Great Demon King – กำเนิดราชันย์ปีศาจ - ตอนที่ 475.1
เมื่อเจ้าโครงกระดูกตัวเล็กส่งกระแสจิตมาเตือน หานซั่วก็ได้สติขึ้นมาทันที ก่อนจะรีบเพ่งจิตเพื่อสัมผัสถึงดวงวิญญาณของกิลเบิร์ตที่ยังไม่ทันได้สูญสลายไปในตอนนั้น
จู่ ๆ คมมีดพิชิตมารก็พุ่งออกมาจากร่างของหานซั่วและก่อให้เกิดพลังการดูดกลืนอย่างรุนแรง วิญญาณที่ยังไม่สูญสลายของกิลเบิร์ตถูกสูบเข้าไป และเพียงชั่วพริบตาเดียว เขาก็เข้าไปอยู่ในคมมีดพิชิตมาร
แม้ว่าคมมีดพิชิตมารจะไม่สามารถช่วยเหลือหานซั่วในการต่อสู้ได้เป็นการชั่วคราว แต่การดูดกลืนดวงวิญญาณเพียงดวงเดียวนั้นไม่ใช่ปัญหา ในฐานะผู้เป็นนายของคมมีดพิชิตมาร หานซั่วสามารถสร้างเขตแดนภายในคมมีดพิชิตมารขึ้นมา เพื่อให้เป็นที่พำนักของวิญญาณกิลเบิร์ตโดยเฉพาะ
หานซั่วคลายความเศร้าโศกลง ก่อนจะนึกไปถึงเวทย์ปีศาจและเวทมนตร์ศาสตร์แห่งความตายอันเป็นจุดแข็งของเขา และยังเป็นศาสตร์อันชั่วร้ายที่ตรงข้ามกับความชอบธรรมในทุกมิติ ซึ่งไม่ว่าจะเป็นเวทย์ปีศาจหรือเวทมนตร์ศาสตร์แห่งความตาย ก็ล้วนแล้วแต่ทำให้ผู้ฝึกฝนมีความเชี่ยวชาญในเรื่องวิญญาณอย่างยิ่งยวด
หานซั่วคิดใคร่ครวญอยู่กับตัวเองเพียงครู่เดียว ก่อนจะตระหนักได้ว่า ไม่ว่าเขาจะใช้เวทย์แขนงใด ด้วยวิญญาณอันทรงพลังของกิลเบิร์ต เขาก็จะสามารถสร้างร่างกายภาพของกิลเบิร์ตขึ้นได้ใหม่ และทำให้เขาคืนชีพกลับมามีชีวิตได้อีกครั้ง ตราบใดที่ดวงวิญญาณของกิลเบิร์ตยังคงอยู่ เขาก็ไม่ได้จากไปเสียทีเดียว
เมื่อคิดได้เช่นนั้น ความเศร้าโศกที่หานซั่วต้องแบกรับเพราะกิลเบิร์ตก็ทุเลาลงอย่างมาก หลังจากที่คมมีดพิชิตมารกลับเข้าสู่ภายในร่างกายของหานซั่วตามเดิมแล้ว หานซั่วก็หันมองไปยังเจ้าผีดิบธาตุไฟชั้นยอด ซึ่งใกล้ถึงจุดที่หมดแรงอย่างสิ้นเชิงเต็มที เขาจึงรู้ว่าเขาไม่สามารถลังเลใจได้อีกต่อไปแล้ว
** Please note : หากท่านไม่ได้อ่านนิยายเรื่องนี้จากบล็อก https://gdk-th.blogspot.com/ แปลว่าท่านกำลังจ่ายเงินให้กับคนที่กำลังสุขสบายกับการหาเงินง่าย ๆ ด้วยการใช้นิ้วคลิกก๊อบผลงานแปลของเพจไปขายอีกต่อหนึ่ง **
อากาศเย็นเยียบที่แผ่ออกมาจากกรงหยกเยือกแข็งนั้นยังคงหนาวเย็นเหมือนเช่นเคย ตอนนั้นเอง แก่นมนตราปีศาจภายในร่างกายของหานซั่วที่เคยมีอยู่เต็มร่างกายตั้งแต่หัวจรดเท้ากลับหลงเหลืออยู่เพียงระดับเข่าเท่านั้น ในขณะที่พลังงานที่แผ่ออกมาจากกรงหยกเยือกแข็งยังสามารถคงอยู่ได้ตลอดไปและไม่มีวันสิ้นสุด ทำให้หานซั่วตระหนักได้ว่าศัตรูนั้นเหนือกว่าพวกเขาในด้านความอดทนอดกลั้นเป็นอย่างมาก
“เร็วเข้า!”
หานซั่วร้องตะโกน และรีบลงไปยังช่องแคบที่เต็มไปด้วยลาวาทันที
แต่ก่อนที่หานซั่วจะทันได้เข้าไปใกล้ รอยแยกนั้นก็เกิดการสั่นไหวขึ้นมาอย่างฉับพลัน อุณหภูมิเดือดพล่านพวยพุ่งขึ้นมาสูงขึ้นเรื่อย ๆ ขณะที่หินหลอมเหลวใต้เปลือกโลกก็ระเบิดออกมาราวกับน้ำพุร้อน
ทันใดนั้น ความรู้สึกโหยหาอันแรงกล้าก็แผ่ซ่านออกมาจากรอยแยกนั้น ราวกับมารดาผู้โศกเศร้าและขมขื่นที่กำลังรอคอยการกลับมาของบุตรชายที่ห่างหายไปนานแสนนาน และในที่สุดก็พบว่าเขาได้หวนกลับมาอีกครั้ง
“เธอ… เธอรู้แล้วว่าข้ากลับมา!”
เจ้าผีดิบธาตุไฟชั้นยอดทั้งประหลาดใจและปลื้มปีติก่อนจะส่งกระแสจิตสื่อสารกับหานซั่ว ดูท่าทางมันจะดีใจอย่างล้นเหลือเลยทีเดียว
ในที่สุด หานซั่วก็มาถึงช่องว่างระหว่างรอยแยกของน้ำตกลาวา เขากางม่านพลังป้องกันห่อหุ้มทั้งเอลิซาเบธและทั้งกรงเอาไว้ และพุ่งลงไปทันที
ระหว่างทางที่กำลังลงไป ในฐานะผู้หล่อหลอมเจ้าผีดิบธาตุไฟชั้นยอด หานซั่วก็สัมผัสได้อย่างชัดเจนว่าเจ้าผีดิบธาตุไฟกำลังสื่อสารกับจ้าวอัคคีที่อยู่เบื้องล่าง เมื่อมาถึงสถานที่แห่งนี้ ประกอบกับอุณหภูมิที่สูงขึ้นเรื่อย ๆ เจ้าผีดิบธาตุไฟที่อ่อนแรงก็ค่อย ๆ ฟื้นฟูกำลังมากขึ้นทีละน้อย
เปลวไฟที่กราดเกรี้ยวโหมกระหน่ำอยู่รอบตัวพวกเขา ฟองลาวาที่เดือดปุดจำนวนมากระเบิดออกมาจากแดนอัคคีสัมบูรณ์ อุณหภูมิที่สูงจนน่ากลัวอบอวลไปทั่วพื้นที่โดยรอบ
ทันใดนั้นเอง เสียงคำรามสนั่นหวั่นไหวก็ดังขึ้นมาจากแดนอัคคีสัมบูรณ์ เมื่อหานซั่วมองลงไป เขาก็พบร่างอันใหญ่ยักษ์ของจ้าวอัคคีที่ค่อย ๆ ปรากฏขึ้นมาให้เห็น ในขณะที่บนหน้าผาซึ่งอยู่ด้านข้าง อสูรนักรบอัคคีจำนวนนับไม่ถ้วนโผล่ออกมาตั้งแต่เมื่อใดก็มิอาจทราบได้ สายตาของพวกมันจับจ้องมายังหานซั่วและคนอื่น ๆ ขณะที่กำลังเดินทางลึกลงมามากขึ้นเรื่อย ๆ
เมื่อสัมผัสได้ว่าหานซั่วกำลังตื่นตัวเต็มที่ เจ้าผีดิบธาตุไฟก็รีบส่งกระแสจิตมาทันที
“ท่านพ่อ ไม่ต้องห่วงนะ เธอจะช่วยข้าเอง!”
“ตกลง งั้นตอนนี้ ทุกอย่างก็ขึ้นอยู่กับเจ้าแล้ว!”
หานซั่วมั่นใจในตัวเจ้าผีดิบธาตุไฟชั้นยอดเป็นอย่างมาก เมื่อมันยืนยันกับเขาว่าจะไม่มีปัญหาอะไรเกิดขึ้น เขาจึงคลายความกังวลลงทันที
ทันทีที่หานซั่วพูดจบประโยค เจ้าผีดิบธาตุไฟชั้นยอดที่ถือดอกบัวอัคคีอยู่ในมือก็ร่อนลงไปบนร่างของจ้าวอัคคีที่เพิ่งโผล่ขึ้นมาจากแดนอัคคีสัมบูรณ์ เจ้าผีดิบธาตุไฟนั่งลงบนไหล่กว้างของจ้าวอัคคี แล้วกระแสพลังงานไร้ที่สิ้นสุดก็ถูกปลดปล่อยออกมาจากร่างของจ้าวอัคคีอย่างฉับพลัน แม็กม่าหรือหินหลอมเหลวนับสิบสายพรั่งพรูออกมาจากปากของเธอ และห่อหุ้มกรงหยกเยือกแข็งไว้โดยรอบ
ขณะเดียวกัน แดนอัคคีสัมบูรณ์แห่งนี้ที่มิอาจรู้ได้ว่าถือกำเนิดขึ้นมาเนิ่นนานเพียงใด พร้อมกับหล่อเลี้ยงขุมพลังธาตุไฟหรือดอกบัวอัคคี ก็พลันมีชีวิตชีวาขึ้นมา เมื่อกระแสพลังนับล้านเส้นหลั่งไหลเข้าสู่ร่างของเจ้าผีดิบธาตุไฟชั้นยอด และเพียงชั่วพริบตา เจ้าผีดิบธาตุไฟชั้นยอดที่เคยหมดสิ้นเรี่ยวแรงก็กลับฟื้นคืนพลังดังเดิมอีกครั้ง
ทันใดนั้น ดอกบัวอัคคีก็ระเบิดแสงสวยงามตระการตาออกมา ภายใต้การควบคุมของเจ้าผีดิบธาตุไฟชั้นยอด มันก็ใช้พลังธาตุไฟปริมาณมหาศาลที่อยู่ภายในแดนอัคคีสัมบูรณ์ ส่งให้เปลวไฟมากมายประคบลงไปบนกรงหยกเยือกแข็ง
หานซั่วรู้สึกว่าความกดดันที่เกิดขึ้นลดฮวบลงไปอย่างฉับพลัน ด้วยฝีมือของเจ้าผีดิบธาตุไฟชั้นยอดและจ้าวอัคคี ความเหน็บหนาวที่บาดลึกของกรงหยกเยือกแข็งก็ถูกใช้ไปกับการต้านทานการโจมตีของเปลวไฟเหล่านั้นแทน หานซั่วไม่จำเป็นต้องใช้เวทย์ปีศาจคอยช่วยสนับสนุนอีกแล้ว ทั้งเอลิซาเบธและมังกรดำคนอื่น ๆ ที่ร่างกายเกือบแข็งทื่อไปก็ค่อย ๆ ฟื้นตัวด้วยความอบอุ่นจากแดนอัคคีสัมบูรณ์
ไกลออกไปนับพันไมล์ ณ อารามแห่งน้ำแข็ง…
“ท่าจะไม่ดีแล้ว! มีพลังธาตุไฟมหาศาลกำลังหลั่งไหลเข้ามา เกิดอะไรขึ้นน่ะ!?”
จอมขมังเวทย์ศักดิ์สิทธิ์คนหนึ่งที่เคยประจบสอพลอน้ำแข็งสวรรค์โครีย์ร้องขึ้นมาด้วยความประหลาดใจ ท่าทีของเขาเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง
ท่าทีที่เคยสงบนิ่งและไม่ยี่หระต่อสิ่งใดของเหล่ายอดฝีมืออารามแห่งน้ำแข็งแปรเปลี่ยนเป็นความเคร่งขรึมขึ้นมาทันที ทุกคนต่างจ้องมองไปยังน้ำแข็งสวรรค์โครีย์ผู้เป็นหัวหน้า
แต่ทว่า แม้แต่น้ำแข็งสวรรค์โครีย์ก็รู้สึกตกตะลึงไม่ต่างกัน ด้วยความเชื่อมโยงอันลี้ลับ เขาจึงสัมผัสได้ถึงความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นกับกรงหยกน้ำแข็งที่อยู่ในป่าทมิฬได้อย่างชัดเจน เมื่อพลังงานที่เผยตัวตนออกมาอย่างฉับพลันนั้นคือเปลวไฟร้อนระอุที่สามารถแผดเผาซึ่งทุกสิ่งอย่าง ในขณะที่อารามแห่งน้ำแข็งตระหนักดีว่าพลังงานความร้อนที่เดือดพล่านนี้คือสิ่งที่พวกเขาชิงชังมากที่สุด และยังเป็นเสี้ยนหนามที่ร้ายกาจที่สุดที่จะรับมือได้อีกด้วย
พลังที่แข็งแกร่งอย่างมหาศาลซึ่งถาโถมเข้ามานั้นทำลายความสงบนิ่งของโครีย์ไปอย่างสิ้นเชิง ภายใต้สายตาที่จ้องมองอย่างตั้งใจของผู้ใต้บังคับบัญชา โครีย์ก็รีบตั้งสติเพื่อคิดหาวิธีตอบโต้ ในขณะที่พยายามตรวจสอบแหล่งที่มาของพลังไฟอันรุนแรงที่เกิดขึ้นอย่างฉับพลันนั้นไปด้วย
** Please note : หากท่านไม่ได้อ่านนิยายเรื่องนี้จากบล็อก https://gdk-th.blogspot.com/ แปลว่าท่านกำลังจ่ายเงินให้กับคนที่กำลังสุขสบายกับการหาเงินง่าย ๆ ด้วยการใช้นิ้วคลิกก๊อบผลงานแปลของเพจไปขายอีกต่อหนึ่ง **
ไม่นานนัก โครีย์ก็พูดขึ้นอีกครั้ง
“นี่ต้องเป็นพลังเฮือกสุดท้ายของพวกที่ใกล้จะตายแน่ ๆ ตราบใดที่พวกเราต้านทานการโจมตีต่อไปได้เรื่อย ๆ อีกไม่นานพวกมันก็หมดแรงกันไปเองนั่นแหละ!”
“ท่านโครีย์ ถ้านี่ไม่ใช่พลังเฮือกสุดท้ายของพวกมันจริง ๆ แล้วกลายเป็นพวกเราเองที่หมดแรงต้านการโจมตีไปเสียก่อน ถ้า… สมมติเท่านั้นนะครับ… ถ้าเกิดว่าพลังของพวกมันเหนือกว่าที่พวกเรารวมพลังกันขึ้นมา ถึงตอนนั้น พวกเราจะถอยไม่ทันแล้วนะครับ”
จอมขมังเวทย์ศักดิ์สิทธิ์แห่งอารามน้ำแข็งอีกคนหนึ่งพูดแทรกขึ้นมา
หลังจากที่ส่งเสียงคำรามอย่างเย็นชาออกมาเบา ๆ น้ำแข็งสวรรค์โครีย์ก็พูดขึ้น
“การตัดสินใจของข้าไม่มีข้อผิดพลาดหรอก ต่อให้มียอดฝีมืออีกสักคนโผล่มาช่วยพวกมัน ด้วยการรวมพลังกันของพวกเรายอดฝีมืออารามแห่งน้ำแข็งที่จำนวนเยอะขนาดนี้ จะมีใครในอาณาจักรแห่งความลึกล้ำสักกี่คนที่สามารถต้านทานพลังของพวกเราได้? วางใจเถอะ ครั้งนี้ข้าจะปลดปล่อยพลังทั้งหมดออกมาอย่างเต็มที่ แล้วพวกมันจะต้องถูกแช่แข็งตายในคราเดียวอย่างไม่ต้องสงสัย!”
เมื่อเห็นว่าน้ำแข็งสวรรค์โครีย์เริ่มมีท่าทีไม่พอใจ คนอื่น ๆ จึงไม่กล้าที่จะทักท้วงอะไรอีก เพราะอัตตาของโครีย์นั้นเป็นที่กล่าวขวัญภายในอารามแห่งน้ำแข็ง ในฐานะผู้ที่ไม่เคยรับฟังความคิดเห็นของใคร เมื่อตัดสินใจอะไรลงไปแล้ว สิ่งที่คนอื่น ๆ ทำได้ ก็มีเพียงทำตามแผนการของเขาด้วยความจำยอม และห้ามเอ่ยถามหรือทักท้วงเด็ดขาดว่าการตัดสินใจของเขานั้นถูกหรือผิด
ด้วยคำสั่งของโครีย์ บรรดายอดฝีมือที่แข็งแกร่งที่สุดของอารามแห่งน้ำแข็ง ก็ปลดปล่อยพลังศักดิ์สิทธิ์ที่อยู่ในร่างของตนออกมาอย่างเต็มที่ ส่งพลังผ่านเข้าไปในวงเวทย์อันลี้ลับเบื้องหน้า ด้วยตั้งใจว่าจะกำจัดหานซั่วและคนอื่น ๆ ที่อยู่ไกลออกไปในแดนอัคคีสัมบูรณ์ให้สิ้นซากในคราเดียวด้วยสื่อกลางคือกรงหยกเยือกแข็งที่ได้รับพรจากเทพีแห่งน้ำแข็งนั้น
ย้อนกลับไปที่ป่าทมิฬ ณ แดนอัคคีสัมบูรณ์…
“นายท่าน พวกเราจะทำยังไงดี? ข้าควรทำยังไงดี?”
ในที่สุด เอลิซาเบธก็สามารถพูดออกมาได้ เธอจึงร้องตะโกนอย่างขวัญเสีย
“อยู่นิ่ง ๆ ไปแบบนี้ก่อน แล้วก็เงียบซะ ครั้งนี้คนที่ต้องปวดหัวไม่ใช่พวกเราหรอก!”
หานซั่วยืนกรานขณะตอบเอลิซาเบธ
ทั้งเจ้าผีดิบธาตุไฟชั้นยอดและจ้าวอัคคีต่างช่วยกันถ่ายเทพลังงานธาตุไฟที่ไม่มีวันหมดสิ้นภายในแดนอัคคีสัมบูรณ์เข้าสู่กรงหยกเยือกแข็ง ความร้อนระอุแผ่กระจายทั่วทั้งเขตแดน ตอนนั้นเอง หัวหน้าเผ่ามังกรดำกิลเกสก็ฟื้นคืนสติเพราะความร้อนที่เกิดขึ้น
“เจ้าเด็กโง่ เจ้ากิลเบิร์ตโง่เง่านั่นอยู่ไหน? หลานชายของข้าอยู่ที่ไหน?”
เมื่อกิลเกสตื่นขึ้นมา เขาก็รีบมองหากิลเบิร์ตไปทั่วทุกทิศทางด้วยความกระวนกระวาย
“ท่านหัวหน้าเผ่า กิลเบิร์ตเขา… เขาตายแล้วครับ!”
มังกรดำคนหนึ่งถอนหายใจด้วยความโศกเศร้าพร้อมกับดวงตาที่รื้นไปด้วยน้ำตา
“โฮ…………….!!!”
เมื่อความทุกข์ระทมถาโถมเข้ามาในจิตใจ กิลเกสก็ร้องตะโกนออกมาด้วยความโศกเศร้าอย่างที่สุด
—– จบตอนที่ 475 Part 1 —–