God-level Store Manager เถ้าแก่ขั้นเทพ! - ตอนที่ 1144
ตอนที่ 1144
ภายในเมืองแห่งความโกลาหล เม็ดยาถือเป็นสิ่งหาได้ยากอย่างยิ่ง โดยเฉพาะกับเม็ดยาระดับสูง
นอกจากนี้แล้วยังผลิตโดยหุบเขาโอสถ คุณภาพเป็นสิ่งเชื่อถือได้ ราคาย่อมเพิ่มขึ้นไปอีก
“เม็ดยาควบแน่นวิญญาณหกวิถี เปิดประมูลที่ราคาสามหมื่นผลึกวิญญาณ มิตรสหายท่านใดต้องการก้าวหน้าในช่วงนี้หรือสนใจอย่าได้คิดพลาด เพราะสินค้านี้มีเพียงหนึ่งเท่านั้น”
รอยยิ้มปรากฏที่มุมปากเซี่ยเมิ่งอู๋ ค่ายอาคาแสดงภาพฉายชัดมุมใกล้ของเม็ดยาในมือนาง เม็ดกลมของมันสวยอย่างเย้ายวนดึงดูโ
สามหมื่นผลึกวิญญาณ เป็นมูลค่าที่เกินกว่าราคาขายของหุบเขาโอสถหลายต่อหลายเท่า และยังจะเพิ่มขึ้นไปอีกตามแต่ผู้ต้องการประมูล
แรกเริ่มคือการประมูลเม็ดยา? ลั่วฉวนรับชมการถ่ายทอดสดพลางดื่มโคล่า
เขาไม่ค่อยสนใจเรื่องเม็ดยาเท่าไหร่ เพราะในระบบรีไซเคิลมีอยู่มากมาย
อันที่จริงก็ทานมันเป็นขนมด้วยซ้ำ
พิจารณาจากข้อมูลที่ระบบแจ้งไว้ ส่วนใหญ่มาจากหุบเขาโอสถ
เหล่าลูกค้าที่รับชมการถ่ายทอดสดพลันเผยเสียงฮือฮา พวกเขาคล้ายประหลาดใจกับราคาเริ่มประมูล
เหล่าศิษย์หุบเขาโอสถภายในร้าน ครั้งเซี่ยเมิ่งอู๋นำเอาเม็ดยาควบแน่นวิญญาณหกวิถีออกมา พวกเขาได้บอกกล่าวสรรพคุณให้ผู้คนได้ทราบ
ฉู่หยางรับชมด้วยความสนใจ เหล่าผู้เข้าร่วมการประมูลเริ่มขานราคา
หลังเงียบงันไปครู่หนึ่ง โรงประมูลก็เกิดเสียงคึกคักขึ้นมาอีกครั้ง
ที่เมืองแห่งความโกลาหล เม็ดยาเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ โดยเฉพาะกับเม็ดยาควบแน่นวิญญาณหกวิถี หลายผู้คนต่างไม่คิดพลาด
เพียงไม่กี่นาที มูลค่าของมันพุ่งขึ้นไปสูงนับแสนผลึกวิญญาณ
“ผู้ฝึกตนของเมืองแห่งความโกลาหลช่างร่ำรวยนัก หนึ่งแสนผลึกวิญญาณถูกจ่ายออกเพื่อซื้อเม็ดยามูลค่าห้าพันผลึกวิญญาณ” ปู้หลี่เกื๋อถึงกับมึนงง
อันที่จริงเขายังเป็นหนี้รายการผ่อนกับร้านอยู่หลายพันผลึกวิญญาณ โดยแลกกับการได้ดาบไปเพื่อใช้งานและฝึกฝน
ขุนนางใต้ปู้คังเฉียงได้กล่าวชัด ว่าผลึกวิญญาณเหล่านั้นปู้หลี่เกื๋อต้องหามาเพื่อชำระหนี้สินเอง และเขายังเข้มงวดบอกกล่าวกับทุกคนที่เกี่ยวข้อง ว่าอย่าได้หยิบยื่นความช่วยเหลือ
ตอนนี้ปู้หลี่เกื๋อมาที่ร้านต้นตำรับทุกวัน รับภารกิจจากโหมดทั่วไป จากนั้นค่อยขายวัตถุรางวัลเป็นผลึกวิญญาณ
นับเป็นโชคดีที่เขาได้รับสิ่งที่จ่ายไปให้กับร้านต้นตำรับในทุกวัน หากไม่แล้วปู้หลี่เกื๋อคงไม่ทราบว่าจะใช้ชีวิตยังไง
“พวกเขาเป็นกลุ่มคนที่ไร้ซึ่งที่ไป…” ปู้ฉืออีกล่าวตอบ ทันใดนี้เองที่นึกอะไรขึ้นได้จนเกิดประกายในดวงตา “หลี่เกื๋อ ข้าคิดว่าเจ้าควรไปหาประสบการณ์ที่นั่นนะ”
“ข้าไม่คิดว่านั่นเป็นเรื่องดีนะพี่หญิง” ปู้หลี่เกื๋อเร่งร้อนปฏิเสธ ด้วยแขนขาน้อยของเขา ไม่น่ามีทางที่จะรอดพ้นในเมืองแห่งความโกลาหลได้พ้นวัน
“ราคาเพิ่มขึ้นอีกแล้ว สองหมื่นผลึกวิญญาณ คนเหล่านี้ไม่รู้จักใช้จ่ายผลึกวิญญาณเอาเสียเลย” เว่ยฉิงจู่ถอนหายใจ นางกำลังคิดคำนวณว่าต้องส่งงานขายเท่าใดกว่าจะได้สองหมื่นผลึกวิญญาณนั้นมา
“อย่างไรที่นั่นก็เมืองแห่งความโกลาหล ผลึกวิญญาณเป็นสิ่งที่สามารถหามาได้ด้วยความแข็งแกร่ง” มู่หรงไห่เถิงเผยยิ้ม
ฉู่หยางรับคงรับชมไปเรื่อยด้วยความสนใจ มูลค่าของเม็ดยาควบแน่นวิญญาณหกวิถีกำลังพุ่งสูง สุดท้ายเป็นชายชราหน้าตามืดมนในชุดสีเขียวชนะประมูลไปด้วยมูลค่าหนึ่งแสนสี่หมื่นผลึกวิญญาณ
ทางด้านเซี่ยเมิ่งอู๋ที่ยืนยันผู้ชนะประมูลได้เรียบร้อย ชายชราในชุดสีเขียวค่อยผ่อนลมหายใจโล่งอก ด้วยเพราะไม่พร้อมเข้าประมูลรอบต่อไป เขาเลือกถอนตัวกลับทันทีที่ชนะประมูลรอบนี้
“เขาติดอยู่ตรงธรณีมุ่งสู่ขอบเขตทดสอบเต๋ามายาวนาน ตอนนี้ได้เม็ดยาควบแน่นวิญญาณหกวิถีคงจะก้าวหน้าขึ้นได้”
ฉู่หยางได้เห็นถึงความแข็งแกร่งของชายชราในชุดเขียว ตอนนี้จึงกล่าวคำอธิบายให้ลูกค้าที่รับชมการถ่ายทอดสดได้ทราบ
แสนผลึกวิญญาณแทบจะเป็นทรัพย์สินส่วนใหญ่ของชายชราในชุดเขียวแล้ว และอีกฝ่ายน่าจะทุ่มสุดตัว
ภายใต้ความร้อนแรงของเม็ดยาระดับสวรรค์ที่เป็นสินค้าแรกประมูล ในโถงประมูลตอนนี้กำลังเท่าทวีความดุเดือดมากขึ้น
สินค้าชิ้นถัดไปไม่ใช่อะไรน่าสนใจเท่าใด เป็นยาวิเศษ หรือบ้างก็เป็นวิชาฝึกฝน แต่อย่างน้อยก็พอทำให้บรรยากาศคึกคักขึ้นมาได้
ฉู่หยางไม่คิดสนใจสินค้าเหล่านี้ ที่เขาสนใจคือกระบวนการประมูลที่ดำเนินไป
ไม่ว่าจะทั้งคนในโรงประมูลหรือลูกค้าในร้านต้นตำรับที่รับชมการถ่ายทอดสด พวกเขาต่างรู้สึกตื่นเต้นกันไปด้วยประหนึ่งเข้าร่วมงานประมูลด้วยตนเอง
มูลค่าการซื้อขายวัตถุประมูลในเมืองแห่งความโกลาหล ตลอดมาสูงขึ้นไม่มีเว้นพัก และสินค้ายังดึงดูดเหล่าผู้ฝึกตนนับไม่ถ้วนมารวมตัว
“กระบี่กร่อนวิญญาณ อาวุธศักดิ์สิทธิ์ ความพิเศษคืออำนาจกัดกร่อนพลังวิญญาณของมัน”
กระบี่ยาวเผยความคมที่ดูแปลกประหลาด มันคล้ายทวนกระบี่ในยุคราชวงศ์ถัง
ลวดลายสีแดงพาดผ่านตัวคมกระบี่ ด้ามจับประดับด้วยสีเลือดดูแปลกตา เพียงมองก็ทราบว่ามีพลังพิเศษ
เซี่ยเมิ่งอู๋นำเอาชิ้นส่วนโลหะทองคำสีม่วงออกมาจากแหวนมิติอีกครั้ง นางถือด้วยมือหนึ่ง อีกมือหนึ่งคือกระบี่ ราวกับคิดทดสอบพลังให้ได้เห็น
“สิ่งนี้คือเหล็กวิญญาณม่วง ต่อให้เป็นขอบเขตทดสอบเต๋าก็ไม่อาจทำลายมัน!” คนหนึ่งตระหนักได้ถึงเศษโลหะทองคำสีม่วงก่อนจะอุทาน
เหล็กวิญญาณม่วง คือโลหะที่มีความแข็งแกร่งถึงขั้นชวนสะพรึง มันสามารถดูดกลืนพลังวิญญาณจากฟ้าดินและเสริมแกร่งให้แก่ตัวมันเองจนยากทำลายได้
“ข้าจะใช้พลังวิญญาณเพียงขอบเขตทดสอบเต๋าระดับที่หนึ่ง ขอทุกท่านรับชม” เซี่ยเมิ่งอู๋กล่าวพลางถ่ายเทพลังวิญญาณเข้าสู่ตัวกระบี่
ด้ามจับกระบี่ดูดกลืนพลังวิญญาณ มันเผยแสงสีแดงสาดส่อง ลวดลายสีแดงบนตัวกระบี่เริ่มเบ่งบานงดงาม
หากมองให้ดี เช่นนั้นจะได้เห็นว่าทั้งตัวพื้นผิวของกระบี่เผยประกายแสงสีแดงเจือจางอย่างชวนลึกลับ
เซี่ยเมิ่งอู๋ถือกระบี่เอาไว้พร้อมฟันเข้าใส่ก้อนเหล็ก
ด้วยไร้ซึ่งเสียงโลหะปะทะต่อกัน ราวกับมีดร้อนเฉือนหั่นเนย เสียง “ชี่” ที่เป็นอำนาจกัดกร่อนดังขึ้น เหล็กวิญญาณม่วงถูกกระบี่ตัดผ่านไปอย่างหมดจด
กระทั่งโต๊ะที่เป็นก้อนโลหะขนาดใหญ่ก็ยังไม่เว้น มันถูกเฉือนเข้าไปลึก
ยามเซี่ยเมิ่งอู๋ดึงกระบี่กลับคืน เหล็กวิญญาณม่วงเผยสภาพเป็นสองท่อนร่วงหล่น
ทันใดนี้เองที่ในโถงประมูลเกิดเพียงแต่เสียงอากาศเคลื่อนตัว สายตาของผู้คนต่างมองที่กระบี่กร่อนวิญญาณซึ่งมีแสงไฟสาดส่อง
“ราคาเริ่มประมูลของกระบี่กร่อนวิญญาณคือห้าแสนผลึกวิญญาณ ทุกครั้งต้องเพิ่มไม่น้อยกว่าหนึ่งหมื่นผลึกวิญญาณ” เซี่ยเมิ่งอู๋กล่าวคำจบพร้อมเผยยิ้มเป็นการปลุกผู้คนจากภวังค์
ห้าแสนผลึกวิญญาณแทบเป็นจำนวนที่คัดเอาเก้าในสิบของผู้เข้าร่วมการประมูลออกไป
“กระบี่กร่อนวิญญาณ…” ตี้อู๋ปาเต๋าจับจ้องกระบี่บนหน้าจอ ลมหายใจของเขาคล้ายรัวเร็วมากขึ้น
ด้วยฐานะของคนตระกูลตี้อู๋ ตี้อู๋ปาเป๋ารักชอบกระบี่ถึงขั้นลึกล้ำ
ยามแรกพบกระบี่กร่อนวิญญาณ เสียงในใจของเขาร่ำร้องบอกว่าต้องซื้อมันมาให้ได้
“หากคิดอยากซื้อ เช่นนั้นมิติขายอาวุธของร้านเถ้าแก่อาจจะมี” ผู้อาวุโสที่สามของหุบเขาโอสถตระหนกพบเห็นท่าทีของตี้อู๋ปาเต๋า ตอนนี้จึงกล่าวบอก