God-level Store Manager เถ้าแก่ขั้นเทพ! - ตอนที่ 1100
ตอนที่ 1100
ลั่วฉวนและเหยาซือหยานนั่งผ่อนคลายพลางดื่มกาแฟ คิเมร่ากำลังปรับตัวเข้ากับสภาพแวดล้อมอันไม่คุ้นเคย มันเดินออกสำรวจไปทั่ว
เพราะได้กลิ่นหอมของกาแฟ มันกระโดดจากพื้นขึ้นบนโต๊ะพร้อมร้องเหมียวหันไปทางเหยาซือหยาน
ลั่วฉวนกำลังสำรวจมอง คิเมร่าก็เหมือนแมวตัวหนึ่ง แต่เป็นแมวที่มีเกล็ดซ่อนอยู่ใต้ขนตามขาทั้งสี่ข้างของมัน
เหยาซือหยานเกิดสนใจ นางลุกขึ้นและคว้าจานเล็กจากเคาน์เตอร์ขึ้นมา เมื่อครู่ยังมีกาแฟเหลืออยู่เล็กน้อย นางจับแก้วตวงแล้วเทลงที่จาน
คิเมร่าเกิดสงสัยพลางดมกาแฟที่มีอยู่ในจานเล็กน้อย เหมือนมันกำลังชั่งใจว่าสิ่งนี้กินได้หรือไม่ แต่สุดท้ายก็คล้ายจะไม่อาจทนต่อความสงสัย
ไพ่พิชิตแลนด์ลอร์ดเล่นไปพลางสลับชนะและพ่ายแพ้ ลั่วฉวนมองไปยังแสงไฟที่ส่องผ่านผ้าม่านเข้ามา จากนั้นจึงมองทางคิเมร่าที่กำลังกินกาแฟจากจานน้อย
แม้ไม่ทราบว่าสิ่งมีชีวิตนี้คืออะไร แต่มันไปปรากฏตัวที่ชายหาดซึ่งทั้งสองกำลังเดินเล่น แต่ในเมื่อตอนนี้เป็นสัตว์เลี้ยงของเหยาซือหยานแล้ว อื่นใดก็คงไม่ต้องคิดอีก
ลั่วฉวนหาววอดใหญ่ เขาเริ่มง่วงแล้ว
สถานที่หนึ่งเดียวในร้านกาแฟให้ใช้พักได้คือโซฟา หากหลับที่นี่ก็ไม่ใช่หลับที่โลกจริง เพราะอย่างไรเขาก็ยังนั่งอยู่ที่เครื่องเล่นเกมเสมือนจริง
เหยาซือหยานพบเห็นท่าทีของลั่วฉวน “เถ้าแก่?”
“ง่วงนิดหน่อย” ลั่วฉวนหาวตอบ “คงต้องกลับไปนอนแล้ว”
“ข้าเองก็เช่นกัน” หาวเป็นคล้ายอาการติดต่อ เหยาซือหยานหาวตามอย่างไม่อาจหลีกเลี่ยง
คิเมร่าตอนนี้กำลังดื่มด่ำกับรสชาติอันแปลกใหม่ของกาแฟ ถึงขนาดที่ว่าไม่ตอบสนองแม้รอบด้านเกิดอะไรขึ้น
“แล้วคิเมร่าตัวนี้…” เหยาซือหยานลูบขนปุกปุยที่หัวของมัน
“ปล่อยไว้ที่ร้านได้ ไม่มีอะไรเกิดขึ้นที่นี่แน่นอน” ลั่วฉวนคิดไว้แต่แรกแล้ว
เพราะระบบเป็นคนจัดหาและดูแลร้านแห่งนี้ ดังนั้นแม้ภายนอกเกิดอะไรขึ้นก็ไม่อาจส่งผลกระทบกับที่นี่ มันก็คล้ายดังจุดปลอดภัยภายในเกมที่ตัวละครในพื้นที่จะไม่ได้รับผลกระทบจากภายนอก
โดยไร้ซึ่งความผันแปรทางพลังงานปรากฏ ลั่วฉวนและเหยาซือหยานหายตัวไป คิเมร่าหันมอง ราวกับกำลังค้นหาร่องรอยคนทั้งสอง
ความสงสัยราวกับมีสติปัญญาปรากฏในดวงตาของมัน และมันไม่อาจเข้าใจว่าเหตุใดไม่อาจสัมผัสถึงร่องรอยคนทั้งสองได้อย่างกะทันหัน ตอนนี้เสียงร้องดังปรากฏจากปากทว่าไร้ซึ่งเสียงอื่นตอบสนอง
มันกระโดดขึ้นบนโต๊ะพร้อมหันมองรอบ พบว่ามีเพียงแต่ตัวมันเหลือในร้านอันกว้างใหญ่ จากนั้นสายตาคิเมร่าได้ตระหนักเห็นถึงผลึกสีแดงบนชั้นวาง
ด้วยเพราะเหตุผลใดไม่ทราบ ราวกับมันเกิดความปรารถนาขึ้นจากห้วงลึกในใจ ราวกับกำลังมีเสียงเรียกหา ร่างของมันขยับเข้าไปใกล้และ… กินก้อนผลึกเข้าไป!
ความปราดเปรียวของคิเมร่ายอดเยี่ยม มันกระโดดขึ้นบนเคาน์เตอร์และกระโดดต่อไปยังชั้นวางเพื่อจับจ้องก้อนผลึกสีแดง
ตอนนี้เองที่มันได้เห็นผลึกซึ่งผนึกหมอกสีดำเอาไว้ภายในที่ตั้งอยู่เคียงข้างผลึกสีแดง ร่างนั้นพลันตื่นตัวเผยเสียงขู่ดังจากปากพร้อมถอยห่างออกไป…
ลั่วฉวนลุกขึ้นจากเครื่องเล่นเกมเสมือนจริงพลางขยับคอ ความรู้สึกเหมือนผ่านไปยาวนาน ทว่าแท้จริงเพิ่งผ่านไปแค่ไม่กี่ชั่วโมง
“ก็เหมือนเวลาเดิมที่เล่นทุกทีสินะ” เหยาซือหยานหันมองมาพลางยิ้มแย้มพูดคุย
ลั่วฉวนพยักหน้ารับ หางตาของเขามองไปทางต้นไม้โลกและก้อนดำน้อย
ในช่วงระหว่างกลางวัน ตามปกติจะมีเพียงเหยาซือหยานที่เข้าไปหยอกล้อเล่นด้วย นอกเหนือจากนั้นก้อนดำน้อยมักจะนอนอยู่บนกิ่งของต้นไม้โลกทั้งวัน
ตามที่ลั่วฉวนคาดเดา มันน่าจะอยู่ในสภาวะพักฟื้นเหมือนดังต้นไม้โลก
ทว่าต้นไม้โลกแข็งแกร่งทรงอำนาจขนาดที่ว่าเพียงใบไม้ใบเดียวก็ส่งผลกระทบรุนแรงต่อผู้ฝึกตนขอบเขตราชันได้ แต่ที่จนถึงตอนนี้ไม่อาจพูดคุยสื่อสารโดยตรง มันน่าจะมีสาเหตุอื่น
ลั่วฉวนจำได้ชัดเจน ว่าครั้งพบเจอต้นไม้โลกที่โดนขุมนรกเข้าเล่นงานในโบราณสถาน ถ้อยคำเหล่านั้นยังตกค้างอยู่ในใจเขา
คิดถึงตรงนี้ ลั่วฉวนตัดสินใจสอบถามระบบว่าเกิดอะไรขึ้น เพราะหากยังเป็นแบบนี้ต่อไป เช่นนั้นต้นไม้โลกจะได้กลายเป็นไม้กระถางของจริง
“เสียงที่เถ้าแก่ได้ยินในจิตใจยามนั้นคือผลจากการที่ระบบวิเคราะห์และปรับเปลี่ยนความเข้ากันได้ให้ตรงกับความนึกคิดของต้นไม้โลก” คำตอบอันเรียบเฉยของระบบตอบกลับมา
“ความนึกคิด? ปรับให้เข้ากัน?” ลั่วฉวนขมวดคิ้ว “หรือก็คือการคาดเดาถ้อยคำเหล่านั้นจนมันปรากฏในจิตรับรู้?”
“ถูกต้อง” ระบบไม่คิดปฏิเสธ “เพราะรูปแบบชีวิตของต้นไม้โลกไม่มีความสามารถในการพูดคุย ดังนั้นวิธีการสื่อสารจึงแตกต่างไปจากสิ่งมีชีวิตทรงภูมิปัญญา”
กลายเป็นว่าแต่เดิมอีกฝ่ายก็พูดคุยไม่ได้ ลั่วฉวนถึงกับหลงทางคิดไปเองยาวนาน ช่างมัน หากไม่พูด เช่นนั้นก็ไม่พูด เป็นไม้กระถางที่เงียบงันต่อไปก็ไม่แย่
เขาไม่นึกแปลกใจยามระบบกล่าวถึงรูปแบบชีวิตของต้นไม้ ชาวไซเรนที่อาศัยอยู่นครไซเรนยังสามารถฟื้นคืนชีพใหม่ โลกทัศน์ของเขาเปิดกว้างพร้อมเข้าใจได้
เมื่อเดินไปถึงประตูร้าน เขามองออกไปไกลห่าง สายฝนยังคงร่วงหล่นให้ได้เห็น แสงจากไฟส่องทางยังสลัวเหมือนเช่นเคย
อุณหภูมิในเวลาค่ำคืนค่อนข้างลดต่ำลงกว่าช่วงกลางวัน สายลมเย็นผสานกับเม็ดฝนที่ร่วงหล่นสร้างความเปียกชื้นกระจายทั่ว จิตใจที่ครุ่นคิดจนวิงเวียนของเขาค่อยได้รับการฟื้นฟู
หลังสำรวจมองอยู่สองครั้ง เขาหันกลับเดินเข้าร้าน ทางด้านเหยาซือหยานกำลังนั่งที่เครื่องเล่นเกมเสมือนจริงพลางจับแก้วชานมดื่มด้วยสองมือ
“ขอตัวไปนอนก่อน” ลั่วฉวนกล่าวบอก
“ทราบแล้ว” เหยาซือหยานพยักหน้ารับก่อนจะนำเอาโทรศัพท์วิเศษออกมา คล้ายว่าอีกไม่ช้านางคงตามขึ้นชั้นสองไปนอนพักเช่นเดียวกัน
หลังอาบน้ำชำระกายเรียบร้อย กลับถึงห้อง เขาก็นอนลงบนเตียงและหลับไป
เช้าวันใหม่
ลั่วฉวนและเหยาซือหยานนั่งทานมื้อเช้าพลางพูดคุยถึงเรื่องราวเมื่อวานที่เซ็นน่า
หลังมื้อเช้าจึงเป็นเวลาทำการของร้านต้นตำรับ
“เหมือนว่าวันนี้ข้าจะมาถึงคนแรกสินะ” ปู้หลี่เกื๋อเดินเข้าร้านมาพูดคุยกับตนเองเพื่อยืนยันว่าไม่มีคนอื่นในร้าน “อรุณสวัสดิ์เถ้าแก่ วันนี้มีสินค้าใหม่อะไรหรือไม่?”
“ไม่มี” ลั่วฉวนตอบรับเหมือนเช่นเคย
“ข้าก็แค่ลองถามไปเรื่อย” ปู้หลี่เกื๋อยิ้มตอบ เพราะตลอดช่วงหลายเดือนที่ผ่านมาก็เป็นเช่นนี้
วันนี้เขามาเพียงลำพัง ศิษย์สถาบันวิญญาณเมฆาเช่นปู้ฉืออีวันนี้มีชั้นเรียนต้องเข้า
“แล้วเรียนรู้กับหยวนก่วยไปถึงไหนแล้ว?” เหยาซือหยานเอ่ยถาม
“กำลังไปได้ดี” กล่าวถึงเรื่องนี้ ปู้หลี่เกื๋อเผยยิ้มตอบรับ “ทุกคืนข้าจะไปศึกษากับท่านอาจารย์ ความคืบหน้าค่อนข้างเป็นไปอย่างรวดเร็ว”
การใช้เครื่องเล่นเกมเสมือนจริงที่ร้านต้นตำรับเทียบเท่ากับการฝึกฝนจริง ปู้หลี่เกื๋อมาที่ร้านทุกวัน เมื่อกลับไปแล้วยังมีการฝึกพิเศษเพิ่มเติมอีกด้วย
หลังพูดคุยกันเล็กน้อย ปู้หลี่เกื๋อเดินไปยังชั้นวาง หยิบถ้วยบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป จากนั้นจึงไปกดน้ำร้อน เดินไปยังเครื่องเล่นเกมเสมือนจริงและวางถ้วยบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป ระหว่างรอเขาคว้าเอาโทรศัพท์วิเศษมาหาอะไรอ่านฆ่าเวลา
ตอนนี้ลูกค้าหลายคนมีงานอดิแรกแตกต่างกันไป การใช้แอพนักอ่านและกระดานสนทนาถือเป็นการหาอะไรทำฆ่าเวลาได้ค่อนข้างดี
หลังปู้หลี่เกื๋อมาถึงไม่นาน ลูกค้าคนอื่นเริ่มทยอยตามกันมา เช้าอันเงียบสงบของร้านกลับกลายเป็นคึกคัก วันใหม่ได้เริ่มขึ้นแล้ว