Great Demon King – กำเนิดราชันย์ปีศาจ - ตอนที่ 459
กระบองทองส่องแสงสีทองอร่ามสาดส่องไปทั่วทั้งถ้ำขณะที่มันขยายใหญ่มากขึ้นเรื่อย ๆ และแสงนั้นเองที่ดึงความสนใจของหานซั่วได้ในที่สุด
แล้วเขาก็พบว่า ภายใต้การสั่งการของเจ้าผีดิบธาตุโลหะชั้นยอด ปลายข้างหนึ่งของกระบองทอง ซึ่งเป็นขุมพลังธาตุโลหะ ได้กระแทกเข้าใส่ชั้นน้ำแข็งหนาที่จ้าวแห่งเวทมนตร์ธาตุน้ำทิอาน่าได้สร้างเอาไว้ อีกทั้งยังได้รับมนตร์เสริมแกร่งโดยนักบุญ แม้ว่าเจ้าผีดิบธาตุดินชั้นยอดจะไม่สามารถถือกระบองทองไว้ในมือได้อีกเมื่อมันขยายขนาดใหญ่โตจนกลายเป็นกระบองขนาดมหึมา แต่มันก็ยังสามารถบัญชากระบองทองได้โดยอาศัยพลังจากธาตุโลหะที่อยู่ภายในร่างของมัน
กระบองทองที่ว่ากันว่าสามารถทำลายของแข็งได้ทุกชนิด ภายใต้การควบคุมสั่งการของเจ้าผีดิบธาตุโลหะชั้นยอด แรงมหาศาลจากปลายด้านหนึ่งก็พุ่งกระแทกเข้าใส่ชั้นน้ำแข็งตรงปากถ้ำ ขณะที่ทั้งหานซั่วและสตรัทโฮล์มต่างก็จ้องมองเป็นตาเดียว ทันใดนั้นเอง ชั้นน้ำแข็งก็พังทลายลงอย่างง่ายดาย
กระบองทองนั้นน่าจะมีน้ำหนักเป็นตัน ๆ ซึ่งนอกจากเจ้าผีดิบธาตุโลหะชั้นยอดที่มีร่างกายเต็มไปด้วยพลังงานจากธาตุโลหะแล้ว ก็ไม่มีใครสามารถถือมันได้อีก ไม่แม้แต่หานซั่วที่มีกำลังวังชาเหนือคนธรรมดาทั่วไป ดูเหมือนว่าเจ้าผีดิบธาตุโลหะชั้นยอดผู้ครอบครองกระบองทองนี้จะมีความแข็งแกร่งที่สุดในบรรดาผีดิบตนอื่น ๆ สมคำร่ำลือ เพราะแม้แต่กำแพงเวทย์น้ำแข็งที่ได้รับการเสริมแกร่งจากพลังศักดิ์สิทธิ์ของผู้เป็นนักบุญ ยังพังทลายลงได้ด้วยแรงอันมหาศาลของกระบองทองอันนั้น
“ไปกันเถอะ!”
ปีศาจเฒ่าสตรัทโฮล์มร้องตะโกนขึ้นทันที ท่าทางของเขาดูทั้งตระหนกตกใจและดีใจในเวลาเดียวกัน
แล้วหานซั่วที่ได้แต่ตะลึงมองเจ้าผีดิบธาตุโลหะชั้นยอดอย่างไม่เชื่อสายตา ก็รีบหันไปตามเสียงตะโกนของสตรัทโฮล์ม ก่อนจะรีบร่ายเวทย์ส่งเจ้าผีดิบธาตุโลหะที่แสนจะน่าภาคภูมิใจพร้อมกระบองทองของมันกลับไปยังมิติมืดอีกครั้ง
“ไปเลย!”
หานซั่วตอบและรีบพุ่งตัวออกไปจากถ้ำด้วยความเร็วราวสายฟ้าพร้อมกันกับสตรัทโฮล์ม ในขณะที่การต่อสู้ระหว่างทิอาน่า พวกของศาสนจักรแห่งแสงสว่าง และเผ่าวิญญาณยังคงดำเนินต่อไปอย่างบ้าคลั่งราวกับไฟป่า และระหว่างนั้น นักบุญสาวได้แสดงพลังอันน่าสะพรึงกลัวอย่างแท้จริงให้เห็นเป็นบุญตา ภายใต้ม่านพลังศักดิ์สิทธิ์ที่ห่อหุ้มรอบกายเธอไว้มาโดยตลอด และจอกศักดิ์สิทธิ์ที่ระเบิดแสงศักดิ์สิทธิ์ออกมา ราชาหกเขาแห่งเผ่าวิญญารก็ถูกกดดันให้อยู่แต่ภายในเขตแดนที่เธอสร้างขึ้น
[ Please note : หากท่านไม่ได้อ่านนิยายเรื่องนี้จากบล็อก https://gdk-th.blogspot.com/ แปลว่าท่านกำลังจ่ายเงินให้กับคนที่กำลังสุขสบายกับการหาเงินง่าย ๆ ด้วยการใช้นิ้วคลิกก๊อบผลงานแปลของเพจไปขายอีกต่อหนึ่ง ]
“แย่แล้วสิ พวกนั้นพังชั้นน้ำแข็งออกมาได้แล้ว!”
เพราะชั้นน้ำแข็งที่ปิดผนึกปากถ้ำเอาไว้ถูกสร้างขึ้นโดยจ้าวแห่งเวทมนตร์ธาตุน้ำทิอาน่า เธอจึงสัมผัสได้ทันทีเมื่อเวทย์กำแพงน้ำแข็งของเธอถูกทำลาย
แล้วหานซั่วและสตรัทโฮล์มบินออกจากถ้ำทันทีเมื่อเธอพูดจบ
แต่อย่างไรก็ตาม ชั่วขณะนั้น ไม่ว่าจะเป็นนักบุญสาวแห่งศาสนจักรแห่งแสงสว่าง หรือครึ่งเทพทั้ง 3 คน พวกเขาต่างก็ยุ่งอยู่กับการต่อสู้กับเผ่าวิญญาณ ซึ่งเมื่อปะทะกับศัตรูที่แข็งแกร่งขนาดนั้น จึงไม่มีใครแม้สักคนที่แข็งแกร่งเพียงพอจะสามารถละลายตาไปแม้แต่เสี้ยววินาที
ทิอาน่าและครึ่งเทพอีก 2 คนกำลังเผชิญหน้าอยู่กับเผ่าวิญญาณห้าเขาทั้ง 4 ตน โดยมีจ้าวแห่งอัศวินเป็นหัวเรี่ยวหัวแรงหลักในการต่อสู้ ทั้งทิอาน่าและจ้าวแห่งเวทมนตร์ธาตุแสงก็คอยรับมือกับการโจมตีเวทมนตร์ทุกรูปแบบอย่างไม่หยุดยั้ง แม้ว่าทั้งคู่จะร่ายเวทย์สร้างม่านพลังป้องกันขึ้นมาชั้นแล้วชั้นเล่า แต่ในการต่อสู้แบบ 3 ต่อ 4 ก็เห็นได้ชัดว่าทางฝั่ง 3 คนอยู่ในฐานะที่เสียเปรียบกว่ามาก
หลังจากที่ทิอาน่าร้องขึ้นมาด้วยความประหลาดใจ อากาศเย็นเยียบที่เธอใช้โจมตีเผ่าวิญญาณจึงเชื่องช้าลงอีก ทำให้ความกดดันที่จ้าวแห่งจอมเวทย์ธาตุแสงและจ้าวแห่งอัศวินที่มีอยู่หนักหนามากพอแล้วต้องเพิ่มทวีคูณขึ้นอีก ส่งผลให้จ้าวแห่งอัศวินถูกหางทั้ง 3 หาดเข้าใส่อย่างรุนแรงจนเกือบจะทำให้เขาต้องบาดเจ็บสาหัส
ขณะที่มือของทั้งคู่ถูกมัดอยู่อย่างแน่นหนา หานซั่วและปีศาจเฒ่าสตรัทโฮล์มก็ไร้ซึ่งความลังเลที่จะพาตนเองออกไปให้ไกลจากพื้นที่ต่อสู้ เพราะพวกเขาไม่กล้าที่จะอยู่ในภูเขาศักดิ์สิทธิ์อีกต่อไป
หานซั่วและปีศาจเฒ่าต่างเหาะหนีด้วยความเร็วสูง ในระดับที่กว่าจะมีคนทันเห็นทั้งคู่ พวกเขาก็หนีออกไปไกลจนพ้นเขตแดนแล้ว
นักบุญสาวแห่งศาสนจักรแห่งแสงสว่างเองก็กำลังพุ่งเป้าไปที่การต่อสู้กับราชาหกเขาแห่งเผ่าวิญญาณอย่างเต็มที่ จนไม่กล้าเสียสมาธิแม้แต่เสี้ยววินาที เธอจึงทำได้เพียงจ้องมองทั้ง 2 คนจากไปอย่างอับจนหนทาง โดยที่ทำอะไรไม่ได้เลยแม้แต่นิดเดียว
“รีบหนีเร็วเข้า!”
สตรัทโฮล์มตะโกนบอกหานซั่วอีกครั้งหลังจากที่ออกมาจากภูเขาศักดิ์สิทธิ์
แน่นอนว่าหานซั่วเองก็ตระหนักดีถึงสถานการณ์อันเลวร้ายที่เกิดขึ้น ณ ขณะนั้น จึงเหาะหนีด้วยความเร็วดุจสายฟ้าตามหลังสตรัทโฮล์มไปติด ๆ สิ่งที่ตรงข้ามกับสตรัทโฮล์ม คือสีหน้าของหานซั่วที่ยังดูสงบ แตกต่างกับสีหน้าตระหนกตกใจของสตรัทโฮล์มอย่างสิ้นเชิง
เมื่อหลุดพ้นออกมาจากภูเขาศักดิ์สิทธิ์ได้ หนทางหนีจำนวนนับไม่ถ้วนก็เปิดกว้างสำหรับหานซั่ว หากว่ากันด้วยเรื่องของความเร็วในการเหาะเหินเดินอากาศ หานซั่วเชื่อว่าผู้ที่ทรงพลังและแข็งแกร่งยิ่งกว่าเขาจะต้องสามารถไล่ตามเขาทันได้อย่างแน่นอน อย่างน้อยที่สุด เขาก็ยังใช้แท่งเงินสร้างวงเวทย์มิติเคลื่อนย้ายเพื่อหลบหนีไปยังสุสานแห่งความตายได้อย่างแน่นอน เช่นกันแล้ว ในเมื่อยังคงมีไพ่ตายอยู่ในมือ หานซั่วจึงไม่ได้มีท่าทีกระวนกระวายอย่างที่ปีศาจเฒ่าสตรัทโฮล์มเป็นในตอนนี้
แต่หลังจากที่ทั้งคู่ออกมาจากภูเขาศักดิ์สิทธิ์ของศาสนจักรแห่งแสงสว่างแล้ว แทนที่พวกเขาจะกลับไปยังนครซานโดรที่อยู่ใกล้กับภูเขา พวกเขากลับใช้ทางที่ไกลกว่า โดยการเหาะไปยังนครออร์ทลีย์
เมื่อมาถึงนครออร์ทลีย์แล้ว สตรัทโฮล์มก็ใช้เหรียญตราในมือเพื่อแสดงสิทธิ์ในการใช้วงเวทย์มิติ หลังจากที่เดินทางด้วยวงเวทย์มิติฯ ผ่านไปหลานต่อหลายเมือง ทั้งคู่ก็เหาะออกจากบริเวณชายแดนของจักรวรรดิโอเดน เพื่อกลับไปยังดินแดนของสมาพันธ์พ่อค้าบรุททันที ก่อนจะกลับมาถึงนครทาริคในที่สุด
เมื่อมาถึงนครทาริค หานซั่วก็สัมผัสได้ถึงตำแหน่งของเอลิซาเบธผ่านหยดเลือดของเขาที่ฝังอยู่ภายในสมองของเธอ
“ไบรอัน ทั้งหมดเป็นเพราะเจ้าแท้ ๆ เลยที่เราสามารถหนีเอาชีวิตรอดออกมาได้ ให้ตาย ข้าเป็นหนี้เจ้าจริง ๆ!”
ปีศาจเฒ่าสตรัทโฮล์มพูดกับหานซั่วเมื่อกลับมาถึงนครทาริค
“ด้วยความยินดี”
หานซั่วตอบพร้อมรอยยิ้มเล็กน้อย แต่หลังจากเงียบไปครู่หนึ่ง หานซั่วก็ขมวดคิ้วและเอ่ยถาม
“ในเมื่อราชาหกเขานั่นล็อคเป้าวิญญาณของพวกเราได้แล้ว ท่านมีแผนจะทำยังไงต่อไปเหรอ?”
ปีศาจเฒ่าสตรัทโฮล์มมีท่าทีเป็นกังวลกับคำพูดนั้นมากทีเดียว ก่อนจะถอนหายใจและตอบกลับ
“ข้าก็คงต้องรีบหาสถานที่เปลี่ยว ๆ สักที่เพื่อผสานรวมวิญญาณของข้าเข้ากับคริสตัลต้นกำเนิดโดยเร็วที่สุดนั่นแหละ เพราะมีเพียงการผสานวิญญาณนี้วิธีเดียวเท่านั้นที่วิญญาณของพวกเราจะเป็นอิสระจากการไล่ล่าของเผ่าวิญญาณ”
“แต่ตอนนี้เราไม่รู้สถานการณ์ที่เกิดขึ้นที่ภูเขาศักดิ์สิทธิ์เลยสักนิด ถ้าเกิดราชาหกเขาไม่ได้รับบาดเจ็บร้ายแรงจากการต่อสู้กับนักบุญคนนั้น แล้วไล่ตามไปเจอท่านที่กำลังผสานวิญญาณเข้ากับคริสตัลต้นกำเนิดอยู่ล่ะ นั่นแปลว่ายังไงก็ต้องตายสถานเดียวเลยไม่ใช่รึ?”
หานซั่วถาม
“ก็ไม่มีทางอื่นแล้วนี่นา ข้าเองก็คงต้องลองดู ซึ่งถ้าระหว่างนั้น ราชาหกเขาบุกมาถึงตัวข้าได้จริง ๆ ทุกอย่างก็คงต้องแล้วแต่โชคชะตาแล้วล่ะ”
ปีศาจเฒ่าถอนหายใจอย่างอับจนหนทาง
แม้แต่หานซั่วเองก็ไม่รู้ว่าจะตอบอย่างไร เพราะไม่หลงเหลือทางเลือกอื่นแล้วจริง ๆ
[ Please note : หากท่านไม่ได้อ่านนิยายเรื่องนี้จากบล็อก https://gdk-th.blogspot.com/ แปลว่าท่านกำลังจ่ายเงินให้กับคนที่กำลังสุขสบายกับการหาเงินง่าย ๆ ด้วยการใช้นิ้วคลิกก๊อบผลงานแปลของเพจไปขายอีกต่อหนึ่ง ]
หานซั่วค่อนข้างมีความเป็นห่วงเป็นใยและความรู้สึกที่ดีต่อปีศาจเฒ่าสตรัทโฮล์มมากทีเดียว เพราะการดำรงอยู่ของแคว้นทั้งเจ็ด หานซั่วอาจต้องกลายเป็นศัตรูในอนาคตของเขาก็ได้ แต่เพราะวิกฤติการณ์ของคนทั้งคู่ในช่วงไม่กี่วัน ท่าทีของสตรัทโฮล์มที่ทั้งจริงใจและตรงไปตรงมา อีกทั้งยังดีกับหานซั่วมากกว่าที่จะแฝงไปด้วยเจตนาร้ายในฐานะที่เขาเป็นเจ้าเมืองแห่งนครเบรทเทลอย่างที่หานซั่วคาดคิด
“ถ้าอย่างนั้น ก็ขอให้โชคดี”
หานซั่วพูด หลังจากส่ายศีรษะและถอนหายใจเบา ๆ
“เจ้าเองก็เหมือนกัน หวังว่าพวกเราจะมีโอกาสได้เจอกันอีก ดีจริง ๆ นะที่ได้พบเจ้า”
ปีศาจเฒ่าสตรัทโฮล์มพูดพร้อมกับยิ้ม แม้ภายในใจจะรู้สึกเป็นกังวลไม่น้อย ไม่นานนัก อยู่ ๆ ก็เหมือนเขาจะนึกอะไรขึ้นมาได้ เขาลังเลอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะพูดออกมาในที่สุด
“ไบรอัน หลังจากที่พวกเราแยกกันวันนี้แล้ว บางทีพวกเราอาจจะไม่ได้พบกันอีก ข้ามีเรื่องบางอย่างที่ต้องคุยกับเจ้า หวังว่าเจ้าจะยอมตกลงในฐานะที่พวกเราเคยต่อสู้เคียงบ่าเคียงไหล่ด้วยกันมานะ”
“ลองพูดมาก่อนสิ”
หานซั่วนิ่วหน้า และค่อนข้างมั่นใจทีเดียวว่าสตรัทโฮล์มต้องการจะคุยเรื่องอะไร
“หลายปีมาแล้วที่ข้าเป็นปรมาจารย์แห่งอาณาจักรเวอร์ดัน ซึ่งตอนนี้ไม่มีอีกต่อไปแล้ว หากแต่ถูกแบ่งออกเป็นแคว้นทั้งเจ็ดมาจนถึงทุกวันนี้ ข้ายังมีความรู้สึกอาลัยอาวรณ์ต่อทั้ง 7 แคว้นไม่น้อย ในอนาคต ถ้าราชาหกเขาพบพวกเรา ถ้าไม่ได้ตายกันทั้งคู่ ก็อาจมีใครคนใดคนหนึ่งมีชีวิตรอดจากหายนะครั้งนี้ก็เป็นได้
ถ้าข้ารอดตาย ข้าก็จะสั่งให้แคว้นทั้งเจ็ดไม่มีวันรุกรานนครเบรทเทลอีกเลย แต่ถ้าไม่ และมีเจ้าเพียงคนเดียวที่เหลือรอด ข้าก็หวังว่าเจ้าจะเห็นแก่ข้า และไม่ทำให้ชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชนในแคว้นทั้งเจ็ดต้องเหมือนกับตกนรก
“ทั้งจักรวรรดิแลนซล็อตของเจ้า และสมาพันธ์พ่อค้าบรุทต่างปรารถนาที่จะครอบครองแคว้นทั้งเจ็ดมานานแล้ว ข้ารู้ว่าเมื่อไหร่ที่ข้าตาย แคว้นทั้งเจ็ดจะต้องถูกโจมตีอย่างไม่ต้องสงสัย ซึ่งถ้าเจ้ารอดไปได้จริง ๆ แคว้นทั้งเจ็ดก็คงถูกนครเบรทเทลเข้ายึดครองอย่างแน่นอน ข้าไม่ได้ขอร้องให้เจ้าล้มเลิกความคิดหรอก แต่ข้าก็หวังว่าเจ้าจะดูแลประชาชนของแคว้นทั้งเจ็ดอย่างดีเท่านั้นเอง”
ปีศาจเฒ่าสตรัทโฮล์มเอ่ยคำวอนอย่างจริงใจขณะจ้องมองลึกลงไปในดวงตาของหานซั่ว
ราวกับว่าสตรัทโฮล์มได้คาดคะเนความน่าจะเป็นในความตายของตนเองไว้เรียบร้อยแล้ว ถึงได้ร้องขอเช่นนั้นออกมา แต่ไม่ว่าจะมองในแง่มุมใด คำขอร้องของสตรัทโฮล์มก็ไม่ได้ยากลำบากเกินไปเลย เช่นนั้นแล้ว ทันทีที่สตรัทโฮล์มพูดจบ หานซั่วก็พยักหน้าตอบรับทันทีพร้อมกับให้คำมั่น
“อย่าห่วงไปเลย ข้าจะดูแลประชาชนของแคว้นทั้งเจ็ดเป็นอย่างดี”
แต่สตรัทโฮล์มจะตายจริง ๆ หรือไม่นั้น หานซั่วมิอาจล่วงรู้ได้เลย แต่เขารู้ว่าตัวเขาเองสามารถรอดชีวิตจากวิกฤติการณ์ครั้งนี้ไปได้อยู่แล้ว และตัวเขาเองก็ปรารถนาที่จะยึดครองแคว้นทั้งเจ็ดมาโดยตลอด ซึ่งการตัดสินใจนี้ก็จะไม่เปลี่ยนแปลงต่อให้สตรัทโฮล์มมีชีวิตอยู่รอดในภายหลังก็ตาม และตอนนี้ การที่สตรัทโฮล์มขอร้องให้หานซั่วดูแลประชาชนของแคว้นทั้งเจ็ดเป็นอย่างดี ก็ไม่ใช่เรื่องที่ไม่เหมาะสมเลยสักนิด
“ขอบใจนะ ข้าจะกลับไปที่หุบเขาสแตรงเกิลธอร์นเพื่อจัดเตรียมอะไรสักหน่อย แล้วค่อยไปหาสถานที่สักแห่งที่คนทั่วไปไม่มีทางหาพบเพื่อผสานวิญญาณเข้ากับคริสตัลต้นกำเนิดออร่าต่อสู้ ข้าหวังจริง ๆ นะว่าสักวันหนึ่งพวกเราจะได้พบกันอีก”
ปีศาจเฒ่าสตรัทโฮล์มยิ้มและจากไปด้วยสีหน้าสงบ
เมื่อสตรัทโฮล์มจากไปแล้ว หานซั่วก็พึมพำออกมาด้วยเสียงแผ่วเบา
“ข้าก็หวังว่าท่านจะรอดพ้นจากหายนะครั้งนี้ได้เหมือนกัน…”
ในฐานะครึ่งเทพที่สามารถขัดขวางการรุกรานของกองทัพจักรวรรดิแลนซล็อตมาได้นานหลายปี หานซั่วจึงมีเพียงแต่ความปรารถนาดีและความเคารพนับถือต่อเขาเท่านั้น และเขาก็หวังจริง ๆ ว่าจะมีโอกาสที่ได้พบกับปีศาจเฒ่าผู้นี้อีก หลังจากที่ปีศาจเฒ่าค่อย ๆ หายไปจากสายตาของหานซั่วทีละน้อย เขาก็สูดหายใจเข้าลึก ๆ ครั้งหนึ่ง ก่อนจะเหาะออกไป เพื่อตามหาเอลิซาเบธโดยใช้สัมผัสของเขา
“ตามข้ามา!”
หานซั่วออกคำสั่งทันทีเมื่อเห็นเอลิซาเบธ และพาเธอกลับไปยังนครเบรทเทลด้วยความรวดเร็ว