GODFATHER OF CHAMPIONS - ตอนที่ 140
บทที่ 140: แค่คำพูดก็สามารถเอาชนะได้แล้ว
ชาวอังกฤษได้สร้างสถิติสำหรับอันธพาลฟุตบอลโดยเฉพาะ ตราบใดที่ชื่อของบุคคลนั้นถูกบันทึกไว้ในบันทึก เขาจะถูกแบนจากการดูการแข่งขันฟุตบอลที่สนาม
สำหรับแฟนๆ ที่คลั่งไคล้อย่างพวกเขา การห้ามไม่ให้พวกเขาดูการแข่งขันที่สนามจะคล้ายกับการพรากชีวิตพวกเขาไป
เมื่อเห็นกลุ่มคนที่อยู่ข้างหน้าเขาสูดหายใจเข้าลึกๆถังเอินก็ยิ้ม “แน่นอน ถ้าพวกคุณยังสงสัยคำพูดของผม ผมสามารถขอให้เขาแสดงบัตรนักข่าวได้นะ”
หลังจากนั้นบรอสแนนก็หยิบบัตรออกมาจากกระเป๋าของเขาซึ่งเดิมทีเขาจะห้อยมันไว้ที่คอ
“ผมคิดว่าพวกคุณต้องรู้ว่าผมเป็นใคร ดังนั้นผมจะไม่แนะนำตัวเอง” ถังเอินส่งสัญญาณให้บรอสแนนถอยกลับเขายืนอยู่แถวหน้าและพูดพร้อมกับชี้ไปที่ประตูด้านข้างว่า
“ด้วยประตูนี้เป็นเขตแดน พวกคุณอยู่ที่นั่นและเราจะอยู่ที่นี่ เราจะเล่นเกมของเราในขณะที่คุณดูการแข่งขันของคุณ ทุกคนจะ จะปลอดภัยถ้าไม่มีใครข้ามเขตแดน” ถังเอินปรบมือของเขา “คำแนะนำนี้ไม่วิเศษเหรอ?”
“ทำไมเราต้องฟังคำสั่งของคุณ” ชายหัวโล้นตะโกนมาจากฝูงชน
ถังเอินมองมาที่เขาก่อนที่จะชี้ไปที่บรอสแนนซึ่งอยู่ข้างหลังเขา ถ้าคุณคิดว่าคุณจะไม่ดูการแข่งขันที่สนามกีฬาอีกต่อไปคุณก็ลองทำดูสิ”
“ให้ตายเถอะ! แม้ว่าฉันจะไม่ได้ดูการแข่งขันไปตลอดชีวิต ฉันก็ต้อง…” ชายหัวล้านชูหมัดขึ้นที่ด้านหลังฝูงชน
ถังเอินมองผ่านหน้าผาของเขาและเข้าใจ เขาจึงโบกมือให้อีกฝ่าย “แล้วยังไงที่นั่นผมรู้สึกว่าคุณจะมั่นใจมากขึ้นถ้าคุณพูดคำเหล่านี้ต่อหน้าสหายของคุณ
ถ้าคุณซ่อนอยู่หลังฝูงชนและขอต่อสู้ต่อไปคุณจะทำยังไงถ้าการต่อสู้จะเกิดขึ้นจริงๆคุณจะผลักคนอื่นออกมาแทนเหรอ?”
เมื่อได้ยินถังเอินพูดในลักษณะนี้ กลุ่มอันธพาลฟุตบอลก็หันไปมองที่ชายหัวโล้น
“ออกมาถ้าคุณแน่จริง ก็จงออกมาเดี๋ยวนี้ ให้ผมดูสิว่าหมัดของคุณจะหนักขนาดไหน”ถังเอินก้าวไปข้างหน้าและหยุดอยู่ตรงหน้าขอบเขตที่เขาตั้งไว้ ราวกับว่าเขาไม่ได้กังวลเลยว่าอีกฝ่ายจะโจมตีเขาจริงๆ
ผู้เล่นที่อยู่ข้างหลังเขาต่างก็เป็นห่วงเขาในความเป็นจริง ดอว์สันพร้อมที่จะพุ่งเข้าใส่บุคคลนั้นแล้ว ถ้าเขากล้าแตะต้องทเวนเขาก็ไม่กังวลที่จะสนใจเรื่องการแบนหรือการลงโทษที่จะถูกลงโทษ
คนหัวโล้นรู้สึกผิดภายใต้การจ้องมองที่เงียบงัน ดังนั้นเขาจึงกัดฟันและเดินมาข้างหน้า
เมื่อมองไปที่การกระทำของเขาบรอสแนนก็ตะโกนว่า “คุณจะทำอะไร ผมเตือนคุณแล้วนะ…”
ถังเอินโบกมือเพื่อขัดจังหวะบรอสแนนที่กระวนกระวายใจ “ไม่เป็นไรคุณบรอสแนน”
คนหัวโล้นอยู่ข้างหน้าในไม่ช้าและมองไปที่ถังเอินด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยรอยยิ้มและความมั่นใจ หลังจากนั้นเขาหันกลับมามองเพื่อนของเขาที่ยังคงนิ่งเงียบ ในขณะนั้นเขารู้สึกราวกับว่าเขาเป็นเนื้อชิ้นนั้นที่อยู่ระหว่างแซนวิช…
ถังเอินรู้สึกประหม่ามากจริงๆ ลึกลงไปในหัวใจของเขา เขาเลือกคำพูดอย่างระมัดระวัง และกลัวที่จะเป็นปฏิปักษ์กับกลุ่มคนและปลุกเร้าแนวโน้มความรุนแรงของพวกเขา
สิ่งเดียวที่เขาทำได้ในตอนนี้คือถ่วงเวลาให้มากที่สุด เมื่อพวกเขามาถึงสถานีปลายทางพวกเขาคงไม่กล้าที่จะไปเจอนักข่าวและตำรวจแน่ๆ ใช่ไหม?
เขามาที่นี่เพื่อพาทีมมาแข่งขันฟุตบอลไม่ใช่มาเพื่อต่อสู้ อย่างไรก็ตาม เขาไม่สามารถแสดงจุดอ่อนใดๆต่อหน้าคนกลุ่มนี้ได้อย่างแน่นอน เขาต้องแสดงความแข็งแกร่งและทำให้พวกเขารู้สึกว่าแม้ว่าพวกเขาจะมีคนที่เยอะกว่าแต่ก็ไม่ทำให้เขากลัวแม้แต่น้อย!
ถังเอินกำลังคิดอยู่… ถ้าเพียงแต่เขามีบางอย่างเช่นกระบองสองท่อนหรือบางอย่าง อย่างน้อยเขาก็สามารถบลัฟฟ์และยับยั้งพวกมันได้ ยิ่งไปกว่านั้นเขาสามารถเลียนแบบบรูซลี และน่าจะทำให้พวกเขาพ่ายแพ้ได้มากที่สุด
เมื่อเห็นท่าทางที่ดูงุ่มง่ามบนใบหน้าของชายหัวโล้น ถังเอินยักไหล่และพูดว่า “ดูสิ นี่มันดีแค่ไหนพวกคุณอยู่ตรงนั้นในขณะที่เราอยู่ที่นี่ทำไมเราไม่มาจับมือกันแล้วเป็นเพื่อนกันจะไม่ดีกว่าหรอ พวกเรามาที่นี้เพื่อเพื่อแข่งขันฟุตบอล ไม่ได้มาทำสงคราม คุณชื่ออะไร”
ชายหัวล้านตอบกลับมาว่า “ไซม่อน” ก่อนที่เขาจะพูดจบประโยค เขาถูกใครบางคนดึงกลับมา หลังจากนั้น ชายอีกคนหนึ่งที่ดูเหมือนจะอายุห้าสิบก็ก้าวออกมาจากด้านหลัง
“คุณผู้จัดการ ผมไม่ต้องการให้สื่อพูดหลังการแข่งขันว่าชัยชนะของมิลล์วอลล์นั้นไม่สะอาด”
ชายคนนั้นชี้ไปที่เพียร์ซ บรอสแนนที่อยู่ด้านหลังถังเอิน “แน่นอนยิ่งกว่านั้น ผมไม่ต้องการให้คนของผมต้องติดบัญชีดำของตำรวจสำหรับเรื่องแบบนี้ เราจะไม่ทำอะไร” เขากล่าวขณะที่เขาเอื้อมมือออกมา
ถังเอินพยักหน้า “อย่างนั้นหรือ ผมต้องขอขอบคุณสำหรับสิ่งนี้” แม้ว่าเขาจะพูดอย่างนั้นถังเอินไม่ได้หันหลังกลับและเดินกลับ แต่เขายังคงยืนอยู่ที่นั่น ระหว่างแฟนๆและผู้เล่น
ลึกๆแล้ว ถังเอินไม่เชื่อคำพูดของคนประเภทนี้จริงๆ นับตั้งแต่กาวินเสียชีวิต ถังเอินมักจะเกลียดชังอันธพาลฟุตบอลตลอดจนแฟนๆของมิลล์วอลล์ทุกคน บางทีมันอาจจะเป็นอคติ แต่ถังเอินไม่ได้ตั้งใจจะเปลี่ยนมุมมองของเขา
น่าเสียดายอย่างเดียวคือเขาไม่มีเวลาบอกผู้เล่นว่าควรใช้แทคติกอะไร และควรเล่นอย่างไรระหว่างการแข่งขัน
โบกี้รถไฟฟื้นคืนความสงบอีกครั้งทั้งฝ่ายซึ่งจ้องมองกันและกันอย่างเงียบ ๆ พวกเขาจะไม่เพิกเฉยต่อสายตาของพวกเขา เพราะนั่นจะถือเป็นสัญญาณของการหลบหนีอย่างขี้ขลาด
เช่นนั้น พวกเขาจ้องตากันสงบสติอารมณ์ไม่แสดงอาการวิตกกังวลหรือใจร้อน แม้แต่ความถี่ของการหายใจก็ยังปกติ พวกเขาไม่ได้คิดอะไร ไม่แสดงสีหน้า และไม่มีความรู้สึกใดๆ จากสายตา พวกเขาจะไม่แสดงให้อีกฝ่ายเห็นข้อบกพร่องแม้แต่น้อยและจะไม่ปล่อยให้ตัวเองเสียเปรียบ
ดังนั้นอากาศก็หนักขึ้นท่ามกลางการแลกเปลี่ยนที่เงียบงัน แม้แต่ถังเอินก็ไม่รู้ว่าเขาจะอยู่ได้นานแค่ไหน และเม็ดเหงื่อที่มองเห็นได้ปรากฏบนหน้าผากของทั้งสองฝ่ายถังเอินรู้สึกได้ถึงหยาดเหงื่อไหลลงมาที่คิ้วของเขา ถ้าเขาไม่กระพริบตามันจะเข้าตาเขา…
ในขณะที่ทั้งสองกำลังจ้องตากันโดยไม่กระพริบสายตารถไฟก็ได้มาถึงสถานีเดอะเดนสเตเดียม …”
ความมืดด้านนอกหน้าต่างมาถึงจุดสิ้นสุด และสามารถมองเห็นแสงไฟได้
ไม่ใช่แค่ถังเอินเท่านั้น แต่ทีมของถังเอินเกือบทั้งหมดต่างถอนหายใจด้วยความโล่งอก
“พวกเขามาถึงปลายทางแล้ว”
รถไฟค่อยๆชะลอตัวลง และถังเอินก็เห็นนักข่าว ร็อบสัน
ที่เคยสัมภาษณ์เขาที่ ซิตี้ กราวด์ข้างๆเขามีนักข่าวจากสื่ออื่นๆ รวมทั้งตำรวจอีกกว่า 10 นาย ถังเอินรู้ว่าการเผชิญหน้ากับกลุ่มอันธพาลพวกนี้ได้จบลงแล้ว
เมื่อรถไฟหยุดนิ่งและประตูเปิดออก ชายคนนั้นทำท่าทางเชิญเขาออกไป ถังเอินไม่ขยับ และโบกมือให้วอล์คเกอร์นำผู้เล่นออกจากรถไฟก่อน
หลังจากที่ผู้เล่นคนสุดท้ายออกไปแล้ว ถังเอินก็หันหลังกลับและเดินออกไป เมื่อเขาออกจากรถไฟ ลมกระโชกแรงมาจากทิศทางของอุโมงค์พัดผ่านถังเอินดังนั้นเขาก็รู้ว่าเสื้อของเขาเปียกโชกไปหมด
เมื่อเห็นถังเอินออกมาจากรถไฟนักข่าวก็รีบวิ่งมาที่เขาพร้อมกับไมค์
“หากคุณมีคำถามใดๆผมจะตอบพวกคุณหลังจบการแข่งขัน ตอนนี้พวกคุณช่วยหลีกทางให้กับทีมของผมก่อนได้ไหม” เขาผลักนักข่าวที่ขวางทางก่อนจะวิ่งตามหลังผู้เล่นไป
เจมส์ ร็อบสันเห็นเพียร์ซที่มองไปรอบๆ ทันทีที่เขาลงจากรถ และดึงเขามา “คุณทำให้เราเป็นกังวลอย่างยิ่ง!”
แต่บรอสแนนนยิ้มและพูดว่า “คุณร็อบสัน ผมคิดว่าผมได้รับข่าวดีที่สุดแล้ว! คุณทเวนได้อนุญาตให้ผมเขียนเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นบนรถไฟใต้ดินและเผยแพร่ในหนังสือพิมพ์!”
ทันใดนั้น ก็มีเสียงตะโกนดังมาจากทางเข้า ดังก้องไปทั่วทั้งสถานีรถไฟใต้ดิน “เร็วเข้า! เร็วเข้า! เรามีเวลาไม่ถึง 10 นาที! ถึงเวลาที่พวกคุณทุกคนจะต้องวอร์มร่างกายแล้ว วิ่ง!”
บรอสแนนหันศีรษะไปทางทางออก แม้ว่าจะมองไม่เห็นพวกเขาอีกต่อไป แต่เงาของพวกเขายังคงยาวและมองเห็นได้บนบันได
ร็อบสันตบไหล่บรอสแนน และพูดว่าไปกันเถอะการแข่งขันกำลังจะเริ่มขึ้น
สิ่งที่ทำให้ ถังเอินคิดว่าตัวเองโชคดีคือทางออกของสถานีรถไฟใต้ดินมีทางเดินเท้าตรงไปยังทางเข้าสนามกีฬา สนามกีฬาอยู่ห่างจากสถานีรถไฟใต้ดินประมาณ 500 เมตร
และไม่ถือว่าไกล สิ่งที่โชคดีกว่าสำหรับเขาคือเพราะการแข่งขันกำลังจะเริ่มขึ้นในไม่ช้า ถนนสายนี้ซึ่งน่าจะแออัดมาก เหลือแต่พ่อค้าเร่และแฟนฟุตบอลเพียงไม่กี่คนเท่านั้น ด้วยเหตุนี้ ผู้เล่นของเขาจึงสามารถวิ่งเข้าไปในห้องเปลี่ยนเสื้อผ้าได้โดยไม่มีอะไรมาขวาง
หนึ่งนาทีต่อมา ทุกคนมาถึงห้องเปลี่ยนเสื้อผ้า ถังเอินหยุดอยู่ที่ทางเข้าแล้วตะโกนว่า“เปลี่ยนเสื้อสวมให้ถูกสตั๊ดสนับแข้งใส่ให้เรียบร้อย…”
ทันใดนั้นก็ได้ยินเสียงหอบดังออกมาจากห้องเปลี่ยนเสื้อผ้า
ถังเอินหันศีรษะไปรอบๆ และมองไปที่วอล์คเกอร์ที่หอบ “วอล์คเกอร์คุณควรฝึกร่างกายบ้างนะ”
ขณะหอบวอล์คเกอร์ตอบว่า “ไม่ต้องพูดถึงเรื่องนั้นตอนนี้… โทนี่ คุณยอดเยี่ยมเกินไป! โดยไม่ทำอะไรเลยคุณก็สามารถหยุดอีกฝ่ายได้!”
ดอว์สันที่กำลังสวมเสื้ออยู่ก็พูดแทรกขึ้นว่า “ใช่แล้ว ถูกต้อง! ผมคิดว่าทุกคนคงหวาดกลัวในตอนนั้น ผู้จัดการการแสดงของคุณน่าชื่นชมมาก!”
รีดเสริมว่า “ถูกต้อง บอกตามตรงผมไม่รู้ว่าต้องทำอย่างไร”
ถังเอินมีความสุขมากที่ทุกคนรู้สึกแบบเดียวกัน แม้ว่าจะเป็นอุบัติเหตุ แต่ศักดิ์ศรีของเขาในหมู่ผู้เล่นก็เพิ่มขึ้นอีกครั้ง
“แอนดี้ แค่คุณขี้กลัวเกินไป… เอาล่ะ! หมดเรื่องคุยแล้ว! ไปเปลี่ยนเสื้อผ้ากันเร็ว เราจะลงสนามกัน! ผมกล้าพนันได้เลยว่าไอ้พวกเลวจากมิลล์วอลล์คงคิดว่าเราเป็นลูกแกะที่ขี้ขลาด
พวกเขาสามารถได้รับชัยชนะได้อย่างง่ายดาย ตอนนี้ ได้เวลาบอกพวกเขาว่าพวกเขาคิดผิดมากขนาดไหน!”