God-level Store Manager เถ้าแก่ขั้นเทพ! - ตอนที่ 1121
ตอนที่ 1121
“เถ้าแก่ มิติแห่งฝันร้ายถึงขั้นดึงเอาความฝันที่เคยฝันถึงออกมาเลยหรือ” เจียงเฉิงจวินมาหยุดยืนตรงหน้าโต๊ะกลางพลางสอบถามลั่วฉวน
ความทรงจำจากความฝัน? เหมือนจะเป็นฝันร้ายของจริง ถ้าอย่างนั้นจะไปปรากฏในมิติแห่งฝันร้ายก็ไม่น่าใช่เรื่องแปลก
ลั่วฉวนเล่นไพ่พิชิตแลนด์ลอร์ดจบพอดี “มิติแห่งฝันร้ายคือการกระตุ้นเอาความกลัวภายในใจออกมา หากมันคือความฝันแต่เดิมก็เป็นไปได้ที่ถูกนำออกมาเช่นกัน แต่คนส่วนใหญ่มักจะลืมเลือนความฝันไปอย่างรวดเร็วอยู่แล้ว”
เจียงเฉิงจวินก็เห็นพ้องด้วย “จริงด้วย ทุกครั้งที่ตื่นขึ้น ความฝันจะยังคงกระจ่างชัด แต่ผ่านไปเพียงครู่ก็เลือนหายแล้ว เป็นความทรงจำที่ถูกลืมจริง”
“เป็นเจ้าคิดเองว่าลืมเลือนมันไป แท้จริงมันถูกซ่อนเอาไว้ลึกในใจ” ลั่วฉวนดื่มโคล่าพลางบอกกล่าว
พอได้ยินคำของลั่วฉวนกับปู้หลี่เกื๋อที่อธิบายถึงมิติแห่งฝันร้าย ลูกค้าหลายคนที่เข้าไปหาประสบการณ์ในโลกเสมือนจริง หลังเงียบงกันไม่นานก็เกิดเป็นเสียงร้องวุ่นวายดังขึ้น
โจวหู่ถอดหมวกออก ปาดเช็ดคราบเหงื่อที่หน้าผากพร้อมหันมองทางปู้หลี่เกื๋อ “เจ้าว่าไม่น่ากลัวงั้นหรือ?”
“หัวหน้าพบเจออะไรมากัน?” คนของหน่วยทหารรับจ้างของโจวหู่ตระหนักพบเห็นท่าทีประหลาดไปจึงกล่าวถาม พวกเขาคิดอยากทราบว่าคนอื่นได้รับประสบการณ์ใดจากมิติแห่งฝันร้ายก่อนจะเข้าไปลองด้วยตนเอง
“รู้สึกไม่ดีเอามาก ๆ” โจวหู่เผยยิ้มขื่นขม “แค่คิดจะลุกขึ้นก็เหมือนแข้งขาอ่อนแล้ว ภาพที่เห็นมันเกินไป”
“ไม่ใช่หมายถึงน่ากลัวล้นพ้นแล้วหรือยังไง?” ลูกค้าที่อยู่ใกล้เคียงซึ่งตระเตรียมเข้าไปเปิดประสบการณ์ ตอนนี้ถึงกับชะงักการสวมใส่หมวกยามได้ยินคำของโจวหู่
“น่ากลัวงั้นหรือ?” โจวหู่ยื่นมือออกมาและจ้องมองฝ่ามือ หลายคนต่างได้เห็นว่าปลายนิ้วของเขาสั่นเทา “มันเรียกว่าฝันร้ายที่กลายเป็นจริงต่างหาก”
“ไม่ไหวแล้ว!” อีกหนึ่งลูกค้าเผยเสียงดังขึ้น คำนั้นเผยซึ่งความหวาดกลัว “ไม่น่ากลัวงั้นหรือ? ปู้หลี่เกื๋อ คำเจ้ามันเชื่อไม่ได้!”
ปู้หลี่เกื๋อที่กำลังทานบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป พอได้ยินเขาจึงเหม่อมองตอบ “ข้าไม่ได้พูดโกหกนะ ของข้ามันไม่มีอะไรน่ากลัว”
“ไม่ใช่เถ้าแก่กล่าวแล้วหรอกหรือ ว่ามิติแห่งฝันร้ายก่อตัวขึ้นโดยอาศัยความทรงจำของผู้ใช้งาน แต่ละคนย่อมต้องประสบพบเจอกับอะไรที่แตกต่างกันไป” คำของเหยาซือหยานโพล่งดังขึ้น
ตอนนี้เองที่ลูกค้าคนอื่นเริ่มกลับกันออกมา จากสีหน้าท่าทีพวกเขา เห็นชัดว่าหวาดกลัวสุดขีด มันทำเอากลุ่มลูกค้าที่เหลือได้เข้าใจ ว่ามิติแห่งฝันร้ายไม่ใช่อะไรที่ง่ายดายเช่นที่ปู้หลี่เกื๋อบอกกล่าว
แต่ละคนมีความทรงจำและประสบการณ์ชีวิตที่แตกต่าง ภาพฉากในมิติแห่งฝันร้ายที่จะได้เผชิญก็แตกต่างไปด้วย
“ไม่ใช่ว่ามิติแห่งฝันร้ายมีระดับให้เลือกหรอกหรือ? ลองเริ่มจากระดับล่างสุดดูก่อนก็ได้” เสียงของลั่วฉวนดังขึ้น “นอกจากนี้แล้วมิติแห่งฝันร้ายยังจำกัดจำนวนเข้าใช้งานต่อวัน นั่นก็เพื่อไม่ให้จิตใจแบกรับจนเกินควร”
โดยสรุป อาการทางจิตใจที่ต้องแบกรับคือเจตจำนงของผู้คน มันไม่ได้เกี่ยวข้องกับขอบเขตการฝึกฝน มิติแห่งฝันร้ายจะดึงเอาความหวาดกลัวของผู้ใช้งานออกมาแสดงผล
“ทราบแล้ว ข้าจะลองปรับลดระดับดู” เจียงเฉิงจวินเผยคำขึ้น
“ยังคิดลองอีกครั้งหรือ?” โจวหู่หันมองทางเจียงเฉิงจวินอย่างนึกทึ่ง กระทั่งว่านับถือ
“แค่ก แค่ก ข้าก็ไม่ได้อยาก” เจียงเฉิงจวินส่ายศีรษะวนซ้ำ ตอนนี้เขายังคงหวาดกลัวอยู่ คิดเข้าไปอีกครั้งตอนนี้ไม่ปรากฏในความคิดแม้แต่น้อย
ได้ทราบว่ามิติแห่งฝันร้าย มันคือฝันร้ายในใจเหมือนดังชื่อ ต่อให้ได้รับคำแนะนำจากลั่วฉวน ลูกค้าหลายคนก็ยังไม่กล้าคิดไปลอง
ลั่วฉวนก็ไม่ได้กล่าวเร่งหรืออะไร มิติแห่งฝันร้ายเพิ่งเปิดให้ใช้งาน กว่าลูกค้าจะเข้าใจและคุ้นเคยต้องใช้เวลา เรื่องนี้เขาไม่อาจทำอะไรได้ ดังนั้นจึงไม่คิดใส่ใจอะไรมาก
“ร้านเถ้าแก่วันนี้คึกคักดีจัง” เฉินอี้อี้เดินเข้ามาในร้านต้นตำรับ “หากเป็นตามปกติ ช่วงเช้าเช่นตอนนี้ในร้านคงมีลูกค้าไม่มาก”
“นั่นสินะ” เฉินโม่พยักหน้าเห็นพ้อง
“สินค้าใหม่แหละ” เฉินอี้อี้มองทางชั้นวางที่ถูกเพิ่มเข้ามาพร้อมเดินมุ่งไปกับเฉินโม่
เหวินเทียนจีเดินมาหยุดตรงหน้าโต๊ะกลางตระเตรียมสอบถามลั่วฉวน ว่ามิติแห่งฝันร้ายนั้นคืออะไร
“เถ้าแก่ มิติแห่งฝันร้าย มันเกี่ยวข้องกับสิ่งที่อยู่เบื้องลึกของโบราณสถานหรือไม่?” เหวินเทียนจีเอ่ยถามข้อสงสัย
“ใช่ แม่น้ำแห่งฝันร้ายถูกแปรสภาพนำมาใช้เป็นมิติแห่งฝันร้าย” ลั่วฉวนไม่คิดปิดบัง เพราะเรื่องนี้ไม่สลักสำคัญอะไร
แม้มิติแห่งฝันร้ายเป็นสิ่งที่คนของตำหนักจักรกลสวรรค์พบก่อน แต่พวกเขาไม่มีความสามารถนำมันมา ลั่วฉวนจึงเป็นคนนำมันมาใช้งานเสียเอง
“เถ้าแก่ปรับเปลี่ยนความหวาดกลัวที่ไม่อาจควบคุม เป็นความหวาดกลัวที่ควบคุมได้?” เหวินเทียนจีพึมพำกับตนเอง
“เศษชิ้นส่วนจากโบราณสถานเป็นยังไงบ้าง?” ลั่วฉวนนึกถึงเศษซากที่อยู่ใต้แม่น้ำแห่งฝันร้าย
เหวินเทียนจีส่ายศีรษะอย่างอับจน “ยังไร้ซึ่งเบาะแส มันแตกต่างจากระบบภูมิความรู้ของพวกเราอย่างสมบูรณ์”
หลังผ่าเปิดมันออกและศึกษาได้ ทวีปเทียนหลันอาจก้าวหน้าสู่ยุคใหม่ มันจะเป็นการผสานระหว่างความลึกลับและวิทยาศาสตร์เข้าด้วยกัน ลั่วฉวนคิดเพียงอยู่แต่ในใจ กับเรื่องนี้เขาไม่คิดเข้าแทรกแซง
หลังสนทนากันอีกครู่หนึ่ง เหวินเทียนจีเดินไปยังพื้นที่ส่วนต่อขยาย เขาเตรียมไปศึกษาดอกครามเยือกแข็งต่อ ลั่วฉวนคาดเดาว่าคงต้องใช้เวลาอีกนานกว่าจะได้เรื่อง
ตอนนี้ในร้านมีลูกค้ามากมาย บางคนที่เพิ่งได้รับประสบการณ์จากมิติแห่งฝันร้าย ต่างบอกกล่าวต่อผู้อื่นถึงสิ่งที่เผชิญกันอย่างสนุกปาก
พิจารณาจากท่าทีเหล่าผู้รอรับชมทั้งหลาย พวกเขาอีกไม่ช้าคงไม่อาจอดกลั้นได้ไหว เพราะสิ่งที่จะได้พบเจอมันแตกต่างไปตามแต่ละบุคคล
แน่นอนว่าความเป็นไปได้ไร้สิ้นสุด หลายคนที่เข้าไปใช้บริการมิติแห่งฝันร้ายจะกล่าว ก็ไม่ได้น่ากลัวเท่าไหร่ เพื่อล่อลวงผู้อื่นที่ยังไม่ได้พบเจอเข้าไปประสบเรื่องราว
ลั่วฉวนวางโทรศัพท์วิเศษลง คล้ายเขาลืมเลือนอะไรไปบางอย่าง ตอนนี้หันมองทางเหยาซือหยานก่อนจะถาม “เหมือนลืมอะไรไปหรือเปล่า?”
เหยาซือหยานที่กำลังอธิบายลูกค้าที่เพิ่งมาใหม่ ตอนนี้ได้ยินคำถามของลั่วฉวน นางคิดไปครู่ก่อนจะกล่าวออกอย่างไม่มั่นใจ “คิเมร่า?”
ขณะพยักหน้าตอบ ลั่วฉวนบอกระบบอยู่ในใจ ว่าให้เตรียมอาหารเช้าให้คิเมร่าด้วย ระบบตอบรับยืนยัน เรื่องนี้ลั่วฉวนมองว่าระบบพึ่งพาได้
“เถ้าแก่ คงไม่ได้ลืมมื้อเช้ากระมัง?” เหยาซือหยานเกิดกังวล เพราะช่วงเวลาทำการของร้านนางไม่อาจไปยังเซ็นน่าได้ แม้ว่านางคิดอยากไปก็ตาม
“ไม่ได้ลืม” ลั่วฉวนตอบรับอย่างเชี่ยวชาญ สีหน้าไร้ซึ่งความผิดปกติใด “ก็แค่นึกเรื่องของคิเมร่าขึ้นมาได้”
“จริงหรือ?” เหยาซือหยานคล้ายไม่คิดเชื่อ
“จริง” ลั่วฉวนพยักหน้ารับ