอจะเข้าใจได้โดยคร่าว
ณ พื้นที่ใต้ดินของโบราณสถาน เหวินเทียนจีและคณะได้กลับไปกัน
แล้ว
ความเสียหายที่เกิดขึ้นกับสถานที่มีไม่มาก ทุกคนต่างเก็บดอกคราม
เยือกแข็งกันไปจำนวนหนึ่งแล้ว แต่หากเทียบกับความกว้างใหญ่
ของพื้นที่ มันแทบไม่ควรค่าให้กล่าวถึงว่าเลือนหาย
เหยาฮุยเฉินและคณะที่ได้รับผลการเก็บเกี่ยวอันดีเยี่ยมต่างอารมณ์ดี
พวกเขาเผยยิ้มแย้มขณะเดินทางกลับกันถ้วนหน้า
โบราณสถานอันไร้สิ้นสุดได้ปรากฏแก่สายตาอีกครั้ง เสียงหวีดร้อง
ของสายลมยังคงแหลมดังก้องในหู ม่านพลังวิญญาณเป็นสิ่งส่องแสง
ที่ต้องตาในโลกอันหมองหม่นแห่งนี้
“เป็นภาพที่สะเทือนใจนัก” เหยาฮุยเฉินถอนหายใจ
ครั้งมาถึง เพราะเรื่องของดอกครามเยือกแข็ง แม้ได้เห็นร่องรอยสภาพ
แวดล้อมของโบราณสถาน แต่ก็เป็นการมองผ่าน ตอนนี้กลับออกจาก
พื้นที่ใต้ดิน พวกเขาค่อยได้เห็นภาพฉากอันตระการตาอีกครั้ง และ
ไม่ว่าเป็นผู้ใดมาเห็นภาพฉากเช่นนี้ก็ต้องเกิดความรู้สึกสะเทือนอารมณ์
“ที่นี่น่าจะเป็นอารยธรรมที่พวกเราไม่รู้จัก และสมควรมีสาเหตุอัน
พิเศษมันจึงกลายเป็นเช่นนี้” เหวินเทียนจีกล่าวออกมา
“อารยธรรมที่สิ้นชีวิต…” ผู้อาวุโสใหญ่หันมองทางสิ่งปลูกสร้าง
ขนาดยักษ์ที่ราวเชื่อมผืนดินและฟากฟ้า “ยากจินตนาการนักว่าเกิด
อะไรขึ้นกับพวกเขา”
“จ้าวตำหนักเหวิน พอจะทราบหรือไม่ว่าโบราณสถานแห่งนี้จะ
ปรากฏอยู่นานเพียงใด?” ผู้อาวุโสที่สามพลันเอ่ยถามขึ้นมา
โบราณสถานที่ปรากฏในทวีปเทียนหลัน ตามปกติแล้วมันคือการ
ทำลายสมดุลทางมิติ เพราะเหตุนั้นมันจะอยู่ได้ไม่นานก่อนเลือน
หายไป
“โบราณสถานครั้งนี้ค่อนข้างพิเศษ มันน่าจะอยู่นานระดับหนึ่งเลย”
เหวินเทียนจีได้คิดคำนวณตั้งแต่เส้นทางโกลาหลที่ใช้เข้ามาแล้ว
“เช่นนั้นก็ดี” ผู้อาวุโสที่สามถอนหายใจโล่งอก เหล่านักปรุงยาที่
เหลือต่างก็เผยสีหน้าผ่อนคลายเช่นกัน
พืชอัศจรรย์เช่นดอกครามเยือกแข็งที่ถูกค้นพบ แม้ว่ายังไม่ทราบ
เรื่องว่าสามารถนำไปใช้สกัดยาใดได้บ้าง แต่โดยคร่าวแล้วมันมี
สรรพคุณ และบางทีในโบราณสถานอันกว้างใหญ่แห่งนี้ เบื้องใต้
มันอาจมีอะไรมากมายซุกซ่อนเอาไว้ เหล่านั้นคือสมบัติที่รอวันถูก
ค้นพบ
เมื่อผ่านเส้นทางอันคุ้นเคย พวกเขาค่อยกลับออกมาจากโบราณสถาน
พายุฝนยังคงตกกระหน่ำ เสียงสายฟ้าดังปรากฏได้ยินเป็นครั้งคราว
แสงสว่างวูบบนฟากฟ้าอันมืดมิดก็ปรากฏเช่นกัน มันสาดส่องจนทั้ง
ผืนป่ าไร้ขอบเขตเบื้องล่างสว่างในพริบตา
แม้สภาพแวดล้อมอากาศเป็นเช่นนี้ เหวินเทียนจีกับคณะก็ยังรู้สึกว่า
สบายใจยิ่งกว่าเมื่อครู่
กับโบราณสถานที่มีแต่ออร่าแห่งความตายฟุ้งกระจาย ไม่ว่าสภาพ
อากาศภายนอกเลวร้ายเพียงใดก็ถือว่าดีกว่าที่นั่นเป็นล้นพ้น เมื่อมอง
ลงไปยังป่ าหนาทึบ ด้านล่างนั้นมีแต่สัญญาณแห่งชีวิตอยู่ทั่วไปหมด
พลังงานโกลาหลที่คงอยู่ภายในเส้นทาง มันไม่ได้ส่งผลกระทบออก
มาจนถึงภายนอกแม้แต่น้อย เมื่อออกพ้นจากระยะรัศมีพลัง เหวิน
เทียนจีจึงเปิดเส้นทางมิติเพื่อเดินทางกลับ