Gourmet Food Supplier อยากกินไหมล่ะ - ตอนที่ 776-777
ตอนที่ 776
สองวันสุดท้ายที่ประเทศไทย
“หยวนน้อย สั่งอาหารเรียบร้อยหรือยัง?” เสี่ยวซิ่งถามขึ้นเมื่อเห็นหยวนโจวชะงักไป
“ยังเลยครับ รอสักครู่นะครับ” หยวนโจวส่ายหน้าแล้วจดจ่ออยู่กับการสนทนาข้างหลังต่อ
“คุณน่าจะรู้สึกดีขึ้นหลังจากดื่มน้ำอุ่นบนโต๊ะแล้วนะครับ” เสี่ยวซิ่งกล่าวพลางชี้ไปยังแก้วที่มีไอควันลอยขึ้นมา
“อืม ขอบคุณครับ” หยวนโจวพยักหน้าแล้วกล่าวขอบคุณ
“ด้วยความยินดีครับ เป็นหน้าที่ของผมอยู่แล้วล่ะ” เสี่ยวซิ่งกล่าว
คราวนี้หยวนโจวไม่ตอบและเอาแต่ยิ้มก่อนที่มองเมนูผ่านๆ
“ลองดูซิว่าคุณอยากจะทานอะไร” หยวนโจวกล่าว
“โอคครับ ผมจะสั่งบริกรหลังจากเลือกเสร็จแล้วกันนะครับ” เสี่ยวซิ่งกล่าวพลางพยักหน้า
“อืม” หยวนโจวพยักหน้า
ในขณะที่หยวนโจวกับเสี่ยวซิ่งคุยกันอยู่นั้น ชายหนุ่มกับหญิงสาวทางด้านหลังพวกเขาก็สั่งอาหารเช่นกัน พวกเขาไม่พูดถึงร้านหยวนโจวอีก
แต่หยวนโจวกลับพบว่าทั้งสองคนใช้ภาษาอังกฤษได้ดีทีเดียวเนื่องจากพวกเขาสามารถสื่อสารกับบริกรได้พอสมควร ถึงแม้ว่าบริกรจะพูดภาษาอังกฤษด้วยเสียงหนักแน่นก็เถอะ
เมื่อหยวนโจวไม่อาจสะกดกลั้นความอยากรู้เอาไว้ได้อีกต่อไปจึงหันไปมองพวกเขาทั้งสองคนคุยกันอีกครั้ง
“นายก็รู้จักร้านหยวนโจวเหมือนกันเหรอ?” หญิงสาวถามด้วยความประหลาดใจ
“แหงอยู่แล้ว ก็หมู่นี้เขาโด่งดังมากเลยนี่นาแถมเธอเองก็เป็นนักชิมด้วย” ชายหนุ่มกล่าวเอาใจ
“หลังจากกลับไปแล้ว ฉันจะออกไปตระเวนหาร้านอาหารตลอดทั้งสามวันไม่ขาดไม่เกินไปสักวันเลยเชียวล่ะ” หญิงสาวประกาศด้วยความเด็ดเดี่ยว
“ฉันไม่คิดว่าร้านจะเปิดตลอด 24 ชั่วโมงหรอกนะ?” ชายหนุ่มถามด้วยความกังขา
หยวนโจวพยักหน้าโดยอัตโนมัติเมื่อได้ยินเช่นนั้น ร้านของเขาไม่ได้เปิด 24 ชั่วโมง
“ฉันรู้หรอกน่า ฉันก็แค่อยากอยู่ที่นี่ ถึงจะแค่มาดมกลิ่นของร้านก็เพียงพอสำหรับฉันแล้วล่ะ” หญิงสาวกล่าวราวกับตกอยู่ในภวังค์อย่างเห็นได้ชัด
แทบจะทันทีที่เธอพูดออกไป เธอก็จามออกมา
“บ้าจริง ทำไมถึงได้มีกลิ่นเครื่องเทศไปเสียทุกหนทุกแห่งเลยนะ? ฉันจะตายอยู่แล้วเนี่ย” หญิงสาวกล่าวอย่างจนปัญญา
“ไม่เป็นไรนะ ไม่เป็นไร ฉันจะพาเธอไปร้านหยวนโจวตอนที่พวกเรากลับไปเอง พวกเราจะไปทานอาหารที่นั่นกันวันละสามมื้อเลย” ชายหนุ่มปลอบ
“ต้องยังงี้สิ เฮ้อ ฉันคิดถึงอาหารของเถ้าแก่หยวนจริงๆเลย” หญิงสาวทอดถอนใจ
จากนั้นชายหนุ่มก็เปลี่ยนเรื่องคุย เขาน่าจะพยายามเบี่ยงเบนความสนใจของเธอไปที่อื่น หยวนโจวหยุดฟังพวกเขาคุยกัน
ขณะที่หยวนโจวกำลังรู้สึกลำพองใจอยู่นั้น เสี่ยวซิ่งก็พูดขึ้นมาว่า
“หยวนน้อย คุณยิ้มอะไรอยู่งั้นเหรอ?” เสี่ยวซิ่งถามด้วยความประหลาดใจ
ใช่แล้วล่ะ จู่ๆหยวนโจวก็ยิ้มขึ้นมาก่อน
“อืม พอดีว่าผมอารมณ์ดีน่ะครับ” หยวนโจวไม่ปฏิเสธแถมยังพยักหน้าอีกต่างหาก
“มีเรื่องอะไรดีๆเกิดขึ้นงั้นเหรอ?” เสี่ยวซิ่งถามด้วยความสนใจอย่างเห็นได้ชัด
“เมื่อกี๊มีคนชมผมน่ะสิครับ” หยวนโจวกล่าว
“ชมงั้นเหรอ? เมื่อไหร่กันครับ?” เสี่ยวซิ่งรู้สึกสับสน
ในช่วงสองสามวันที่ผ่านมา เสี่ยวซิ่งสังเกตได้ว่าหยวนโจวไม่ใช่คนที่จะใช้โทรศัพท์มือถืออยู่ตลอดเวลา เขาจะไม่ใช้โทรศัพท์มือถือในขณะขับรถหรือรับประทานอาหารเลย นอกเหนือไปจากตอนที่รับสายแล้ว หยวนโจวก็แทบไม่เคยหยิบโทรศัพท์ออกมาเลยเสียด้วยซ้ำไป
แน่นอนว่าเขาย่อมหยิบโทรศัพท์ออกมาตอนที่เขาส่งข้อความด้วย แต่จำนวนข้อความที่เขาส่งกลับน้อยกว่าสายที่รับเสียอีก
หยวนโจวนั่งอยู่ตรงข้ามกับเขาโดยปราศจากโทรศัพท์แต่เขากลับบอกว่ามีคนชมเขาด้วย สิ่งนี้ทำให้เสี่ยวซิ่งรู้สึกสับสนมาก
เสี่ยวซิ่งกวาดตามองไปรอบๆแต่ก็ไม่พบสิ่งใด จากนั้นเขาก็มองหยวนโจวด้วยความข้องใจ
“ก็แค่คนที่คุณไม่รู้จักเท่านั้นแหละครับ” หยวนโจวอธิบาย
คำอธิบายนี้กลับทำให้เสี่ยวซิ่งรู้สึกสับสนไปกันใหญ่
“เมื่อกี๊ผมกำลังตอบข้อความอยู่ คุณได้คุยกับใครอยู่หรือเปล่าครับ?” เสี่ยวซิ่งถาม
“เปล่าครับ ผมแค่บังเอิญได้ยินคำชมก็เท่านั้นเอง” หยวนโจวส่ายหน้า
เสี่ยวซิ่งก็ยังคงรู้สึกสับสนอยู่ดี ขณะที่เขากำลังจะถามต่อนั้น บริกรก็มาถึงพร้อมกับอาหารของพวกเขา
“ทานก่อนเถอะครับ” หยวนโจวกล่าวพลางทำท่าทำทางให้บริกร
“โอ้ ได้ครับ” เสี่ยวซิ่งพยักหน้า
ทันทีที่อาหารมาถึง เสี่ยวซิ่งก็เริ่มแนะนำอาหารพวกนั้นไปทีละอย่าง ส่วนหยวนโจวกำลังถือตะเกียบอยู่ หลังจากการแนะนำอาหารแต่ละอย่างแล้ว หยวนโจวก็จะทานอาหารเข้าไปคำหนึ่งก่อนที่จะเขียนอะไรบางอย่างลงไป
ชื่ออาหาร: กุ้งมะนาว ใช้มะนาวเยอะมาก นอกจากนี้ยังมีการต้มมะนาวกับสะระแหน่นิดหน่อยแล้วผสมลงในซอสด้วย
รสชาติ: รสชาติของเครื่องเทศที่ชัดเจนผสานเข้ากับกุ้งขนาดกลางที่นำมาใช้ เนื้อสัมผัสของเนื้อสัตว์ไม่เลวเลยทีเดียว ทว่ารสชาติของเครื่องเทศแรงเกินไป แต่เป็นรสชาติที่มีเอกลักษณ์เช่นกัน
คะแนนความอร่อย: ไม่ถูกปากฉันสักเท่าไหร่
หยวนโจวจดบันทึกหลังจากเขากินกุ้งไปแล้ว สมุดบันทึกเล่มนี้เป็นสิ่งที่หยวนโจวเตรียมเอาไว้ล่วงหน้านั่นเอง สมุดบันทึกหนาหนึ่งนิ้วและกว่าครึ่งเต็มไปด้วยบันทึกมากมายอยู่แล้ว
เมื่อกำลังทานอาหารอยู่ในร้าน หยวนโจวจะรีบเขียนลงไปทันที เมื่อกำลังทานขนมจากพ่อค้าแม่ขายข้างนอก หยวนโจวก็จะเขียนบันทึกเมื่อตอนที่กลับเข้าห้องพักในโรงแรมแล้วเท่านั้น
หยวนโจวทานอาหารไปพลางเขียนบันทึกไปพลางอยู่แบบนั้น ในขณะเดียวกัน เสี่ยวซิ่งก็เอาแต่ทานอาหารหลังจากแนะนำอาหารทั้งหลายไปแล้ว
พวกเขาทานอาหารด้วยความเร็วที่พอเหมาะพอดี ไม่นานพวกเขาก็ทานจนหมดและเตรียมที่จะออกไป
“คุณไกด์ทัวร์ แซ่ซิ่งเหรอครับ?” จู่ๆหยวนโจวก็ถามขึ้นมา
“ครับ ผมแซ่ซิ่ง” เสี่ยวซิ่งตอบระหว่างที่ขับรถไปด้วย
“นี่เป็นแซ่ที่หาได้ค่อนข้างยากเลยนะครับ” ตอนนี้หยวนโจวรู้แล้วว่าตัวเองเรียกชื่อของไกด์ทัวร์ผิด โชคดีที่ตัวอักษรซิ่งที่เขาเรียกฟังดูเหมือนตัวอักษรซิ่งที่เป็นแซ่จริงของเสี่ยวซิ่ง มิฉะนั้น ความประทับใจที่ดีของไกด์ทัวร์คงได้ถูกเขาทำลายลงเป็นแน่
เสี่ยวซิ่งเริ่มอธิบายว่า “ผมคิดว่าแซ่นี้มีต้นกำเนิดมาจากขุนนางฝ่ายอาญาในสมัยโบราณ ซิ่งเป็นแซ่รองที่หาได้ยากมาก นอกจากญาติพี่น้องของผมแล้ว ผมก็ยังไม่เคยเจอใครที่มีแซ่เดียวกันเลยครับ”
หยวนโจวพยักหน้า ไกด์ทัวร์คนนี้เป็นคนที่ชวนคุยเก่งมากทีเดียว
“อ้อเกือบลืมไป ผมไปถามเพื่อนร่วมงานมาแล้วนะ ตลาดสดที่คุณเอ่ยถึงกำลังปรับปรุงอยู่และอาจจะย้ายไปแล้วล่ะครับ” เสี่ยวซิงบอกหยวนโจว
“อืม ไม่ต้องห่วงเรื่องนั้นหรอกครับ ยังไงพวกเราก็จะเดินทางไปหาของกินกันต่ออยู่ดีแหละครับ” หยวนโจวกล่าวหลังจากจิบน้ำแร่อึกหนึ่งจากขวด
“กินอีกแล้วเหรอครับ?” เสี่ยวซิงถามด้วยความประหลาดใจ
“อืม ต่อเลยครับ” หยวนโจวพยักหน้า
หลังจากมาถึงประเทศไทยแล้ว หยวนโจวก็ยังไม่ได้ทานอะไรที่เขาชอบอย่างจริงๆจังๆเลย เขารู้สึกราวกับว่าเรื่องนั้นมีความเป็นไปได้มากที่สุดเพราะขาดคนที่มีความเชี่ยวชาญพาเขามา
ดังนั้นหยวนโจวจึงตัดสินใจที่จะขอคำปรึกษาไกด์ทัวร์ว่ามื้อค่ำจะทานอะไรดี อาจจะมีอาหารอร่อยที่ถูกปาก คนจีนอยู่ก็ได้
เสี่ยวซิ่งตอบว่า “ในประเทศไทยมีอาหารอร่อยอยู่มากมาย ยกตัวอย่างเช่น อาหารจำพวกต้มยำหรืออาหารทะเลและอื่นๆ ขึ้นอยู่กับว่าคุณอยากทานอะไร”
“นับตั้งแต่ผมอยู่ในประเทศไทย ผมกำลังจะไปทานอาหารจานเด็ด…” หยวนโจวกำลังจะบอกว่าเขาอยากทานอาหารไทยจานเด็ดก่อนที่จมูกของเขาจะได้กลิ่นอ่อนๆของเครื่องเทศที่ชัดเจน ทันใดนั้นเขาก็สำลักคำพูดของตัวเองไปในทันที
“ผมไม่ใช่คนเรื่องมาก ขอเพียงแค่อาหารอร่อย เชฟเก่ง วัตถุดิบถูกปากคนทั่วไปและสภาพแวดล้อมสำหรับการทานอาหารสะอาดก็พอแล้วล่ะครับ” หยวนโจวกล่าว
เสี่ยวซิ่งถึงกับเงียบไปพลางลิสต์รายชื่อร้านอาหารที่เข้ารู้จัดอยู่ในใจ จากนั้นก็ตัดออกไปเสียร้อยละ 80 เหลือเพียงร้อยละ 20 ที่ตรงตามเกณฑ์ที่หยวนโจวกำหนด
เสี่ยวซิ่งกล่าวว่า “ร้านปลาสามตัวก็ไม่เลวเลยนะครับ เชฟที่นั่นมีชื่อเสียงทีเดียวแถมร้านยังมีรูปแบบที่เป็นเอกลักษณ์อีกต่างหาก ยกตัวอย่างเช่น ลูกค้าสามารถปรับเปลี่ยนรสชาติที่พวกเขาต้องการเช่นเผ็ดหรือกลมกล่อมได้ตามใจชอบ แล้วร้านก็จะปรับเปลี่ยนรสชาติอาหารให้ตามนั้น”
“ไม่เลวเลยนี่นา” หยวนโจวกล่าว ความสนใจของเขาถูกกระตุ้นขึ้นมาเสียแล้วสิ
ตอนที่ 777
ทุเรียนย่าง
จะสนองความต้องการของลูกค้าทุกคนได้งั้นเหรอ? หยวนโจวตาเป็นประกายเนื่องจากถูกกระตุ้นความสนใจขึ้นมาในทันที มีเชฟอยู่น้อยคนที่จะสามารถพลิกแพลงให้เข้ากับการทำอาหารแบบนี้ได้ แม้แต่หยวนโจวที่รู้วิธีทำโต๊ะจีนปลาก็พบว่ายากที่จะทำแบบนั้นได้
“อาหารที่นั่นอร่อยไหมครับ?” หยวนโจวพยายามที่จะสอบถามเผื่อว่าไกด์ทัวร์จะเคยไปทานมาก่อนแล้ว
ซิ่งน้อยตอบว่า “รสชาติไม่เลวทีเดียวครับ ผมเคยไปที่นั่นมาครั้งนึงแล้ว”
เมื่อได้ยินเช่นนี้แล้ว หยวนโจวก็รู้สึกโล่งใจและตัดสินใจเลือกร้านแห่งนั้น พวกเขาจึงเริ่มมุ่งหน้าไปที่นั่น
ตอนนี้ไม่นับว่าเร็วเกินไปสักนิดที่จะเริ่มมุ่งหน้าไปที่นั่น ถ้าหากพวกเขาจะไปทานอาหารที่ร้านปลาสามตัว ถึงอย่างไรร้านก็อยู่ฝั่งตรงกันข้ามของเมืองจากตำแหน่งที่พวกเขาอยู่ในขณะนี้ พวกเขายังต้องเดินทางอีกไกลเชียวล่ะ
ระหว่างทางหยวนโจวเริ่มลูบท้องที่กำลังปวดเมื่อเขานึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้จึงถามขึ้นมาว่า “ร้านปลาสามตัวใช้ปลาน้ำเค็มหรือว่าปลาน้ำจืดในอาหารพวกนั้นเหรอครับ?”
“ผมคิดว่าพวกเขาใช้ทั้งสองอย่างเลยนะ แต่ส่วนใหญ่น่าจะเป็นปลาน้ำจืดครับ” ซิ่งน้อยตอบอย่างไม่แน่ใจหลังจากครุ่นคิดอยู่เล็กน้อย
ปลาน้ำจืดน่าจะดีที่สุดแล้วล่ะ หยวนโจวเตรียมตัวที่จะไปทานอาหารที่นั่นแล้ว
ตอนที่อยู่บนรถนั้น หยวนโจวกำลังสงสัยว่าร้านจะสามารถสนองความต้องการของลูกค้าทุกคนได้อย่างไรกัน ความต้องการอาทิเช่น รสเผ็ด กลมกล่อมหรือหวานก็คงจะสนองได้ง่ายแต่ถ้าเป็นความต้องการยากๆเล่าจะเป็นอย่างไร?
หยวนโจวตัดสินใจที่จะดูว่าร้านแห่งนั้นจะสนองความต้องการในเรื่องนี้ได้อย่างไร
พวกเขาใช้เวลาเดินทางด้วยรถยนต์ตลอดทั้งช่วงเย็น ตอนที่พวกเขาไปถึงที่นั่น ฟ้าก็มืดแล้ว สาธารณูปโภคในประเทศไทยพร้อมจริงๆ หลายๆส่วนของถนนยังมืดอยู่เลย โชคดีที่พวกเขากำลังจะไปบางแห่งที่มีแสงสาดส่องร้านอาหารที่อยู่บนชั้นสองของตึกนั่นเอง
ในเมื่อซิ่งน้อยก็อยากกินเช่นเดียวกัน หยวนโจวจึงตัดสินใจที่จะเลี้ยงซิ่งน้อยในมื้อนี้ เขาตรวจกับเจ้าระบบดูแล้ว เขาสามารถใช้เงินทุนเพื่อเลี้ยงซิ่งน้อยได้เช่นกัน
ศาสนาพุทธมีอิทธิพลกับประเทศไทยมากกว่าประเทศจีนเสียอีก ทันทีที่พวกเขาเข้ามาในร้านก็เห็นพระพุทธรูปองค์หนึ่ง พระพุทธรูปมีใบหน้ากลม คิ้วโก่งและคางแหลมที่ส่องสว่างด้วยโคมดอกบัว
หยวนโจวเป็นพวกที่ไม่เชื่อในพระเจ้าแต่เนื่องจากบิดามารดาเป็นชาวพุทธ เขาจึงรู้จักศาสนาพุทธอยู่นิดหน่อย นี่ก็คือพระพุทธรูปจากสมัยโบราณนั่นเอง หยวนโจวมองดูสักครู่หนึ่งก่อนที่จะละสายตาไป ด้วยเหตุผลบางประการ อารมณ์ของเขาเริ่มจมดิ่งลงเสียแล้ว
เมื่อตามบริกรหญิงไปแล้ว พวกเขาก็นั่งลงที่โต๊ะว่างๆตัวหนึ่ง หยวนโจวไม่เข้าใจคำที่บริกรหญิงกล่าวมาเลยสักนิด เนื่องจากร้านนี้ค่อนข้างเป็นที่นิยม บรรดาลูกค้าจึงต้องเข้าคิวเพื่อให้ได้ที่นั่งของที่นี่ โชคดีที่หยวนโจวกับซิ่งน้อยมาถึวก่อนเลยได้ที่นั่งก่อน
“เอาล่ะ คุณอยากทานอะไรดีครับ?” หยวนโจวทำไม้ทำมือให้บริกรหญิงเพื่อขอเมนูสองที่ จากนั้นเขาก็ยื่นเมนูให้ไกด์ทัวร์ก่อนที่จะถามว่าเขาอยากทานอะไร
ตามที่ไกด์ทัวร์บอกไว้ ร้านแห่งนี้มักจะจัดเตรียมปลาสามตัวตามรสนิยมของลูกค้า ในเมื่อเป็นแบบนั้น เมนูก็คงไร้ประโยชน์แล้ว หยวนโจวเปิดเมนูไปพลางนึกอยู่ในใจแล้วก็รู้สึกผิดหวังกับสิ่งที่เห็นขึ้นมาทันที
ถึงแม้ว่าเขาจะอ่านภาษาไทยไม่ออก แต่เขาก็สามารถเดาสิ่งที่อยู่บนเมนูจากรูปภาพได้ ที่เรียกกันว่าปลาสามตัวก็เพราะเป็นร้านที่มีความเชี่ยวชาญด้านปลามากเป็นพิเศษ บนเมนู ปลาชนิดต่างๆจะถูกจัดให้มีรสชาติที่แตกต่างกันไป เช่น รสเผ็ดและเค็ม ทั้งยังต่างไปจากสิ่งที่หยวนโจวจินตนาการเอาไว้โดยสิ้นเชิงอีกต่างหาก
สิ่งที่หยวนโจวจินตนาการเอาไว้ก่อนหน้านี้คือร้านที่เขาสามารถร้องขอสิ่งที่ต้องการได้ตามใจ ยกตัวอย่างเช่น ถ้าหากลูกค้าอยากทานอาหารรสชาติอ่อนๆ เชฟก็จะทำปลารสชาติอ่อนๆมาให้ หยวนโจวบอกให้ไกด์ทัวร์แปลเมนูให้ฟังก่อนที่เขาจะสั่งผัดเผ็ดปลาย่างจากเมนู
เนื่องจากซิ่งน้อยเคยมาที่นี่ก่อนแล้ว เขาจึงไม่ต้องใช้เวลามากนักในการตัดสินใจว่าจะทานอะไร ถึงแม้ว่าหยวนโจวจะรู้สึกผิดหวังก็เถอะ แต่เขาก็ยังมีความรู้สึกประทับใจอย่างลึกซึ้งกับร้านแห่งนี้สำหรับความคิดสร้างสรรค์ในการทำอาหารทุกอย่างด้วยปลาสามตัว หยวนโจวตัดสินใจที่จะค้นคว้าหาข้อมูลเรื่องนี้ สักวันหนึ่งถ้าหากเขาวางจำหน่ายปลาสามตัวในร้านตัวเองหรือแม้แต่อาหารจำพวกปลาสักจาน เขาจะทำอาหารที่ลูกค้าของเขาสามารถร้องขอรสชาติที่ต้องการได้ตามใจเลยล่ะ
ปลาสามตัวดูเหมือนจะเยอะ แต่อันที่จริงแล้วก็เยอะนั่นแหละ ปลาแต่ละตัวมีน้ำหนักราวๆสองชั่ง พวกเขาจะให้ลูกค้ากินให้ตายหรือไงกัน?
หยวนโจวต้องใช้ความพยายามอย่างถึงที่สุดเพื่อทานอาหารที่สั่งมาให้หมด น่าเสียดายที่เขาไม่ได้มีกระเพาะอย่างอู๋ไห่ หยวนโจวถึงกับทอดถอนใจเมื่อนึกถึงเรื่องนี้
เมื่อหยวนโจวมองไปทางซิ่งน้อยที่นั่งอยู่ข้างๆก็ต้องตาเบิกกว้างทันที
“ทำไมปลาของคุณถึงได้น้อยกว่าของผมล่ะครับ?” หยวนโจวถามขึ้นพลางจับจ้องไปที่ปลาแต่ละตัวของซิ่งน้อยที่มีขนาดราวๆครึ่งชั่ง ต่างกันเกินไปแล้ว
“ผมคิดว่าผัดเผ็ดปลาย่างมีขนาดมาตรฐานอยู่แล้วนะครับ” ซิ่งน้อยกล่าวอย่างไม่แน่ใจนัก เขาสั่งอาหารแบบเดียวกับที่เคยสั่งมาเมื่อคราวก่อน ดังนั้นเขาจึงไม่เอะใจสักนิด
“งั้นไม่เป็นไรครับ” หยวนโจวพยักหน้า เขาลุกขึ้นแล้วไปจ่ายบิลค่าอาหารอย่างไม่เร่งร้อน
หลังจากอาหารมื้อนั้น พวกเขาก็เดินลงไปดูสภาพแวดล้อมที่เปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิง ก่อนหน้านี้เมื่อตอนที่พวกเขามาถึง มันทั้งมืดและไม่ค่อยจะมีผู้คนอยู่แถวนี้เลย แต่ตอนนี้กลับเต็มไปด้วยแผงขายขนมยาวเหยียด
ถึงแม้ว่าหยวนโจวจะอิ่มมากแล้วก็ตามที แต่เขาก็ยังเดินหน้าไปที่แผงลอยยาวเหยียดด้วยความมุ่งมั่นอย่างแรงกล้า เขาตัดสินใจแน่วแน่แล้วว่าไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น วันนี้เขาจะต้องทานอาหารอร่อยให้ได้เลย
หยวนโจวจำได้ว่าของว่างที่ประเทศจีนใช่ว่าจะมีรสชาติอร่อยสักเท่าไหร่นักแต่ก็ยังมีความพิเศษและความเป็นเอกลักษณ์ของตัวเอง เขาคิดว่าถ้าอยากจะเข้าใจสถานีที่ใดสักแห่งให้มากขึ้น การทานของว่างจากแผงลอยในท้องถิ่นก็นับว่าเป็นทางเลือกที่ดี
ดังนั้นหยวนโจวจึงต้องทานของว่างที่นี่
“ไปกันเถอะ ซิ่งน้อย ผมจะเลี้ยงขนมคุณเองครับ” หยวนโจวกล่าวขึ้นขณะที่เขาพาซิ่งน้อยไปที่แผงลอยริมถนน
“พี่หยวนครับ พี่หยวน ผมทานไม่ไหวแล้วจริงๆ แต่คุณก็ใจดีเกินไปแล้ว” ซิ่งน้อยกล่าวพลางโบกไม้โบกมือ
หยวนโจวไม่เชื่อสิ่งที่เขาพูดเลยสักนิด “มาเถอะน่า ปลาสามตัวไม่นับเป็นอะไรได้เลย คุณจะอิ่มได้ยังไงกันเล่า? ไม่ต้องห่วงหรอกครับ มากินกันเถอะ”
เพราะแบบนั้นซิ่งน้อยจึงถูกหยวนโจวฉุดกระชากลากถูไปตามแผงลอยริมถนน ในประเทศไทย ของว่างที่แผงลอยริมถนนขายจะเป็นอาหารจำพวกปิ้งย่างและอาหารทะเลเสียส่วนใหญ่
อันที่จริงแล้วของก็ดูธรรมดามากทีเดียว น่าจะเป็นกุ้งหรือปูย่างที่โรยเครื่องปรุงลงไป หยวนโจวลองชิมดูและถึงแม้ว่าจะรสชาติไม่เลวเลย แต่เขาก็ไม่สามารถออกปากชื่นชมออกมาได้อีกแล้วในเมื่อเขาเป็นที่เลือกกินมากทีเดียว
ราวๆครึ่งชั่วโมงหลังจากนั้น จู่ๆซิ่งน้อยก็สกัดหยวนโจวเอาไว้
หยวนโจวมองซิ่งน้อยด้วยความสงสัยแล้วมองสีหน้าเอาจริงเอาจังของซิ่งน้อยขณะที่ที่เขาพูดขึ้นมาว่า “พี่หยวนครับ ผมทานไม่ไหวแล้วจริงๆ ผมไม่ใช่คนสุภาพอะไรนัก แต่ผมทานไม่ไหวแล้วจริงๆครับ” ซิ่งน้อยรู้สึกราวกับว่าอีกไม่นานท้องจวนจะระเบิดอยู่แล้ว
“ไม่เป็นไรครับ ผมไม่ฝืนใจคุณหรอก” หยวนโจวพยักหน้า
เมื่อตัดสินจากการทานของอร่อยในวันนี้ หยวนโจวก็ยังมุ่งมั่นที่จะเดินไปตามท้องถนนเพื่อลองชิมของว่างที่เขาพบเจอ จนทำให้ซิ่งน้อยต้องมองหยวนโจวที่ทานทุกสิ่งอย่างจากฝั่งหนึ่งของถนนไปยังอีกฝั่ง ซิ่งน้อยรู้สึกว่าแค่มองหยวนโจวกินก็อิ่มเสียแล้ว
จู่ๆหยวนโจวก็เจอสิ่งที่เขาไม่กล้าลองชิมเข้าแล้ว
เขาเจอทุเรียนย่างเข้าน่ะสิ
ของอย่างทุเรียนสามารถเอามาย่างได้ด้วยงั้นเหรอ?
เมื่อหยวนโจวเจอสถานการณ์นี้เข้าไป เขาก็นึกถึงคำถามที่เคยเห็นในอินเตอร์เน็ตขึ้นมาได้คือ ระหว่างรสชาติราวกับอึของช็อคโกแล็ตกับช็อคโกแล็ตรสชาติราวกับอึ คุณจะเลือกกินอันไหนดีล่ะ?