God-level Store Manager เถ้าแก่ขั้นเทพ! - ตอนที่ 1080
ตอนที่ 1080
หลังเดินออกจากพื้นที่ส่วนต่อขยาย ลั่วฉวนค่อยเดินไปเปิดประตู
ร้าน
หลังครุ่นคิด เขาเลือกที่จะเดินออกไป
เสียงของน้ำฝนที่หยดลงมาดังกว่าครั้งอยู่ในร้าน และอุณหภูมิก็
ลดลงไปไม่ใช่น้อย
หากเทียบกับหลายวันก่อน วันนี้มันเย็นยิ่งกว่า
ยืนอยู่ครู่หนึ่ง ลั่วฉวนจึงเดินกลับเข้าร้าน อากาศอันอบอุ่นเหมือน
เช่นเคยเข้าปะทะกับร่างไล่เอาความหนาวเย็นที่เกาะกุมเลือนหาย
และความชื้นที่ติดตัวมาก็ลดเลือนไปเช่นกัน
เพราะรู้สึกว่าฝนภายนอกเสียงค่อนข้างดัง ลั่วฉวนจึงเปิดระบบ
ป้องกันเสียงรบกวนมาตั้งแต่แรก
หลังทำการรดน้ำให้ต้นไม้โลก เขาค่อยเล่นโทรศัพท์วิเศษเพื่อรอให้
เวลาผ่านไป
ลั่วฉวนเดินขึ้นไปยังชั้นสอง จากนั้นค่อยถือสำรับอาหารเช้าลงมา
พร้อมกับเหยาซือหยาน
“พื้นที่ส่วนต่อขยายของร้านปรับเปลี่ยนเรียบร้อยแล้ว” ลั่วฉวนกล่าว
บอก
“จริงหรือนี่? ข้าต้องไปรับชมหน่อยแล้ว” เหยาซือหยานสงสัยว่า
ร้านจะเปลี่ยนแปลงไปในทางใดบ้าง
ด้วยเหตุนี้นางจึงลุกขึ้นเดินไปยังพื้นที่ส่วนต่อขยาย
อาหารเช้าวันนี้เป็นขนมที่คล้ายเค้กอบตกแต่งด้วยผลไม้อบแห้ง
หลากหลายชนิด
ลั่วฉวนกัดเข้าไปและลิ้มลองรสชาติ กลิ่นของนมและผลไม้หลาก
หลายชนิดแผ่พุ่งเข้ามา
เสียงอุทานของเหยาซือหยานดังขึ้น ไม่ช้านางค่อยเดินกลับมาพร้อม
สีหน้าประหลาดใจ
“เป็นยังไงบ้าง?” ลั่วฉวนเอ่ยถาม
“งดงามมาก” เหยาซือหยานรับคำด้วยความประทับใจ
หลังทานมื้อเช้าเรียบร้อย ลั่วฉวนค่อยรู้สึกว่าเหมือนลืมอะไรไป
บางอย่าง
หลังครุ่นคิด ภาพความทรงจำเมื่อคืนย้อนกลับมา
โซฟา โซฟาในร้านกาแฟ เขาลืมเพิ่มโซฟาเข้ามาในร้าน
แต่หากเพิ่มเข้ามาตอนนี้อาจจะดูยุ่งยาก เอาไว้ภายหลังก็แล้วกัน
หลังทานมื้อเช้าเรียบร้อย เวลาเปิดทำการของร้านต้นตำรับก็เริ่มต้น
ขึ้น
ปู้หลี่เกื๋อยังคงเป็นลูกค้าคนแรกที่มาเยือนร้าน ปู้ฉืออีวันนี้ไม่มีชั้น
เรียนต้องเข้า ดังนั้นสองพี่น้องจึงซื้ออาหารจากร้านของหยวนก่วย
ก่อนจะเดินมุ่งตรงมา
“พี่ซือหยานดูอารมณ์ดีจัง” ปู้ฉืออีพบเห็นใบหน้ายิ้มแย้มของเหยาซือ
หยาน ขณะที่ทางด้านปู้หลี่เกื๋อเดินไปทางชั้นวางสินค้าแล้ว
“หือ งั้นหรือ?” เหยาซือหยานแตะแก้มตนเอง “บางทีอาจเพราะการ
ประดับตกแต่งร้านใหม่”
“ตกแต่งใหม่?” ได้ยินบทสนทนาระหว่างคนทั้งสอง ปู้หลี่เกื๋อกลาย
เป็นเกิดความสนใจขึ้นมา สายตาเขาหันมองทางลั่วฉวนที่นั่งนิ่งอยู่
ใกล้เคียงเหยาซือหยาน แต่ไม่ช้าเขาก็ต้องสงบใจลงก่อนจะถอน
หายใจ “จากนิสัยเถ้าแก่ สินค้าใหม่คงไม่มีทางเปิดขายในระยะเวลา
อันสั้นเพียงนี้แน่”
ด้วยเป็นลูกค้ามากประสบการณ์ที่สุดของร้านต้นตำรับ ปู้หลี่เกื๋อ
ทราบทิศทางของร้านและนิสัยของลั่วฉวนเป็นอย่างดี
การเปิดตัวสินค้าใหม่ถึงสองอย่างในเวลากระชั้นชิด มันเคยเกิดขึ้น
ครั้งเดียวก็ตอนเขาเพิ่งมาเจอร้านต้นตำรับเข้า
เหยาซือหยานยิ้มตอบก่อนจะชี้ไปทางประตูโลหะที่อยู่ไม่ไกล
“พื้นที่ส่วนต่อขยายได้เถ้าแก่ตกแต่งใหม่ ตอนนี้สวยงามขึ้นมาก”
“เป็นเช่นนี้” ปู้หลี่เกื๋อสูญเสียความสนใจหายไปโดยพลัน ถัดจากนั้น
จึงคว้าเอาบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปจากชั้นวางเดินไปทางเครื่องทำน้ำร้อน
มื้อเช้าของร้านหยวนก่วยค่อนข้างน้อยเกินไป เขาต้องทานบะหมี่กึ่ง
สำเร็จด้วยถึงจะอิ่มได้ อีกทั้งมันยังช่วยเร่งความเร็วการฝึกฝนในขณะ
ใช้งานเครื่องเล่นเกมเสมือนจริงได้อีกด้วย
ปู้ฉืออีเกิดสนใจขึ้นมา “ตกแต่งใหม่?”
“เป็นดอกครามเยือกแข็งจากโบราณสถาน” เหยาซือหยานกล่าวบอก
ด้วยเหตุนี้ปู้ฉืออีจึงเดินเข้าไปยังพื้นที่ส่วนต่อขยายด้วยความสงสัย
หลังได้ยินเสียงอุทานของนาง ปู้หลี่เกื๋อที่เพิ่งเติมน้ำร้อนเสร็จจึงต้อง
เดินเข้าไปรับชมด้วยความสงสัย
ลั่วฉวนคิดถึงตอนที่ลูกค้าทุกคนมาเยือนร้านและได้ทราบถึงข่าว
คราวนี้ มันทำเขาอารมณ์ดีไม่ใช่น้อย
และความจริงก็คงไม่ต่างจากที่เขาคิดสักเท่าไหร่
“เถ้าแก่ พื้นที่ส่วนต่อขยายสวยขึ้นกว่าเดิมมาก” เอเลน่าทานไอศกรีม
ขณะเดินกลับออกจากพื้นที่ส่วนต่อขยาย
“แน่นอน” ลั่วฉวนรับคำ
ที่โต๊ะกลางตอนนี้มีเพียงเขา เหยาซือหยานออกไปกับชิงหยวนเมื่อ
ครู่ ทั้งสองคิดไปใช้เครื่องเล่นเกมเสมือนจริงด้วยกันเพื่อเล่นเกม
เดิมเหยาซือหยานไม่คิดไป แต่ลั่วฉวนมองว่าในเมื่อไม่ได้พบกัน
นาน เล่นเกมด้วยกันน่าจะช่วยกระชับความสัมพันธ์ได้ดี
เอเลน่าตระหนักพบเห็นว่าลั่วฉวนกำลังยุ่งกับการพิมพ์ นางที่ไม่คิด
รบกวนต่อจึงกลับไปยังนครไซเรนผ่านทางประตูแสง
มื้อเช้าของร้านหยวนก่วยวันนี้ขายหมดสิ้นเรียบร้อย ทว่าหน้าร้าน
ยังคงมีแถวยาวต่อรอคอย
ส่วนใหญ่ที่มาซื้อมื้อเช้าที่นี่ก็เป็นลูกค้าของร้านต้นตำรับ พวกเขา
ส่วนใหญ่มีการฝึกฝนที่ดี ดังนั้นจึงใช้งานม่านพลังวิญญาณไล่น้ำฝน
กันได้แทบทุกคน
“มื้อเช้าหมดแล้ว รบกวนมาใหม่ในวันพรุ่งนี้” เสียงของหยวนก่วย
ดังขึ้น
แต่ละคนต่างถอนหายใจก่อนจะแยกย้าย เหมือนว่าพวกเขาจะชินกับ
เหตุการณ์นี้กันแล้ว
ทุกเช้าร้านน้อยหยวนก่วยจะทำอาหารเช้าในจำนวนจำกัด ด้วยกฎที่
ค่อนข้างคล้ายร้านต้นตำรับ ทุกวันจึงต้องมีหลายคนกลับบ้านมือเปล่า
“คิดอยู่แล้วเชียวว่าวันนี้ไม่น่าได้”
“น่าเสียดาย รู้งี้มาให้เร็วก็ดี”
“ไปที่ร้านต้นตำรับดีกว่า ได้ยินว่ามีอะไรใหม่ให้รับชมด้วยนี่”
“อะไรใหม่ที่ว่าคืออะไร? สินค้าใหม่หรือ? ทำไมไม่คล้ายเห็นข้อความ
ในแชทกล่าวถึง…”
หยวนก่วยกำลังเก็บร้าน
เรื่องราวสำคัญที่จะไม่กล่าวถึงไม่ได้ คือปากของเขาได้กลับคืน
สภาพปกติแล้ว แสงสาดส่องเจิดจ้าสว่างแทงตาไม่มีอีกต่อไป
นอกจากนี้แล้วเรื่องนี้ยังทราบกันในวงเหล่ายอดฝีมือ ลูกค้าทั่วไป
ของร้านต้นตำรับแทบไม่ทราบ ดังนั้นจึงไม่ได้เกิดเป็นเหตุการณ์
ใหญ่โตทราบเป็นวงกว้าง
หลังเก็บของเรียบร้อย เขาค่อยเดินออกจากร้านตนเองเดินเข้าตรอกไป
หยวนก่วยได้ทราบแล้ว ว่าพื้นที่ส่วนต่อขยายของร้านต้นตำรับเกิด
ความเปลี่ยนแปลง เขาจึงคิดอยากไปสอบถามลั่วฉวนว่าเพาะพันธุ์
ดอกครามเยือกแข็งขึ้นมาได้ยังไง
แม้ว่าดอกครามเยือกแข็งเหล่านี้ยังมีอีกมากที่โบราณสถาน แต่การ
จะให้ไปเก็บเอาทุกครั้งไม่อาจเป็นไปได้ และนั่นไม่ใช่ทางแก้ไข
ปัญหาในระยะยาว ไม่มีผู้ใดทราบว่าโบราณสถานจะคงอยู่ได้อีก
นานเพียงใด
ทางด้านหุบเขาโอสถ เหยาฮุยเฉินและคณะต่างก็ต้องประหลาดใจ
เหมือนดังเช่นหยวนก่วย
เหยาฮุยเฉินที่ขลุกตัวอยู่ในแปลงเพาะปลูกแทบทั้งวันตอนนี้นำเอา
โทรศัพท์วิเศษออกมา เขาคิดอยากได้ทราบความเคลื่อนไหวที่
ภายนอก ดังนั้นก่อนอื่นคือการเข้าแอพกระดานสนทนาและแอพ
แชท
เขามองคณะผู้อาวุโสที่ยังคงศึกษาดอกครามเยือกแข็ง จากนั้นค่อย
มองภาพในร้านต้นตำรับที่เปรียบดังภาพฝัน ยามนี้จึงอดไม่ได้ที่จะ
ถอนหายใจต่อความแตกต่างอันมหาศาล
เพียงแค่หนึ่งวัน ที่ร้านต้นตำรับก็ปรากฏดอกครามเยือกแข็งมากมาย
ขณะที่พวกเขาซึ่งศึกษาอยู่ทั้งวัน ตอนนี้ต้องหยุดคิดเพื่อหารือกันว่า
ทำยังไงถึงจะเพาะปลูกให้มันอยู่ในสภาพที่เจริญเติบโตได้ดีที่สุด
เหยาฮุยเฉินเกิดรู้สึก ว่าราวกับลั่วฉวนเป็นหนามแทงใจ
“ทุกคน ข้าคิดว่าพวกเราควรหยุดพักกันก่อน” เหยาฮุยเฉินเก็บ
โทรศัพท์วิเศษก่อนจะกระแอมไอ
“ยังเหลือเวลาอีกมากกว่าจะบ่นว่าเหนื่อยได้” หนึ่งในผู้อาวุโสกล่าว
คำขึ้น
สำหรับนักปรุงยา พวกเขามักกระทำมากกว่าพูด และทันใดนี้เองที่
สีหน้าเหยาฮุยเฉินเกิดชะงักแข็งค้าง
“งั้นก็มารับชมด้วยตัวพวกเจ้าเอง” เขานำเอาโทรศัพท์วิเศษออกมา
เผยภาพถ่ายจากร้านต้นตำรับให้ได้เห็น
คณะผู้อาวุโสชะงักงัน หลังเงียบไปครู่หนึ่ง พวกเขาตอนนี้ตัดสินใจ
ไปเยือนร้านต้นตำรับเพื่อขอคำแนะนำจากลั่วฉวนกันแล้ว