God-level Store Manager เถ้าแก่ขั้นเทพ! - ตอนที่ 1119
ตอนที่ 1119
ม่านหมอกเคลื่อนคล้อยไปตามสายลมเย็น แสงตะวันสีแดงสาดส่องยกตัวขึ้นเชื่องช้าจากโพ้นทะเลไกลห่าง หมู่เมฆโดยรอบเริ่มเกิดแสงหักเหเผยสีเหลืองทองอร่าม ยอดเขาจักรกลสวรรค์กำลังอาบไล้แสงตะวันยามเช้า
ตำหนักจักรกลสวรรค์ตั้งอยู่บนยอดเขาจักรกลสวรรค์ มันถือเป็นหนึ่งในจุดสูงสุดของทวีปเทียนหลัน สิ่งปลูกสร้างมากมายที่ด้านบนนี้จะซ่อนไว้ภายในหมู่เมฆพลังวิญญาณ บางครั้งผู้ฝึกตนจะแสวงเดินทางมาที่นี่เพื่อไขว่คว้าอนาคต
รับชมโพ้นทะเลสีฟ้าครามไกลห่าง เฉินโม่สูดลมหายใจเข้าลึก ลมหายใจเย็นเยือกถูกส่งเข้าไปยังปอด ทั้งร่างกายตอนนี้กลายเป็นมีกำลังวังชาขึ้นมา
“พี่ชาย ที่ร้านต้นตำรับมีสินค้าใหม่แหละ ไปรับชมกันเถอะ” เฉินอี้อี้เร่งรีบเดินเข้ามาพูดคุย
“สินค้าใหม่?” เฉินโม่พลันสูญเสียความนึกคิดชื่นชมความงามธรรมชาติ สำหรับลูกค้าต้นตำรับ ไม่มีอะไรสำคัญไปกว่าการได้ยินว่ามีสินค้าใหม่เข้ามาขายในร้าน “ครั้งนี้เป็นอะไรกัน?”
“มันฝรั่งทอด เถ้าแก่มีแต่สินค้าชื่อประหลาดทั้งนั้น” เฉินอี้อี้ไม่ลืมที่จะแลบลิ้นออก “ราคายังคงไว้ที่สิบผลึกวิญญาณ สรรพคุณคือการเสริมแกร่งร่างกาย”
“เสริมแกร่งร่างกาย? ฟังดูดีไม่น้อย” เฉินโม่ตอบสนองไม่มาก อย่างไรแล้วในทวีปเทียนหลันก็มีหลากหลายสิ่งที่ช่วยเสริมแกร่งแก่ร่างกายได้ เช่นเม็ดยาทั้งหลาย รวมถึงผลไม้วิญญาณ
แต่ไม่ว่าจะเป็นเม็ดยา ผลไม้ หรือสมุนไพร ทั้งหมดนั้นไม่มากก็น้อยจะมีผลข้างเคียงที่ต้องแบกรับ แรกเริ่มอาจเมินเฉยได้ แต่หากสะสมยาวนานหลายปี ถึงตอนนั้นจะกลายเป็นหนักหนา
สินค้าของร้านต้นตำรับแทบไม่ต้องกังวลตรงส่วนนั้น ขณะที่สรรพคุณทำงานอย่างเต็มที่ มันยังมาพร้อมกับรสชาติเกินบรรยาย แน่นอนว่าถือเป็นตัวเลือกอันดีที่จะซื้อและนำกลับมาบ้าน
“นอกจากมันฝรั่งทอดแล้ว ครั้งนี้เถ้าแก่ยังส่งแอพพลิเคชั่นใหม่เข้าเครื่องเล่นเกมเสมือนจริงด้วย เหมือนจะเรียกว่า…” เฉินอี้อี้นำเอาโทรศัพท์วิเศษออกมาหาข้อมูล “ใช่แล้ว เรียกว่ามิติแห่งฝันร้าย”
“มิติแห่งฝันร้าย? ชื่อนี้ฟังดูไม่เป็นมิตรเอาเสียเลย” เฉินโม่เผยความเห็น “แล้วมันทำอะไรได้กัน? คล้ายกลอรี่งั้นหรือ?”
“ไม่ใช่!” เฉินอี้อี้กล่าวคำทักท้วง “รายละเอียดมีบอกกล่าวเอาไว้ในโทรศัพท์วิเศษแล้ว พี่ชายรับชมด้วยตนเอง ข้าต้องไปพบอาจารย์เพื่อบอกเล่าให้ท่านทราบ”
เฉินโม่มองตามเฉินอี้อี้เดินกลับไป โทรศัพท์วิเศษของตนถูกนำออกมา ตราบเท่าที่มีความเปลี่ยนแปลงใดเกี่ยวข้องกับร้านต้นตำรับ เหล่าลูกค้ามักจะโพสต์เนื้อหาที่เกี่ยวข้องจนง่ายในการค้นหา
ที่โถงหารือของตำหนักจักรกลสวรรค์ ตามปกติที่นี่จะมีไว้เพื่อใช้ประชุม ซือเสวียนและคณะกำลังหารือต่อกันถึงเรื่องมิติแห่งฝันร้ายที่ร้านต้นตำรับ
“มิติแห่งฝันร้าย…” ซือเสวียนหันมองผู้อื่น “การจัดการความกลัว พวกเจ้าว่ามันดูคุ้นหรือไม่”
“ไม่ใช่ว่าแม่น้ำสีเงินที่พวกเราพบเจอตอนอยู่โบราณสถานก็เป็นเช่นเดียวกันหรือ? เถ้าแก่น่าจะนำมาปรับเปลี่ยน” คนหนึ่งเสนอความเห็นขึ้นมา
“ก็อาจเป็นเช่นที่ว่า” เหวินเทียนจีเพิ่งทำการผ่าเปิดเศษชิ้นส่วนจักรกล “หากเถ้าแก่ทำด้วยตนเอง เช่นนั้นย่อมเลิศล้ำกว่าแม่น้ำแห่งนั้น ไม่คิดไปรับชมหน่อยหรือ?”
มันมีความแตกต่างระหว่างเทคโนโลยีที่อัดแน่นอยู่ภายในเศษชิ้นส่วนที่เก็บกู้มาจากโบราณสถานและภูมิความรู้ของทวีปเทียนหลัน เหวินเทียนจีเกิดรู้สึกว่าส่งคนอื่นออกไปผ่อนคลายสักหลายวันก็ไม่น่าใช่ปัญหาอะไร
“แค่ก แค่ก กับฝันร้ายคงต้องพอกันทีแล้ว” คนหนึ่งกระแอมไอออกมาด้วยสีหน้าลำบากใจ
หลายคนเห็นพ้องด้วย เพราะพวกเขาเพิ่งประสบเหตุที่โบราณสถานวันก่อน จนถึงตอนนี้มันยังคงตกค้างในใจพวกเขาชนิดยากลบเลือน
ส่วนคนที่ไม่ได้ร่วมทางไปด้วย พวกเขาเกิดสงสัยและไม่เข้าใจ ว่าเหตุใดคนกลุ่มนี้เกิดละทิ้งความสนใจ การได้เผชิญหน้ากับความกลัวในใจตนเองไม่ถือเป็นเรื่องน่าสนใจหรอกหรือไร?
เหวินเทียนจีเผยยิ้ม เขาทราบความคิดกลุ่มคนดี “เรื่องนี้ตัดสินใจกันตามสะดวก ข้าไม่คิดเข้าแทรกแซง นอกจากนี้แล้วร้านของเถ้าแก่ยังมีสินค้าใหม่เช่นมันฝรั่งทอดที่ช่วยเสริมแกร่งร่างกาย พวกเจ้าไปลองกันได้”
เฉินอี้อี้ตอนนี้มาถึงหน้าประตูพร้อมชะโงกครึ่งตัวผ่านซุ้มประตูเข้ามา “อาจารย์ ข้าคิดไปร้านต้นตำรับ บทเรียนข้าพอจะเลื่อนออกไปหน่อยได้หรือไม่?”
“ได้” เหวินเทียนจีพยักหน้ารับ เพราะเฉินอี้อี้ตอนนี้อยากทราบเรื่องสินค้าใหม่ของร้านต้นตำรับเต็มที่ หากบังคับให้เข้าชั้นเรียนคงจิตใจไม่อยู่กับเนื้อตัว ดังนั้นปล่อยให้นางไปจัดการความสงสัยให้เรียบร้อยจึงดีกว่า
เฉินอี้อี้ยิ้มรับและกลับไป เหวินเทียนจีลุกขึ้นจากที่นั่ง “ไปกัน ข้าก็คิดไปร้านต้นตำรับเช่นกัน”
ฝูงชนสองในสามออกเดินทาง โถงหารือแห่งนี้กลับคืนความเงียบสงบ ซือเสวียนติดตามเหวินเทียนจีไป เพื่อบอกกล่าวถึงสาเหตุที่พวกตนและคณะปฏิเสธการเข้าไปใช้งานมิติแห่งฝันร้าย
“ก็เข้าใจได้” เหวินเทียนจีรับคำ “คนหนุ่มสาวแม้แข็งแกร่งไกลห่างพวกเจ้า แต่พวกเขาต่างก็มีจิตใจคิดอยากฟันฝ่า”
ซือเสวียนเผยยิ้มอับจนตอบรับ “ก็เป็นจริงตามท่านว่า ทุกคนต่างเข้าใจเรื่องนี้กันดี แต่จะนำไปใช้จริงหรือไม่ก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง”
“หากไม่มีความกล้าพอเผชิญหน้ากับความกลัว เช่นนั้นก็ยิ่งยากเอาชนะมันได้” เหวินเทียนจีกล่าวบอกพลางเดินไป “แม้มิติแห่งฝันร้ายของร้านต้นตำรับจะไม่ได้ช่วยเสริมความแข็งแกร่งทางตรง แต่มันก็ไม่มีทางด้อยไปกว่าแอพพลิเคชั่นอื่นที่เคยมีให้ใช้งาน”
“ข้าทราบขอรับ” ซือเสวียนพยักหน้ารับ ราวกับเขากำลังครุ่นคิดก่อนจะเผยยิ้มบางตอบ “เมื่อใดผู้อื่นได้ตระหนักถึงการเผชิญความกลัวที่มิติแห่งฝันร้าย ท่าทีของพวกเขาคงน่าสนใจรับชมเป็นแน่”
พื้นที่ของตำหนักจักรกลสวรรค์ไม่ใหญ่ เพียงไม่กี่นาทีก็เดินทางถึงค่ายอาคมเคลื่อนย้าย เฉินโม่และเฉินอี้อี้มารออยู่ก่อนแล้ว
“อาจารย์เร็วเข้า” เฉินอี้อี้อดไม่ได้ที่จะตะโกนกล่าวเร่ง
“ไปแล้ว” เหวินเทียนจียิ้มตอบรับ ฝีเท้านั้นก้าวเดินไปด้วยความเร็วที่ไม่แปรเปลี่ยน
ลวดลายบนค่ายอาคมเคลื่อนย้ายเริ่มสุกสว่างขึ้นมา พลังวิญญาณได้รับการเติมเต็ม พิกัดทางมิติระหว่างสองสถานที่ถูกเชื่อมโยงถึงกันผ่านทางค่ายอาคม เส้นทางมิติชั่วคราวถูกเปิดขึ้น
เฉินอี้อี้ที่รออยู่นานแล้ว ตอนนี้พุ่งพรวดหายเข้าไปยังเส้นทางมิติจนกระเพื่อมประหนึ่งคลื่นวงน้ำ ทางด้านเฉินโม่และเหวินเทียนจีก้าวเดินมั่นคงตามหลังไป
“ไม่ไปหรือ?” หญิงสาวคนหนึ่งหันมองทางซือเสวียน เมื่อวานซือเสวียนก็กลายเป็นมีรูปลักษณ์เหมือนดังนางที่โบราณสถาน ทั้งสองเป็นคนรักต่อกัน
ซือเสวียนกระแอมไอเสียงเบา “ข้ารับรู้ได้ ในใจข้าไม่มีอะไรให้หวาดกลัว เพราะงั้นก็เลยไม่ไป”
“อย่าได้ล้อกันเล่น ทุกคนต่างมีความหวาดกลัวในใจ แต่เจ้าคงไม่ได้ตระหนักถึงเองมากกว่า”
ซือเสวียนเพียงยิ้มโดยไม่ปฏิเสธ
“กล่าวไป ที่โบราณสถานเมื่อวานนี้พบเจออะไรเข้า เหตุใดไม่บอกเล่าอะไรเลย?” นางพลันเอ่ยคำถามขึ้นพร้อมขมวดคิ้วมองที่ซือเสวียน
ซือเสวียนเงยหน้ามองขึ้นฟ้า “อื้ม อากาศวันนี้ดีเสียจริง…”