Great Demon King – กำเนิดราชันย์ปีศาจ - ตอนที่ 480
หานซั่วรับไม่ได้ที่จะต้องทนเห็นหญิงสาวผู้บริสุทธิ์งดงามถูกเจ้าผีดิบธาตุน้ำชั้นยอดโอบกอดและทำให้ต้องมลทิน แต่อย่างไรก็ตาม ขณะที่หานซั่วตั้งใจจะเบือนหน้าไปทางอื่น เขาก็สัมผัสได้ถึงความเปลี่ยนแปลงผิดปกติบางอย่างที่เกิดขึ้นกับหญิงสาวผู้ที่อยู่ในรูปสลักเทพีแห่งน้ำแข็ง
เขาพบว่าพลังงานที่อยู่ในร่างของหญิงสาวผู้มีผิวเนียนละเอียดและเรียบลื่นนั้นกำลังหลั่งไหลเข้าสู่ร่างของเจ้าผีดิบธาตุน้ำชั้นยอดอย่างรวดเร็ว เจ้าผีดิบธาตุน้ำกระชับร่างของตนแนบชิดร่างเปลือยเปล่าของหญิงสาวโดยไร้ซึ่งท่าทีหื่นกระหายอย่างที่หานซั่วคิด หากแต่กำลังดูดกลืนพลังงานที่อยู่ภายในร่างของเธอผ่านการสัมผัสทางผิวหนัง
หานซั่วจ้องมองอย่างเลื่อนลอย ก่อนที่จะได้สติและรู้สึกปลาบปลื้มเป็นที่สุด เขาถึงกับหยุดสาปแช่งเจ้าผีดิบธาตุน้ำชั้นยอดในใจ และรู้สึกตื่นเต้นดีใจไปกับมันด้วย
ร่างของหญิงสาวเปล่งประกายไปด้วยพลังงานธาตุน้ำอันเยือกเย็นและแปลกประหลาด แต่กลับไร้แม้แต่เศษเสี้ยวของพลังงานศักดิ์สิทธิ์อันพึงเป็นของเทพีแห่งน้ำแข็ง ซึ่งนับว่าเป็นเรื่องที่น่าพิศวงและตรงข้ามกับสิ่งที่ใครก็ตามคาดคิดไว้อย่างสิ้นเชิง
ครั้งแรกที่เขาพยายามจะทำลายกรงหยกเยือกแข็ง หานซั่วก็เคยตั้งใจไว้ว่าจะให้เจ้าผีดิบธาตุน้ำชั้นยอดดูดกลืนพลังงานของกรงด้วยเช่นกัน แต่อย่างไรก็ตาม เพราะมีพลังงานศักดิ์สิทธิ์ที่แฝงอยู่ในกรงด้วย และอาจเป็นอันตรายต่อเจ้าผีดิบธาตุน้ำ แผนการนี้จึงมีอันต้องพับเก็บไป
เช่นนั้นแล้ว เมื่อหานซั่วเห็นว่ามีหญิงสาวถูกขังอยู่ในรูปสลักเทพีแห่งน้ำแข็ง เขาก็ไม่ได้คาดคิดมาก่อนว่าจะส่งเจ้าผีดิบธาตุน้ำชั้นยอดเพื่อไปดูดกลืนพลังงาน ซึ่งตอนนี้ แม้ว่ามันจะไม่สามารถดูดกลืนพลังศักดิ์สิทธิ์ที่เทพีแห่งน้ำแข็งประทานให้แก่เหล่าสาวกของเธอได้ แต่เจ้าผีดิบธาตุน้ำก็สามารถดูดกลืนเฉพาะพลังธาตุน้ำอันแปลกประหลาดจากการผสมผสานของน้ำแข็งอันเย็นเยียบเหล่านี้ได้อยู่ดี
ขณะอยู่ภายในอ้อมกอดของเจ้าผีดิบธาตุน้ำ หญิงสาวก็ถูกห่อหุ้มไปด้วยไอน้ำสีขาว พลังงานภายในร่างไร้ชีวิตของเธอหลั่งไหลออกมาเป็นกระแสพลังเล็ก ๆ เข้าสู่ร่างของเจ้าผีดิบธาตุน้ำชั้นยอด
** Please note : โปรดอ่านนิยายเรื่องนี้ จากบล็อกของผู้แปล gdk-th.blogspot.com เท่านั้น หากท่านกำลังอ่านจากเว็บไซต์อื่น แสดงว่าท่านกำลังจ่ายเงินให้กับผู้ที่ขโมยผลงานของนักแปลมาแสวงหาผลกำไรให้ตนเอง **
หานซั่วสัมผัสได้ถึงความตื่นเต้นดีใจจากเจ้าผีดิบธาตุน้ำชั้นยอดอย่างชัดเจน ดวงตาของมันเปล่งประกายด้วยความฮึกเหิม ขณะที่มันดูดกลืนพลังงานจากหญิงสาว มันก็ส่งกระแสจิตมาหาหานซั่ว
“ขอบคุณ ท่านพ่อ! ขอบคุณ ท่านพ่อ!”
“เอ่อ… ดูเหมือนเจ้าจะโชคดีน่าดูเลยนะ!”
หานซั่วตอบ และรู้สึกละอายเล็กน้อยกับความคิดสกปรกวูบแรกของตัวเอง
“ท่านพ่อ ข้าเชื่อว่าหลังจากนี้ เขาน่าจะผสานพลังเพื่อสร้างค่ายกลได้แล้วล่ะ!”
เจ้าผีดิบธาตุโลหะชั้นยอดส่งกระแสจิตบอกขณะยืนอยู่ข้าง ๆ หานซั่ว
เมื่อเจ้าผีดิบธาตุโลหะชั้นยอดย้ำเตือนเขาเช่นนั้น หานซั่วก็รู้สึกดีใจขึ้นมาทันที เพราะว่าทั้งเจ้าผีดิบธาตุไฟ ธาตุโลหะ ธาตุดิน สามารถผสานพลังเพื่อสร้างค่ายกลอสูรเบญจธาตุได้สำเร็จแล้ว มีเพียงเจ้าผีดิบธาตุน้ำ และธาตุไม้เท่านั้นที่ยังล้าหลังกว่าใครเพื่อน นอกจากนี้ พวกมันก็ไม่ได้ครอบครองขุมพลังแห่งธาตุเลยสักตน จึงไม่สามารถผสานพลังของตนเองเหมือนเช่นที่อีก 3 ตนที่เหลือทำได้
ในตอนนี้ เจ้าผีดิบธาตุน้ำชั้นยอดก็กำลังดูดกลืนพลังงานที่อารามแห่งน้ำแข็งตั้งใจจะใช้เพื่อการสร้างเทพ เมื่อเจ้าผีดิบธาตุน้ำชั้นยอดดูดกลืนพลังมาจนหมดสิ้น หานซั่วไม่รู้เลยว่ามันจะพัฒนามากขึ้นอีกเพียงใด แต่อย่างน้อยก็มั่นใจว่าคงเป็นก้าวกระโดดการพัฒนาร่างที่ยิ่งใหญ่มากทีเดียว และเมื่อถึงตอนนั้น การผสานพลังเพื่อสร้างค่ายกลอสูรเบญจธาตุก็ไม่ใช่เรื่องยากอีกต่อไปแล้ว
ทันใดนั้นเอง หัวใจของหานซั่วก็ต้องหล่นวูบ เมื่อจู่ ๆ เขาก็สัมผัสได้ถึงพฤติกรรมที่ผิดปกติของเหล่าสาวกอารามแห่งน้ำแข็ง โดยเฉพาะพวกที่กำลังรักษาอาการบาดเจ็บอยู่โดยมีน้ำแข็งสวรรค์โครีย์เป็นผู้นำ กำลังตรงมาที่นั่นด้วยท่าทีกระวนกระวาย
แล้วกำแพงที่สาวกกลุ่มหนึ่งเคยจากไปก่อนหน้านี้ ก็สั่นสะเทือนและเปิดแยกออก
หานซั่วรู้ทันทีว่าแผนการของเขาถูกเปิดเผยเสียแล้ว รูปสลักเทพีแห่งน้ำแข็งที่อารามแห่งน้ำแข็งสร้างขึ้นจะต้องมีความเชื่อมโยงบางอย่างกับพวกเขาที่หานซั่วมิอาจล่วงรู้ได้อย่างแน่นอน และเมื่อพลังงานภายในร่างของหญิงสาวเหือดแห้งไปอย่างรวดเร็ว เหล่าสาวกจึงเกิดรู้ตัวขึ้นมา
ในเมื่อสถานการณ์กลายเป็นเช่นนี้ หานซั่วก็รู้ว่าคงเลี่ยงการนองเลือดไม่ได้เสียแล้ว ความคิดชั่วร้ายผุดขึ้นมาในใจของเขาทันที และทันใดนั้นเอง เขาก็ตรงขึ้นไปยังอุโมงค์ที่เจ้าผีดิบธาตุโลหะชั้นยอดสร้างไว้ให้เขา
ในตอนนั้น พลังงานภายในร่างของหญิงสาวที่อยู่ในรูปสลักยังไม่ถูกเจ้าผีดิบธาตุน้ำชั้นยอดดูดกลืนไปจนหมดสิ้น และการที่มันจะสามารถพัฒนาร่างได้เร็วหรือไม่นั้นก็ขึ้นอยู่กับหานซั่วแล้วว่าจะซื้อเวลาให้กับเจ้าผีดิบธาตุน้ำชั้นยอดได้นานแค่ไหน
“ท่านพ่อ! ข้าต้องการ! ข้าต้องการพลังนี่!”
เจ้าผีดิบธาตุน้ำชั้นยอดยังคงโอบกอดและดูดกลืนพลังงานจากร่างหญิงสาว ขณะส่งกระแสจิตมาหาหานซั่วราวกับเด็กน้อยที่อ้อนวอนขอขนม
“เจ้าก็รีบ ๆ แล้วก็ใช้ทุกวินาทีให้มีค่าก็แล้วกัน ดูดกลืนพลังงานนั่นให้เต็มสูบไปเลยแล้วก็ไม่ต้องมัวคิดถึงอย่างอื่น!”
หานซั่วเร่งเร้า เขาเข้าใจดีว่าพลังนี้มีความหมายกับเจ้าผีดิบธาตุน้ำชั้นยอดมากเพียงใด ถึงได้เตรียมตัวสู้อย่างสุดกำลังเพื่อซื้อเวลาให้กับมันได้มากพอ
ในที่สุด แท่นด้านบนก็ยื่นออกมาจนสุด พร้อมกันกับที่เหล่าสาวกของอารามแห่งน้ำแข็งต่างจับจ้องมายังรูปสลักอันงดงามตระการตาของเทพีแห่งน้ำแข็งที่ตั้งอยู่ในใจกลางของภูเขา
นอกเหนือจากสาวกไม่กี่คน กลุ่มคนที่เหลือทั้งหมดนั้นก็ล้วนเป็นพวกที่หานซั่วเคยเจอที่หุบเขามังกรดำเมื่อครั้งก่อน เพียงมองแค่ปราดเดียว หานซั่วก็มั่นใจว่าพวกเขาต้องมีส่วนเกี่ยวข้องกับการโจมตีระยะไกลที่แดนอัคคีสัมบูรณ์เมื่อไม่กี่วันก่อนด้วยเช่นกัน
ตอนที่คนกลุ่มนี้ถูกพลังธาตุไฟโจมตีกลับอย่างรุนแรง หานซั่วก็ฉวยโอกาสนั้นจู่โจมวิญญาณของพวกเขาโดยใช้จิตและพลังจิตของตนเอง ซึ่งพวกนั้นก็ไม่ทันได้ระวังตัวจากการโจมตีอย่างกะทันหันของหานซั่ว จึงทำให้ได้รับบาดเจ็บสาหัสมากทีเดียว และในครั้งที่แล้ว แม้ว่าร่างกายของพวกเขาจะเย็นเยียบดุจน้ำแข็ง แต่ก็ดูเป็นปกติ ในขณะที่ตอนนี้ สีหน้าของพวกเขากลับซีดเผือดราวกับคนตาย
ตรงกันข้ามอย่างสิ้นเชิงกับท่าทีไม่ยี่หระต่อสิ่งใดระหว่างสงครามครั้งใหญ่ที่หุบเขามังกรดำ ในตอนนี้ พวกเขากลับแผ่ออร่าอันอ่อนแรงและสับสนอลหม่านอย่างน่าเหลือเชื่อออกมา บ่งบอกอย่างชัดเจนว่าพวกเขายังไม่ฟื้นตัวเต็มที่จากอาการบาดเจ็บเมื่อครั้งที่แล้ว
“โอ คุณพระช่วย! นั่น… นั่นมันตัวบ้าอะไร!?”
สาวกคนหนึ่งกรีดร้องขึ้นเสียงแหลม ตัวสั่นงันงกตั้งแต่หัวจรดเท้า มือข้างหนึ่งทาบไว้ที่อก ส่วนอีกข้างชี้นิ้วไปที่เจ้าผีดิบธาตุน้ำชั้นยอดที่กำลังโอบกอดหญิงสาวไว้แน่น
เมื่อเสียงร้องของสาวกผู้นั้นดังขึ้น เหล่าสาวกคนอื่น ๆ ของอารามแห่งน้ำแข็งที่ยืนอยู่บนแท่นต่างก็มองไปยังเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเบื้องล่างด้วยเช่นกัน สาวกทุกคน รวมทั้งน้ำแข็งสวรรค์โครีย์ต่างบันดาลโทสะและช็อกไปตาม ๆ กัน เสียงร้องของพวกเขาดังก้องไปทั่วโถง
“เจ้าตัวอัปรีย์นั่นเข้าไปในรูปสลักของเทพีได้ยังไง!”
น้ำแข็งสวรรค์โครีย์คำรามด้วยความกราดเกรี้ยว เขาตบหน้าสาวกที่ยืนอยู่ข้าง ๆ ฉาดใหญ่ จนถึงกับเลือดกบปากและร่วงลงจากแท่น
ฟึ่บ! ฟึ่บ!
ก่อนที่สาวกคนนั้นจะร่วงลงถึงพื้นเบื้องล่าง เขตแดนเวทมนตร์ที่ถูกกางอยู่รอบ ๆ รูปสลักเทพีแห่งน้ำแข็งก็ทำงานทันที พร้อมกับปลดปล่อยลิ่มน้ำแข็งแหลมคมพุ่งออกมาเสียบทะลุร่างของเขา แต่ก่อนที่เลือดสักหยดจะทันได้ไหลทะลักออกมาจากแผล ทั่วทั้งร่างของเขาก็กลายเป็นน้ำแข็ง ก่อนจะแตกกระจายเป็นเสี่ยง ๆ เมื่อร่วงกระทบพื้น
“ท่านโครีย์ ได้โปรดไว้ชีวิตพวกเราด้วยเถอะ พวกเราไม่รู้จริง ๆ ว่ามันเกิดขึ้นได้ยังไง แต่ถ้าท่านฆ่าพวกเราทั้งหมดตอนนี้ แผนการสร้างเทพของพวกเราจะไม่มีวันสำเร็จเลยนะครับ!”
สาวกคนหนึ่งร้องออกมาด้วยความหวาดกลัว เขาคุกเข่าลงกับพื้นเบื้องหน้าน้ำแข็งสวรรค์โครีย์
น้ำแข็งสวรรค์โครีย์กราดเกรี้ยวจนหน้าถอดสี เขาตั้งใจจะฆ่าสาวกชุดสุดท้ายทุกคนที่ลงมาที่นี่เพื่อเติมพลังงานเมื่อครู่ก่อน เขาคว้าคอของสาวกคนหนึ่งไว้และพร้อมที่จะสังหารข้อหาละเลยต่อหน้าที่ แต่เมื่อได้ยินคำอ้อนวอนเสียงดังลั่นที่พูดถึงการทำตามแผนการให้สำเร็จ เขาก็พยายามยับยั้งชั่งใจในที่สุด
** Please note : โปรดอ่านนิยายเรื่องนี้ จากบล็อกของผู้แปล gdk-th.blogspot.com เท่านั้น หากท่านกำลังอ่านจากเว็บไซต์อื่น แสดงว่าท่านกำลังจ่ายเงินให้กับผู้ที่ขโมยผลงานของนักแปลมาแสวงหาผลกำไรให้ตนเอง **
“เข้าไปในรูปสลักของเทพีด้วยพลังศักดิ์สิทธิ์เดี๋ยวนี้ แล้วฆ่าไอ้ตัวอัปรีย์นั่นทิ้งซะ ข้าต้องการให้วิญญาณของมันต้องชดใช้!”
น้ำแข็งสวรรค์โครีย์ตะโกนอย่างกราดเกรี้ยว หลังจากที่เหวี่ยงสาวกที่เขาคว้าคอไว้ลงไปกับพื้น ดูเหมือนเขาจะเดือดดาลเป็นอย่างมาก
แน่นอนว่าที่เขาต้องโมโหโกรธาถึงเพียงนั้น เพราะแผนการสร้างเทพของอารามแห่งน้ำแข็งได้ล่วงมาแล้วเนิ่นนานนับร้อยปี และจะเสร็จสมบูรณ์ในอีกไม่ช้า ซึ่งความปรารถนาอันแรงกล้าที่ต้องการจะก้าวข้ามผ่านศาสนจักรแห่งแสงสว่างและศาสจักรแห่งความหายนะของน้ำแข็งสวรรค์โครีย์เองก็อยู่ใกล้แค่เอื้อม แต่ในเมื่อมีเรื่องราวเลวร้ายเกิดขึ้นในช่วงเวลาหน้าสิ่วหน้าขวานเช่นนี้ หลังจากที่รอคอยมานานหลายต่อหลายปี ความกราดเกรี้ยงของเขาจึงพลุ่งพล่านถึงขีดสุดอย่างที่ไม่มีใครสามารถจินตนาการได้
“ครับ ทราบแล้วครับ ท่านโครีย์!”
แม้แต่สาวกที่เป็นยอดฝีมือผู้รับใช้อารามแห่งน้ำแข็งมานานหลายปียังถึงกับตัวสั่นเทิ้มด้วยความหวาดกลัวเมื่อเจอกับโทสะอันรุนแรงของน้ำแข็งสวรรค์โครีย์ พวกเขารีบตอบตกลงทันทีเพื่อที่จะรีบไปจัดการกับเจ้าผีดิบธาตุน้ำชั้นยอด
ฟึ่บ! ฟึ่บ! ฟึ่บ!
ทันใดนั้นเอง เสียงแหวกอากาศมากมายก็ดังขึ้น เมื่อหอกกระดูกจำนวนมากต่างพุ่งสูงขึ้นไปบนฟ้าราวกับหลาวไม้ไผ่ ก่อนจะพุ่งเข้าใส่น้ำแข็งสวรรค์โครีย์และพวก
“บัดซบ!”
โครีย์ตวาดเสียงดังลั่น เขารีบชักดาบยาวน้ำแข็งอันเย็นยะเยือกออกมา เมื่อดาบเปล่งรัศมีออกมาวาบหนึ่ง ไออากาศโปร่งแสงเบื้องหน้าก็แข็งตัวอย่างรวดเร็วและกลายเป็นกำแพงน้ำแข็งที่ป้องกันการโจมตีของหอกกระดูกไว้ได้ทั้งหมด
“เจ้าพวกโง่ไร้ประโยชน์ ไสหัวไปซะ!”
หลังจากที่สร้างแนวป้องกันหอกกระดูกขึ้นมาได้แล้ว น้ำแข็งสวรรค์โครีย์ก็สบถคำสาปแช่งออกมาพร้อมกับเตะสาวกผู้ที่คุกเข่าอยู่แทบเท้าเขาจนกระเด็น
กลุ่มสาวกที่เข้ามาในโถงก่อนหน้านี้ นอกจากจะเป็นนักบวชของอารามแห่งน้ำแข็งแล้ว พวกเขาจำเป็นต้องศึกษาทั้งการเล่นแร่แปรธาตุ การปรุงยา การสร้างค่ายกลเวทมนตร์ และศาสตร์อันเร้นลับที่ยากจะเข้าใจอีกมากมายในทุกแขนง เพื่อที่จะทำให้แผนการสร้างเทพนี้ก่อเกิดขึ้นได้ เช่นนั้นแล้ว พวกเขาจึงไม่ได้แข็งแกร่งอะไรมากมายนัก
ภายใต้กำแพงที่สามารถป้องกันการโจมตีของหานซั่วได้อย่างดีเยี่ยม จึงแทบเป็นไปไม่ได้เลยที่สาวกสักหนึ่งหรือสองคนจะประมาทถึงขึ้นทำให้ตนเองถูกฆ่าตาย และถ้าเขาสูญเสียสาวกที่เฝ้าศึกษาแผนการสร้างเทพอย่างพิถีพิถันมานานหลายปี ก็อาจมีความเป็นไปได้สูงทีเดียวที่จะทำให้แผนการนี้ล้มเหลวในที่สุด เช่นนั้นแล้ว แม้ว่าน้ำแข็งสวรรค์โครีย์อยากจะฆ่าพวกเขาให้ตายทั้งหมด แต่เพราะเห็นแก่แผนการสร้างเทพ เขาจึงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากปกป้องพวกนั้นให้รอดชีวิต
น้ำแข็งสวรรค์โครีย์ตวาดใส่พวกเขาอย่างบันดาลโทสะ ทั้งมือและเท้าผลักและกระหน่ำเตะใส่เหล่าผู้เชี่ยวชาญในแผนการเพื่อไล่ให้กลับไปทางเดิมที่พวกเขาเข้ามา หลังจากนั้น เขาก็ร้องคำรามดังลั่นราวกับคนเสียสติ
“ออกมานะ ไบรอัน ข้ารู้ว่าเป็นเจ้า เจ้าผู้ใช้ความตายจอมโสโครก!”
เมื่อเต็มไปด้วยโทสะ ท่าทีที่เคยสุขุมเยือกเย็นของน้ำแข็งสวรรค์โครีย์ ในตอนนี้ กลับตกอยู่ในสภาพคุ้มคลั่งเฉกเช่นเมื่อครั้งที่หานซั่วเคยตกสู่ภาวะปีศาจ ไม่ต่างอะไรจากคนวิกลจริต แม้แต่ลูกน้องของเขาบางคนยังถึงกับผวาเพราะสภาพของเขาในตอนนี้
“ไล่ตามพวกที่กำลังหนีไป และฆ่าพวกมันอย่าให้เหลือ!”
หานซั่วส่งกระแสจิตสั่งเจ้าผีดิบธาตุโลหะชั้นยอดเพื่อให้ไปฆ่านักบวชผู้เชี่ยวชาญเหล่านั้น และเพียงครู่เดียว หานซั่วก็ค่อย ๆ เดินออกมาจากอุโมงค์ที่แยกออกจากกันด้วยท่าทีสงบเยือกเย็น
******************************