Great Demon King – กำเนิดราชันย์ปีศาจ - ตอนที่ 474
เพราะสถานที่ทั้ง 2 แห่งนั้นอยู่ในป่าทมิฬ และเส้นทางระหว่างหมู่บ้านโทรลล์ป่าและแดนอัคคีสัมบูรณ์ก็ไม่ไกลกันมากนัก หานซั่วจึงรีบทำตามคำแนะนำของเจ้าผีดิบธาตุไฟทันที
“กิลเบิร์ต แปลงร่างเป็นมังกร!”
หานซั่วบอกกับมังกรดำกิลเบิร์ตที่มีท่าทีกระวนกระวาย
กิลเบิร์ตคำรามก้องสู่ท้องฟ้าโดยไม่ลังเลใจแม้แต่น้อย ร่างกายของเขาขยายตัวออกอย่างรวดเร็ว และเพียงชั่วพริบตาเดียว ร่างมนุษย์ของเขาก็แปรเปลี่ยนเป็นมังกรดำขนาดยักษ์ที่มีความยาวกว่า 30 เมตร
ขณะที่มือของเอลิซาเบธยังคงติดอยู่ที่กรงหยกเยือกแข็ง หานซั่วก็จับไหล่เธอและพุ่งขึ้นสู่ท้องฟ้าไปพร้อมกับกรงนั้น ส่วนกิลเบิร์ตบินก็ฉวัดเฉวียนและพุ่งตัวลงมารับหานซั่วไว้ได้ทันเวลาพอดิบพอดี
“วู้ววว…. เย็น! เย็นชะมัดเลย!”
เมื่อกรงหยกเยือกแข็งสัมผัสกับหลังของกิลเบิร์ต พลังเยือกแข็งก็แผ่ซ่านไปยังร่างกายของเขาในทันที ทำให้ร่างมังกรของเขาสั่นสะท้านเล็กน้อย
หานซั่วขมวดคิ้ว จากนั้น เขาก็เกร็งกล้ามเนื้อและยกเอลิซาเบธขึ้นพร้อมกับกรงหยกเยือกแข็ง ซึ่งการทำเช่นนั้นหมายความว่าหานซั่วจำต้องใช้แก่นมนตราปีศาจมากกว่าเดิม เพื่อที่เขาจะได้มั่นใจได้ว่ากรงหยกเยือกแข็งจะไม่สัมผัสโดยตรงกับร่างของกิลเบิร์ต
“บินต่ำเข้าไว้ รับเจ้าผีดิบธาตุไฟชั้นยอดขึ้นมาด้วย แล้วก็รีบบินตรงไปยังที่ที่พวกเราบังเอิญไปเจอกับจ้าวอัคคีเข้าน่ะ!”
หานซั่วบอกกับกิลเบิร์ต ขณะที่เขายกเอลิซาเบธและกรงหยกเยือกแข็งขึ้นแล้ว
“เข้าใจแล้ว!”
มังกรดำบินวนและพุ่งตัวลงไป ก่อให้เกิดความปั่นป่วนของอากาศที่เย็นเยียบและมวลหิมะที่ปกคลุมพื้นดิน
เจ้าผีดิบธาตุไฟซึ่งเตรียมพร้อมอยู่ก่อนแล้ว มันดีดตัวขึ้นบนมาท้องฟ้า และร่อนลงบนหลังของกิลเบิร์ตอย่างมั่นคง ก่อนจะก้าวเดินเข้าไปหากรงหยกเยือกแข็งอีก 2 ก้าว และปลดปล่อยเปลวไฟเข้าไปยังกรง เพื่อให้ความอบอุ่นกับมังกรดำซึ่งร่างกายเริ่มแข็งตัวขึ้นอีกครั้ง
เมื่อทุกอย่างเข้าที่ดีแล้ว มังกรดำกิลเบิร์ตก็พุ่งตัวไปตามเส้นทาง บินไปยังแดนอัคคีสัมบูรณ์ด้วยความเร็วสูงสุดที่เขาสามารถบินได้
หานซั่วซึ่งยืนอยู่บนหลังของกิลเบิร์ตจ้องมองไปยังหมู่บ้านของพวกโทรลล์ป่าซึ่งเต็มไปด้วยบรรยากาศแห่งความหนาวเหน็บ บึงน้ำเล็ก ๆ ที่เป็นแหล่งน้ำของพวกเขากลายเป็นน้ำแข็งไปต่อหน้าต่อตา พวกโทรลล์ป่าต่างหวาดกลัวและหนาวสั่น ขณะกำลังหนีออกไปจากโลกแห่งหิมะและน้ำแข็งอย่างสุดชีวิต
โทรลล์ป่านักรบหลายตนต่างอุ้มเด็ก ๆ ที่ตัวแข็งทื่อไปแล้ว พวกมันร่ำร้องอย่างโหยหวน ขณะที่โทรลล์ป่าชราหลายตนก็นอนแน่นิ่งอยู่บนพื้นดิน ร่างกายที่อ่อนแอของพวกมันกลายเป็นน้ำแข็งและไร้ซึ่งสัญญาณของชีวิต ก่อนที่เจ้าผีดิบธาตุไฟชั้นยอดจะมาช่วยได้ทัน พวกมันก็จากโลกนี้ไปตลอดกาลเสียแล้ว
เมื่อมองไปยังเหล่าโทรลล์ป่านับร้อยที่ล้มตาย ในใจของหานซั่วก็รู้สึกผิดอย่างเหลือล้น เขาตระหนักดีว่าภัยพิบัติที่เกิดขึ้นกับพวกโทรลล์ป่าครั้งนี้เป็นความผิดของเขาเอง และด้วยชะตากรรมนี้ เหล่าโทรลล์ที่รับใช้เขามาแรมปี ทั้งในสภาพชรา เด็ก ป่วย และพิการ ต่างเสียชีวิตเพราะความเหน็บหนาว
อารามแห่งน้ำแข็ง! ระหว่างเราจะไม่มีวันปรองดองกันเด็ดขาด!
หานซั่วคำรามในใจ แก่นมนตราปีศาจในร่างของเขาหลั่งไหลผ่านเข้าไปทางแขนของเอลิซาเบธอย่างไม่หยุดหย่อน และแปรเปลี่ยนเป็นพลังงานความร้อน เพื่อต้านทานความเหน็บหนาวที่ถาโถมเข้ามา
แม้ว่าระยะทางระหว่างหมู่บ้านโทรลล์ป่าและแดนอัคคีสัมบูรณ์จะไม่ได้ห่างกันมากนัก หานซั่วและเจ้าผีดิบธาตุไฟชั้นยอดกลับรู้สึกว่าการเดินทางนี้ช่างยาวไกลไร้ที่สิ้นสุด ในขณะที่หานซั่วมีแก่นมนตราปีศาจในปริมาณมาก เขาจึงยังสามารถดิ้นรนกระเสือกกระสนต่อไปได้
อย่างไรก็ตาม เจ้าผีดิบธาตุไฟชั้นยอดมีอาการเหนื่อยล้าอ่อนเพลียอย่างเห็นได้ชัด หานซั่วสังเกตได้จากแสงกะพริบสีแดงของดอกบัวอัคคี
ดอกบัวอัคคี ขุมพลังธาตุไฟซึ่งเต็มไปด้วยพลังธาตุไฟปริมาณมหาศาล ตราบใดที่เจ้าผีดิบธาตุไฟสามารถหล่อเลี้ยงมันด้วยความแข็งแกร่ง โดยทฤษฎีแล้ว มันจะสามารถใช้ประโยชน์จากพลังที่เก็บกักอยู่ในดอกบัวอัคคีได้ แต่อย่างไรก็ตาม มันก็นานมากแล้วตั้งแต่ที่เจ้าผีดิบธาตุไฟถือกำเนิดขึ้น จึงเป็นเรื่องยากสำหรับมันที่จะสามารถคงอยู่อย่างถาวรด้วยระดับพลังในตอนนี้
** Please note : หากท่านไม่ได้อ่านนิยายเรื่องนี้จากบล็อก https://gdk-th.blogspot.com/ แปลว่าท่านกำลังจ่ายเงินให้กับคนที่กำลังสุขสบายกับการหาเงินง่าย ๆ ด้วยการใช้นิ้วคลิกก๊อบผลงานแปลของเพจไปขายอีกต่อหนึ่ง **
และสิ่งที่สำคัญที่สุด เป็นเพราะพลังงานแห่งความหนาวเย็นอันร้ายกาจที่เจ้าผีดิบธาตุดินต้องต่อต้านไว้ในครั้งนี้ อย่างที่รู้กันว่าไฟและน้ำแข็งนั้นไม่สามารถเข้ากันได้ ดังนั้น เมื่อต้องต่อต้านพลังความเย็นยะเยือก ซึ่งเป็นขั้วตรงกันข้ามกับไฟ เจ้าผีดิบธาตุไฟจึงต้องใช้พลังงานมากกว่าปกติ และยิ่งไปกว่านั้น เหล่ายอดฝีมือจากอารามน้ำแข็งที่มีพลังมหาศาลหลายคนก็ได้รวมพลังกันปลดปล่อยความหนาวเย็นโจมตีผ่านมาทางกรงหยกเยือกแข็ง เจ้าผีดิบธาตุไฟจึงแสดงถึงอาการเหนื่อยล้าออกมาอย่างรวดเร็ว
…ไกลออกไปนับพันไมล์ ณ อารามแห่งน้ำแข็ง ….
ระหว่างนั้น กลุ่มยอดฝีมือจากอารามแห่งน้ำแข็งนำโดยน้ำแข็งสวรรค์โครีย์ ต่างมีท่าทีสงบและไม่เดือดเนื้อร้อนใจใด ๆ โดยเฉพาะโครีย์ที่เผยรอยยิ้มเยือกเย็นราวกับว่าชัยชนะนั้นอยู่ในเงื้อมมือของเขาแล้ว ดูเหมือนเขาจะพออกพอใจมากทีเดียวกับแผนการของเขาในครั้งนี้
เหอะ! เป็นแค่เจ้าเมืองกระจอก ๆ กล้าดียังไงถึงได้มาลองดีกับอารามแห่งน้ำแข็ง! โครีย์พ่นลมอย่างเย็นชาขณะร่างกำลังแช่แข็ง เขารู้จักตัวตนของหานซั่วแล้ว จากนั้น เขาก็พูดออกมาด้วยความมั่นอกมั่นใจอย่างที่สุด
“ไม่นานนักหรอก พวกเราจะแช่แข็งพวกมันจนตาย พยายามต่อไปนะทุกคน!”
“วางใจเถอะ ท่านโครีย์ พวกเรารวมพลังกันขนาดนี้ พวกมันไม่รอดแน่!”
จอมขมังเวทย์ศักดิ์สิทธิ์คนหนึ่งพูดขึ้น
“ท่านโครีย์ช่างหลักแหลมยิ่งนัก ครั้งนี้ เจ้าไบรอันนั่นต้องหนีไม่รอดอย่างแน่นอน ถ้ามันแข็งตายจนกลายเป็นรูปปั้นน้ำแข็งเมื่อไหร่ ข้ามั่นใจว่าศาสนจักรแห่งแสงสว่างจะต้องซาบซึ้งกับความช่วยเหลือของพวกเราแน่ ๆ!”
จอมขมังเวทย์ศักดิ์สิทธิ์อีกคนหนึ่งมีเวลาว่างพอที่จะพูดจาสรรเสริญเยินยอน้ำแข็งสวรรค์โครีย์
“พวกเราไม่ต้องการให้ศาสนจักรแห่งแสงสว่างมาสำนึกบุญคุณหรอก หึ! พวกเรา อารามแห่งน้ำแข็ง ควรจะเป็นลัทธิอันดับหนึ่งในอาณาจักรแห่งความลึกล้ำเลยด้วยซ้ำ! ด้วยการฆ่าเจ้าไบรอันที่พวกมันไม่มีปัญญาทำได้นี่แหละ พวกเราจะพิสูจน์ให้พวกมันได้เห็น!”
โครีย์พูด
“ท่านโครีย์พูดถูก พวกเราอารามแห่งน้ำแข็ง ในฐานะผู้นำสารของเทพีน้ำแข็งแห่งอาณาจักรแห่งความลึกล้ำ ไม่ควรตกเป็นเบี้ยล่างของศาสนจักรแห่งแสงสว่างตลอดไป!”
นักเวทย์คนเดิมพูดแก้ต่างให้กับคำพูดของตัวเองก่อนหน้านี้
“เอาล่ะ พยายามให้มากกว่านี้เถอะ แช่แข็งพวกมันทั้งหมดให้ตายด้วยการทุ่มเทสุดกำลังในครั้งเดียวไปเลย!”
โครีย์พูด และไม่ได้พูดพล่ามอะไรต่อไปอีก
ยอดฝีมือคนอื่น ๆ ก็ไม่ได้พูดจาไร้สาระต่อไปและนิ่งเงียบแทนคำตอบ หลังจากนั้น ไอเย็นก็แผ่ซ่านออกมาจากร่างของพวกเขา ออร่าแห่งความหนาวเย็นอย่างที่สุดถ่ายเทเข้าสู่วงเวทย์ลี้ลับที่อยู่ตรงกลาง ซึ่งส่งผ่านไปยังภายในของป่าทมิฬซึ่งอยู่ห่างออกไปไกลนับพันไมล์
“ท่านพ่อ ข้าทนต่อไปไม่ไหวแล้ว!”
เจ้าผีดิบธาตุไฟชั้นยอดซึ่งสร้างเปลวไฟจากดอกบัวอัคคีอย่างต่อเนื่องมาโดยตลอด ส่งกระแสจิตมายังหานซั่ว
หานซั่วสัมผัสได้ถึงไอเย็นที่แผ่กระจายออกมาจากกรงหยกเยือกแข็งอย่างกะทันหัน เขายังรู้สึกได้อีกว่ามันรุนแรงเพิ่มมากขึ้นและยากที่จะทานทนได้ ขณะที่เขาเองก็กำลังถ่ายเทแก่นมนตราไปยัง 2 มือของเอลิซาเบธอย่างต่อเนื่อง
ในตอนนั้น เปลวไฟในดอกบัวอัคคีไม่ได้ส่องแสงสว่างไสวอีกแล้ว ด้วยพลังแก่นมนตราที่อยู่ในตัวของผีดิบธาตุไฟชั้นยอดกำลังถูกใช้ไปทีละน้อย เมื่อเวลาผ่านไป มันก็เหือดแห้งไปจนใกล้จะหมดลงเต็มที มือทั้ง 2 ของเอลิซาเบธเริ่มกลายเป็นสีม่วงเพราะความหนาวเย็น ร่างกายศักดิ์สิทธิ์ของเธอไม่สามารถทานทนกับพลังความหนาวเย็นปริมาณมากขนาดนี้ได้ ทำให้วังวนที่แปรเปลี่ยนพลังในร่างกายของเธอค่อย ๆ หยุดชะงักตามกันไป
อย่างไรก็ตาม ในตอนนั้น พวกเขาก็มาได้ครึ่งทางแล้ว ด้วยความเร็วของมังกรดำกิลเบิร์ต พวกเขาต้องใช้เวลาอีกราว 10 นาทีเพื่อที่จะไปให้ถึงแดนอัคคีสัมบูรณ์ แต่ถ้ายังเป็นอย่างนี้ต่อไป หานซั่วรู้ดีว่าก่อนจะถึงแดนอัคคีสัมบูรณ์ เจ้าผีดิบธาตุไฟจะต้องย่ำแย่และได้รับบาดเจ็บสาหัสอย่างแน่นอน ขณะที่เอลิซาเบธและพวกมังกรดำในกรงก็คงจะถูกแช่แข็งจนตายด้วยเช่นกัน
หานซั่วกระวนกระวายอย่างหนัก น่าเสียดายที่ตัวเขาเองพบว่ามันเป็นเรื่องยากที่จะฝืนดิ้นรนต่อไป และไม่มีตัวเลือกอื่นที่สามารถช่วยเหลือเขาได้เลย ต่อให้หานซั่วใช้ศาสตร์เทพอสูรด้วยความเร็วสูงสุด เขาคงจะเหาะได้เร็วกว่ามังกรดำกิลเบิร์ตอย่างแน่นอน แต่โชคร้าย ที่ในตอนนี้ เขาจำต้องยกกรงหยกน้ำแข็งเอาไว้ อีกทั้งยังต้องปลดปล่อยแก่นมนตราปีศาจเพื่อต้านทานความหนาวเย็นไปด้วย เขาจึงรู้สึกอับจนหนทางเหลือเกินเมื่อไม่สามารถทำอะไรได้มากกว่านั้น
ในส่วนลึกของหัวใจของหานซั่วเต็มไปด้วยความเศร้าหมอง เขาเค้นความคิดอย่างสุดความสามารถแล้วแต่ก็หาทางออกไม่ได้เลยสักทาง
“กิลเบิร์ต เร่งความเร็วหน่อย! ถ้าเจ้าไปไม่ถึงแดนอัคคีสัมบูรณ์ใน 5 นาทีนี้ละก็ ปู่ของเจ้าและคนในเผ่าจะต้องตายเพราะเจ้าแน่ ๆ!”
หานซั่วจนปัญญา และทำได้เพียงบอกกิลเบิร์ตไปตามจริง
ขณะเดียวกัน หานซั่วก็แอบตัดสินใจอย่างลับ ๆ ว่า หากสถานการณ์ดิ่งลงเหวจริง ๆ เขาจำต้องตัดมือทั้ง 2 ของเอลิซาเบธออกและยอมละทิ้งเผ่ามังกร แม้ว่าเขาจะไม่ต้องการทอดทิ้งคนเหล่านั้น แต่เขาก็ไม่สามารถหาทางออกที่ดีกว่านี้ได้อีกแล้ว
เมื่อหานซั่วพูดจบ กิลเบิร์ตก็ร้องคำรามด้วยความโศกเศร้า ขณะที่คำรามอย่างน่าเวทนาดังกึกก้อง เส้นเลือดและหลอดเลือดแดงในร่างมังกรของเขาก็ระเบิดออก ทำให้เลือดไหลพรั่งพรูออกมาจากร่างของเขาราวกับหยาดฝน
ตอนนั้นเอง กิลเบิร์ตก็เร่งความเร็วขึ้นเป็นทวีคูณ ราวกับสายฟ้าสีดำพุ่งผ่านท้องฟ้า ขณะบินตรงไปยังแดนอัคคีสัมบูรณ์ด้วยความเร็วสูงสุด
“ไม่…..!!!”
หัวหน้าเผ่ามังกรดำร้องออกมาด้วยเสียงแหบแห้ง เขาพยายามอย่างมากที่จะขยับร่างที่สั่นเทิ้มพร้อมกับ 2 มือที่เอื้อมไปจับซี่ลูกกรงที่เย็นยะเยือกและร้องตะโกน
“เจ้าเด็กบ้า! หยุดเดี๋ยวนี้! ข้าบอกให้หยุด! พวกเราสิ้นหวังแล้ว เจ้าเป็นความหวังเดียวของพวกเราเผ่ามังกรดำ เจ้าจะตายไม่ได้เด็ดขาด!”
ในฐานะผู้เป็นนายของกิลเบิร์ต หานซั่วรู้สึกได้ว่าพลังชีวิตของกิลเบิร์ตกำลังเหือดหายไป และด้วยเสียงตะโกนของปู่ของกิลเบิร์ต เขาจึงรู้ทันทีถึงสิ่งที่กิลเบิร์ตกำลังทำ — นั่นคือการใช้พลังของตัวเองอย่างเต็มที่ แลกกับพลังชีวิตของเขาเอง เพื่อช่วยเผ่ามังกรดำให้อยู่รอดต่อไป!
“กิลเบิร์ต! หยุดเดี๋ยวนี้!”
หานซั่วตะโกนขึ้นทันที
เอลิซาเบธและเผ่ามังกรไม่ได้มีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับหานซั่วเหมือนเช่นกิลเบิร์ต หานซั่วสามารถทนมองเผ่ามังกรดำนับ 10 คน แข็งตายได้ และสามารถตัดมือของเอลิซาเบธได้โดยไม่ลังเลใจ แต่เขาไม่สามารถทนมองกิลเบิร์ตตายจากการใช้พลังชีวิตจนเกินกำลังอย่างเด็ดขาด!
แม้ว่าทั้งกิลเกสและหานซั่วจะตะโกนออกมาอย่างสุดเสียง มังกรดำกิลเบิร์ตก็ไม่สนใจและบินตรงไปยังแดนอัคคีสัมบูรณ์ด้วยพลังทั้งหมดที่มี ในดวงตาขนาดเท่าตะเกียงไฟของกิลเบิร์ต มีเพียงความเด็ดเดี่ยวที่จะช่วยเหลือเผ่าพันธุ์ของตนเอง จนแม้แต่ความตายก็ไม่สามารถหยุดยั้งเขาไว้ได้
“กิลเบิร์ต ถ้าเจ้าไม่หยุด ข้าจะกระโดดลงไปเดี๋ยวนี้เลยนะ!”
หานซั่วตะโกนด้วยความเศร้า พลางกระทืบเท้าลงไปบนหลังของกิลเบิร์ตอย่างกราดเกรี้ยว เขาสัมผัสได้ว่าพลังชีวิตของกิลเบิร์ตเหือดหายลงไปทุกที
ร่างมหึมาของกิลเบิร์ตสั่นเทา
“นายท่าน ข้าขอร้องล่ะ ให้ข้าทำเถอะ!”
กิลเบิร์ตที่สัมผัสได้ถึงความโกรธของหานซั่ว จึงพูดขึ้นในที่สุด น้ำเสียงที่ซื่อตรงของเขาไร้ซึ่งร่องรอยความเหยาะแหยะเหมือนเช่นเคย มันเปี่ยมไปด้วยความมุ่งมั่นและเคร่งขรึม
หลังจากหยุดไปครู่หนึ่ง เขาก็พูดขึ้นด้วยน้ำเสียงจริงจัง
“นายท่าน เป็นเกียรติของข้าเหลือเกินที่ได้ติดตามรับใช้ท่าน หลายปีมานี้ ที่ข้าได้อยู่กับท่าน ข้ามีความสุขมากเลย! จริงๆ นะ ลาก่อนนายท่าน แม้ว่าจะตายไป ข้าก็จะไม่มีวันลืมความสุขสนุกสนานที่มีร่วมกับท่านเลย!”
ในขณะที่กิลเบิร์ตบินไปอย่างรวดเร็ว พลังชีวิตของเขาก็หายไปอย่างรวดเร็วด้วยเช่นกัน
หานซั่วตระหนักดีว่ากิลเบิร์ตยอมแลกชีวิตตัวเองกับการช่วยเหลือเผ่าพันธุ์มังกรดำเอาไว้
แม้ว่าหานซั่วจะรู้สึกถึงความเศร้าโศกที่ไม่สามารถบรรยายได้ในใจของเขา ขณะที่สัมผัสได้ว่ากิลเบิร์ตกำลังสูญเสียพลังชีวิตไป เขาก็อยากตัดมือของเอลิซาเบธ และทอดทิ้งเผ่ามังกรไปเสียให้รู้แล้วรู้รอด แต่คำขอร้องของกิลเบิร์ตนั้นช่างหนักแน่นและเด็ดเดี่ยว จนไม่มีช่องว่างให้หานซั่วปฏิเสธได้เลย
** Please note : หากท่านไม่ได้อ่านนิยายเรื่องนี้จากบล็อก https://gdk-th.blogspot.com/ แปลว่าท่านกำลังจ่ายเงินให้กับคนที่กำลังสุขสบายกับการหาเงินง่าย ๆ ด้วยการใช้นิ้วคลิกก๊อบผลงานแปลของเพจไปขายอีกต่อหนึ่ง **
เขารู้ดีว่าเขาไม่สามารถปฏิเสธความปรารถนาของกิลเบิร์ตได้ เช่นนั้นแล้ว เขาจึงไม่พยายามที่จะหยุดกิลเบิร์ตอีกต่อไป
ขณะที่เสียงคำบอกลาอันโศกเศร้าดังก้องอยู่ในหูของเขา ภาพต่าง ๆ ก็ผุดขึ้นภายในใจของหานซั่ว…
ท่านอย่าลังเลใจเลย ลองคิดดูสิ ถ้าข้ากลายเป็นทาสรับใช้ของท่าน ข้าจะช่วยท่านฆ่าคน เผาผลาญอะไรต่ออะไร พาท่านบินไปได้ทุกที่ และช่วยท่านสังหารศัตรูด้วยก็ยังได้ ในฐานะนายของข้า ท่านก็แค่มอบทรัพย์สมบัติและสาวงามให้ได้เสพสำราญบ้างเท่านั้นเอง เป็นข้อเสนอที่ยอดเยี่ยมจะตายไป!
ข้ายอมผ่อนปรนให้ก็ได้ถ้าท่านไม่มีสมบัติ แต่ท่านจะต้องมีสาว ๆ สวย ๆ ให้ข้าได้หลับนอนด้วยจริง ๆ นะ ไม่งั้นข้าไม่ยอมหรอก!
ครั้งแรกที่เขาพบกิลเบิร์ต ก่อนที่เขาจะกลายมาเป็นสัตว์เลี้ยงวิเศษของหานซั่ว กิลเบิร์ตมีข้อแลกเปลี่ยนที่ช่างน่าขันเหลือเกิน…
เอ่อ… นายท่านที่ทั้งแข็งแกร่ง หล่อเหลา น่าทึ่ง และสูงส่ง ท… ท่านจะทำอะไรน่ะ? ท่านจะทำร้ายกิลเบิร์ตผู้น่ารักที่สุด ซื่อสัตย์ที่สุด และนอบน้อมที่สุดของท่านได้ลงคอจริง ๆ เหรอ? ….
ไม่! ไม่มีทางเด็ดขาด! ข้าจะไม่มีวันสู้กับนายท่านของข้าร่วมกับพวกเจ้า ต่อให้ข้าจะต้องตายก็เถอะ!
ณ ดินแดนต้องห้าม การที่ต้องเผชิญหน้ากับหานซั่วซึ่งเข้าสู่ภาวะปีศาจ กิลเบิร์ตเอาแต่ยืนบื้อทำตัวไม่ถูก เขาจ้องมองหานซั่วด้วยดวงตาที่เลื่อนลอย และรอให้ลำแสงคมดาบที่ยาวนับร้อยเมตรฟาดฟันลงที่ตัวเขาทั้งอย่างนั้น…
ขณะที่ภาพต่าง ๆ ในอดีตที่เขากับกิลเบิร์ตเคยมีร่วมกันผุดขึ้นมาจากก้นบึ้งของจิตใจครั้งแล้วครั้งเล่า น้ำตาก็เริ่มเอ่อล้นขึ้นมาจากขอบตาของหานซั่วโดยไม่ได้ตั้งใจ
“ไม่……. !!”
กิลเกสร้องโหยหวนออกมาและล้มพับไปด้วยความโศกเศร้า
ข้าง ๆ กิลเกส มังกรดำทุกคนที่เหลืออยู่ต่างจ้องมองไปยังกิลเบิร์ตอย่างไม่เชื่อสายตา พวกเขานึกถึงมังกรน้อยที่ซุกซนและเอาแต่สร้างปัญหา มักจะทำลายความสงบเงียบอยู่เสมอ และพร่ำพูดถึงแต่เรื่องหนีออกจากบ้าน เมื่อพวกเขามองไปยังกิลเบิร์ต ผู้ซึ่งกำลังแลกชีวิตของตัวเองเพื่อพวกเขา ไม่ว่าจะพยายามมากสักเพียงใด คนเหล่านั้นก็ไม่สามารถเปรียบเทียบภาพลักษณ์ในอดีตกับตัวตนที่เห็นเบื้องหน้า ณ ตอนนี้ได้เลย
ในที่สุด ด้วยความเร็วที่เพิ่มขึ้นอย่างมาก ด้วยราคาที่แลกมาด้วยชีวิตของกิลเบิร์ต ก่อนที่เจ้าผีดิบธาตุไฟชั้นยอดจะสูญสิ้นพลังไปอย่างสิ้นเชิง ร่างมหึมาของกิลเบิร์ตที่ชุ่มโชกไปด้วยเลือดก็ร่อนลงสู่รอยแยกที่แดนอัคคีสัมบูรณ์ตั้งอยู่อย่างรวดเร็ว
และในตอนนั้นเอง หานซั่วก็ตระหนักว่าการสภาพร่างกายของกิลเบิร์ตนั้นเกินกว่าจุดที่จะสามารถถอยหลังกลับได้แล้ว เพราะพลังชีวิตทั้งหมดของเขาถูกใช้ไปจนหมดสิ้นเพื่อการนี้
“ท่านปู่ ดูแลตัวเองด้วยนะ… นายท่าน ขอบคุณมาก ข้าจะจดจำท่านไว้ตลอดไป!”
กิลเบิร์ตพูดประโยคสุดท้ายออกมาหลังจากร่วงลงสู่แดนอัคคีสัมบูรณ์ ก่อนที่หัวมังกรขนาดใหญ่ของเขาจะฟุบลงไป พร้อมกับร่างที่ไร้ซึ่งร่องรอยของชีวิต
ดวงตาของหานซั่วเอ่อล้นไปด้วยน้ำตาอุ่น ๆ เขายืนอยู่บนร่างมังกรของตนเอง คำพูดสุดท้ายของกิลเบิร์ตดังก้องอยู่ในหู ในใจของเขาเต็มไปด้วยความทรงเกี่ยวกับกิลเบิร์ต….
“ท่านพ่อ เก็บวิญญาณของเขาไว้!”
ในตอนนั้นเอง เจ้าโครงกระดูกตัวเล็กก็ส่งกระแสจิตมาด้วยความกระวนกระวายจากโลกมิติมืด
*************************