Great Demon King – กำเนิดราชันย์ปีศาจ - ตอนที่ 473
หนึ่งวันต่อมา ณ หมู่บ้านโทรลล์ป่า
หานซั่วก็พาเอลิซาเบธมาถึง และด้วยหยดเลือดปีศาจที่ฝังอยู่ในร่างของเอลิซาเบธ หากเธอคิดทรยศล่ะก็ หานซั่วก็สามารถปลิดชีวิตเธอได้เพียงเสี้ยววินาที นอกจากนี้ ศาสนจักรแสงสว่างก็ไล่ต้อนเธอให้จนตรอก และในเมื่อมีนายเหนือหัวที่แข็งแกร่งให้พึ่งพา ตราบใดที่เธอยังฉลาดพอจะรู้ว่าอะไรเป็นอะไร เธอก็ต้องตระหนักดีอยู่แล้วว่าการทรยศหานซั่วไม่ได้ส่งผลดีต่อตัวเธอเองเลยสักนิด
เมื่อมาถึงที่หมู่บ้านโทรลล์ป่า หานซั่วก็พบว่ามังกรดำกิลเบิร์ตคอยเฝ้าดูแลเหล่ามังกรดำที่ถูกขังในกรงอยู่ไม่ห่าง ที่ข้าง ๆ กิลเบิร์ต โทรลล์ป่านักบวชเฒ่ากำลังออกคำสั่งโทรลล์ป่าตนอื่น ๆ ระหว่างส่งเนื้อหมักชิ้นใหญ่ให้กับกิลเกสที่อยู่ในกรง
เหล่ามังกรดำที่ทนทุกข์จากการทรมานโดยน้ำแข็งสวรรค์โครีย์ ต่างกินเนื้อหมักที่อยู่ในมืออย่างตะกละตะกลาม เห็นได้ชัดว่าพวกเขาต้องหิวโซมากทีเดียว
เมื่อหานซั่วมาถึง เหล่าโทรลล์ป่าตนอื่น ๆ โดยมีนักบวชเฒ่าเป็นผู้นำ ก็คุกเข่าลงเบื้องหน้าหานซั่ว และร้องตะโกนชื่อ ‘ดาทาร่า’ ออกมา
สำหรับเผ่าโทรลล์ป่าแล้ว แม้ว่าความตั้งใจเดิมของหานซั่วคือการหลอกใช้ประโยชน์จากพวกมัน แต่เมื่อเวลาผ่านไป เขากลับมีความผูกพันบางอย่าง นอกเหนือจากนิสัยโดยธรรมชาตของพวกมันที่ชื่นชอบการปล้นสะดมและลักขโมยแล้ว ว่ากันตามตรง พวกมันก็เข้ากับรสนิยมของหานซั่วมากที่สุด ไม่ว่าพวกมันจะโหดร้ายทารุณกับผู้อื่นมากแค่ไหน แต่เป็นเพราะเจ้าโครงกระดูกตัวเล็ก โทรลล์ป่าเหล่านี้จึงทั้งอุทิศตนและปฏิบัติกับพวกเขาด้วยความเลื่อมใสศรัทธาอย่างหาที่เปรียบมิได้
“ลุกขึ้นเถอะ”
หานซั่วพูดพร้อมผายมือเป็นสัญญาณ เมื่อนักบวชเฒ่าและโทรลล์ป่าตนอื่น ๆ ลุกขึ้นแล้ว หานซั่วก็ยิ้มและพูดขึ้น
“ในอนาคต คอยติดต่อกับทรังคส์ให้บ่อยเข้าล่ะ เขาจะให้คำแนะนำดี ๆ กับพวกเจ้าได้เยอะเลย”
“วางใจเถอะ ท่านผู้นำสาร ภายใต้การชี้แนะของทรังคส์ หลายปีมานี้ พวกเราได้รับผลพลอยได้มากขึ้นเป็นประวัติการณ์เลยทีเดียว”
รอยยิ้มปลื้มปริ่มปรากฏขึ้นบนใบหน้าน่าเกลียดน่ากลัวของโทรลล์ป่านักบวชเฒ่า
** Please note : หากท่านไม่ได้อ่านนิยายเรื่องนี้จากบล็อก https://gdk-th.blogspot.com/ แปลว่าท่านกำลังจ่ายเงินให้กับคนที่กำลังสุขสบายกับการหาเงินง่าย ๆ ด้วยการใช้นิ้วคลิกก๊อบผลงานแปลของเพจไปขายอีกต่อหนึ่ง **
หานซั่วพยักหน้า ก่อนจะหันมองไปทางเอลิซาเบธและพูดกับเธอ
“ลองดูหน่อย ว่าเจ้าสามารถดูดกลืนพลังศักดิ์สิทธิ์ของเทพีแห่งน้ำแข็งจากกรงหยกเยือกแข็งนี่ได้รึเปล่า”
“เข้าใจแล้ว นายท่าน!”
เอลิซาเบธตอบอย่างนอบน้อม สีหน้าของเธอตื่นเต้นดีใจเป็นที่สุด
เอลิซาเบธ ผู้ที่เคยวิ่งหนีหัวซุกหัวซุนมาตลอดหลายปี ย่อมรู้ซึ้งถึงพลังของตนเอง และเข้าใจว่าหากเธอต้องการปกป้องตนเองเพื่อการอยู่รอดได้ดีกว่านี้ เธอก็ต้องครอบครองพลังที่แข็งแกร่งยิ่งขึ้น และไม่ต้องสงสัยเลยว่าคำสั่งของหานซั่วในครั้งนี้เป็นประโยชน์ต่อเธออย่างมาก ด้วยร่างกายที่มีพลังอันน่าพิศวง หากเธอสามารถดูดกลืนพลังศักดิ์สิทธิ์ที่แฝงอยู่ในกรงหยกเยือกแข็งได้สำเร็จ พลังของเธอก็จะพัฒนาสูงขึ้นไปอีกขั้นหนึ่งอย่างแน่นอน
“ระวังด้วยนะ ข้างในคือคนในเผ่าพันธุ์ของข้า”
กิลเบิร์ตซึ่งยังคงคลางแคลงใจในพลังของเอลิซาเบธ จึงร้องเตือนเมื่อเห็นว่าเธอกำลังเข้าไปใกล้กรงขังด้วยท่าทีตื่นเต้น
เอลิซาเบธพยักหน้า เมื่อเธอเข้าไปถึงกรงหยกเยือกแข็ง เธอก็ยื่นมือออกไปจับซี่ลูกกรงไว้โดยไม่รอช้า เธอหลับตาลง และเริ่มสัมผัสถึงพลังงานที่แฝงอยู่ในกรงด้วยร่างกายศักดิ์สิทธิ์ของเธอ
หานซั่วหรี่ตาลงเล็กน้อย ราวกับว่ามีประกายสายฟ้าวาบขึ้นในดวงตาขณะที่เขาจับจ้องไปยังเอลิซาเบธ
ทันใดนั้น หานซั่วก็เห็นว่าเอลิซาเบธมีท่าทีปลื้มปิติ ควันสีเขียวเริ่มลอยคุกรุ่นออกมาจากทวารทั้ง 7 ของเธอ กลุ่มควันสีเขียวนั้นลอยวนเวียนไปมาบริเวณรูจมูก ดวงตา หู และปากราวกับหนอน ใบหน้าที่น่าเกลียดน่ากลัวอยู่แล้วของเธอแลดูชั่วร้ายมากกว่าเดิม ขณะที่กลุ่มควันสีเขียวลอยฟุ้งออกมาจากทวารทั้ง 7 เหล่านั้น
“น… นายท่าน เธอทำได้รึเปล่า?”
กิลเบิร์ตรู้สึกตกตะลึงเมื่อเห็นสิ่งแปลกประหลาดเกิดขึ้นที่ใบหน้าของเอลิซาเบธ เพราะผู้ที่ถูกขังอยู่ในกรงหยกเยือกแข็งคือปู่และสมาชิกคนอื่น ๆ ในเผ่าของเขา กิลเบิร์ตจึงเกรงว่าเอลิซาเบธอาจบังเอิญทำให้พวกเขาได้รับอันตราย
หานซั่วใช้มือเป็นสัญญาณบอกให้กิลเบิร์ตเงียบเสียง ก่อนจะค่อย ๆ เข้าไปใกล้เอลิซาเบธอย่างช้า ๆ แล้วจิตที่ไร้ตัวตนและรูปร่างของเขาก็ค่อย ๆ สัมผัสและเฝ้าระวังการกระทำใด ๆ ก็ตามของเอลิซาเบธที่มีต่อกรงหยกเยือกแข็ง
หานซั่วสัมผัสได้ว่า ร่างกายศักดิ์สิทธิ์อันเป็นเอกลักษณ์ของเอลิซาเบธได้ค้นพบแหล่งกักเก็บพลังงานศักดิ์สิทธิ์ของเทพีแห่งน้ำแข็งภายในกรงหยกเยือกแข็งแล้ว นี่เองจึงเป็นเหตุผลที่ว่าทำไมเธอถึงได้ตื่นเต้นดีใจขึ้นมากะทันหัน ขณะที่กลุ่มควันสีเขียวจากทวารทั้ง 7 ของเธอลอยหมุนวนไปมา ผิวหนังอันเหี่ยวย่นที่มือทั้ง 2 ข้างของเธอดูเหมือนจะหดเล็กลง และเหี่ยวแห้งลงอย่างรุนแรง จนกลายเป็นเหมือนกับตะขอเหล็กสีคล้ำ
แล้วมือที่เหี่ยวแห้งทั้งคู่ที่ดูราวกับมือของมัมมี่ที่มีอายุนับพันปี ก็เปล่งแสงสีเขียวอ่อน ๆ ที่ดูชั่วร้ายออกมา กระแสพลังเย็นยะเยือกราวกับเส้นไหมอันวิจิตรค่อย ๆ หลั่งไหลเข้าสู่มือผอมแห้งของเธอและผ่านเข้าไปในร่างกาย ตอนนั้นเอง ร่างกายศักดิ์สิทธิ์อันมีโครงสร้างรูปแบบเฉพาะตัว ก็ยินยอมให้เธอย่อยสลายพลังงานศักดิ์สิทธิ์เหล่านั้น
ท่าทีของเอลิซาเบธที่ดูชั่วร้ายนั้นบ่งบอกถึงความตื่นเต้นดีใจในดวงตาตลอดกระบวนการ เมื่อกระแสพลังศักดิ์สิทธิ์ค่อย ๆ หลั่งไหลเข้าสู่ร่างผ่านทั้ง 2 มือของเธออย่างช้า ๆ เธอก็สัมผัสได้ถึงผลประโยชน์มหาศาลที่พลังนั้นจะมอบให้กับร่างกายของเธอได้
หานซั่วถอนหายใจด้วยความโล่งอก และมั่นใจแล้วว่าการทำให้เอลิซาเบธเป็นทาสรับใช้ของเขาเป็นการตัดสินใจที่ถูกต้องแล้วจริง ๆ การที่สามารถดูดกลืนพลังงานศักดิ์สิทธิ์ได้เช่นนี้ เอลิซาเบธจึงถือว่ามีประโยชน์ต่อเขามากมายเลยทีเดียว ขณะที่กำลังสัมผัสถึงกระแสพลังศักดิ์สิทธิ์ที่หลั่งไหลออกมา หานซั่วก็คิดใคร่ครวญว่า หลังจากที่เอลิซาเบธดูดกลืนพลังงานเสร็จสิ้นแล้ว เขาจะสามารถดูดกลืนพลังงานที่เธอย่อยสลายและแปรเปลี่ยนแล้วมาใช้กับตนเองได้บ้างหรือไม่
ด้วยฝีมือของเอลิซาเบธ ออร่าเย็นยะเยือกที่อบอวลอยู่รอบ ๆ กรงหยกเยือกแข็งนั้นค่อย ๆ จางหายไปทีละน้อย ส่วนกิลเบิร์ตที่คอยเฝ้ามองอยู่ข้าง ๆ ก็สัมผัสได้ถึงความเปลี่ยนแปลงของกรงหยกเยือกแข็ง จึงรู้สึกทั้งประหลาดใจและปลาบปลื้มเป็นที่สุด อารมณ์ของเขาดีขึ้นมากทีเดียว เมื่อเขาหันไปมองเอลิซาเบธอีกครั้ง ใบหน้าน่าเกลียดน่ากลัวนั้นกลับดูไม่ระคายสายตาเหมือนเคย
ขณะที่หานซั่วและกิลเบิร์ตต่างถอนหายใจด้วยความโล่งอก ทันใดนั้น ใบหน้าของเอลิซาเบธก็เต็มไปด้วยความหวาดผวา ร่างกายของเธอสั่นเทิ้ม ออร่าอันหนาวเหน็บแผ่ซ่านไปในอากาศ เอลิซาเบธพยายามดึงทั้ง 2 มือที่จับซี่ลูกกรงของกรงหยกน้ำแข็งออกอย่างสุดกำลัง แต่ราวกับว่ามือของเธอถูกกาวที่เหนียวอย่างที่สุดยึดแน่นเอาไว้ เธอจึงไม่สามารถผละออกจากกรงได้เลย ไม่ว่าเธอจะพยายามมากเพียงใดก็ตาม
ในเวลาเดียวกัน กรงหยกเยือกแข็งก็แผ่กลุ่มควันสีขาวที่หนาวบาดลึกไปถึงกระดูกออกมา อุณหภูมิโดยรอบลดฮวบลงทันที หมู่บ้านโทรลล์ป่าที่เคยอบอุ่นกลับกลายเป็นโลกแห่งหิมะและน้ำแข็งไปอย่างกะทันหัน
โดยไม่รู้ตัว ภายใต้ลมหนาวที่โหมกระหน่ำ ทั่วทั้งหมู่บ้านก็ปกคลุมไปด้วยเกล็ดหิมะ เหล่าโทรลล์ป่าต่างตัวสั่นเทาด้วยความเหน็บหนาว บางตนถึงขั้นร้องตะโกนขึ้นมาด้วยความหวาดกลัว เพราะไม่รู้เลยว่าเกิดอะไรขึ้น
หานซั่วเองก็รู้สึกตื่นกลัวเช่นกัน เพราะเขาก็สัมผัสได้ถึงกระแสพลังบางอย่างที่แผ่ซ่านออกมาจากกรงหยกเยือกแข็งได้อย่างชัดเจน พลังงานนั้นระเบิดออกมาอย่างฉับพลัน ไม่เพียงแต่จะทำให้ทั่วทั้งเขตแดนจมลงสู่ความเหน็บหนาว แต่มันยังยึดมือของเอลิซาเบธไว้แน่นโดยไม่สามารถขยับได้แม้แต่นิดเดียว
แต่เหล่ามังกรดำที่ถูกขังอยู่ในกรงหยกเยือกแข็งนั้นคือผู้ที่ต้องทนทุกข์ทรมานจากบรรยากาศอันหนาวเหน็บนี้มากที่สุด ฟันของกิลเกสกระทบกันดังลั่น ลมหายใจอุ่น ๆ ของเขาที่พ่นออกมาเยือกแข็งไปในทันที ในขณะที่มังกรดำที่เยาว์วัยกว่าต่างมีใบหน้าแข็งทื่อ ราวกับว่าในอีกไม่กี่ชั่วขณะ พวกเขาจะถูกแช่แข็งอย่างสมบูรณ์
“บัดซบ เจ้าทำอะไรลงไป? ข้าจะฆ่าเจ้า!”
กิลเบิร์ตคำรามด้วยความกราดเกรี้ยว ขณะที่มือกำลังง้างออกเพื่อเตรียมตบหน้าเอลิซาเบธ ซึ่งด้วยพละกำลังของเขา หากทำสำเร็จล่ะก็ เอลิซาเบธคงต้องตายคามืออย่างไม่ต้องสงสัย
“หยุดนะ! นี่ไม่ใช่ฝีมือเธอ!”
หานซั่วร้องตะโกนและยกมือขึ้นเพื่อห้ามกิลเบิร์ต
กิลเบิร์ตชะงักไปเพราะเสียงตะโกนของหานซั่ว เมื่อเขาเหลือบมองไปที่ใบหน้าของเอลิซาเบธอีกครั้ง และพบว่าเธอกำลังหวาดผวาและทุกข์ทรมานอยู่เช่นกัน เขาถึงได้สติขึ้นมา แต่อย่างไรก็ตาม ขณะที่เหล่ามังกรดำที่อยู่ในกรงก็กำลังหนาวจนตัวแข็ง กิลเบิร์ตก็รู้สึกโมโหจนสติแตก และตะโกนขึ้นมา
“จะทำยังไงดี พวกเราจะทำยังไงกันดี!?”
“พาทุกคนอพยพไปจากที่นี่!”
หานซั่วร้องตะโกนสั่งไปยังนักบวชเฒ่าที่กำลังหนาวสั่น และรีบอัญเชิญเจ้าผีดิบธาตุไฟชั้นยอดออกมา เมื่อออกคำสั่งเสร็จสิ้น เขาก็พุ่งตัวไปอยู่ด้านหลังของเอลิซาเบธในเวลาเพียงเสี้ยววินาที และเอามือทาบไปบนหลังของเธอ
——————
ขณะเดียวกัน ไกลออกไป ณ เขตแดนของจักรวรรดิคาซี บนยอดเขาที่หนาวเย็นที่สุดและปกคลุมไปด้วยน้ำแข็งและหิมะ…
ยอดเขานั้นเป็นที่ตั้งของปราสาทจำนวนนับไม่ถ้วนที่สร้างขึ้นจากคริสตัลน้ำแข็ง และท่ามกลางปราสาทเหล่านั้น คือวิหารรูปทรงกรวยที่สูงเสียดฟ้า ตรงใจกลางโครงสร้างนั้น คือยอดฝีมือของอารามแห่งน้ำแข็งจำนวนหนึ่งที่นำโดยโดยน้ำแข็งสวรรค์โครีย์ พวกเขากำลังนั่งขัดสมาธิรวมตัวกันเป็นครึ่งวงกลม ล้อมรอบวงเวทย์ขนาดใหญ่ที่อยู่ตรงกลาง ร่างกายของพวกเขาถูกแช่อยู่ในน้ำแข็ง ทำให้ดูราวกับว่าพวกเขาคือรูปปั้นน้ำแข็งที่ไร้ซึ่งสัญญาณชีวิต
แต่ละคน ทั้งน้ำแข็งสวรรค์โครีย์และคนอื่น ๆ ต่างมีสีหน้าเด็ดเดี่ยว และเปี่ยมไปด้วยความเคารพศรัทธา ขณะกำลังนั่งหันหน้าไปทางรูปปั้นของเทพีแห่งน้ำแข็งของพวกเขา เมื่อถูกแช่แข็ง พวกเขาจึงแน่นิ่งอยู่ในท่าเดิม พลางร่ายเวทย์ผ่านไปยังเส้นทางที่ไกลออกไป อากาศที่หนาวเหน็บอย่างรุนแรงแผ่ซ่านไปทั้งวิหาร
“เขาเข้ามาใกล้แล้ว!”
ทันใดนั้น โครีย์ที่กลายเป็นรูปปั้นน้ำแข็งก็ร้องตะโกนขึ้น
“แช่แข็งอากาศ แช่แข็งปฐพี…”
นอกจากโครีย์แล้ว รูปปั้นน้ำแข็งยอดฝีมือคนอื่น ๆ ก็ร่ายเวทย์สอดประสานกันด้วยเสียงทุ้มต่ำ อากาศเย็นเยียบแผ่ซ่านไปทั่วห้องโถงใหญ่พร้อมกับออร่าความขลังของพิธีกรรมนั้น
…ห่างออกไปนับพันไมล์ หานซั่วใช้ทั้ง 2 มือกดลงบนไหล่ของเอลิซาเบธ แก่นมนตราปีศาจหลั่งไหลผ่านไหล่ไปยังมือทั้ง 2 ข้างของเธอ ผสานเข้ากับความเย็นเยียบที่บาดลึกไปถึงกระดูก
เปลวไฟมากมายระเบิดออกมาจากดอกบัวอัคคีที่ถืออยู่ในมือของเจ้าผีดิบธาตุไฟชั้นยอด พวกมันพุ่งลอยออกไปวนเวียนในอากาศทั้งใกล้และไกล ก่อให้เปิดปฏิกิริยาเมื่อความร้อนระอุและความหนาวเย็นมาปะทะกัน กลุ่มควันหนาสีขาวพวยพุ่งออกมาอย่างฉับพลันและปกคลุมไปทั่วดินแดนแห่งน้ำแข็งและหิมะ
** Please note : หากท่านไม่ได้อ่านนิยายเรื่องนี้จากบล็อก https://gdk-th.blogspot.com/ แปลว่าท่านกำลังจ่ายเงินให้กับคนที่กำลังสุขสบายกับการหาเงินง่าย ๆ ด้วยการใช้นิ้วคลิกก๊อบผลงานแปลของเพจไปขายอีกต่อหนึ่ง **
หลังจากที่ดอกบัวอัคคีถูกนำออกมาและเปลวไฟที่ลุกโชติช่วงก็พวยพุ่งออกไป อุณหภูมิของทั่วทั้งหมู่บ้านก็หยุดการลดฮวบลงอย่างรวดเร็ว เหล่าโทรลล์ป่าที่เชื่องช้าลงเพราะความหนาว ก็ค่อย ๆ หนีได้เร็วขึ้น
ขณะเดียวกัน เหล่ามังกรดำในกรงหยกเยือกแข็งที่ร่างกายแข็งทื่อไป ด้วยความช่วยเหลือของเปลวไฟของเจ้าผีดิบธาตุไฟชั้นยอด น้ำแข็งก็ค่อย ๆ ละลายกลายเป็นน้ำ ในตอนนั้น มีเพียงเสียงฟันกระทบกันของกิลเกสที่ดังให้ได้ยิน
ขณะที่ทั้งสองมือของหานซั่วกดลงบนไหล่ของเอลิซาเบธ แก่นมนตราปีศาจก็หลั่งไหลผ่านเข้าสู่ฝ่ามือของเธอ หานซั่วปลดปล่อยเวทย์อัคคีเหมันต์ขั้นสูงสุด ก่อให้เกิดอุณหภูมิร้อนระอุเพื่อช่วยให้เธอทนต่อการโจมตีด้วยความหนาวเย็นที่แผ่ออกมาจากซี่ลูกกรง
พลังอันหนาวเย็นที่เกิดขึ้นที่ฝ่ามือของเอลิซาเบธนั้น หานซั่วสัมผัสได้ถึงพลังศักดิ์สิทธิ์ของน้ำแข็งสวรรค์โครีย์อย่างชัดเจน เขาจึงมั่นใจอย่างยิ่งว่าความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นอย่างฉับพลันกับกรงหยกน้ำแข็งนี้ต้องเกี่ยวข้องกับน้ำแข็งสวรรค์โครีย์อย่างแน่นอน
และหานซั่วยังมั่นใจอีกว่ากรงหยกน้ำแข็งที่ได้รับพรจากเทพีแห่งน้ำแข็งนี้ จะต้องมีคุณสมบัติบางอย่างที่สามารถเชื่อมโยงไปยังน้ำแข็งสวรรค์โครีย์และคนอื่น ๆ ได้โดยตรง ดูเหมือนว่าครั้งนี้หานซั่วจะตกหลุมพรางของโครีย์เสียแล้ว บางที เหตุผลที่โครีย์รีบหนีออกไปจากหุบเขามังกรดำ โดยไม่สนใจกรงหยกเยือกแข็งที่หายไป เป็นเพราะว่าเขาได้วางแผนการรับมือนี้ไว้แล้วมาโดยตลอด
ขณะที่เขากำลังสาปแช่งความเจ้าเล่ห์เพทุบายอันร้ายกาจโครีย์อยู่ในใจ แก่นมนตราปีศาจในร่างกายของเขาก็โคจรอย่างบ้าคลั่งและแปรเปลี่ยนเป็นเปลวเพลิงอันร้อนระอุตามหลักของเวทย์อัคคีเหมันต์ ช่วยให้เอลิซาเบธสามารถทนทานต่อความเย็นยะเยือกที่แผ่ซ่านออกมาจากกรงหยกน้ำแข็งอย่างสุดกำลัง
ใช่ว่าหานซั่วจะสนใจว่าเอลิซาเบธจะอยู่หรือตาย เพียงแต่ว่า ถ้าเอลิซาเบธตายไปในตอนนี้ ออร่าเย็นเยียบของกรงหยกน้ำแข็งจะไม่มีวันทำให้หายไปได้ และอีกอย่าง การที่มีเอลิซาเบธคอยคั่นกลางย่อมต้องปลอดภัยกว่าที่หานซั่วจะสัมผัสกับกรงหยกเยือกแข็งโดยตรง
“หนาว… หนาวเหลือเกิน!”
เมื่อหานซั่วถ่ายเทแก่นมนตราเข้ามาให้ เอลิซาเบธก็สามารถพูดออกมาได้ในที่สุด หลังจากที่ได้แต่ฟันกระทบกันอย่างหยุดไม่ได้เพราะความเหน็บหนาว
“อดทนไว้!”
หานซั่วคำรามอย่างเย็นชา เขาละทิ้งความคิดฟุ้งซ่านทั้งหมด และเพ่งสมาธิต้านทานสุดแรงเกิดพร้อมคิ้วที่ขมวดแน่น
ภายใต้ผลจากอุณหภูมิที่ดิ่งฮวบลงอย่างรวดเร็ว เหล่าโทรลล์ป่าทั้งเด็กและผู้ใหญ่จำนวนหนึ่งก็หนาวตายไปเสียก่อนที่เปลวไฟจากเจ้าผีดิบธาตุไฟชั้นยอดจะให้ความอบอุ่นได้ทัน ทั่วทั้งหมู่บ้านโทรลล์ป่าเต็มไปด้วยความหวาดกลัว เมื่อโทรลล์ป่านักบวชเฒ่าร้องคำรามออกมา โทรลล์ป่าที่ยังรอดชีวิตทุกตนต่างก็หนีตายกันกระเจิดกระเจิงออกไปจากหมู่บ้านทันที
เจ้าผีดิบธาตุไฟชั้นยอดยังคงยิงเปลวไฟออกมาจากดอกบัวอัคคีอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย และต่อสู้อย่างเต็มที่เช่นเดียวกับหานซั่ว แม้ว่าหน้าที่ของกิลเบิร์ตไม่สามารถช่วยอะไรได้มากนัก แต่เขากลับเป็นผู้ที่มีความอดทนสูงที่สุด ขณะยืนอยู่ข้าง ๆ เจ้าผีดิบธาตุไฟชั้นยอด แม้จะตัวสั่นเทิ้มด้วยความหนาว แต่เขาก็ยังทนไหว
ขณะจ้องมองไปยังใบหน้าอันหม่นหมองของสมาชิกในเผ่าที่ถูกขังอยู่ในกรงหยกเยือกแข็ง กิลเบิร์ตก็เข้าใจว่า ทันทีที่เจ้าผีดิบธาตุไฟชั้นยอดและหานซั่วไม่สามารถต้านทานได้อีกต่อไป คนของเขาจะต้องพบกับจุดจบด้วยการแข็งตายอย่างแน่นอน ซึ่งทำให้กิลเบิร์ตรู้สึกวิตกกังวลมากทีเดียว แต่โชคร้ายที่ตัวเขาเองไม่สามารถช่วยเหลืออะไรได้เลย สิ่งที่เขาทำได้ ก็มีเพียงการเฝ้ามองอยู่ข้าง ๆ กรงหยกน้ำแข็ง และรู้สึกโกรธเกลียดเคียดแค้นอารามแห่งน้ำแข็งไปถึงกระดูกดำเท่านั้น
“ท่านพ่อ ถ้าเราอยู่อย่างนี้คงไปไม่รอดแน่!”
ทันใดนั้นเอง เจ้าผีดิบธาตุไฟชั้นยอดก็ส่งกระแสจิตออกมา
ความเย็นยะเยือกที่แผ่ออกมาจากกรงหยกน้ำแข็งค่อย ๆ ทวีความรุนแรงมากขึ้นเรื่อย ๆ หานซั่วเองก็รู้สึกว่าสูญเสียพลังไปมากขึ้นทุกที และคิดว่าที่เจ้าผีดิบธาตุไฟชั้นยอดพูดมานั้นถูกต้องทีเดียว ขณะที่เขากำลังคิดอะไรไม่ออก เจ้าผีดิบธาตุไฟชั้นยอดก็ส่งกระแสจิตสื่อสารกับเขาอีกครั้ง
“ท่านพ่อ ย้ายการต่อสู้นี้ไปที่แหล่งกำเนิดของข้าเถอะ ข้าจะมีวิธีรับมือกับสิ่งนี้เมื่อไปถึงที่นั่น!”
แดนอัคคีสัมบูรณ์นั่นเอง! ดวงตาของหานซั่วเป็นประกายขึ้นมาทันทีเมื่อได้ยินคำพูดของเจ้าผีดิบธาตุไฟชั้นยอด
*********************