Great Demon King – กำเนิดราชันย์ปีศาจ - ตอนที่ 467
อารามแห่งน้ำแข็ง เป็นเหมือนกับศาสนจักรแห่งแสงสว่าง และเป็นหนึ่งในองค์กรทางศาสนาที่ค่อนข้างมีชื่อเสียงของอาณาจักรแห่งความลึกล้ำ พวกเขาบูชาเทพีแห่งน้ำแข็ง แม้ว่าอำนาจอิทธิพลจะไม่ได้แผ่ไพศาลเหมือนกับศาสนจักรแห่งแสงสว่าง แต่ก็ถือว่าสบประมาทไม่ได้เลย
อารามแห่งน้ำแข็งเป็นลัทธิประจำจักรวรรดิคาซี และศูนย์บัญชาการใหญ่ของพวกเขาก็ตั้งอยู่ที่ยอดเขาที่หนาวเย็นที่สุดในจักรวรรดิ และโดยไม่คาดคิด ไม่เพียงแต่ทิอาน่าจะเป็นผู้พิทักษ์ของจักรวรรดิคาซี แต่เธอยังเป็นคนของอารามแห่งน้ำแข็ง อีกทั้งยังเป็นผู้ครอบครองตำแหน่ง หิมะสวรรค์ ของพวกเขาด้วย
หานซั่วล่วงรู้ถึงความลับบางอย่างจากโครีย์ที่แม้แต่คานไดด์แห่งองครักษ์ชุดดำเองก็ไร้ซึ่งข้อมูลใด ๆ ดูเหมือนว่าอารามแห่งน้ำแข็งจะเป็นองค์กรที่มีความลึกลับมากทีเดียว
ในที่สุด หานซั่วก็เข้าใจจนได้ว่าทำไมทิอาน่าถึงหักหลังเขา เป็นเพราะว่าศาสนจักรแห่งแสงสว่างและอารามแห่งน้ำแข็งเป็นพันธมิตรกันอย่างลับ ๆ มาโดยตลอด ในฐานะ หิมะสวรรค์ ของอารามแห่งน้ำแข็ง จึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่เธอจะวางกับดักและส่งตัวพวกเขาให้กับศาสนจักรแห่งแสงสว่าง
กลุ่มคนจากอารามแห่งน้ำแข็ง นำโดย น้ำแข็งสวรรค์โครีย์ ต่างมีท่าทีตื่นตัวขณะจ้องมองมายังหานซั่ว ในบรรดาคนพวกนั้น โครีย์คือผู้ที่แข็งแกร่งที่สุด และมีพลังเทียบเท่ากับหานซั่ว ส่วนอีก 5 คนที่เหลือ เมื่อพิจารณาจากออร่าอันเย็นเยียบที่แผ่ออกมาแล้ว พวกเขาก็น่าจะมีพลังในระดับศักดิ์สิทธิ์
ความแข็งแกร่งของทั้งกลุ่มจึงไม่ใช่สิ่งที่ควรดูถูกเลยแม้แต่น้อย ไม่ว่าจะอยู่ ณ ที่แห่งใด พวกเขาก็เป็นตัวแทนของพลังที่ไม่มีผู้ใดกล้าทัดทาน ซึ่งการที่พวกเขาอาจหาญเข้ามาถึงชั้นที่ 2 ของโลกใต้พิภพและเข่นฆ่าเหล่ามังกรดำถึงถิ่น ก็แปลว่าพวกเขาต้องมั่นใจว่าครอบครองพลังในระดับสูงพอที่จะทำได้สำเร็จ
ตอนนี้เองที่ทำให้หานซั่วเริ่มเข้าใจแล้วว่า ทำไมลอว์เรนซ์ถึงได้ดีใจจนออกนอกหน้าเมื่อรู้ว่าหานซั่วมีพลังในระดับครึ่งเทพ ในขณะที่จักรวรรดิโอเดนมีศาสนจักรแห่งแสงสว่าง และจักรวรรดิคาซีก็มีอารามน้ำแข็ง แต่ละลัทธิล้วนมียอดฝีมือที่น่าสะพรึงกลัว บางที เหตุผลที่จักรวรรดิแลนซล็อตไม่กล้าที่จะก่อสงครามมาหลายปี อาจเป็นเพราะหวาดระแวงในตัวตนเหล่านั้นก็เป็นได้
ทันใดนั้นเอง อีกคำถามหนึ่งก็ผุดขึ้นในใจของหานซั่ว ว่าทั้ง ๆ ที่จักรวรรดิคาซีมีพลังมากพอที่จะโค่นล้มจักรวรรดิแลนซล็อตได้ แต่ทำไมหลายต่อหลายปีมานี้ จักรวรรดิคาซีถึงยังไม่เคยรุกรานจักรวรรดิแลนซล็อตจริง ๆ เลยสักครั้ง? ในเมื่อมีทั้งน้ำแข็งสวรรค์และหิมะสวรรค์มาตั้งแต่ก่อนที่หานซั่วจะมีพลังในระดับครึ่งเทพเสียอีก แล้วจะมีใครในจักรวรรดิแลนซล็อตที่สามารถหยุดพวกเขาได้?
นอกจากนี้ ทั้งสมาพันธ์พ่อค้าบรุทและจักรวรรดิแองเจล่าต่างก็ได้รับการสนับสนุนจากยอดฝีมือผู้แข็งแกร่ง หรือแม้แต่แคว้นทั้งเจ็ดก็มีปีศาจเฒ่าสตรัทโฮล์มซึ่งเป็นถึงครึ่งเทพ แล้วเพราะอะไร ที่หลายปีมานี้ จักรวรรดิแลนซล็อตถึงยังคงมีแต่ความสงบสุขเรื่อยมา?
“เจ้าต้องการอะไรกันแน่?”
น้ำแข็งสวรรค์ตะโกนถามอีกครั้งขณะที่หานซั่วยังคงจมอยู่ในห้วงความคิด พร้อมกับชักดาบยาวที่แผ่ไอเย็นเยียบไปถึงกระดูกออกมา
หานซั่วมีสติขึ้นมาทันทีและหันไปมองมังกรดำกิลเบิร์ต สิ่งที่เขาเห็นคือกิลเบิร์ตถูกก่นด่าสาปแช่งจากชายชราร่างเล็ก ๆ ที่มีน้ำตาไหลพรากและถูกขังอยู่ในกรงของโครีย์ ชายชราผู้นั้นดูเหมือนจะเป็นปู่ของกิลเบิร์ต หัวหน้าเผ่ามังกรดำ — กิลเกส แม้ว่าน้ำเสียงของเขาจะขุ่นเคืองและกราดเกรี้ยว แต่สีหน้าของเขาก็แสดงออกอย่างชัดเจนว่าเป็นห่วงเป็นใยอย่างที่สุด
กิลเบิร์ตเพิกเฉยต่อเสียงก่นด่าของผู้เป็นปู่โดยสิ้นเชิง หากแต่จ้องมองไปยังน้ำแข็งสวรรค์โครีย์ด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความจงเกลียดจงชัง แม้ว่าเขาจะไม่ได้ฝึกฝนในวิถีเทพพิฆาตมาร แต่จิตสังหารที่แผ่ออกมาจากร่างของเขาก็มากมายอย่างน่าเหลือเชื่อ มันคือความกระหายเลือดที่ปรารถนาจะทำลายและเข่นฆ่าทุกสิ่งที่ขวางหน้าโดยไม่สนใจอะไรทั้งสิ้น
“ก็ไม่มีอะไรมากหรอก!”
หานซั่วคำรามอย่างเย็นชา เขาผายมือขึ้น แสงรัศมีสีดำระเบิดออกมาจากปลายนิ้วทั้ง 5 ก่อนจะพุ่งตรงไปยังกรงสีขาวบริสุทธิ์ที่กักขังมังกรดำทั้งเผ่าเอาไว้
แต่ตรงกันข้ามกับที่หานซั่วคาดหวังอย่างสิ้นเชิง เมื่อโครีย์ที่ยืนอยู่ข้าง ๆ กรง กลับไม่ได้พยายามปัดป้องการโจมตีเลยสักนิด เขาได้แต่ส่งสายตาดูถูกจ้องมองมายังหานซั่ว ในขณะที่อีก 5 คนที่เหลือก็มีสีหน้าท่าทีแบบเดียวกัน เห็นได้ชัดว่าพวกเขากำลังเหยียดหยามหานซั่วอย่างที่สุด
แต่อย่างไรก็ตาม ทันใดนั้นเอง หานซั่วก็รู้เหตุผลว่าทำไมคนเหล่านั้นถึงได้มีสีหน้าดูถูกถึงเพียงนั้น เพราะแม้ว่าไม่มีโครีย์หรือคนอื่น ๆ คอยขัดขวาง รัศมีทั้ง 5 เส้นก็พุ่งเข้าใส่กรงสีขาวบริสุทธิ์นั้นเข้าอย่างจัง จนเกิดเสียง ‘เปรี้ยง’ ดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง แต่ภายใต้พลังระเบิดของหานซั่ว กรงนั้นกลับอยู่ในสภาพไร้รอยขีดข่วนเหมือนเช่นเคย
หานซั่วผงะไปทันที เพราะเขารู้ดีว่าแสงทั้ง 5 ที่เขาปลดปล่อยออกมานั้นทรงพลังและน่าสะพรึงกลัวมากเพียงใด แม้จะเป็นหินหรือเหล็กกล้า ไม่ว่าจะแข็งแค่ไหนก็ต้องถูกทำลายเมื่อเจอกับพลังเหล่านั้น แต่กลับกัน หลังจากที่รับพลังโจมตีของหานซั่วเข้าไปตรง ๆ กลับไม่สามารถทิ้งร่องรอยใด ๆ ไว้บนกรงนั้นได้เลย ซึ่งถือว่าเหนือความคาดหมายของหานซั่วเป็นอย่างมาก
“กรงนี้ได้รับพรจากเทพีน้ำแข็ง ถ้าเจ้าทำลายมันได้ เราจะยอมหันหลังกลับและหนีไปแต่โดยดีเลยก็ได้”
น้ำแข็งสวรรค์โครีย์เยาะเย้ยหานซั่ว ก่อนจะชูดาบยาวอันเย็นเยียบในมือและชี้ไปที่เขา
“ดูเหมือนเจ้าจะเป็นศัตรูสินะ!”
เมื่อโครีย์พูดจบ สมาชิกอีก 5 คนที่เหลือต่างก็เดินออกมาจากกรงอย่างพร้อมเพรียงกัน ดูเหมือนว่าพวกเขาจะไม่ได้ห่วงเลยสักนิดว่ากรงจะพังทลายลงหรือไม่ แต่ละคนต่างมีสีหน้าเย็นชา และท่าทางเตรียมพร้อมที่จะทิ้งหานซั่วและมังกรดำกิลเบิร์ตไว้ข้างหลัง
** โปรดอ่านนิยายเรื่องนี้ จากบล็อกของผู้แปล gdk-th.blogspot.com เท่านั้น หากท่านกำลังอ่านจากเว็บไซต์อื่น แสดงว่าท่านกำลังจ่ายเงินให้กับผู้ที่ขโมยผลงานของนักแปลมาแสวงหาผลกำไรให้ตนเอง **
ในบรรดาคนทั้งหก น้ำแข็งสวรรค์โครีย์คือผู้ที่แข็งแกร่งที่สุด จากพลังที่แผ่ออกมา ดูเหมือนเขาจะเป็นนักดาบเวทมนตร์ เมื่อดาบยาวในมือของเขาอบอวลไปด้วยออร่าอันเย็นยะเยือก ที่ผสมผสานกับพลังความเย็นอันศักดิ์สิทธิ์และบริสุทธิ์ เทียบได้กับพลังศักดิ์สิทธิ์ของพวกอัศวินเทมพลาร์ของศาสนจักรแห่งแสงสว่างเลยทีเดียว
เป็นธรรมชาติของทุกลัทธิความเชื่อต่าง ๆ ที่เหล่าสาวกจะแลกเปลี่ยนศรัทธาอันแรงกล้าต่อเทพที่ตนสักการะบูชา และให้ได้มาซึ่งพลังศักดิ์สิทธิ์ ซึ่งพลังศักดิ์สิทธิ์เพียงน้อยนิดก็มากพอที่จะทำให้พวกเขาก้าวหน้าเกินขีดจำกัด และได้รับพลังในระดับที่คนธรรมดาทั่วไปมิอาจจินตนาการได้
เมื่อเขาสังเกตว่าเหล่าสาวกทั้ง 6 คนของอารามน้ำแข็งตั้งใจจะล้อมเขาเอาไว้ หานซั่วก็อดไม่ได้ที่จะนิ่วหน้าทันที เพราะหากมีเพียงน้ำแข็งสวรรค์โครีย์เพียงคนเดียว หานซั่วก็คงไม่มีอะไรต้องกลัว เพราะเขาเองก็มั่นใจอย่างที่สุดว่าจะรับมือไหว แต่ออย่างไรก็ตาม ในเมื่อมียอดฝีมือระดับศักดิ์สิทธิ์ถึง 5 คนเข้ามาร่วมวงด้วย หานซั่วจึงรู้สึกคิดไม่ตกหากต้องรับมือกับพวกเขาทุกคนพร้อม ๆ กัน
ในบรรดายอดฝีมือทั้ง 5 คน … 2 คนในนั้นเป็นจอมขมังเวทย์ธาตุน้ำศักดิ์สิทธิ์ พวกเขาเริ่มร่ายเวทย์ออกมา และทันใดนั้นเอง ทั่วทั้งชั้นที่ 2 ของโลกใต้พิภพก็ดูเหมือนจะถูกเสกให้กลายเป็นโลกที่มีแต่หิมะและน้ำแข็ง ความหนาวเหน็บทิ่มแทงลึกเข้าไปถึงกระดูกแผ่กระจายปกคลุมไปทุกบริเวณ
“สหาย ไม่ว่าเจ้าจะเป็นใคร อย่าคิดเลยว่าวันนี้เจ้าจะหนีรอดไปจากที่นี่ได้”
โครีย์ค่อย ๆ ก้าวมาทางหานซั่วอย่างช้า ๆ ขณะที่เสียงการร่ายคาถาของลูกน้องในกลุ่มยังคงก้องดังอยู่ในอากาศ ดาบยาวในมือเขาค่อย ๆ ถูกปกคลุมด้วยชั้นน้ำแข็งที่เปล่งประกายดุจเพชร และมีออร่าความเย็นอันมหาศาลแผ่ซ่านออกมา
“หมาหมู่งั้นรึ? ฮ่าฮ่าฮ่า การถูกรุมแบบนี้คือสิ่งสุดท้ายที่ข้ากลัวแล้วล่ะ!”
จู่ ๆ หานซั่วก็ไม่รู้สึกกังวลอีกต่อไป เขาระเบิดหัวเราะลั่น ก่อนจะหยิบคทาหัวกะโหลกมาถือไว้ในมือและเริ่มร่ายเวทมนตร์ศาสตร์แห่งความตาย อสูรมิติมืดจำนวนมากก็ปรากฏตัวขึ้นทีละตน ๆ รายล้อมหานซั่ว
ก่อนที่โครีย์จะทันได้เข้าถึงตัวหานซั่ว พื้นที่ทุกตารางนิ้วรอบตัวหานซั่วก็ถูกกองทัพอสูรมิติมืดเติมเต็มจนไม่มีที่ว่างใดหลงเหลืออยู่อีก
ตั้งแต่อสูรมิติมืดระดับต่ำสุดอย่างนักรบโครงกระดูกและผีกูล ไปจนถึงอัศวินปีศาจ อสูรกระดูก และขุนพลมัมมี่ อสูรมิติมืดทุกชนิดถูกอัญเชิญมาอย่างครบสรรพ และที่ยิ่งไปกว่านั้น คือกลุ่มนักรบผีดิบที่แต่ละตนล้วนใส่ชุดเกราะที่ดูแปลกตา ซึ่งหนึ่งในนั้นมีเจ้าผีดิบธาตุโลหะชั้นยอดที่ถือกระบองทองที่เปล่งแสงรัศมีสีทองเรืองรองออกมา และเจ้าผีดิบธาตุไฟชั้นยอด ที่ถือดอกบัวอัคคีซึ่งมีเปลวไฟลุกโชติช่วงอยู่ในมือ
ในบรรดาอสูรมิติมืดทั้งมวล ผีดิบแห่งธาตุชั้นยอดทั้งสองดูเหนือชั้นกว่าอย่างเห็นได้ชัด
“เจ้า… เจ้าเป็นนักเวทย์ผู้ใช้ความตายงั้นเรอะ!”
โครีย์ตกตะลึง และดูหวั่นเกรงต่ออสูรมิติมืดจำนวนมากที่หานซั่วอัญเชิญมาอย่างบอกไม่ถูก
** โปรดอ่านนิยายเรื่องนี้ จากบล็อกของผู้แปล gdk-th.blogspot.com เท่านั้น หากท่านกำลังอ่านจากเว็บไซต์อื่น แสดงว่าท่านกำลังจ่ายเงินให้กับผู้ที่ขโมยผลงานของนักแปลมาแสวงหาผลกำไรให้ตนเอง **
“หึหึ แต่เป็นนักเวทย์ผู้ใช้ความตายแล้วจะแน่สักแค่ไหนกัน? พวกเรามีมังกรดำทั้งเผ่าที่ถูกขังไว้อยู่ในมือ แค่กองทัพกาก ๆ ของอสูรชั้นต่ำ คิดว่าเจ้าจะทำอะไรพวกเราได้เรอะ?”
โครีย์พูดอย่างมั่นใจ และไม่คิดว่าอสูรมิติมืดเหล่านี้จะเป็นภัยเลยสักนิด
“…ชั้นต่ำงั้นรึ?”
หานซั่วเย้ยหยัน ตอนนั้นเอง เขาก็ส่งกระแสจิตออกคำสั่งต่อเจ้าผีดิบชั้นยอดทั้ง 5 ตน ว่าให้ฉวยโอกาสสร้างค่ายกลอสูรเบญจธาตุขึ้นมา
ขณะที่เจ้าโครงกระดูกตัวเล็กยังคงง่วนอยู่กับการผสานวิญญาณเข้ากับคริสตัลต้นกำเนิดที่บรรจุธาตุความตายอันบริสุทธิ์เอาไว้ มันจึงไม่ได้มาปรากฏตัวในครั้งนี้ แต่ในเมื่อมีเจ้าผีดิบชั้นยอดทั้ง 5 ตน รวมทั้งอัศวินปีศาจอีก 3 ตน และขุนพลมัมมี่ หานซั่วก็มั่นใจว่าพวกเขาสามารถรับมือกับสาวกทั้ง 6 คนของอารามน้ำแข็งได้
แม้จะคิดเช่นนั้น แต่เพื่อความมั่นใจ หานซั่วก็เผื่อให้เจ้าผีดิบชั้นยอดเตรียมตัวปลดปล่อยค่ายกลอสูรเบญจธาตุออกมา ถึงแม้ว่าตอนนี้ทั้ง 5 ตนจะยังไม่สามารถผสานพลังเข้ากันได้อย่างสมบูรณ์ แต่จากที่เจ้าโครงกระดูกตัวเล็กเคยพูดเอาไว้ หานซั่วก็จำได้ว่าค่ายกลอสูรเบญจธาตุที่สำเร็จเพียงครึ่ง ๆ กลาง ๆ นี้สามารถปลดปล่อยพลังโจมตีอันทรงพลังออกมาได้
“นายท่าน ข้าต้องการแก้แค้น ข้าอยากฆ่าพวกมันให้หมด!”
มังกรดำกิลเบิร์ตคำรามขึ้นอย่างเกรี้ยวกราด
“ด้วยวิธีไหนไม่ทราบ? กับพวกเจ้าแค่นี้เองน่ะเหรอ?”
โครีย์พูดด้วยน้ำเสียงเย้ยหยันอย่างที่สุดเท่าที่จะเป็นได้ ก่อนจะมองอย่างไม่ยี่หระ และคำรามออกมา
“กำจัดพวกอสูรศาสตร์แห่งความตายแสนโสโครกพวกนี้ให้ข้าที”
เมื่อสิ้นเสียงของน้ำแข็งสวรรค์ เหล่าสาวกที่อยู่ด้านหลังซึ่งเอ่ยคาถาร่ายเวทย์มาโดยตลอดก็หยุดชะงัก ในตอนนั้น ทั้งอาณาเขตได้แปรเปลี่ยนเป็นโลกแห่งหิมะและน้ำแข็งอย่างสมบูรณ์ ลมกระโชกแรงที่หนาวจับขั้วหัวใจพัดปกคลุมทั่วพื้นที่ ลิ่มน้ำแข็งและลูกเห็บขนาดใหญ่ร่วงหล่นมาจากฟากฟ้า พุ่งเข้าใส่เหล่าอสูรมิติมืดที่ยืนอยู่เนืองแน่นบริเวณหุบเขา
เวทมนตร์ที่ของจอมขมังเวทย์ศักดิ์สิทธิ์นั้นน่าสะพรึงกลัวมากอยู่แล้ว แต่นี่กลับมีจอมขมังเวทย์ศักดิ์สิทธิ์ที่ร่ายเวทมนตร์อย่างต่อเนื่องถึง 2 คน!
ทั่วทั้งหุบเขากลายสภาพเป็นฉากน่ากลัวของลิ่มน้ำแข็งและลูกเห็บที่พุ่งลงมาจากทุกทิศทาง ในขณะที่อสูรมิติมืดจำนวนมหาศาลที่หานซั่วอัญเชิญมา พวกระดับต่ำอย่างนักรบโครงกระดูกและนักรบผีดิบก็ถูกฆ่าตายไปทีละตน
เพียงชั่วพริบตา อสูรมิติมืดนับพันตนก็กลายเป็นเพียงเศษซากชิ้นเนื้อที่กองอยู่บนพื้นเพราะลิ่มน้ำแข็งและลูกเห็บเหล่านั้น ในขณะที่อสูรมิติมืดระดับสูงกว่าตั้งแต่พวกนักรบแห่งความเกลียดชังขึ้นไป ร่างกายของพวกมันแข็งแรงกว่ามาก จึงต้านทานการโจมตีนั้นได้เป็นอย่างดี ส่วนอสูรกระดูกและขุนพลมัมมี่ ซึ่งเป็นอสูรระดับสูง ก็ปราศจากรอยขีดข่วนโดยสิ้นเชิง
ออร่าเย็นเยียบทิ่มแทงไปถึงกระดูกแผ่ปกคลุมทั่วทั้งอาณาบริเวณ แม้แต่เหล่ามังกรดำที่ถูกขังอยู่ในกรงยังถึงกับตัวสั่นเทิ้ม ในขณะที่เหล่าอสูรมิติมืดซึ่งไม่ใช่สิ่งมีชีวิต อุณหภูมิต่ำถึงเพียงนี้จึงไม่สามารถทำอะไรพวกมันได้เลย และตอนนั้นเอง ภายใต้พายุลิ่มน้ำแข็งและลูกเห็บ อสูรมิติมืดที่ยังเหลือรอดต่างก็เรียงแถวเพื่อเตรียมจู่โจมโครีย์และคนของเขา
*********************