God-level Store Manager เถ้าแก่ขั้นเทพ! - ตอนที่ 1130
ตอนที่ 1130
หลังทานมื้อเย็นเรียบร้อย ลั่วฉวนค่อยไปนั่งเอนกายกับเก้าอี้นุ่มสบาย ทางด้านเหยาซือหยานเก็บกวาดของไปทำความสะอาดที่ชั้นสอง
“แล้วจะเข้ามิติแห่งฝันร้ายไหม?” ลั่วฉวนเผยเสียงเอ่ยถาม
ท่าทีของเหยาซือหยานคือลังเล นางส่ายศีรษะ “ยังไม่ดีกว่า”
ลั่วฉวนก็ไม่ได้เผยท่าทีว่าผิดคาดแต่อย่างใด เหยาซือหยานตัดสินใจอย่างไรเป็นเรื่องของตัวนางเอง แต่ละคนต่างมีความคิดเห็นแตกต่างกันไป
“ตามที่ว่า” ลั่วฉวนคิดไปพักที่ร้านกาแฟในเซ็นน่าอีกครั้ง อย่างไรแล้วก็เพิ่งทานมื้อเย็นเสร็จ เขายังไม่อยากขยับเคลื่อนไหวมากหรือไปนอนตั้งแต่ตอนนี้
เหยาซือหยานยิ้มรับ นางนั่งลงที่เก้าอี้ใกล้เคียงก่อนจะนำเอาโทรศัพท์วิเศษออกมา เหมือนว่ากำลังค้นหาผลงานในแอพนักอ่านอยู่
ลั่วฉวนแนะนำผลงานบันทึกทหารรับจ้างของเว่ยฉิงจู่ เพราะนั่นคือการเขียนรูปแบบมุมมองบุคคลที่หนึ่ง โครงเรื่องทำได้ดี บทต่อเนื่องและกระชับ เพราะเหตุนั้นนางจึงได้รับฐานลูกค้าจากแอพนักอ่านไปไม่ใช่น้อย
ตอนนี้นางกำลังเขียนเรื่องที่กลุ่มตัวเอกตกลงไปในร่องลึก เพราะแผ่นดินไหวเกิดขึ้นอย่างกะทันหัน แผ่นดินเบิกแยก จนสุดท้ายบังเอิญไปพบเจอสุสานเซียนโบราณใต้พื้นพิภพเข้าให้
เมื่อจบบทล่าสุด ความคิดเห็นหลากหลายจากผู้อื่นกระหน่ำกันเข้ามา บ้างก็พูดคุยกันถึงเรื่องราวถัดจากนี้ บ้างก็คาดเดาว่ากลุ่มตัวละครเอกจะต้องพบเจอกับอะไรบ้าง ลั่วฉวนเกิดรู้สึก ว่าเว่ยฉิงจู่กำลังทำผลงานไปได้ดี
นอกจากการหารือเนื้อหา ความคิดเห็นอื่นคือการบอกกล่าวส่วนที่ยังขาดหาย เว่ยฉิงจู่ไม่มีพลาด และนางยังคอยส่งบทใหม่เข้าไปในแอพนักอ่านอย่างต่อเนื่องโดยตลอด
หลังพักไปครู่หนึ่ง ลั่วฉวนและเหยาซือหยานค่อยปรากฏตัวที่ร้านกาแฟในเซ็นน่า
คิเมร่านอนกับพื้น แสงสีทองสอดส่องเป็นประกายออกจากร่าง ที่หลังของมันมีปีกคู่น้อยเติบโตขึ้นมา
รับรู้ถึงออร่าอันคุ้นเคยมาเยือน มันก้าวเดินเข้ามาคลอเคลียกับลั่วฉวน
“เถ้าแก่ คิเมร่าเป็นอะไรไป?” เหยาซือหยานตระหนักพบเห็นจุดผิดปกติของคิเมร่า นางคุกเข่าก้มลงไปอุ้มมันขึ้นมา
ลั่วฉวนคาดเดาสาเหตุได้ นิ้วตอนนี้ชี้ไปทางชั้นวางด้านหลังเคาน์เตอร์ไม้ “จำก้อนผลึกสีแดงที่เคยวางตรงนั้นได้ไหม?”
“ข้ายังจำได้” เหยาซือหยานพยักหน้ารับ จากนั้นจึงคาดเดาความหมายในถ้อยคำของลั่วฉวน น้ำเสียงประหนึ่งไม่คิดเชื่อ “อย่าบอกนะว่าคิเมร่ากินเข้าไป?”
“ใช่” ลั่วฉวนพยักหน้าก่อนจะกล่าวเสริม “กลืนเข้าไปทั้งก้อน”
เหยาซือหยานมองที่ร่างคิเมร่าก่อนจะนึกย้อนถึงขนาดก้อนสีแดง สีหน้านางกลายเป็นตระหนัก “น่าทึ่งเกินไปแล้ว”
ลั่วฉวนเกิดรู้สึกว่าอาการตอบสนองของเหยาซือหยานไม่แปลก เป็นปกติด้วยซ้ำ และทั้งสองตอนนี้ต่างเข้าใจตรงกัน ว่าคิเมร่าไม่น่าใช่สัตว์ธรรมดา
นอกจากนี้ทั้งร้านกาแฟยังมีระบบคอยดูแลทุกซอกมุม อาการและการกระทำของคิเมร่าทั้งหมดจะถูกวิเคราะห์และตรวจสอบ เรียกได้ว่าไม่น่ามีอะไรผิดปกติเกิดขึ้น
“แต่ปีกที่งอกออกมาก็ดูแปลกอยู่ดี” เหยาซือหยานมองที่ปีกคู๋น้อยบนแผ่นหลังของคิเมร่า
ปีกคู่นั้นเป็นสีแดง โครงสร้างคล้ายผิวหนัง มันเป็นความงดงามอย่างแปลกประหลาด เหยาซือหยานเกิดรู้สึกว่าแปลกเพราะมันแตกต่างจากความทรงจำของนาง
ยกตัวอย่างหน้าบ้านที่ว่างเปล่า วันหนึ่งมีต้นไม้ใหญ่ปลูกงอกเป็นร่มเงาให้กับบ้าน ในสายตาผู้อื่นนั้นดูดี แต่กับคนที่อาศัยอยู่ในบ้าน พวกเขาจะปรับความคุ้นเคยต่อความเปลี่ยนแปลงไม่ทัน
นอกจากนี้แล้วยังมีเรื่องความประทับใจแรกของของเหยาซือหยานที่มีต่อคิเมร่า
มันเหมือนเข้าใจคำของเหยาซือหยาน แสงสีแดงเริ่มโคจรรอบร่าง ปีกน้อยเริ่มยุบตัวเลือนหายกลับเข้าไปภายในร่าง
“ซ่อนได้ด้วย!” เหยาซือหยานเบิกตากว้างประหลาดใจ
ลั่วฉวนนั่งบนโซฟาเพื่อรอ หากไม่มีลูกค้าแวะเวียนเข้ามา เช่นนั้นเขาจะออกไปเดินเล่นกับเหยาซือหยานเที่ยมชมเซ็นน่ายามค่ำคืน
เฮอร์แมนตอนนี้ปรับแต่งปกคอเสื้อตั้งตรง น้ำชาที่ยังเหลือถูกดื่มจนหมด จากนั้นจึงคว้าไม้เท้าสีดำประจำกายเตรียมออกไปภายนอก
“เฮอร์แมน ดึกขนาดนี้แล้วจะไปไหนกัน?” สตรีร่างสูงก้าวเดินออกมาจากหัวมุมพร้อมได้ตระหนักเห็นเฮอร์แมนที่คิดไปด้านนอก
อีกฝ่ายอายุราวยี่สิบเจ็ดหรือยี่สิบแปดปี ร่างสูงผอมบาง เส้นผมสีน้ำตาลเข้มมัดเปียเอาไว้เหมือนดังนักบุญนิโคล ชุดที่สวมใส่เป็นสีทึบดูเรียบง่าย ดวงตาเผยความปราดเปรียว ใบหน้าบ่งบอกถึงภูมิความรู้ที่ครอบครอง เป็นสตรีที่น้ำนิ่งไหลลึกผู้หนึ่ง
“เรื่องงานน่ะ” เฮอร์แมนเผยยิ้มบางตอบรับ ท่าทีของเขาไม่แปรเปลี่ยนยามบอกกล่าว “โจดี้ หากมีลูกค้าก็ฝากรับรองไว้ก่อน ขอแค่นี้”
“เวลาค่ำมืดขนาดนี้ไม่น่ามีลูกค้าแล้ว” โจดี้ตอบรับ “แล้วก็ ประตูปิดตามเวลาเหมือนเดิมนะ”
“ผมจะกลับมาถึงก่อนหมดเวลาแน่นอน” เฮอร์แมนไม่โกรธ แต่ยิ้มตอบ เขาทราบนิสัยของโจดี้เป็นอย่างดี “เช่นนั้นผมขอตัวก่อน”
รับชมร่างของเฮอร์แมนเดินหายไป โจดี้ทิ้งกายนั่งลงกับเก้าอี้ด้านหลังโต๊ะทำงาน หนังสือที่วางบนโต๊ะถูกเปิดและเริ่มอ่าน…
โรนาสวมใส่ชุดยาวพร้อมหมวกทรงสูงเตรียมออกไปด้านนอก ไฟภายในห้องถูกปิดลง
แม้ว่าร้านกาแฟเมื่อวานไม่เปิดทำการ แต่วันนี้เขาก็ยังคิดอยากไปดูให้เห็นกับตา ความสงสัยอันแรงกล้าของเขาว่าครั้งถัดไปจะได้รับอะไร มันเป็นสิ่งที่ไม่อาจต้านทาน
กลิ่นหอมอ่อนของดอกไม้ลอยฟุ้งในอากาศรับกับสายลมเย็นโชยยามค่ำคืน ทั้งหมดนี้คือภาพที่ควรเป็นของงานประจำปีเช่นเทศกาลไนการ่าแห่งเซ็นน่า และมันก็เป็นเช่นนี้มายาวนานแล้ว
และก็เหมือนดังก่อนหน้านี้ เขาไม่ได้โดยสารรถรางเวทมนตร์ แต่เดินทางด้วยเท้าไปตามถนน วันนี้ไม่รับรู้ถึงการสอดแนมเช่นวันก่อน เหมือนว่านักสืบเฮอร์แมนวันนี้จะมีธุระอื่นให้ไปทำ
สำหรับเฮอร์แมน โรนานึกอิจฉา เพราะอีกฝ่ายสามารถลบเลือนตัวตนเดินเหินไปมาภายนอกได้โดยสะดวก ทั้งยังแทบไม่มีร่องรอยใดเผยให้พบเห็น
โรนากำลังครุ่นคิดว่าจะอยู่เซ็นน่าต่อเช่นนี้อีกสักพักใหญ่ เพราะเหตุนั้นเมื่อวานเขาจึงไม่ลงมือกับเฮอร์แมน ไม่ใช่เขาหวาดเกรงปัญหา แต่เขาเกลียดปัญหาที่มักตามมา
“คุณชายโรนา พวกเราพบกันอีกแล้ว”
เสียงอันคุ้นเคยดังปรากฏในโสดประสาทของโรนา มันเป็นตอนที่เขาใกล้ไปถึงร้านกาแฟ เฮอร์แมนเดินลงจากรถรางเวทมนตร์พร้อมกล่าวคำทักทายประหนึ่งมิตรสหาย
โรนาเผยสีหน้าไม่แปรเปลี่ยน พยักหน้าตอบรับ ไม่พูดกล่าวตอบ แต่เดินไปทางร้านกาแฟด้วยย่างก้าวอันมั่นคง
เฮอร์แมนไม่ใส่ใจและเดินตามไป ทั้งสองเดินไปโดยไม่สนอีกฝ่ายผ่านถนนเส้นเดียวกันอย่างเงียบงัน สิ่งปลูกสร้างรอบด้านเริ่มรกร้างขึ้นมาทีละน้อย เสียงจอแจกคึกคักกลับกลายเป็นเงียบสงัดเพียงเดินผ่านถนนไม่กี่สาย
แสงสลัวปรากฏจากหน้าต่าง มันเป็นจุดแสงหนึ่งเดียวพื้นที่ซึ่งมืดทึบจึงสะดุดตาเป็นพิเศษ
“ร้านนั้นงั้นหรือ? เหมือนวันนี้จะเปิดร้านนะ” เฮอร์แมนมองที่ร้านตรงหน้า ช่วงกลางวันเขาแวะเวียนมาตรวจสอบแล้ว มันปิดอยู่โดยตลอด
หมายความถึงร้านเปิดเพียงแต่ช่วงกลางคืน… อะไรกันที่ทำให้โรนาถึงขั้นยอมอยู่ที่นี่ต่อ? เฮอร์แมนเกิดรู้สึกว่าคำถามนี้อีกไม่ช้าจะได้รับคำตอบแล้ว