God-level Store Manager เถ้าแก่ขั้นเทพ! - ตอนที่ 1079
ตอนที่ 1079
ในกรณีที่กระทำอยู่นี้ ระบบมักทำงานได้อย่างเชื่อถือได้ บางครั้งมันก็ทำลั่วฉวนเกิดความสงสัย ว่าระบบนั้นแท้จริงมีงานหลักเป็นการปรับแต่งบ้านใหม่หรืออย่างไรกันแน่
เมื่อเสียงกึงกังหยุดลง แสงสีฟ้าจึงค่อยเริ่มกระจายรอบด้านให้เห็นทุกสิ่งอย่างภายในที่เปลี่ยนไป
เชื้อราตามผนังและฝุ่นหนาในอากาศเลือนหาย รอยแตกร้าวและราที่เติบโตขึ้นมาได้ถูกแทนที่ด้วยพื้นไม้มีลวดลายอันงดงาม เห็ดน่าสงสัยที่ปรากฏตามมุมห้องได้กลายเป็นไม้กระถางสีเขียวให้ความสดชื่น
ชั้นวางที่เคยระเกะระกะยุ่งเหยิงถูกแทนที่ด้วยโต๊ะไม้อันงดงามพร้อมเก้าอี้ ผนังกำแพงรอบด้านประดับด้วยวอลเปเปอร์อันวิจิตร แสงที่ส่องสว่างเป็นไปอย่างพอดีพอดีจนทำให้สถานที่เกิดเป็นความงดงามเลอค่าขึ้นมาในทันใด
ไม่กี่วินาทีก่อนหน้านี้ มันคือบ้านร้างที่ราวกับถูกทิ้งมายาวนานหลายปี ตอนนี้กลายเป็นร้านกาแฟที่ตกแต่งอย่างน่ารับชม
ลั่วฉวนนั่งลงบนโซฟาบุนุ่ม ทั้งร่างแทบจมลงให้ความรู้สึกสบายขั้นสุด
เมื่อใดกลับไป ต้องหาโซฟาเช่นนี้มาไว้ที่ร้านสักตัวหรือสองตัว เขาคิดเช่นนั้นอยู่ในใจ
ลั่วฉวนเอนกายกับโซฟาพลางมองร้านในต่างโลกของตน พบว่ามันไม่คล้ายขาดอะไรแม้แต่น้อย
แต่พอคิดดูแล้ว ต่างโลกแห่งนี้ไม่น่ามีสิ่งที่เรียกว่ากาแฟ กลายเป็นว่าชื่อร้านอาจต้องมีการปรับเปลี่ยนกันภายหลัง
ลั่วฉวนลุกขึ้นเดินไปทางหน้าต่าง สายตาสำรวจมองด้านนอก
คล้ายว่าจะเป็นเพราะสาเหตุทางด้านภูมิประเทศที่แตกต่าง บนถนนแทบไม่มีผู้คนสัญจร หรือไม่ก็อาจเป็นเพราะมันดึกมากแล้ว
คล้ายว่าสถานที่แห่งนี้จะตั้งอยู่ในบริเวณไกลห่างจากในเมือง มันกลายเป็นทำให้ลั่วฉวนเกิดรู้สึกถึงสถานการณ์อันคุ้นเคย
ช่างมัน อย่างไรก็เปิดตามใจชอบ เรื่องลูกค้าไม่ใช่ประเด็นใหญ่
ลั่วฉวนเวลานี้นอนบนโซฟาก่อนจะเริ่ม… เล่นไพ่พิชิตแลนด์ลอร์ด
ด้วยฐานะเถ้าแก่ย่อมมีอภิสิทธิ์ ยกตัวอย่างเช่นแม้เป็นต่างโลกแห่งนี้ที่ไม่มีโทรศัพท์วิเศษ เขาก็ยังคงสามารถนำโทรศัพท์วิเศษมาใช้งานเพื่อเล่นไพ่พิชิตแลนด์ลอร์ดได้
ลั่วฉวนหาวไปพลางก่อนจะลุกขึ้นจากโซฟา
ตอนนี้ยังคงไม่มีลูกค้า และเวลาก็ไม่ใช่ที่จะมีคนผ่านมาสักเท่าไหร่
เมื่อสำรวจมองรอบด้าน ลั่วฉวนจึงเลือกที่จะกลับสู่โลกจริง
ไม่ว่าจะในเกมหรือโลกจริงต่างก็เงียบสงบ ดังนั้นจึงแทบแยกไม่ออกแม้โยกย้ายสถานที่กลับมาแล้ว
เหยาซือหยานหยุดพิมพ์งานและจับจ้องโทรศัพท์วิเศษ อีกมือหนึ่งจับแก้วชานมยกขึ้นมาจิบ
ตระหนักพบเห็นลั่วฉวน นางค่อยเผยยิ้ม “เถ้าแก่”
“ขอตัวไปนอนก่อน วันนี้อยากนอนเร็วหน่อย” ลั่วฉวนกล่าวบอก
“ทราบแล้ว” เหยาซือหยานพยักหน้ารับก่อนจะมองตามร่างลั่วฉวนเลือนหายขึ้นบันไดไป
ด้วยอารมณ์ดีนางจึงดื่มชานมไปพลางมองโทรศัพท์วิเศษและยิ้มไปด้วย
หลังอาบน้ำเรียบร้อย ลั่วฉวนค่อยกลับห้องตนเอง
ขณะกำลังจะหลับ เขาค่อยนึกถึงดอกครามเยือกแข็งขึ้นมาได้
ด้วยดีดนิ้วมือ ภาพจำลองร้านต้นตำรับจึงปรากฏตรงหน้า
ตำแหน่งที่เป็นส่วนต่อขยายของร้าน ยามนี้ถูกขยายให้เห็นชัดมากขึ้น
“ระบบ มีแผนการอะไรแนะนำหรือไม่?” ด้วยเพราะใกล้หลับ ลั่วฉวนไม่อยากใช้เวลามากมายกับเรื่องเล็กน้อย
ม่านแสงคลี่กางออกตรงหน้า ข้อมูลมากมายที่เกี่ยวข้องกับวิธีการตกแต่งปรากฏแสดงผล
ลั่วฉวนไม่เลือกยุ่งยากอะไรมาก อีกทั้งยังแบบแปลนสำเร็จรูปยังดูค่อนข้างดี เพราะอย่างนั้นเขาจึงสุ่มเลือกขึ้นมาอันหนึ่ง
เมื่อปิดม่านแสงแล้วเขาค่อยนอนลงกับเตียง ห่มผ้าห่ม จากนั้นจึงหลับไป
เหยาซือหยานแม้อยู่ชั้นล่างก็ไม่ได้ตระหนักถึงความเปลี่ยนแปลงแม้แต่น้อย หลังดื่มชานมจนหมด นางค่อยเดินไปปิดประตูร้านและขึ้นชั้นบนเพื่อไปนอน
ฟากฟ้ามืดมิด ทุกสิ่งเงียบสงัด แสงจากในห้องต่าง ๆ ของเมืองเริ่มดับลงแห่งแล้วแห่งเล่า ผู้คนของนครจิ่วเหยาเริ่มเข้าสู่ห้วงนิทรา
…..
ภายใต้แสงส่องสว่างจากไฟส่องทาง กลุ่มคนหนุ่มสาวกำลังเดินผ่านถนน เงาดำที่เกิดจากแสงส่องมาขยับเคลื่อนไหว เสียงพูดคุยพลางหัวเราะดังปรากฏท่ามกลางสายลมเย็นโชย
พบเห็นถึงความเปลี่ยนแปลงของสิ่งปลูกสร้างแห่งหนึ่ง พวกเขาอดไม่ได้ที่จะหยุด
ระบบได้ทำการปรับแต่งร้านใหม่เสร็จสิ้นแล้ว ประตูเดิมมีแต่ร่องรอยแห่งกาลเวลาได้ถูกแทนที่ หน้าต่างที่เคยขมุกขมัวกลับกลายเป็นกระจ่างใสต้องตา
“จำได้ว่านี่เคยเป็นบ้านร้างไม่ใช่หรือ?”
“จำได้ว่าเคยเป็นร้านหนังสือหรืออะไรสักอย่าง ตอนนี้เหมือนจะโดนปรับแต่งใหม่”
“ที่นี่คนผ่านมาน้อยจะตาย คิดเปิดร้านในที่แบบนี้เนี่ยนะ? รอวันปิดชัด ๆ”
“ใครจะทราบกัน? ความคิดของผู้ร่ำรวยพวกเรายากเข้าใจจะตาย ปล่อยพวกเขาทำไปเถอะ”
“บรรยากาศในเมืองช่วงนี้ก็ค่อนข้างตึงเครียด อัศวินเดินเพ่นพ่านไปทั่ว หรือจะมีผู้ยิ่งใหญ่มาเยือน?”
“ได้ยินมาว่าหายนะที่แดนโกลาหลเกิดความหดตัวไปไปมาก หรืออาจหมายถึงวิกฤตที่กำลังใกล้จบสิ้นกัน?”
“วิกฤตที่จบสิ้น? เร็วเกินไปที่จะกล่าว แล้วพวกเราก็ทำอะไรไม่ได้ด้วย…”
กลุ่มคนหนุ่มสาวที่หยุดพูดคุยกันกำลังกล่าวถึงเรื่องราวของอาคารแห่งนี้ แต่ไม่ช้าพวกเขาก็เดินผ่านเลยไป
พวกเขาก็แค่คนสัญจรที่บังเอิญผ่านมาทางนี้ หัวข้อสนทนาก็แปรเปลี่ยนไปเรื่อย
…..
วันถัดมาช่วงเช้าตรู่
ลั่วฉวนลืมตาตื่นขึ้นเหมือนดังปกติ ท้องฟ้าภายนอกหน้าต่างยังคงขมุกขมัว
เมื่อเปิดหน้าต่าง สายลมเย็นและอากาศเปียกชื้นจึงไหลเวียนเข้ามา
หลังล้างหน้าเรียบร้อย เขาค่อยลงมายังชั้นล่าง
วันนี้เขาไม่คิดรีบไปเปิดประตูร้านหรือรดน้ำต้นไม้โลก แต่เลือกที่จะเดินผ่านประตูโลหะเข้าไปยังพื้นที่ส่วนต่อขยาย
รับรู้ถึงลั่วฉวนเดินเข้ามาใกล้ ประตูเปิดด้วยตัวเองมันเองไปยังสองฟากข้าง
แสงสีครามเย็นเยือกในห้วงความมืดระยิบระยับ มันเปรียบดังห้วงดาราจักร
ลั่วฉวนรู้สึกประหนึ่งได้มารับชมหมู่ดาว
เมื่อแสงสว่างปรากฏ ภาพอันตระการตาเลือนหาย ความสว่างของดอกครามเยือกแข็ง มันจะได้เห็นก็ต่อเมื่ออยู่ในสภาพห้องที่มืด
ลั่วฉวนเดินเข้าไปผ่านประตูเหล็กที่เปิดอ้าต้อนรับเข้าสู่พื้นที่ส่วนต่อขยายของร้าน
ดอกครามเยือกแข็งหยั่งรากบนกำแพงโลหะสีขาว รากโลหะของมันผสานรวมเข้ากับกำแพงจนแทบไม่อาจแยกจากกันได้
พื้นที่ส่วนนี้มีดอกครามเยือกแข็งค่อนข้างมาก ทว่าก็ไม่ใช่ให้ความรู้สึกอึดอัดหรือเยอะเกินไปแต่อย่างใด แต่เป็นตรงกันข้ามที่เกิดเป็นบรรยากาศอันน่าทึ่ง
อย่างน้อยลั่วฉวนก็ค่อนข้างพอใจ
ด้วยเก็บความคิดที่อยากจะลองเด็ดมันออกมา เขาเลือกที่จะเดินสำรวจ
“ระบบ ตำแหน่งการจัดวางของดอกครามเยือกแข็งเหล่านี้มีอะไรพิเศษหรือไม่?” ลั่วฉวนถามไปเรื่อย
สิ่งใดที่เกี่ยวข้องกับร้านต้นตำรับล้วนไม่ธรรมดา บางทีตำแหน่งจัดวางดอกครามเยือกแข็งอาจเป็นอะไรที่มีความลึกซึ้งระดับฟ้าดิน
“เป็นการอ้างอิงสถาปัตยกรรมการออกแบบภายในของระดับโลกปัจจุบัน” ระบบตอบกลับมา
แม้ไม่เข้าใจว่าหมายถึงอะไร แต่อย่างน้อยก็ฟังดูแล้วไม่แย่
หลังเดินเล่นรับชมอยู่อีกหลายนาที สุดท้ายก็ไม่มีอะไรเกินเลยจากที่ลั่วฉวนคาดคิด เพราะมันไม่มีอะไรที่ให้ความรู้สึกว่าพิเศษมากมายแต่อย่างใด
บางทีหากเป็นลูกค้าขอบเขตราชัน พวกเขาเหล่านั้นอาจตระหนักรู้ถึงอะไรบ้างก็เป็นได้
แต่ได้ยินมาว่าเหวินเทียนจีเข้าสภาวะเก็บตัวศึกษาลวดลายบนประตูโลหะของโบราณสถานไปเรียบร้อยแล้ว อีกฝ่ายคงอีกนานกว่าจะกลับคืนสู่โลกภายนอก จึงกลายเป็นว่าตอนนี้คงไม่อาจได้ทราบ ว่าหากเหวินเทียนจีได้เห็นดอกครามเยือกแข็งที่ประดับภายในร้านเหล่านี้แล้วจะมีอาการตอบสนองเช่นไรบ้าง