Great Demon King – กำเนิดราชันย์ปีศาจ - ตอนที่ 468
อัศวินปีศาจทั้ง 3 ตนที่หานซั่วหล่อหลอมขึ้นมาต่างสวมชุดเกราะที่เป็นประกายมันเงาราวกับกระจก พวกมันแกว่งไกวหอกกระดูกยาวที่เต็มไปด้วยออร่าแห่งความตาย ขณะยืนอยู่ในแนวรบหน้าสุด
พวกมันขี่ม้าศึกที่หายใจเป็นไฟและถือหอกกระดูกขนาดใหญ่ไว้ในมือ อัศวินปีศาจที่น่าสะพรึงกลัวเหล่านี้ แผ่ออร่าแห่งความตายออกมาอย่างต่อเนื่องขณะที่พุ่งเข้าใส่โครีย์และพวก
** Please note : โปรดอ่านนิยายเรื่องนี้ จากบล็อกของผู้แปล gdk-th.blogspot.com เท่านั้น หากท่านกำลังอ่านจากเว็บไซต์อื่น แสดงว่าท่านกำลังจ่ายเงินให้กับผู้ที่ขโมยผลงานของนักแปลมาแสวงหาผลกำไรให้ตนเอง **
ด้านหลังอัศวินปีศาจทั้ง 3 ตน มีอัศวินปีศาจธรรมดาอีก 5 ตนที่หานซั่วไม่ได้หล่อหลอมขึ้นมาด้วยเวทย์ปีศาจ และด้านหลังของพวกมัน ยังมีราชามัมมี่และอสูรกระดูก ในบรรดาผีดิบแห่งธาตุชั้นยอดทั้ง 5 ตนที่ดูแปลกตา ผีดิบธาตุดินชั้นยอด และผีดิบธาตุไม้ชั้นยอด ต่างก็ใช้ความสามารถพิเศษโดยกำเนิดของพวกมัน ทั้งซ่อนตัวลึกลงไปในพื้นดิน และในสุมทุมพุ่มไม้นานาพรรณ ส่วนผีดิบธาตุไฟ ธาตุน้ำ และธาตุโลหะชั้นยอด ก็แฝงตัวอยู่ท่ามกลางนักรบผีดิบตนอื่น ๆ ที่บังเอิญโชคดีรอดชีวิตมาได้ และค่อย ๆ กระจายตัวกันเพื่อล้อมโครีย์และพวกเอาไว้
โครีย์ถือดาบที่เคลือบไปด้วยชั้นน้ำแข็งหนาราวกับเพชรและแผ่ไอเย็นบาดลึกไปถึงกระดูกออกมา ก่อนที่อัศวินปีศาจทั้ง 3 จะเข้าใกล้เขา โครีย์ก็คำรามอย่างเย็นชาพร้อมกับกวัดแกว่งดาบยาวในมือ ออร่าต่อสู้ไร้สีสันผสานเข้ากับไอเย็นเยียบจากดาบและพุ่งตรงเข้าใส่อัศวินปีศาจบนหลังม้าศึกที่หายใจเป็นไฟทั้ง 3 ตน
อากาศหนาวเย็นเยียบระหว่างสวรรค์และผืนพิภพนั้นสามารถแช่แข็งทุกสรรพสิ่งได้ มันก่อตัวขึ้นอย่างฉับพลันพร้อมกับออร่าต่อสู้ที่ไร้ซึ่งสีสันใด ๆ ออร่าต่อสู้ที่ไร้สีและไร้รูปร่างนั้นประเบิดขึ้นพร้อมกับแสงสว่างจ้า และเป็นหนึ่งเดียวกับอากาศที่หนาวเย็นซึ่งก่อให้เกิดลิ่มน้ำแข็งขนาดมหึมาที่เปล่งแสงระยิบระยับ ลิ่มน้ำแข็งนั้นผสานเข้ากับออร่าต่อสู้ที่เต็มไปด้วยทำลายล้างและพุ่งเข้าใส่อัศวินปีศาจทั้ง 3 ตนทันที
หานซั่วซึ่งยืนอยู่ข้าง ๆ มังกรดำกิลเบิร์ต เขาแสยะยิ้มและหายตัวไปในพริบตา เมื่อร่างของเขาปรากฏขึ้นอีกครั้ง เขาก็ลอยตัวอยู่ในอากาศเหนือเหล่าอัศวินปีศาจ ก่อนจะเหวี่ยงหมัดออกไปอย่างรุนแรง
ราวกับว่ามีมังกรสีแดงพุ่งออกมาจากหมัดของหานซั่ว ภายใต้การขับเคลื่อนของเวทย์อัคคีเหมันต์ เปลวไฟสีแดงก็เต้นเร่าอยู่รอบหมัดของเขา และขณะที่เปลวเพลิงนั้นกำลังลุกไหม้อย่างร้อนแรง หมัดของเขาก็ปะทะเข้าตรงใจกลางลิ่มน้ำแข็งขนาดมหึมานั้นเข้าอย่างจัง
เปรี้ยง !!
เสียงบาดหูของน้ำแข็งที่แตกกระจายดังก้องขึ้น ด้วยผลของพลังอันร้ายกาจของหานซั่ว ลำแสงยาวของเปลวไฟปีศาจทำให้เกิดรูขนาดใหญ่บนลิ่มน้ำแข็ง และเมื่อทะลุเข้าไปถึงภายในมันก็ปลดปล่อยพลังความร้อนออกมาอย่างเต็มที่ และทำลายออร่าต่อสู้ไร้สีสันของโครีย์ที่แฝงอยู่ภายในลิ่มน้ำแข็งนั้นจนสิ้นซาก
“คู่ต่อสู้ของเจ้า คือข้า!”
หานซั่วเดินเข้าไปหาน้ำแข็งสวรรค์โครีย์แห่งอารามแห่งน้ำแข็งทีละก้าว โดยที่เท้าไม่สัมผัสกับพื้นดิน เปลวไฟลุกท่วมที่มือทั้ง 2 ข้างพร้อมกับความร้อนที่ผสานเข้ากับอากาศหนาวเหน็บคุกรุ่นไปทั่ว ทำให้น้ำแข็งละลายจนเกิดเป็นหยดน้ำไหลพรั่งพรูลงมา
“เจ้า… เจ้าเป็นใครกันแน่?”
โครีย์ตะโกน หัวใจของเขาเต้นระรัวด้วยความกลัว หลังจากการโจมตีของหานซั่วเมื่อครู่ น้ำแข็งสวรรค์โครีย์แห่งอารามแห่งน้ำแข็งก็ตระหนักแล้วว่าหานซั่วมีพลังอันน่าสะพรึงกลัวมากเพียงใด
** Please note : โปรดอ่านนิยายเรื่องนี้ จากบล็อกของผู้แปล gdk-th.blogspot.com เท่านั้น หากท่านกำลังอ่านจากเว็บไซต์อื่น แสดงว่าท่านกำลังจ่ายเงินให้กับผู้ที่ขโมยผลงานของนักแปลมาแสวงหาผลกำไรให้ตนเอง **
แม้ว่าจะไม่ได้ใช้จิตในการสำรวจ แต่ด้วยระยะที่ใกล้ถึงเพียงนี้ หานซั่วก็สามารถสัมผัสถึงความแข็งแกร่งที่แท้จริงของโครีย์ได้อย่างชัดเจน อย่างไรก็ตาม แม้จะครอบครองพลังอันมหาศาล แต่โครีย์ก็ไม่ได้มีแก่นมนตราที่น่าอัศจรรย์เช่นหานซั่ว ดังนั้น ตั้งแต่แรกเริ่ม โครีย์ก็ประเมินผิดพลาดไปที่ไม่คิดว่าหานซั่วคือศัตรูที่อยู่ในระดับเดียวกัน
เพราะไม่ว่ายังไง ก็ถือเป็นเรื่องยากอย่างยิ่งที่จะพบผู้ที่เป็นถึงครึ่งเทพในอาณาจักรแห่งความลึกล้ำ โครีย์เริ่มตั้งท่าเตรียมรับมือ ในเมื่อกลุ่มผู้แข็งแกร่งระดับสุดยอดของอารามแห่งน้ำแข็งที่ยกเว้นทิอาน่าเพียงคนเดียวล้วนมารวมตัวกันอยู่ที่นี่ เขาจึงไม่คิดว่าจู่ ๆ จะได้มาพบใครภายในเขตแดนของเผ่ามังกรดำที่มีพลังความแข็งแกร่งซึ่งสามารถคุกคามพวกเขาได้
สิ่งที่สำคัญที่สุด คือเวทย์ปีศาจที่หานซั่วฝึกซ้อมนั้นแตกต่างจากศาสตร์การต่อสู้ของโลกนี้โดยสิ้นเชิง โครีย์จึงไม่สามารถรับสัมผัสได้ถึงออร่าต่อสู้ที่โคจรอยู่ภายในร่างของหานซั่วเลยแม้แต่น้อย เขาจึงโยนความคิดที่ว่าหานซั่วอาจเป็นผู้ฝึกฝนศาสตร์ต่อสู้ทิ้งไป และเมื่อหานซั่วนำคทาหัวกะโหลกออกมา โครีย์ถึงตระหนักได้ว่าหานซั่วเป็นนักเวทย์ผู้ใช้ความตาย แต่หานซั่วก็ไม่ได้อัญเชิญมังกรกระดูกออกมา เขาจึงยิ่งดูถูกเหยียดหยามหานซั่วมากกว่าเดิม
แค่จอมขมังเวทย์ธรรมดา ๆ ไม่มีความหมายในสายตาเขา ไม่ว่าใครในบรรดาลูกน้องทั้ง 5 คนของเขาก็สามารถจัดการหานซั่วได้อย่างง่ายดาย ดังนั้น เขาจึงไม่คาดคิดว่าหานซั่วจะเป็นภัยต่อเขาไปมากกว่านี้
อย่างไรก็ตาม เมื่อเขาเห็นว่าหานซั่วสามารถจัดการกับลิ่มน้ำแข็งมหึมานั้นได้ด้วยการโจมตีเพียงครั้งเดียว เขาจึงรู้ว่ามองผิดพลาดไป เหตุนี้เองจึงทำให้เขาซักถามเกี่ยวกับตัวตนของหานซั่วอย่างจริงจัง
“เดี๋ยวเจ้าก็ต้องกลายเป็นศพแล้ว จะมาถามให้มากความไปทำไม?”
หานซั่วจ้องมองน้ำแข็งสวรรค์โครีย์ด้วยดวงตาที่เต็มไปด้วยจิตสังหาร แล้วลูกไฟทั้ง 2 ลูกในมือที่ก่อตัวขึ้นจากแก่นมนตราก็ถูกขว้างเข้าใส่โครีย์ทันทีที่หานซั่วพูดจบ
บางที อาจจะมีเพียงผู้ที่มีพลังในระดับเดียวกับน้ำแข็งสวรรค์โครีย์เท่านั้นที่จะสามารถมองเห็นอย่างถ่องแท้ถึงพลังที่อยู่แฝงในลูกไฟธรรมดา ๆ เหล่านั้น เขาร้องคำรามออกมา พร้อมกับฟาดฟันดาบยาวในมือ ส่งให้อากาศเย็นเยียบที่มองไม่เห็นซัดเข้าใส่ลูกไฟปีศาจทั้ง 2 ลูก
แต่แล้วกลับแตกต่างจากสิ่งที่โครีย์คาดการณ์เอาไว้อย่างสิ้นเชิง เมื่อลูกไฟที่เดือดพล่านทั้ง 2 ลูกซึ่งเดิมพุ่งมาหาเขาในแนวตรง กลับสามารถหลบเลี่ยงการโจมตีซัดออกจากดาบยาวของเขาได้อย่างน่าประหลาด มันลอยฉวัดเฉวียนไปมาราวกับมีชีวิต แล้วลูกไฟที่ไม่สามารถคาดเดาทิศทางได้ก็พุ่งตรงมาหาเขาอีกครั้ง
เบื้องหลังลูกไฟปีศาจทั้ง 2 ลูก คือหานซั่วที่ยืนอยู่พร้อมรอยยิ้มเย็นชาที่เย็นเยียบยิ่งกว่าโลกน้ำแข็งและหิมะที่เขาอยู่ในตอนนี้ ก่อนจะสั่งการไปยังเจ้าผีดิบธาตุดินชั้นยอด และร้องบอกมังกรดำกิลเบิร์ตที่อยู่ห่างออกไป
“อีกเดี๋ยวเจ้าต้องไปดูแลท่านปู่ของแล้วเจ้านะ!”
เวทมนตร์ที่ถูกปล่อยออกมาพร้อม ๆ กันโดยนักเวทย์ระดับศักดิ์สิทธิ์ 2 คนทำให้อากาศทั่วทั้งพื้นที่ตกอยู่ในภาวะเย็นยะเยือก ทั้งเกล็ดหิมะและเศษน้ำแข็งปลิวว่อนไปทั่ว ราวกับเป็นภูเขาน้ำแข็งที่อารามแห่งน้ำแข็งตั้งอยู่ก็ไม่ปาน
บางที อาจเป็นเพราะพลังของพวกเขาถูกจำกัดเอาไว้ มังกรดำทุกคนที่ถูกคุมขังไว้ต่างหนาวสั่นไปด้วยความเย็น เด็กผู้หญิงผิวดำที่ร่างเต็มไปด้วยบาดแผลและรอยฟกช้ำ อาจเป็นเพราะอากาศที่หนาวเย็น หรือเพราะเศษน้ำแข็งที่ร่วงหล่นลงมาใส่เธอ จึงทำให้ผิวของเธอซีดเผือดลงไปมากทีเดียว
หลังจากหานซั่วพูดจบ พื้นที่อยู่เบื้องล่างกรงขังก็เกิดการสั่นสะเทือนและกำลังจะร่วงหล่นลงในไปโพรงอันมืดมิด ขณะที่เหล่ามังกรดำต่างกรีดร้องด้วยความกลัว กรงขังนั้นก็หล่นหายลงไปในหลุมสีดำนั่นเสียแล้ว
ในขณะเดียวกัน เบื้องล่างใต้เท้าของกิลเบิร์ต มีโพรงใต้ดินก่อตัวขึ้นมา กิลเบิร์ตจึงได้สติในทันทีและกระโดดลงไปในโพรงนั้น
หลังจากที่ทั้งกรงขังและมังกรดำกิลเบิร์ตหายลงไปในดิน โพรงทั้ง 2 โพรงซึ่งปรากฏขึ้นอย่างน่าพิศวงท่ามกลางสายตาของเหล่ายอดฝีมือแห่งอารามแห่งน้ำแข็ง ก็ปิดตัวลงอย่างน่าอัศจรรย์ ก่อนที่พวกเขาจะทันรู้ตัวว่าเกิดอะไรขึ้น ทั้ง 2 โพรงนั้นก็อันตรธานหายไปเสียแล้ว และพื้นดินก็คืนความราบเรียบเฉกเช่นที่มันเคยเป็นอีกครั้ง
“ท่าน… ท่านโครีย์! กรงหยกน้ำแข็งหายไปแล้วครับ!”
ทันใดนั้น หนึ่งในนักเวทย์ที่กำลังร่ายเวทย์อยู่ ก็ร้องตะโกนด้วยความตระหนกตกใจ
โครีย์ ผู้ซึ่งกำลังแกว่งดาบเพื่อต้านการโจมตีของลูกไฟปีศาจ ก็สบโอกาสเหลือบมองไปข้างหลัง ใบหน้าของเขาบูดเบี้ยวขึ้นมาทันที ทันใดนั้น กระแสลมหนาวยะเยือกก็ระเบิดออกมาจากร่างของเขาอย่างรุนแรง
อากาศเย็นเยียบก่อตัวขึ้นอย่างรวดเร็วโดยมีโครีย์เป็นจุดศูนย์กลาง และพื้นที่บริเวณโดยรอบเริ่มจับตัวเป็นน้ำแข็ง พร้อมก้อนน้ำแข็งขนาดมหึมาที่ก่อร่างขึ้นมากลางอากาศ
แล้วลูกไฟปีศาจทั้ง 2 ลูกที่หมุนวนอย่างต่อเนื่องและถูกควบคุมโดยหานซั่ว ก็ถูกแช่แข็งจนกลายเป็นก้อนน้ำแข็งขนาดใหญ่เช่นกัน ก่อนที่หานซั่วจะทันโต้ตอบ กระแสอากาศเย็นเยียบจับตัวกันจนกลายเป็นน้ำแข็งและเริ่มหมุนวนอย่างรวดเร็วราวกับฝูงอสรพิษสีเงิน ก่อนจะพุ่งเข้าใส่ลูกไฟที่ติดกับอยู่ในน้ำแข็ง
กลุ่มควันสีขาวหนาแน่นลอยออกมาจากลูกไฟถูกขังเอาไว้ หานซั่วรู้สึกได้ถึงแก่นมนตราภายในลูกไฟที่กำลังหดหายไปทีละน้อยภายใต้การกักขังของกระแสลมหนาว
ขณะที่โครีย์เองกำลังนั่งอยู่ ณ ใจกลางของก้อนน้ำแข็งขนาดใหญ่ ในฐานะผู้ร่ายเวทย์ โครีย์จึงไม่ได้รับผลกระทบใด ๆ จากน้ำแข็งที่หนาวเย็น ด้วยดวงตาเย็นชาที่จ้องมองมายังหานซั่ว จู่ ๆ เขาก็เหาะมาหาหานซั่วด้วยความเร็วสูง แล้วก้อนน้ำแข็งมหึมาที่แช่แข็งมิติรอบกายของโครีย์ ก็ลอยตามเขามาด้วยราวกับไร้ซึ่งน้ำหนัก พร้อม ๆ กันกับเขาที่กำลังพุ่งเข้าใส่หานซั่ว
ระหว่างทาง หมอกควันหนาก็หยุดการแผ่กระจายออกมาจากพื้นผิวน้ำแข็ง กระแสลมเย็นยะเยือกกว่า 10 สายทำให้พลังของแก่นมนตราเฮือกสุดท้ายในลูกไฟดับมอดไปในที่สุด และมันก็อันตรธานหายไปอย่างไร้ร่องรอย
ด้วยคำสั่งของหานซั่ว อสูรมิติมืดระดับสูงตนอื่น ๆ ซึ่งไม่ได้รับผลกระทบจากคลื่นน้ำแข็งของเวทมนตร์ธาตุน้ำ พวกมันก็หลีกเลี่ยงโครีย์และหันไปจัดการกับยอดฝีมือทั้ง 5 คนที่มาจากอารามแห่งน้ำแข็งแทน ในขณะที่ผีดิบแห่งธาตุชั้นยอดทั้ง 5 ตนก็กระจายตัวกันออกไปรอบ ๆ และเตรียมตัวที่จะสร้างค่ายกลอสูรเบญจธาตุขึ้นมา
เมื่อเห็นว่าโครีย์บินมาทางเขาพร้อมกับก้อนน้ำแข็งขนาดใหญ่ มือทั้ง 2 ข้างของหานซั่วก็เริ่มหมุนวนอย่างรวดเร็ว เวทมนตร์จากเวทย์ปีศาจทุกแขนงพรั่งพรูออกมาพร้อมกับเสียงหวือในอากาศ เมื่อลำแสงปีศาจอันโหดเหี้ยมอำมหิตปะทะเข้ากับน้ำแข็ง มันก็ก่อเกิดเสียงวัตถุกระทบกันที่ดังเสนาะหู
อย่างไรก็ตาม ก้อนน้ำแข็งมหึมาที่ดูดกลืนความเย็นโดยรอบดูเหมือนจะทำจากวัสดุที่ทนทานอย่างยิ่ง เมื่อการโจมตีที่ไม่เหมือนใครของหานซั่วระเบิดใส่ก้อนน้ำแข็ง มันสร้างความเสียหายลึกลงไปเพียงเมตรเดียว ซึ่งไม่สามารถเจาะผ่านน้ำแข็งเข้าไปถึงตัวโครีย์ได้แม้แต่น้อย
สมกับฉายา น้ำแข็งสวรรค์ จริง ๆ! หานซั่วนึกชื่นชมในใจ ในขณะที่ด้านหนึ่งก็ง่วนอยู่กับการร่ายเวทย์ที่ส่องแสงระยิบระยับพุ่งเข้าโจมตีน้ำแข็ง และอีกด้านหนึ่งก็คอยหลบหลีกอย่างรวดเร็ว และครุ่นคิดหาวิธีทำลายน้ำแข็งนั้นให้จงได้
ขณะที่คมมีดพิชิตมารที่ยังผสานเข้ากับคริสตัลต้นกำเนิดแห่งการทำลายล้างไม่เสร็จสิ้น เขาจึงยังไม่สามารถหาทางทำลายก้อนน้ำแข็งในตอนนี้ได้ และไม่มีทางอื่นนอกจากหลบหลีกไปมาด้วยความเร็วสูง โชคยังดี เมื่อเป็นเรื่องของความเร็วแล้ว หานซั่วมักจะได้เปรียบกว่าใครเสมอ ซึ่งเมื่อต้องไล่ตามหานซั่วพร้อมก้อนน้ำแข็งมหึมา แม้ว่าจะเคลื่อนที่ได้อย่างรวดเร็ว แต่โครีย์ก็ไม่สามารถเข้าใกล้หานซั่วได้เลย
ฝ่ายหนึ่งไม่สามารถทำลายก้อนน้ำแข็งได้ ส่วนอีกฝ่ายก็ไม่สามารถไล่ตามได้ทัน ทั้งสองจึงติดอยู่ในสถานการณ์จนมุมและได้แค่คุมเชิงกันอยู่อย่างนั้น
“ท่านพ่อ ให้ข้าจัดการเถอะ!”
“ท่านพ่อ ให้ข้าจัดการเถอะ!”
ตอนนั้นเอง หานซั่วก็ได้รับสารจากเจ้าผีดิบธาตุไฟและเจ้าผีดิบธาตุโลหะชั้นยอด ทั้ง 2 ตนมีความมั่นอกมั่นใจอย่างเต็มที่เมื่อพวกมันส่งกระแสจิตมาหาหานซั่วพร้อม ๆ กัน แล้วทั้ง 2 ตน ก็เริ่มพุ่งเข้าโจมตีโครีย์ทันที
เจ้าผีดิบธาตุโลหะและเจ้าผีดิบธาตุไฟชั้นยอด ตนหนึ่งแกว่งไกวกระบองทอง ซึ่งเป็นขุมพลังธาตุโลหะ ส่วนอีกตนครอบครองดอกบัวอัคคี ขุมพลังธาตุไฟที่มีพลังเพลิงทำลายล้าง หานซั่วได้สติขึ้นมาทันที อารมณ์ของเขาผ่อนคลายมากขึ้น และเริ่มวางแผนที่จะจัดการกับโครีย์ทันทีที่เขาเสียหลัก!
*******************