Great Demon King – กำเนิดราชันย์ปีศาจ - ตอนที่ 469
เท่านี้ก็พิสูจน์ได้แล้ว่า ทั้งเจ้าผีดิบธาตุโลหะและเจ้าผีดิบธาตุไฟชั้นยอดผู้ครอบครองขุมพลังแห่งธาตุนั้น สามารถปลดปล่อยพลังออกมาได้อย่างมหาศาลจริง ๆ
ด้วยพลังของเจ้าผีดิบธาตุโลหะ กระบองทองก็แปรเปลี่ยนเป็นแท่งเสาขนาดมหึมาที่เปล่งรัศมีสีทองเรืองรองที่มีน้ำหนักเป็นล้าน ๆ ตัน มันฟาดลงไปบนก้อนน้ำแข็งขนาดใหญ่ที่ห่อหุ้มร่างของน้ำแข็งสวรรค์โครีย์เอาไว้ เกิดเป็นเสียงของวัตถุแตกเป็นเสี่ยง ๆ ดังลั่นขึ้น ทำให้โครีย์ที่อยู่ตรงกลางได้รับแรงกระแทกอันมหาศาลที่ฟาดลงมาอย่างจัง ร่างกายของเขาสั่นสะเทือนอย่างรุนแรง และออร่าของเขาก็เสียสมดุล
เจ้าผีดิบธาตุไฟชั้นยอดรีบพุ่งตามไปทันที ลูกไฟร้อนระอุจำนวนมากระเบิดออกมาจากดอกบัวอัคคีในมือของมัน และพุ่งเข้าใส่ก้อนน้ำแข็งขนาดใหญ่ที่ยังไม่ได้กระเทาะแตกอย่างสมบูรณ์ กลุ่มควันหนาพวยพุ่งออกมาทันทีที่ไฟและน้ำแข็งปะทะกัน
ใบหน้าของโครีย์ซีดเผือดด้วยความกลัว หากมีเพียงศาสตร์ต่อสู้อันน่าพิศวงของหานซั่วที่ทำลายเกราะน้ำแข็งของเขาได้เพียงอย่างเดียว เขาก็คงไม่ต้องรู้สึกหวาดผวาถึงขนาดนี้ แต่อย่างไรก็ตาม ในเมื่อมีนักรบผีดิบที่น่าประหลาดโผล่มาถึง 2 ตน และยังทำลายก่อนน้ำแข็งที่เปี่ยมไปด้วยพลังศักดิ์สิทธิ์ของเทพีแห่งน้ำแข็ง เรื่องทั้งหมดนี้จึงเกินกว่าจินตนาการของเขาไปมากทีเดียว
“เจ้าพวกบ้านี่มันตัวอะไรกัน!”
โครีย์ผงะไปด้วยความกลัวเมื่อเห็นเจ้าผีดิบธาตุโลหะและเจ้าผีดิบธาตุไฟชั้นยอด เขากำดาบยาวที่ปกคลุมด้วยชั้นน้ำแข็งหนาที่แกร่งประดุจเพชรไว้แน่นในมือ พลางจ้องมองไปยังอสูรทั้ง 2 ด้วยท่าทีสับสน
ทันใดนั้นเอง หานซั่วก็ปรากฏตัวออกมาจากหมอกหนาราวกับภูตผี พร้อมกับคมดาบปีศาจที่ทำให้เล็บทั้ง 2 มือของเขายาวร่วม 1 เมตร เขาฟาดฟันเป็นรูปกากบาท ปลดปล่อยพลังแสงปีศาจที่ดูราวกับตาข่ายขนาดยักษ์ที่มองไม่เห็นเพื่อกักขังโครีย์เอาไว้
โครีย์กำลังสับสนถึงขีดสุด ในตอนนี้เขาตระหนักแล้วว่าเป็นเรื่องยากอย่างยิ่งที่จะรับมือกับหานซั่วเพียงคนเดียว และในเมื่อมีเจ้าผีดิบธาตุไฟชั้นยอดที่สามารถปลดปล่อยพลังธาตุไฟอันบริสุทธิ์ออกมาได้อีก โครีย์จึงกระวนกระวายเพราะรู้สึกว่าดอกบัวอัคคีนั้นจะต้องเล่นงานเขาได้แน่ ๆ เมื่อเขาเห็นหานซั่วพุ่งเข้ามา โครีย์จึงดีดตัวออกจากก้อนน้ำแข็งทางด้านหลังพร้อมกับเศษน้ำแข็งที่แตกเป็นเสี่ยง ๆ และล่าถอยไปในที่สุด
ทันใดนั้น ร่างของหานซั่วที่เคยอยู่ตรงหน้าโครีย์ ก็ค่อย ๆ จางลง จนกระทั่งอันตรธานหายไปอย่างสมบูรณ์! แต่ทว่า สัมผัสของอันตรายก็ยังคงอยู่และวนเวียนอยู่ในมิติโดยรอบ ซึ่งทำให้โครีย์รู้สึกจิตตกมากทีเดียว
** Please note : โปรดอ่านนิยายเรื่องนี้ จากบล็อกของผู้แปล gdk-th.blogspot.com เท่านั้น หากท่านกำลังอ่านจากเว็บไซต์อื่น แสดงว่าท่านกำลังจ่ายเงินให้กับผู้ที่ขโมยผลงานของนักแปลมาแสวงหาผลกำไรให้ตนเอง **
ขณะที่โครีย์ยืนอยู่ตรงกลาง ลิ่มน้ำแข็งก้อนแล้วก้อนเล่าก็ระเบิดออกมาจากดาบยาวของเขาและพุ่งออกไปทุกทิศทาง เมื่อไม่สามารถระบุตำแหน่งของหานซั่วได้ นี่จึงเป็นวิธีโต้ตอบที่ดีที่สุดเท่าที่โครีย์นึกออก
หลังจากที่โครีย์ระเบิดพลังออกไปเป็นวงกว้างแล้ว ตาข่ายล่องหนขนาดใหญ่ที่ปกคลุมเหนือหัวของเขาก็ดูเหมือนจะถูกทำลายและสูญสลายไปด้วยพลังระเบิดของลิ่มน้ำแข็งเหล่านั้น
อย่างไรก็ตาม โครีย์ก็ไม่ได้รู้สึกสบายใจขึ้นเลย ตรงกันข้าม เมื่อสัมผัสของอันตรายที่กัดกินหัวใจของเขามาโดยตลอดกลับทวีความรุนแรงมากขึ้นเรื่อย ๆ โครีย์รวมรวมสมาธิถึงขีดสุดเพื่อตรวจจับที่มาของอันตรายเหล่านั้นจากจุดที่เขายืนอยู่ แต่เขาก็ไม่พบอะไรเลย
เมื่อสัมผัสอันตรายนั้นใกล้เข้ามาในระยะประชิด ความเจ็บปวดที่เสียดแทงก็เกิดขึ้นที่เท้าของเขา โครีย์ผวาขึ้นมาทันทีก่อนจะรีบเหาะขึ้นไปในอากาศ เพื่อหนีจากการลอบโจมตีที่เกิดขึ้นใต้เท้าของเขาอย่างกะทันหัน
เบื้องล่าง หานซั่วซึ่งสั่งให้เจ้าผีดิบธาตุดินชั้นยอดขุดอุโมงค์ใต้ดินไว้เพื่อลอบโจมตี ก็เงยหน้าขึ้มามองน้ำแข็งสวรรค์โครีย์พร้อมกับรอยยิ้มชั่วร้าย ขณะที่ประกายเยือกเย็นเปล่งออกมาจากคมดาบปีศาจที่มือทั้ง 2 ข้างของเขา ลำแสงสีดำ 10 เส้นก็พุ่งออกมาจากปลายนิ้วราวกับอสรพิษที่เลื้อยเข้าใส่โครีย์ ไม่เพียงแต่ลำแสงนั้นจะเดินทางได้ไวกว่าสายฟ้า แต่วิถีของมันยังเต็มไปด้วยเล่ห์เหลี่ยมและไม่สามารถคาดเดาทิศทางได้เลยสักนิด
บัดซบ! โครีย์นึกสาปแช่งความประมาทเลินเล่อของตนเอง ท่ามกลางหิมะที่โปรยปราย เขาก็วาดดาบลงมาในแนวดิ่ง
ในบรรดาลำแสงที่คืบคลานทั้ง 10 สาย …6 สายในนั้นถูกหยุดเอาไว้ด้วยท่าปัดป้องอย่างตื่นตระหนกของโครีย์ ในขณะที่อีก 4 สายที่เหลือก็พุ่งเข้าใส่ร่างราวกับว่าพวกมันคือเงาของเขาเอง จากนั้น มันก็ระเบิดขึ้นทีละครั้ง ๆ ที่บริเวณเอวและสะโพก เลือดสด ๆ ไหลทะลักออกมาจากบาดแผลราวกับน้ำตก พร้อมกับเสียงร้องโหยหวนอย่างทุกข์ทรมานของโครีย์
เขาบาดเจ็บแล้ว ตอนนี้ล่ะ จู่โจมให้จบในท่าเดียวไปเลย!
หานซั่วเหินทะยานขึ้นไปบนฟ้า แสงปีศาจวนเวียนอยู่ภายในคมดาบปีศาจที่ยาวเป็นเมตรจากทั้ง 2 มือของเขา ก่อนจะปลดปล่อยอีก 10 ลำแสงพุ่งออกมาจากปลายนิ้วของเขาอีกครั้ง พร้อมจะปลิดชีวิตของโครีย์ได้ทุกขณะ
แต่นอกเหนือความคาดหมายของหานซั่วโดยสิ้นเชิง เมื่อน้ำแข็งสวรรค์โครีย์ ผู้ที่มีสถานะสูงส่งยิ่งกว่าทิอาน่าแห่งอารามแห่งน้ำแข็ง ทั้ง ๆ ที่ร่างกายท่อนล่างมีแผลเหวอะจากการระเบิดของลำแสง เขาก็รีบดึงม้วนคาถาออกมาด้วยความเร็วสุดชีวิต ก่อนที่หานซั่วจะทันได้เข้ามาใกล้ โครีย์ก็ใช้งานม้วนคาถาที่มีสีขาวราวหิมะแผ่นนั้นได้สำเร็จ
“ถอยยยย !!”
โครีย์ร้องตะโกนสุดเสียง ทันใดนั้น เกล็ดหิมะที่ปลิวว่อนอยู่ในอากาศก็พุ่งมาที่เขา เพียงเสี้ยววินาที น้ำแข็งสวรรค์โครีย์ก็อันตรธานหายไปพร้อมกับหิมะเหล่านั้น
เมื่อเสียงร้องโหยหวนของโครีย์ดังก้องขึ้น มวลหิมะที่ปกคลุมพื้นที่โดยรอบก็พุ่งขึ้นมาห่อหุ้มร่างของเหล่ายอดฝีมืออารามแห่งน้ำแข็งที่เหลืออยู่เอาไว้ เพียงชั่วพริบตา ทั้ง 5 คนดูราวกับหลอมละลายไปกับหิมะ และจู่ ๆ ก็อันตรธานหายไปอย่างน่าอัศจรรย์ต่อหน้าต่อตาหานซั่ว
แม้ว่าเขาจะยังสามารถสัมผัสได้ถึงตัวตนของพวกที่ซ่อนอยู่ในหิมะด้วยจิตอันน่าทึ่งของตนเอง แต่หานซั่วก็ไม่สามารถระบุตำแหน่งของพวกเขาได้อย่างแน่ชัด ราวกับว่าพวกเขาได้ละลายหายไป แม้จะสัมผัสได้ แต่ก็ไม่สามารถจู่โจมพวกเขาได้เลย
เมื่อทั้ง 6 คนหายไปอย่างสมบูรณ์ พายุหิมะที่เคยโหมกระหน่ำไปทั่วทั้งหุบเขามังกรดำก็สงบลง หานซั่วสัมผัสได้ว่าตัวตนของโครีย์และพวกกำลังจางหายไปทีละน้อย และเมื่อสัมผัสถึงได้อีกต่อไป แม้ความหนาวเย็นที่แผ่ปกคลุมอาณาเขตโดยรอบจะยังคงอยู่ แต่ก็ไม่มีเกล็ดหิมะพัดโปรยปรายอยู่ในอากาศอีกแล้ว
เมื่อเป้าหมายการโจมตีของเหล่าอสูรมิติมืดหายตัวไป พวกมันก็ทำอะไรไม่ถูก จึงได้แต่ยืนนิ่ง ๆ ซื่อ ๆ อยู่อย่างนั้น ราวกับกำลังรอคอยคำสั่งต่อไปจากหานซั่ว
“ท่านพ่อ พวกมันหายตัวไปหมดเลย!”
เจ้าผีดิบธาตุดินชั้นยอดส่งกระแสจิตมาหา ก่อนจะค่อย ๆ โผล่ขึ้นมาจากดินและมายืนอยู่เคียงข้างหานซั่ว
“พวกมันหนีไปได้น่ะสิ! แถมวิธีการหนีก็น่าทึ่งมากจริง ๆ เล่นอำพรางตัวตนโดยผสานกลมกลืนไปกับน้ำแข็งและหิมะซะอย่างนั้น”
หานซั่วพึมพำกับตนเอง ก่อนจะหันไปออกคำสั่งเจ้าผีดิบธาตุดินชั้นยอด
“เปิดอุโมงค์ใต้ดิน แล้วก็เอาเจ้ามังกรดำกิลเบิร์ตกับกรงนั่นออกมาที”
“ตกลง!”
เจ้าผีดิบธาตุดินชั้นยอดตอบอย่างซื่อ ๆ ทันใดนั้น พื้นดินใกล้ ๆ จุดที่ทั้ง 2 ยืนอยู่ก็แยกออกเป็นโพรง ก่อนที่ดินด้านล่างนั้นจะยกตัวขึ้น และนำพามังกรดำกิลเบิร์ตกับกรงที่ขังเผ่ามังกรดำทั้งหมดขึ้นมา
กิลเบิร์ตนอนแผ่อยู่ที่ด้านบนสุดของกรงขัง หยาดน้ำตาพรั่งพรูเป็นสาย เขาไม่พูดอะไร หากแต่ร้องห่มร้องไห้อยู่กับกิลเกส หัวหน้าเผ่ามังกรดำที่อยู่เบื้องล่างเขาอย่างไม่รู้จบ ดวงตาของผู้เป็นปู่ก็แดงก่ำในสภาพที่น้ำตานองหน้า พลางสะอึกสะอื้นด้วยความโศกเศร้าขณะพยายามปลอบโยนกิลเบิร์ต
หลังจากที่เหลือบมองไปยังกิลเบิร์ตและมังกรดำคนอื่น ๆ ที่อยู่ในกรงแล้ว หานซั่วก็ถอยห่างออกมาเงียบ ๆ เพราะรู้ว่าคงเป็นการดีที่สุด หากจะปล่อยพวกเขาอยู่ด้วยกันตามลำพังในช่วงเวลาแบบนี้ อีกอย่าง บางที กิลเกสอาจจะต้องการบอกเรื่องบางอย่างที่เป็นความลับในเผ่ามังกรดำกับกิลเบิร์ตก็ได้ จึงอาจไม่สมควรหากเขาจะอยู่ตรงนั้นต่อไป
เมื่ออุณหภูมิของพื้นที่โดยรอบกลับเป็นปกติ น้ำแข็งและมวลหิมะที่ปกคลุมพื้นดินก็ค่อย ๆ ละลายและจางหายไป หานซั่วส่งเหล่าอสูรมิติมืดกลับไปยังโลกของพวกมันอีกครั้ง ก่อนจะมานั่งครุ่นคิดถึงจุดประสงค์ที่อารามแห่งน้ำแข็งมาที่นี่
อารามแห่งน้ำแข็ง และ ศาสนจักรแห่งแสงสว่าง เป็นพันธมิตรที่ดีต่อกัน และทั้งคู่ต่างก็เป็นองค์กรที่มีอิทธิพลยิ่งใหญ่ในอาณาจักรแห่งความลึกล้ำ แม้ว่าทั้ง 2 จะมีคำสอนทางศาสนาต่างกันโดยสิ้นเชิง แต่พวกเขาก็ยังจับมือเป็นพันธมิตรกันอย่างลับ ๆ เช่นนั้นแล้ว เมื่อนับความจงเกลียดจงชังที่หานซั่วมีต่อศาสนจักรแห่งแสงสว่าง บวกกับเรื่องที่ทิอาน่าหักหลังเขาเมื่อครั้งก่อน จึงเป็นเหตุผลที่พอเหมาะพอควรทีเดียวสำหรับหานซั่ว ที่จะมองว่าอารามแห่งน้ำแข็งก็คือศัตรูของเขาเช่นกัน
แม้ว่าโครีย์จะหลบหนีผ่านเกล็ดหิมะที่ปลิวว่อนในอากาศไปได้สำเร็จ แต่ก็ถือว่าหานซั่วได้ทิ้งร่องรอยที่มิอาจลืมไว้บนร่างของเขา และยิ่งไปกว่านั้น ด้วยตัวตนของทิอาน่า ความเป็นปฏิปักษ์ที่เขามีต่ออารามแห่งน้ำแข็งจึงเป็นไปไม่ได้เลยที่จะแก้ด้วยสันติวิธี ในตอนนี้ หานซั่วถึงกับเริ่มวางแผนแล้วว่าจะเล่นงานอารามแห่งน้ำแข็งด้วยวิธีใด
ขณะที่หานซั่วกำลังครุ่นคิดอยู่นั้นเอง เขาก็ได้รับสารผ่านกระแสจิตจากกิลเบิร์ต ขอร้องให้เขาเข้าไปหา ก่อนที่หานซั่วจะรีบมาอยู่ข้าง ๆ กิลเบิร์ตโดยไม่ลังเลใจ เขาพบว่ากิลเบิร์ตยังคงมีสีหน้าทุกข์ระทมเหมือนเช่นเคย แต่ควบคุมสติอารมณ์ได้มากขึ้นแล้ว
ขณะที่มังกรดำทุกคนที่ถูกขังอยู่ในกรงจับจ้องมายังหานซั่วเป็นตาเดียว กิลเกส ผู้เป็นปู่ของกิลเบิร์ต ก็โน้มตัวมาหาหานซั่วจากข้างในกรง และเอ่ยขอบคุณเขาจากใจจริง
“ครั้งที่แล้ว ที่กิลเบิร์ตกลับมา ข้าได้ยินเรื่องวีรกรรมของท่านมาบ้าง แต่ข้าไม่เคยคาดคิดเลยว่าสุดท้ายแล้ว ท่านจะกลายมาเป็นผู้ที่ช่วยชีวิตคนทั้งเผ่าของเราเอาไว้ ในนามของมังกรดำทุกตน ข้าขอขอบคุณท่านในบุญคุณอันใหญ่หลวงในครั้งนี้”
“ด้วยความยินดีครับ ความสัมพันธ์ระหว่างกิลเบิร์ตกับข้าไม่ใช่เรื่องธรรมดาอย่างที่พวกท่านคาดคิด และการช่วยเหลือพวกท่านก็เป็นเรื่องถูกต้องที่ข้าควรทำแล้วล่ะ”
หานซั่วยกมือขึ้นมาและสื่อในเชิงว่ากิลเกสไม่จำเป็นต้องสุภาพนอบน้อมมากเกินไป
“ข้าเข้าใจดี ไม่มีคนธรรมดาที่ไหนหรอกที่จะยอมเสี่ยงชีวิตเพื่อสัตว์เลี้ยงวิเศษของตัวเอง การที่ท่านรีบรุดมาจากที่ไกลแสนไกลเพื่อช่วยพวกเราเผ่ามังกรดำ เพียงแค่นั้นก็อธิบายได้มากพอแล้วถึงความผูกพันที่ท่านมีต่อกิลเบิร์ต ช่างเป็นโชคดีของเขาเหลือเกินที่ได้ติดตามรับใช้ท่าน”
** Please note : โปรดอ่านนิยายเรื่องนี้ จากบล็อกของผู้แปล gdk-th.blogspot.com เท่านั้น หากท่านกำลังอ่านจากเว็บไซต์อื่น แสดงว่าท่านกำลังจ่ายเงินให้กับผู้ที่ขโมยผลงานของนักแปลมาแสวงหาผลกำไรให้ตนเอง **
กิลเกสเป็นผู้ที่มีสติปัญญาเฉียบแหลม เพียงแค่เรื่องที่หานซั่วรีบมาเพื่อช่วยกิลเบิร์ต เขาก็ให้เหตุผลแล้วว่ากิลเบิร์ตได้เลือกผู้เป็นนายได้ถูกต้องแล้ว
“ท่านปู่ เลิกพูดจาไร้สาระซะทีเถอะ”
กิลเบิร์ตโอดครวญ พลางมองมาที่หานซั่วอย่างอดรนทนไม่ได้
“นายท่าน ท่านเปิดไอ้กรงบ้านี่ได้มั้ย? ข้าพยายามทุกวิถีทางแล้ว แต่ไม่ได้ผลเลย!”
“ให้ข้าลองอีกครั้งนะ”
หานซั่วตอบ และใช้พลังจากเวทย์ปีศาจอีกครั้ง แต่อย่างไรก็ตาม กรงนี้ก็ได้รับพรจากเทพีแห่งน้ำแข็ง ซึ่งตามที่โครีย์เคยพูดไว้ ว่ามันเปี่ยมไปด้วยพลังศักดิ์สิทธิ์ของเทพี ไม่ว่าการโจมตีที่โถมกระหน่ำนั้นจะทรงพลังมากเพียงใด มันก็ยังคงแข็งแกร่งและไร้รอยขีดข่วน มีเพียงไอเย็นเยียบที่บาดลึกถึงกระดูกแผ่ซ่านออกมาจากกรงที่ไม่สามารถเปิดได้เท่านั้น
ในขณะที่วิญญาณแท้จริงของคมมีดพิชิตมารกำลังผสานเข้ากับคริสตัลต้นกำเนิดแห่งการทำลายล้าง อันที่จริง มันควรจะเป็นทางออกที่ดีที่สุดของปัญหานี้ ด้วยพลังอันมหาศาลของคมมีด หานซั่วก็มั่นใจอย่างยิ่งว่าจะสามารถทำลายกรงนี้ให้แหลกเป็นเสี่ยง ๆ ได้อย่างแน่นอน แต่อย่างไรก็ตาม ในเมื่อคมมีดยังคงอยู่ในภาวะจำศีลและไม่สามารถนำออกมาใช้ได้ หานซั่วจึงรู้สึกปวดหัวไม่น้อยทีเดียว
และแม้ว่ากระบองทองของเจ้าผีดิบธาตุโลหะชั้นยอดจะสามารถทุบทำลายได้ทุกสิ่งอย่าง แต่ต่อให้มันสามารถทำลายกรงได้ มังกรดำนับสิบคนที่อยู่ในกรงก็คงต้องจบชีวิตลงไปด้วยเช่นกัน
หากว่ากรงขังนี้ไม่ได้รับพรศักดิ์สิทธิ์จากเทพีแห่งน้ำแข็งล่ะก็ หานซั่วก็มั่นใจว่าตนเองคงเปิดมันได้ไม่ยาก สถานการณ์ตอนนี้จึงเรียกได้ว่ากลืนไม่เข้าคายไม่ออกเลยทีเดียว
แต่ในขณะที่เขากำลังปวดหัวอยู่นั้นเอง จู่ ๆ เขาก็นึกถึงใครบางคนขึ้นมาได้ และร้องอุทานออกมาทันที
“อาจจะยังมีอีกทางหนึ่งก็ได้นะ!”
*********************************