God-level Store Manager เถ้าแก่ขั้นเทพ! - ตอนที่ 1106
ตอนที่ 1106
“ไว้เดี๋ยวไปดู” หลังจบบทสนทนากับระบบ ลั่วฉวนก็ดื่มโคล่าที่เหลือเข้าไป
เหยาซือหยานที่ได้ยินคำของลั่วฉวน นางเกิดประหลาดใจเล็กน้อย หาได้ยากที่เถ้าแก่จะออกไปด้วยตนเองกับเรื่องเช่นนี้
เหวินเทียนจีถอนหายใจโล่งอก สีหน้าที่เคร่งเครียดค่อยเลือนหาย “ในเมื่อเถ้าแก่จะออกไปด้วยตนเอง เช่นนั้นคงไม่เกิดปัญหาอะไรขึ้นแล้ว”
มันมีมนต์ขลังในหมู่ลูกค้าของร้านต้นตำรับ กล่าวว่าตราบเท่าที่ลั่วฉวนเข้าไปเกี่ยวข้อง ผลลัพธ์สุดท้ายจะราบรื่นไร้ปัญหาติดขัด
ลั่วฉวนที่ตอบรับคำเรียบร้อย เหวินเทียนจีกลับไปยังมิติส่วนต่อขยาย เรื่องที่เพิ่งเกิดขึ้นเขาวางใจได้เต็มที่แล้ว
“เถ้าแก่ ไม่เป็นไรจริงหรือ?” เหยาซือหยานเกิดกังวล ความหวาดกลัวที่ว่าแม้ขอบเขตราชันยังไม่อาจต่อต้าน มันตกค้างในใจนางจนเกิดเป็นความรู้สึกแปลกประหลาด
“ปัญหาเล็กน้อยแก้ไม่ยาก” ลั่วฉวนเผยท่าที่ผ่อนคลายตอบรับ “โดยหลักแล้วก็เพราะเรื่องนี้จะทำให้อุปกรณ์เล่นเกมเสมือนจริงมีอะไรใหม่เพิ่มเข้ามาได้”
“ของใหม่ในเครื่องเล่นเกมเสมือนจริง?” เหยาซือหยานเกิดสงสัย นางไม่อาจเข้าใจว่าเหตุใดสองเรื่องนี้มาบรรจบเข้าหากันได้ แต่ลั่วฉวนกล่าวแล้ว เช่นนั้นนางก็ไม่ควรต้องกังวลใจไป
“ไม่ใช่เหวินเทียนจีกล่าวหรอกหรือ ว่าแม่น้ำนั้นจะตรวจจับและแสดงความหวาดกลัวของสิ่งมีชีวิตออกมา” ลั่วฉวนดื่มโคล่าไปอีกหนึ่งอึกพลางกล่าว “ยิ่งไปกว่านั้น การแสดงให้เห็นนั่นเรียกได้ว่าเกินควบคุมแล้ว”
“และหากมันปรากฏขึ้นที่ทวีปเทียนหลัน นั่นไม่ต่างอะไรกับหายนะ” กล่าวถึงตรงนี้ เหยาซือหยานอดไม่ได้ที่จะต้องยกชานมขึ้นดื่ม “ตอนนี้ข้าเกิดสงสัยแล้ว ว่าอารยธรรมของโบราณสถานนั่นจะพินาศไปเพราะเจ้านี่เป็นต้นเหตุ”
เหยาซือหยานคาดเดาได้ปราดเปรื่อง ส่วนยอดของห่วงโซ่อาหารแห่งโลกผู้ฝึกตน ขอบเขตราชันยังต้องยอมสยบหากเผชิญหน้า นั่นเรียกได้ว่าเป็นอะไรที่บิดเบี้ยวและไร้เทียมทาน
“ก็อาจจะ” ลั่วฉวนเห็นพ้องกับความเห็นของนาง แต่นั่นไม่ใช่ประเด็นสำคัญ “หากเรื่องการที่ดึงความกลัวออกมาไม่อาจควบคุมจนแปรสภาพเป็นสิ่งที่หวาดกลัวเสียเอง อย่างนั้นจะเป็นยังไง?”
“เรื่องนี้…” เหยาซือหยานวางแก้วพร้อมขมวดคิ้วมุ่น
ด้วยความที่เป็นสิ่งมีชีวิตทรงภูมิปัญญาและสืบทอดชีวิตอันยาวนาน ภายในใจย่อมต้องมีสิ่งที่หวาดกลัวอยู่แล้ว ไม่ว่าจะเป็นวัตถุ ความรู้สึก สภาพอากาศ หรือตัวตนอื่น ทั้งหมดล้วนเป็นไปได้
กล่าวถึงเรื่องนี้ มันอาจมีผู้มากพรสวรรค์ที่อดไม่ได้จนต้องแสดงตัวตนกันออกมาและร้องป่าวประกาศ “ในโลกนี้ก็ยังมีผู้ไร้ซึ่งความหวาดเกรงคงอยู่ ผู้ที่จิตอ่อนแอขอให้หลีกลี้”
หากถามว่าผู้ฝึกตนขอบเขตทดสอบเต๋ามีความหวาดกลัวอะไร ก็คงเป็นทัณฑ์สายฟ้า ขณะที่คนทั่วไปอาจหวาดเกรงฝูงแมลง สิ่งที่ตนไม่ทราบ หรืออาจจะเป็นเทพมารแห่งตำนาน…
เหยาซือหยานกำลังนึกถึงความสามารถของแอพพลิเคชั่นใหม่ในเครื่องเล่นเกมเสมือนจริงที่ลั่วฉวนกล่าวถึง มันอาจช่วยขับไล่ความหวาดกลัวในใจให้เหล่าลูกค้าได้ ถึงตอนนั้นจะกลายเป็นสิ่งนำพาไม่ให้พ่ายแพ้ที่หอคอยแห่งการทดสอบ
“น่าสนใจไม่ใช่น้อย” เหยาซือหยานไม่ทราบควรอธิบายออกเป็นคำใด ตอนนี้เพียงพยักหน้ารับจริงจัง “เถ้าแก่ เมื่อไหร่คิดไปที่นั่นหรือ?”
ลั่วฉวนมองที่โทรศัพท์วิเศษ “อย่าเพิ่งเร่งร้อนไป รอจนกว่าเล่นไพ่พิชิตแลนด์ลอร์ดรอบนี้…”
…..
ณ โบราณสถาน เบื้องลึกในรอยแยก
ผืนน้ำสีขาวเงินสะท้อนภาพเบื้องบนประหนึ่งกระจกราบเรียบ แน่นอนว่าสิ่งนี้คือโลหะเหลวพิเศษ
ที่ใต้ดินแห่งนี้ซึ่งไม่ทราบว่าลึกจากพื้นเบื้องบนเพียงใด ความมืดที่เคยปกคลุมที่นี่นานนับปีไม่ถ้วนได้แตกสลาย ความเงียบงันก็ถูกทำลายลงเช่นกัน
หน่วยสำรวจของตำหนักจักรกลสวรรค์ได้สร้างความคึกคักวุ่นวายภายใต้พื้นที่ใต้ดินกว้างใหญ่แห่งนี้เข้า
มวลเมฆสีดำทึบขนาดใหญ่ซึ่งคล้ายกับทัณฑ์สายฟ้าลอยล่อง บ่อยครั้งจะส่งสายลมรุนแรงพร้อมสายฟ้าฟาดฟันออกมา รวมถึงเผยประกายแสงอันเย็นเยือก
โครงกระดูกทองคำลอยตัวกลางอากาศ มันเผยอัคคีภูตผีสีเขียวในเบ้าตา ฟันกรามอ้าออกและหุบลงเผยเสียงกุกกัก
หนอนที่ขุดผนังหินลึกลงไป มันเผยส่วนตัวที่ยังเหลือเส้นขยับเคลื่อนไหวภายนอกอย่างชวนขนลุก
ตัวตนมีชีวิตประหลาดที่มีแต่รยางค์ ดวงตานับไม่ถ้วนปรากฏเต็มรยางค์เหล่านั้น เพียงแค่มองก็ทำคนหวาดกลัวจนเสียสติได้…
เหล่าอสูรร้ายขยับเคลื่อนไหวไปมาอย่างคลุ้มคลั่ง
และหากเข้าใกล้มากพอ เช่นนั้นจะได้ยินเสียงบทสนทนา
“เหล่าซือ ข้าขอถาม ไฉนกลายเป็นภรรยาท่าน?” รยางค์ที่มีดวงตาเต็มแน่นของอสูรกายจับจ้องสตรีงดงามตรงหน้า ในถ้อยคำนี้เผยอารมณ์ขัน
“เรื่องนี้… ข้าจะทราบได้ยังไง!” สตรีที่ถูกเรียกหาว่าเหล่าซือเผยสีหน้าแดงก่ำ “อย่าได้กล่าวถึงข้า เจ้าต่างหากที่เป็นตัวบ้าอะไร?”
“แค่ก แค่ก ช่วงที่ผ่านมาข้าฝันร้ายอยู่บ่อยครั้ง และก็เป็นเจ้านี่” อสูรกายรยางค์มองตอบพลางขยับหนวดไปมาราวไม่อาจควบคุม
โครงกระดูกทองคำหลบเลี่ยงสายฟ้า อัคคีวิญญาณในดวงตาเผยความรุนแรง ศีรษะนั้นเงยขึ้นมองฟากฟ้าสีดำ “เจ้าทำบ้าอะไร! ไม่เห็นหรือว่าข้าอยู่ตรงนี้น่ะ?!”
“ขออภัย” เสียงทุ้มต่ำดังตอบจากมวลเมฆสีดำ “มันควบคุมไม่ได้นี่นา เพราะข้าเพิ่งก้าวหน้าขึ้นมาไม่นาน ไม่นึกเลยว่าทัณฑ์สายฟ้าจะเป็นความหวาดกลัวที่ตกค้างอยู่ในใจ”
“กล่าวไป พวกเราจะกลับคืนร่างยังไง?” เสียงใสของสตรีดังปรากฏจากกลุ่มแมลงที่เกาะผนังหิน
“มันต้องมีหนทาง แม่น้ำด้านล่างนี่เป็นต้นตอ แต่โชคร้ายที่มันไม่น่าใช่อะไรที่พวกเราจะแก้ไข” อีกหนึ่งเสียงดังตอบโดยที่ไม่ทราบว่ารูปลักษณ์ดั้งเดิมเป็นเช่นไร
หลังพูดคุยกันพักหนึ่ง ผู้ฝึกตนเหล่านี้จึงเข้าใจถึงสาเหตุที่เกิดความเปลี่ยนแปลงของพวกตน มันมาจากแม่น้ำเบื้องล่าง
เพราะพวกเขาต่างถือสินค้าจากร้านต้นตำรับ ดังนั้นอาการบาดเจ็บไม่ใช่อะไรที่ต้องกังวล โคล่าสามารถฟื้นฟูอาการบาดเจ็บตราบเท่าที่ไม่ถึงตาย และหากโคล่าไม่พอช่วย เช่นนั้นพวกเขายังมีไวน์หยกสำหรับใช้งานฉุกเฉิน
แต่แม่น้ำด้านล่างไม่ได้โจมตี แต่เป็นปลดปล่อยพลังงานสุดแสนประหลาดออกมา สุดท้ายส่งผลราวกับบิดเบือนกฎแห่งฟ้าดินจนพวกเขาไม่อาจต้านทาน
ประเด็นที่สำคัญกว่า คือพลังงานเหล่านี้ยังแพร่กระจายออกเป็นวงกว้างต่อเนื่อง สุดท้ายคนของตำหนักจักรกลสวรรค์ทั้งหมดจึงโดนกันถ้วนหน้า
นับเป็นโชคดีที่ไม่ใช่วิกฤตร้ายแรงถึงชีวิต แต่พอเวลาผ่านไป จิตของพวกเขาคงได้รับผลกระทบ ความคิดที่จะกลับไปยังทวีปเทียนหลันด้วยสภาพเช่นนี้ มันฝังลึกในใจพวกเขา
ตัวตนของพวกเขาแปรเปลี่ยนอย่างมหาศาล กลับกลายเป็นสิ่งมีชีวิตที่คืออะไรก็ไม่ทราบ
“จ้าวตำหนักส่งข้อความกลับมาแล้ว” โครงกระดูกทองคำพบเห็นหน้าจอโทรศัพท์วิเศษปรากฏแจ้งเตือน คำนั้นเจือความประหลาดใจ
“เถ้าแก่ทราบแล้วและจะมาด้วยตนเอง ไม่ต้องกังวล”
พบเห็นข้อความที่เหวินเทียนจีส่งมา คณะสำรวจกลุ่มนี้ที่เมื่อครู่แตกตื่นกลับกลายเป็นเงียบงัน จากนั้นบทสนทนาจึงลุกโชน
มันมีอีกเหตุผลว่าทำไมพวกเขาต้องพูดคุยกันไม่หยุด นั่นก็เพื่อยับยั้งความปรารถนาที่จะออกไปจากที่นี้โดยเร็ว