Gourmet Food Supplier อยากกินไหมล่ะ - ตอนที่ 770-771
ตอนที่ 770
งั้นแกก็รออยู่ที่นี่แหละนะ เจ้าระบบ
เวลาของประเทศไทยเร็วกว่าของประเทศจีนประมาณหนึ่งชั่วโมง ดังนั้นเมื่อหยวนโจวตื่นนอนตามปกติ เขาก็ตรวจสอบเวลาโดยอัตโนมัติ
“หา? ยังตีสี่อยู่งั้นเหรอ? เอาล่ะ งั้นฉันไปนอนต่ออีกสักหน่อยดีกว่า” หยวนโจววางโทรศัพท์ลงแล้วนอนต่อ
แต่เขารู้สึกตัวตื่นขึ้นมาได้ไม่นานหลังจากนั้นเขาก็นอนลงไปอีกครั้ง
“ช้าก่อนนะ เวลาที่นี่เร็วกกว่าหนึ่งชั่วโมงไม่ใช่เหรอ?” หยวนโจวลืมตาแล้วลุกจากเตียงหลังจากนึกถึงเรื่องนี้ขึ้นมาได้
เขาล้างหน้า แต่งตัวแล้วออกไปหลังจากใส่รองเท้าวิ่งแล้ว เขากำลังทำสิ่งเดียวกับที่เขามักจะทำเมื่อตอนที่อยู่ในประเทศจีน
แต่เนื่องจากเขาไม่คุ้นเคยกับที่แห่งนี้ เขาจึงไม่ได้ออกไปข้างนอกเลย แต่เขากลับไปยิมของโรงแรมแทน
เมื่อลิฟท์มาถึงชั้นดังกล่าวแล้ว หยวนโจวก็มุ่งตรงไปที่ยิม ทันทีที่เขาไปถึงก็พบว่ายิมก็ยังไม่เปิด
“ยังไม่เปิดงั้นเหรอ?” หยวนโจวถึงกับพูดไม่ออกขณะที่จ้องมองไปทางประตูที่ปิดอยู่
“ไม่เป็นไร ฉันจะไปวิ่งแถวๆโถงชั้นล่างก็แล้วกัน” หยวนโจวลงไปชั้นล่างแล้วเริ่มออกกำลังกายตามปกติ
หลังจากออกกำลังกายเสร็จแล้ว หยวนโจวก็กลับไปที่ห้องตัวเองแล้วอาบน้ำ อุณหภูมิในประเทศไทยค่อนข้างสูงทีเดียว
เขาชุ่มโชกไปด้วยเหงื่อหลังจากออกกำลังกายจนทำให้ไม่สามารถไปรับประทานอาหารเช้าได้ ถึงอย่างไรเขาก็เป็นถึงเชฟที่รักความสะอาดคนหนึ่งเชียวนะ
เมื่อถึงเวลาอาหารมื้อเช้า หยวนโจวก็ชักจะกังวลขึ้นมาแล้ว
“ฉันไม่รู้ภาษาที่นี่เลย แล้วฉันจะรับอาหารยังไงกันเล่า?” หยวนโจวเริ่มมองเหม่อไปที่จุลสารของโรงแรม
จุลสารในห้องเป็นภาษาไทยและภาษาอังกฤษ แต่น่าเสียดายที่ภาษาอังกฤษของหยวนโจวอยู่ในระดับอนุบาล นอกเหนือไปจากคำที่ใช้กันบ่อยๆเพียงไม่กี่คำ เขาก็ไม่รู้จักภาษาอังกฤษคำอื่นเลย
“เจ้าระบบ แกช่วยจัดหาบริการแปลภาษาให้หน่อยได้ไหม?” Yuan Zhou asked.
เจ้าระบบแสดงผลออกมาว่า “ขอแนะนำให้เจ้านายเรียนรู้ภาษาด้วยตัวเองนะ”
“ฉันอายุปูนนี้แล้ว ฉันยังสามารถเรียนภาษาอังกฤษได้อีกเหรอไง?” หยวนโจวตอบโต้ด้วยคำถาม
เจ้าระบบพบว่ายากที่จะตอบคำถามนี้ได้ ถึงอย่างไรหยวนก็ไม่มีพรสวรรค์ทางด้านภาษาโดยสิ้นเชิง เจ้าระบบจึงไม่จำเป็นที่จะต้องมีความสามารถในการประเมินพรสวรรค์เพื่อให้ทราบเรื่องนี้เช่นกัน
ตัวอย่างที่ชัดเจนของเรื่องนี้ก็คือถึงแม้ว่าหยวนโจวจะสามารถเข้าใจภาษาฝรั่งเศสได้ แต่เขาก็ไม่สามารถพูดและอ่านภาษาฝรั่งเศสได้เช่นเดียวกัน ระดับพรสวรรค์ทางด้านภาษาของเขาค่อนข้างชัดเจนทีเดียว…
“อืม ฉันคิดว่าอย่างน้อยฉันก็รู้จักคำว่า ‘ร้านอาหาร’ แหละน่า” หยวนโจวตัดสินใจที่จะพึ่งตัวเองหลังจากครุ่นคิดอยู่เล็กน้อย
“ปกติร้านอาหารจะตั้งอยู่ชั้นสิบ คงไม่สูงเกินไปนักหรอก ฉันยังรู้วิธีอ่านคำว่า ‘สิบ’ อีกด้วยล่ะ” หยวนโจวเริ่มค้นหาร้านอาหารอย่างละเอียด
หลังจากศึกษาจุลสารอยู่ครึ่งชั่วโมง ในที่สุดหยวนโจวก็พบบางที่ที่เขาสงสัยว่าจะเป็นร้านอาหาร มันอยู่บนชั้นสามของโรงแรม
“โชคดีที่ฉันฉลาดนะเนี่ย” หยวนโจววางจุลสารลงแล้วออกจากห้องไป
หยวนโจวมีอุปนิสัยชอบรับประทานอาหารเช้าแบบเบาๆ เมื่ออยู่ในร้านของตัวเอง เขาจะกินทุกอย่างที่เขาวางแผนที่จะวางจำหน่ายในวันนั้น ตอนนี้เขาอยู่ในร้านอาหารแล้ว เขาเลือกอาหารเช้าง่ายๆอันประกอบไปด้วยแซนด์วิชกับนมสดแก้วหนึ่งหลังจากเดินไปทั่วร้าน
หลังจากรับประทานอาหารเช้าเรียบร้อยแล้ว หยวนโจวก็เตรียมตัวที่จะออกจากโรงแรม นี่เป็นวันแรกของเขาในประเทศไทย ดังนั้นเขาจึงต้องสนุกกับตัวเองเข้าไว้
“ฉันจะไปเยี่ยมชมรูปปั้นพระพรหมข้างโรงแรมก่อนก็แล้วกัน ฉันมาจากประเทศที่มีศาสนาพุทธเป็นศาสนาหลักก็สมควรแล้วที่ฉันจะไปเยี่ยมชมพระพุทธรูปเสียก่อน” หยวนโจวตัดสินใจออกเดินทางหลังจากตรวจสอบกระเป๋าสตางค์ของตัวเองซ้ำอีกครั้ง
กระเป๋าสตางค์ของเขาอัดแน่นไปด้วยเงินทุนสำหรับการเดินทางที่เจ้าระบบจัดเตรียมเอาไว้ให้ ส่วนเงินของหยวนโจวเองนั้น เขาไม่ได้นำมาด้วย เป็นเรื่องที่หาได้ยากมากที่เจ้าระบบจะใจกว้างเสียขนาดนี้ ดังนั้นหยวนโจวจึงตัดสินใจที่จะเคารพความเอื้อเฟื้อของเจ้าระบบด้วยการใช้เงินของเจ้าระบบให้หมดเกลี้ยงเสียเลย
รูปปั้นพระพรหมอยู่ทางด้านซ้ายของโรงแรมห่างออกไปประมาณ 500 เมตร หยวนโจวจึงเดินเท้าไปที่นั่น
“แดดที่ประเทศไทยแรงจริงๆ โชคดีฉันเอาโลชั่นกันแดดมาด้วย ไม่งั้นถ้าฉันผิวคล้ำเกินไปคงหาแฟนไม่ได้แหงเลย” หยวนโจวรู้สึกเป็นปลื้ม
ไม่ช้าหยวนโจวก็มาถึงรูปปั้นพระพรหม ทางเข้าเปิดกว้างอยู่และไม่มีช่องขายตั๋วอยู่ข้างนอก เห็นได้ชัดว่าไม่ต้องซื้อตั๋วเข้าเยี่ยมชมรูปปั้นนี้
“ดีที่เข้าฟรีนะเนี่ย ดูนี่สิเจ้าระบบ ฉันกำลังช่วยแกประหยัดเงินอยู่เชียวนะ” หยวนโจวกล่าวด้วยความลำพองใจ
เจ้าระบบเมินเขาไปแล้ว หยวนโจวไม่สนใจแล้วเข้าตึกไป
ถึงแม้ว่าจะเข้าฟรี แต่ก็ยังจำเป็นต้องซื้อดอกไม้ถวายพระพุทธรูป และดอกไม้พวกนี้ก็ไม่ได้ฟรีด้วย
“นี่” หยวนโจวกล่าวพลางชี้ไปที่พวงมาลัยสีเหลืองและสีแดง
สตรีชาวไทยผิวคล้ำไม่ได้กล่าวอะไร เธอยื่นมือที่แบออกเพื่อแสดงท่าทางว่าเขาต้องจ่ายมา 50 บาท
หยวนโจวพยักหน้าแล้วหยิบกระเป๋าสตางค์ออกมาเพื่อเตรียมที่จะจ่ายเงิน ทันใดนั้นเจ้าระบบก็ปรากฏตัวขึ้น
เจ้าระบบแสดงผลออกมาว่า “เงินทุนสำหรับการเดินทางจำกัดให้นำมาใช้กับอาหารไทยเท่านั้นและต้องใช้ให้หมดตอนที่คุณอยู่ในประเทศไทยด้วย”
“อะไรนะ?” หยวนโจวตัวแข็งทื่อแล้วอึ้งงันไปอย่างเห็นได้ชัด
โชคดีที่มีผู้คนมากมายมาซื้อดอกไม้ที่นี่ เมื่อลูกค้าข้างๆหยวนโจวเห็นว่าหยวนโจวไม่จ่ายเงินเสียที เขาก็ก้าวขึ้นหน้ามาจ่ายค่าดอกไม้ของตัวเองแทน หลังจากนั้นไม่นาน หยวนโจวก็ถูกบีบให้ออกไป
เจ้าระบบแสดงผลออกมาว่า “เงินทุนสำหรับการเดินทางจำกัดให้นำมาใช้กับอาหารไทยเท่านั้นและต้องใช้ให้หมดตอนที่คุณอยู่ในประเทศไทยด้วย”
เจ้าระบบเตือนหยวนโจวอีกครั้ง เพื่อให้แน่ใจว่าหยวนโจวสามารถเห็นข้อความได้ เจ้าระบบจึงใช้ตัวอักษรสีแดงสำหรับข้อความนี้อย่างเอาใจใส่ แต่ตอนนี้หยวนโจวแค่รู้สึกเหมือนโดนคนด่าอยู่เลย
“เจ้าระบบ นี่มันไม่ถูกต้องนะ แกไม่เอ่ยถึงข้อกำหนดข้อนี้มาก่อน” หยวนโจวให้เหตุผล
เจ้าระบบแสดงผลออกมาว่า “นี่คือข้อกำหนดที่ซ่อนอยู่ยังไงล่ะ”
“โฮ่โฮ่” หยวนโจวรู้สึกไม่ยอมรับ
เจ้าระบบแสดงผลออกมาว่า “ในเมื่อมีภารกิจที่ซ่อนอยู่ได้ก็ย่อมมีข้อกำหนดที่ซ่อนอยู่ได้เหมือนกัน เงินทุนที่จัดสรรให้เป็นพิเศษสามารถนำมาใช้ได้กับวัตถุประสงค์พิเศษเท่านั้น”
“เวรเอ้ย เจ้าระบบ แกพูดเสียมีเหตุผลเชียวนะ ฉันตอบโต้ไม่ได้เลย” หยวนโจวสำลักคำพูดของตัวเองเสียแล้ว “เงินทุนที่จัดสรรให้เป็นพิเศษสามารถนำมาใช้ได้กับวัตถุประสงค์พิเศษเท่านั้น” นับเป็นอันตรายอย่างยิ่ง
ใช่แล้วล่ะ ก่อนหน้านี้หยวนโจวบรรลุภารกิจที่ซ่อนอยู่ไปแล้วจริงๆ นอกจากนี้เขายังได้รับรางวัลของภารกิจพวกนั้นไปแล้วด้วย เป็นเรื่องที่พอเข้าใจได้ว่ามีข้อกำหนดที่ซ่อนอยู่เช่นกัน
“งั้นแกรอฉันอยู่ที่นี่นะ” หยวนโจวเอามือกุมหน้าผาก
“ไม่เป็นไร ฉันจะเอามันมาใช้กับอาหารก็แล้วกัน ดูเหมือนว่าฉันคงจะไม่ได้รับประทานอาหารเช้าของโรงแรมฟรีๆอีกต่อไปแล้ว” หยวนโจวตัดสินใจได้ในทันทีว่าจะรับประทานอาหารทั้งสามมื้อข้างนอก ยิ่งไปกว่านั้น เขายังตัดสินใจที่จะกินอาหารดีๆเท่านั้นด้วย
เขาถูกเจ้าระบบบังคับให้เสียเงินซะแล้ว เดิมทีเขารู้สึกพึงพอใจกับอาหารฟรีมากทีเดียว แต่ตอนนี้มันกำลังสร้างความรำคาญให้เขามากเสียจนต้องกลับไปที่โรงแรมเพื่อแปลงค่าเงินบาทมาเป็นค่าใช้จ่ายส่วนตัว
ก่อนที่จะมา หยวนโจวค้นหาข้อมูลเกี่ยวกับประเทศไทยอย่างเอาจริงเอาจังมาแล้ว ดังนั้นเขาจึงรู้ว่ามีตู้เอทีเอ็มในโรงแรมและเขาสามารถถอนเงินบาทจากตู้เอทีเอ็มได้โดยตรง ทำให้เขาสามารถหลีกเลี่ยงการใช้ภาษาอังกฤษอันน่าขนพองสยองเกล้าของตัวเองที่ช่องแลกเปลี่ยนสกุลเงินได้
เขาใช้ภาษาอังกฤษอันน่าขนพองสยองเกล้าของตัวเองมามากพอแล้วเมื่อตอนที่เขากำลังเช็คอินเข้าพักในโรงแรมเมื่อวานนี้
“โรงแรมระดับห้าดาวเต็มไปด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกจริงๆ” หยวนโจวพึมพำขณะที่กำลังถอนเงิน เขาถอนเงินออกมาจากตู้เอทีเอ็มจำนวน 2,000 บาท
เมื่อเขากลับมาที่รูปปั้นพระพรหม เขาก็ประจัญหน้าโดยไม่สะดุดเลยสักนิด
หยวนโจวมีใจศรัทธาเอามากๆยามที่พระพุทธรูป เขาประกบฝ่ามือเข้าหากันแล้วอธิษฐานอย่างจริงๆจังๆ
รูปปั้นอยู่ทางด้านขวาริมถนน หลังจากเขาออกมาแล้วก็มาถึงถนนสายหนึ่ง จากนั้นเขาก็เริ่มเดินไปตามถนน ตอนนี้เขาอยู่ใจกลางกรุงเทพมหานครที่มีศูนย์การค้าอยู่ทุกหนทุกแห่ง
“ฉันจะเดินอยู่แถวนี้แล้วตัดสินใจว่าจะทานอะไรเป็นอาหารกลางวันดีก็แล้วกัน ดูเหมือนฉันต้องทานอาหารดีๆเพื่อให้เงินทุนสำหรับการเดินทางหมดจริงๆสินะ” หยวนโจวบ่นพึมพำ
ตอนที่ 771
ไม่มีปัญหา
ถนนของประเทศไทยต่างจากประเทศจีนมาก สิ่งที่แตกต่างกันมากที่สุดคือ สิ่งปลูกสร้าง สิ่งอำนวยความสะดวกและคนเดินเท้า
“เฮ้อ ฉันอยากมีประสาทสัมผัสทั้งห้าที่เฉียบคมอันสามารถเปิดหรือปิดก็ได้จัง” หยวนโจวกลั้นหายใจแล้วถอนหายใจออกมา
ประสาทสัมผัสทั้งห้าที่เฉียบคมมาก ในขณะที่คนไทยชอบฉีดน้ำหอมเสียจนคลุ้งและแต่งหน้าโดยไม่คำนึงถึงอายุ แต่ละครั้งที่เขาเดินผ่านหนึ่งในนั้น เขาก็จะได้กลิ่นน้ำหอมรุนแรง นี่เป็นสิ่งที่หยวนโจวไม่คุ้นเคยเอาเสียเลย
กลิ่นทั้งหลายทั้งกลิ่นตามธรรมชาติและกลิ่นที่ปรุงแต่งขึ้นพร้อมใจกันบุกเข้าเล่นงานรูจมูกของเขา หยวนโจวรู้สึกเหมือนจมูกของเขากำลังจะถูกกลิ่นทั้งหมดทำลายเข้าเสียแล้ว
“ไปห้างสรรพสินค้ากันก่อนเถอะ” หยวนโจวเข้าห้างสรรพสินค้าแห่งแรกที่เขาเห็นโดยไม่ลังเล
ถนนของประเทศไทยร้อนมากและทันทีที่เขาเข้ามาในห้างสรรพสินค้า เขาก็รู้สึกสั่นสะท้านราวกับจู่ๆก็เข้าไปอยู่ในถ้ำน้ำแข็งจากสถานที่ร้อนระอุ
“หนาวชะมัด” หยวนโจวพึมพำแล้วเดินไปที่จุดตรวจ
พนักงานรักษาความปลอดภัยกล่าวบางสิ่งกับหยวนโจว เมื่อเห็นว่าหยวนโจวไม่พูดอะไร เขาก็ชี้ไปที่ป้ายก่อนที่จะเคาะลงไปบนนั้น
รูปภาพไฟแช็กบนป้าย หลังจากหยวนโจวส่ายหน้าแล้ว เขาก็ได้รับอนุญาตให้เข้าไปทันที
“ที่นี่น่าจะปลอดภัยมากทีเดียวเนื่องจากผู้คนต้องผ่านจุดตรวจเพียงเพื่อเข้าห้างสรรพสินค้า” หยวนโจวหันหลังกลับไปมองอีกครั้งก่อนที่จะเริ่มศึกษาป้ายแสดงทิศทาง
“ดูเหมือนศูนย์อาหารจะอยู่ชั้นห้ากับชั้นหกกันหมดเลย เอาล่ะ ฉันจะไปตรวจสอบดูก่อน” หยวนโจวเริ่มปีนบันไดขึ้นไป
หยวนโจวเตรียมตัวสำหรับการเดินทางไปประเทศไทยของตัวเองเป็นอย่างดี ถึงอย่างไรร้านอาหารที่ดีที่สุดในเอเชียก็อยู่ในกรุงเทพมหานครนี่นา เขาจึงต้องเสียเวลาอยู่นานกว่าจะจองโต๊ะในร้านนี้ได้
“วันนี้ฉันจองโต๊ะเอาไว้สำหรับวันพรุ่งนี้แล้ว เอาล่ะ ฉันจะหาอาหารอย่างอื่นทานไปก่อนก็แล้วกัน” หยวนโจวเดินเตร่ไปอยู่แถวนั้นขณะที่กำลังมองหาอาหารด้วยท่าทางไม่เร่งรีบ
“ร้านนี้ค่อนข้างน่าสนใจแฮะ ฉันสามารถต้มและย่างอาหารได้ไหมนะ?” หยวนโจวพึมพำขณะที่เขาศึกษาโปสเตอร์นอกร้านสักแห่ง
“วัน วัน” หยวนโจวเดินไปที่ประตูแล้วพูดคำภาษาอังกฤษคำหนึ่งจากไม่กี่คำที่เขารู้ซ้ำๆ ส่วนบริกรก็พยักหน้าให้เขา
“โอเค โอเค” บริกรเป็นชายที่ร่างเตี้ย เขาพาหยวนโจวไปโต๊ะที่มีที่นั่งแบบสองที่ด้วยรอยยิ้ม
จากนั้น เขาก็ยื่นเมนูให้หยวนโจว
“ดูเหมือนอาหารที่นี่ส่วนใหญ่จะเป็นเนื้อวัวกับเนื้อแกะนะ” หยวนโจวกวาดตามองไปทั่วเมนูก่อนที่จะสั่งอาหาร
“ฉันสงสัยจังว่าเนื้อวัวที่นี่จะรสชาติเป็นอย่างไรบ้างนะ” หยวนโจวสั่งเนื้อวัวที่แตกต่างกันมาสามจาน เนื้อแกะจานหนึ่ง เห็ดจานหนึ่งและผักอีกจานหนึ่ง
“โอเคครับ” หยวนโจวชี้ไปที่อาหารที่เขาต้องการก่อนจะยื่นเมนูให้บริกร
“*&*&%#@” บริกรพูดอะไรสักอย่างเป็นภาษาไทย หยวนโจวพยักหน้าพร้อมยิ้ม
แน่นอนว่าหยวนโจวย่อมไม่รู้อยู่แล้วว่าบริกรพูดว่าอะไร เขาได้แต่พยักหน้าด้วยความสุภาพเท่านั้น
จากนั้นบริกรก็เดินจากไป หยวนโจวเริ่มศึกษาหม้อที่อยู่บนโต๊ะ
ถูกต้องแล้วล่ะ หม้อใบนี้เป็นสิ่งที่ดึงดูดความสนใจของหยวนโจว หม้อเป็นรูปทรงกลมและผิวหน้าไม่สม่ำเสมอ โดยตรงขอบของหม้อจมลงเป็นความลึกประมาณครึ่งนิ้วตรงบริเวณที่บริกรเติมน้ำเปล่าลงไปก่อนหน้านี้
บรรดาลูกค้ารอบข้างหยวนโจวไม่ย่างผักก็ย่างเนื้อบนผิวหน้าทรงกลมหรือต้มในน้ำเปล่า
“น่าสนใจแฮะ เจ้าสิ่งนี้ทำงานด้วยไฟฟ้างั้นเหรอ? งั้นผิวหน้าไม่สม่ำเสมอก็เพื่อหลีกเลี่ยงมิให้อาหารเข้าไปติดหรอกเหรอนี่?” หยวนโจวเริ่มศึกษาเหยือกใบนั้น
จำนวนลูกค้ากำลังเพิ่มขึ้นและมีคนชราคู่หนึ่งนั่งอยู่ข้างหลังหยวนโจว
สาเหตุที่หยวนโจวสังเกตเห็นพวกเขาได้ก็เพราะพวกเขาพูดภาษาจีนแมนดารินนั่นเอง
“นั่นก็พอแล้วล่ะ ยังมีชาวจีนมาเที่ยวประเทศไทยอีกเยอะเลย” หยวนโจวรู้สึกดีที่ได้เจอคนจากประเทศเดียวกัน เขาเริ่มแอบฟังพวกเขาคุยกัน
มีความรู้สึกอบอุ่นใจที่ได้ยินภาษาแม่ของเขาในดินแดนที่เกือบทุกคนพูดภาษาต่างประเทศ
“ฉันบอกเธอแล้วไงว่าพวกเราควรจะกินกุ้งล็อบสเตอร์ที่ร้านนั้นแต่เธอก็ยังจะยืนกรานว่าจะกินเนื้อย่างที่นี่ เธอจะมีปัญหาเรื่องการย่อยเอาทีหลังได้นะ” คุณปู่พูดเสียงดังมาก
“นายก็ชอบเนื้อวัวไม่ใช่หรือไง? เนื้อวัวที่นี่สุดยอดไปเลยล่ะ” คุณย่าโต้ตอบขึ้นมาบ้าง
“ฉันชอบล็อบสเตอร์ต่างหากเล่า” คุณปู่ตะคอก
“พวกเราสั่งอาหารไปแล้ว จะมาบ่นอะไรเอาตอนนี้กันเล่า” คุณย่าตอบโต้
“เอาเถอะ ฉันไม่เคยชนะเธอได้เลย ถึงเวลาทานยาของเธอแล้วนะ ฉันจะไปเอาน้ำมาให้” คุณปู่กล่าวด้วยน้ำเสียงค่อนข้างจนปัญญาพลางเปลี่ยนเรื่อง
“กลับไปที่โรงแรมค่อยเอาให้ฉันแล้วกัน ฉันหาน้ำอุ่นไม่เจอเลย” จากน้ำเสียงของคุณย่า เห็นได้ชัดว่าเธอกำลังหน้านิ่วคิ้วขมวดอยู่
“ไม่ต้องห่วงหรอก นี่เป็นถึงร้านที่อยู่ในห้างสรรพสินค้าเชียวนะ ยังไงก็ต้องมีน้ำอุ่นอยู่แล้วล่ะ” คุณปู่ดูเหมือนจะไม่มั่นใจ เขาหยิบแก้วขึ้นมาแล้วเดินไปหาบริกร
“ไม่มีไกด์ทัวร์อยู่แถวนี้หรอกนะ นายไม่เข้าใจสิ่งที่พวกเขาพูดหรอกน่า” คุณย่าแผดเสียง
คุณปู่ยังคงดื้อแพ่งและเดินไปหาบริกรต่อไป
“ดูเหมือนว่าจะไม่มีน้ำอุ่นจริงๆ” หยวนโจวกวาดตามองไปทั่วร้านและพบว่าร้านจัดเตรียมเครื่องดื่มหรือน้ำเย็นให้บรรดาลูกค้าเพียงแค่นั้น
ใช่แล้วล่ะ ถึงแม้ว่าอุณหภูมิของศูนย์การค้าจะต่ำมาก แต่ร้านอาหารต่างๆในห้างสรรพสินค้าก็ยังเสิร์ฟน้ำเย็นกับน้ำแข็งในร้านด้วย
“ดูเหมือนคนไทยจะไม่ชอบดื่มน้ำอุ่นเลยนะ” หยวนโจวพึมพำเมื่อเขานึกถึงสิ่งที่เห็นเมื่อสองวันก่อน
คุณปู่คุยกับบริกรแล้ว เนื่องจากคุณปู่มีน้ำเสียงอันทรงพลังจึงทำให้ดูเหมือนเขากำลังโต้เถียงแทน
“น้ำอุ่น คุณมีน้ำอุ่นไหมครับ?” คุณปู่ถามซ้ำๆไม่หยุด
อนิจจา บริกรคนเดียวกับที่มาให้บริการหยวนโจวก่อนหน้านี้เพียงแค่ยิ้มพลางส่ายหน้าทั้งยังพูดอะไรสักอย่างเป็นบางครั้งบางคราว
“เฮ้อ ทำไมฉันรู้สึกเหมือนกำลังคุยกับท่อนไม้เลยนะ คุณไม่เข้าใจภาษาจีนงั้นเหรอ?” คุณปู่ดูเหมือนจะโกรธมากเลยทีเดียว
“ขอโทษด้วยนะครับ @#%&*” บริกรกล่าวขอโทษแล้วพูดภาษาไทยอีกครั้ง
“ดื่ม น้ำอุ่น” คราวนี้คุณปู่แสดงท่าทางกำลังดื่มน้ำ ในที่สุดบริกรก็เข้าใจเสียที เขายกเหยือกที่อยู่ข้างๆตัวเขามาแล้วเตรียมที่จะรินใส่แก้ว
“ไม่ใช่อย่างนี้ ผมอยากได้น้ำอุ่น ไม่ใช่น้ำเย็น” คุณปู่กล่าวซ้ำไปซ้ำมา
“คุณปู่ครับ ผมไม่คิดว่าเขาจะเข้าใจภาษาจีนหรอกครับ” หยวนโจวกล่าวขึ้นหน้ามาบอก
“หา เจ้าหนุ่ม นายก็เป็นคนจีนเหมือนกันเหรอเนี่ย?” คุณปู่รู้สึกประหลาดใจเมื่อเห็นหยวนโจว
“อืม” หยวนโจวพยักหน้า
“นายพูดภาษาไทยได้ไหม?” คุณปู่ถามด้วยความคาดหวัง
“ไม่ครับ แต่ผมรู้ภาษาอังกฤษนิดหน่อย” หยวนโจวค่อนข้างอับอายเมื่อกล่าวออกมาเช่นนี้ แน่นอนว่าเขายังคงรักษาสีหน้าสงบนิ่งเอาไว้
“ฉันขอรบกวนให้นายขอน้ำอุ่นมาให้หน่อยได้ไหม?” คุณปู่ถาม
“ได้สิครับ” หยวนโจวพยักหน้า
“น้ำอุ่นสินะ” หยวนโจวกล่าวหลังจากนึกคำภาษาอังกฤษที่เขาพอจะรู้ออกแล้ว
“ขอโทษนะครับ” บริกรขอโทษขอโพยทั้งยังดูเหมือนจะไม่เข้าใจเสียด้วย
“แค่ก ฮอต วอเตอร์” หยวนโจวกล่าวคำภาษาอังกฤษสองคำที่เขาพอจะรู้ซ้ำๆ
นอกเหนือไปจากเขาแล้ว คุณปู่ก็มองเขากับบริกรคนนั้นด้วยความสงสัย
หลังจากหยวนโจวกล่าวซ้ำไปแล้วห้าครั้งด้วยสีหน้าท่าทางจริงจัง ในที่สุดบริกรก็กล่าวว่า “โอ้” แล้ววิ่งออกไป
“เฮ้อ ทำไมเขาวิ่งออกไปเสียแล้วล่ะ?” คุณปู่ถาม
“ในที่สุดเขาก็เข้าใจแล้วครับ ตอนนี้เขากำลังจะไปเอาน้ำอุ่นมาให้” หยวนโจวกล่าวอย่างสงบนิ่ง
“โอ้ ขอบใจนะเจ้าหนุ่ม นายเดินทางมาคนเดียวงั้นเหรอ?” คุณปู่ถามขึ้นเมื่อไม่เป็นกังวลอีกต่อไปแล้ว
“อืม ผมมาพักผ่อนน่ะครับ” หยวนโจวพยักหน้าขณะที่สายตาของเขาเล็งไปทางบริกรที่วิ่งมาด้วยใจเต้นระส่ำ
“ไม่เป็นไร ฮอต วอเตอร์เป็นคำง่ายๆเสียขนาดนั้น คงไม่มีปัญหาหรอกน่า” หยวนโจวปลอบใจตัวเอง