Great Demon King – กำเนิดราชันย์ปีศาจ - ตอนที่ 487.2
เป็นไปตามคาด เมื่อคำว่า ‘อารามแห่งน้ำแข็ง’ ถูกเอ่ยถึง โซฟีก็ถึงกับผงะไปทันที เธอมองหานซั่วอย่างหวาดหวั่นอยู่พักหนึ่ง ก่อนจะค่อย ๆ ถามอย่างระมัดระวัง
“หาน เกิดอะไรขึ้นเหรอ? ทำไมเจ้าถึงไปมีเรื่องกับอารามนั่นได้ล่ะ? ข้ารู้แค่ว่าเจ้าเป็นคนของจักรวรรดิแลนซล็อต แต่ไม่ได้รู้จักเจ้ามากไปกว่านั้นเลย เจ้าเอาตัวเองมาข้องเกี่ยวกับเรื่องนี้ได้ยังไง?”
เมื่อฟังจากที่โซฟีพูด หานซั่วก็รู้ว่าโซฟียังไม่รู้ถึงตัวตนที่แท้จริงของเขา เพราะย้อนกลับไปในป่าทมิฬที่พวกเขาได้พบกันเมื่อครั้งนั้น หานซั่วเรียกตัวเองว่า ‘ไบรอัน หาน’ โดยที่ไม่ได้คิดพิจารณาให้ถี่ถ้วน ซึ่งโซฟีก็ไม่เคยได้ยินชื่อของเขามาก่อน จึงคิดไปว่าหานซั่วคงบอกชื่อปลอมกับเธอ ทำให้ไม่ได้เชื่อมโยงไปถึงชื่อของเจ้าเมืองแห่งนครเบรทเทลของจักรวรรดิแลนซล็อต
“ไม่ว่าจะที่มาหรือเหตุผลของการที่ทำให้ข้ากับพวกนั้นเป็นศัตรูกัน เจ้าไม่จำเป็นต้องรู้หรอก และไม่ว่ายังไง อารามแห่งน้ำแข็งก็คงตามจองเวรข้าไม่เลิกแน่ เพราะงั้น เจ้าอย่ามาวุ่นวายกับข้าเลยจะดีกว่านะ”
หานซั่วตอบ
“แต่ถ้าอารามหาเจ้าไม่เจอ แค่นั้นก็ไม่น่าเป็นปัญหาอะไรแล้วนี่ เนอะ?”
ตรงข้ามกับความคาดหวังของหานซั่วโดยสิ้นเชิง โซฟียิ้มด้วยรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ ก่อนจะนำผลไม้ลูกกลม ๆ สีน้ำตาลออกมาจำนวน 2 ลูกออกมาจากแหวนมิติของเธอ เธอยื่นผลไม้ลูกหนึ่งให้หานซั่วและอธิบายอย่างมั่นใจ
“เพื่อนของข้าให้นี่มา นวดมันสักพักหนึ่ง แล้วเอาไปทาบนหน้าของเจ้านะ มันจะช่วยเปลี่ยนรูปลักษณ์หน้าตาให้เจ้าได้ แล้วก็จะไม่มีใครดูออกเลยด้วย”
ขณะที่โซฟีพูด เธอก็พิสูจน์ให้หานซั่วดู และค่อย ๆ นวดผลไม้ลูกกลม ๆ นั้นด้วยทั้ง 2 มือ จนกระทั่งมันกลายเป็นเนื้อครีมเหนียว ๆ จากนั้น เธอก็ชี้ไปที่ใบหน้าอันสะสวยงดงามของตนเอง ก่อนจะค่อย ๆ ทาเจ้าสิ่งนั้นบนหน้าของเธอ และถูนวดไปมาบริเวณแก้มและทุกซอกมุมบนใบหน้าต่อหน้าหานซั่ว
ดูจากท่าทางแล้ว มั่นใจได้เลยว่านี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่โซฟีทำแบบนี้ เธอสามารถเกลี่ยเจ้าสิ่งนั้นบนใบหน้าด้วยมือของเธออย่างช่ำชองโดยไม่ต้องใช้กระจกเลยแม้แต่น้อย เพียงชั่วครู่เดียว ใบหน้าของเธอก็เกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ ผิวที่เนียนละเอียดของโซฟีกลายเป็นสีน้ำตาล พวงแก้มและเค้าโครงใบหน้าก็เปลี่ยนไปเช่นกัน เธอกลายเป็นหญิงสาวหน้าตาธรรมดา ๆ ที่สุดคนหนึ่ง แม้แต่ผิวที่คอและมือของเธอก็เปลี่ยนไป พวกนักปรุงยานี่ช่างมีพรสวรรค์ที่น่าทึ่งมากเหลือเกิน และอันที่จริง หานซั่วก็ครอบครองยาประเภทเดียวกันนี้ที่ชื่อว่า ‘ผลอเนกประสงค์’ ซึ่งเคยได้รับเป็นของขวัญจากเซซิเลียมาก่อนแล้ว แต่ในครั้งนี้ที่จักรวรรดิคาซี หานซั่วไม่ได้เกรงกลัวว่าตัวตนของเขาจะถูกเปิดเผย เขาจึงไม่คิดนำมันออกมาใช้
** Please note : หากท่านไม่ได้อ่านนิยายเรื่องนี้จากบล็อก https://gdk-th.blogspot.com/ แปลว่าท่านกำลังจ่ายเงินให้กับคนที่กำลังสุขสบายกับการหาเงินง่าย ๆ ด้วยการใช้นิ้วคลิกก๊อบผลงานแปลของเพจไปขายอีกต่อหนึ่ง **
“เป็นไง! มหัศจรรย์มากเลยใช่มั้ยล่ะ? เจ้าจำข้าไม่ได้แล้วแน่ ๆ!”
โซฟีร้องขึ้นอย่างภาคภูมิใจหลังจากที่แปลงโฉมเสร็จเรียบร้อย เธอหยิบกระจกเล็ก ๆ ออกมา ชี้ไปที่หานซั่ว และพูดด้วยรอยยิ้มกว้าง
“เร็วเข้าสิ เจ้าเองก็ต้องแปลงโฉมกับเจ้าผลไม้นี้ด้วยเหมือนกัน ไม่มีใครจำเจ้าได้หรอก ซึ่งถ้าอารามแห่งน้ำแข็งหาตัวเจ้าไม่พบ ก็เท่ากับว่าข้าไม่ต้องไปข้องเกี่ยวปัญหาอะไรทั้งนั้นแล้วด้วย”
ในเมื่อมีตัวช่วยเตรียมไว้ให้พร้อมสรรพ หานซั่วจึงไม่อาจหาเหตุผลใดมาปฏิเสธได้อีก เมื่อไม่มีทางเลือกอื่น เขาก็ฝืนยิ้มออกมา และเริ่มนวดผลอเนกประสงค์นั้นเข้าด้วยกัน ตัวยาเริ่มกลายเป็นของเหลวที่ทั้งเหนียวและข้น ก่อนจะทามันลงบนใบหน้าโดยมีโซฟีคอยชี้แนะ
แต่หานซั่วไม่ถนัดเรื่องพวกนี้เลยสักนิด ยิ่งมืออันไร้ทักษะของเขาถูนวดไปมากเท่าไหร่ หน้าตาของเขาก็กลายเป็นอะไรที่น่าขนพองสยองเกล้าไปเสียอย่างนั้น หลังจากที่พยายามแก้ไขอยู่นาน หานซั่วก็ไม่สามารถปั้นหน้าให้ออกมาในรูปแบบที่ยอมรับได้เสียที ด้วยกลัวว่าผลของยาอาจจะเสื่อมลงเมื่อเวลาผ่านไป โซฟีจึงลังเลอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะพูดขึ้นอย่างเขินอาย
“ข… ข้าทำให้เจ้าเองก็แล้วกัน!”
โดยไม่รอคำตอบ โซฟีก็ยื่นมือเรียวยาวและเรียบลื่นราวกับหยกมาลูบไล้แก้มของหานซั่ว เธอค่อย ๆ นวดคลึงตามโครงหน้าของเขาทีละน้อย ด้วยท่าทางเคยชินและความเข้าใจในผลอเนกประสงค์เป็นอย่างดี
แม้ว่าสีผิวที่มือทั้ง 2 ข้างของเธอจะเปลี่ยนไปแล้ว แต่มันก็ยังคงนุ่มและอ่อนโยนขณะวางอยู่บนแก้มของหานซั่ว โดยเฉพาะเมื่อเวลาที่โซฟีใช้มือนวดไปมา ดูราวกับคู่รัก 2 คนกำลังหยอกล้อกันก็ไม่ปาน ทำให้หานซั่วรู้สึกแปลก ๆ อย่างบอกไม่ถูก
เห็นได้ชัดว่าโซฟีเองก็รู้สึกกระดากอายอยู่เหมือนกัน แต่เป็นเพราะสีผิวเข้มที่เปลี่ยนไป ความระเรื่อแดงของผิวจึงมองเห็นได้ไม่ชัดนัก หานซั่วมองเห็นความกังวลใจผ่านสายตาของเธอ
“เสร็จแล้วล่ะ เจ้าคิดว่าไง?”
ขณะที่หานซั่วกำลังจินตนาการเตลิดไปไกล โซฟีก็หยุดกะทันหัน และพูดขึ้นอย่างปลาบปลื้มยินดี
ในกระจกที่โซฟีถืออยู่ รูปลักษณ์ใหม่ที่ไม่คุ้นตาของหานซั่วก็ปรากฏขึ้น คน ๆ นี้มีคางที่อวบอูมและแก้มยุ้ย เป็นใบหน้าที่ชายอ้วนเผละคนหนึ่งจะพึงมี ขณะมองใบหน้านั้นในกระจก หานซั่วก็บังเอิญนึกถึงสหายแจ็คอ้วนขึ้นมาทันที
“โอ้โฮ ดูเป็นคนธรรมดาสุด ๆ ไปเลย!”
หานซั่วตอบด้วยรอยยิ้มขมขื่นขณะมองเข้าไปในกระจก
เมื่อเขายิ้ม ไม่ว่าจะมองจากมุมไหน เงาที่สะท้อนกลับมานั้นก็เป็นใบหน้าที่แสนซื่อและไร้ซึ่งเล่ห์เหลี่ยม เป็นอีกครั้งที่ภาพของแจ็คตัวอ้วนโผล่ขึ้นมาในหัว ยิ่งทำให้รอยยิ้มฝืน ๆ ของเขาบิดเบี้ยวมากยิ่งขึ้น
“จะบอกอะไรให้ พวกคนอ้วน ๆ น่ะ สะดุดตาน้อยที่สุดแล้ว ฮิฮิ จริง ๆ นะ ตามท้องถนนน่ะมีแต่คนอ้วนเต็มไปหมด ไม่มีใครนึกถึงรูปลักษณ์เดิมของเจ้าได้หรอก”
โซฟีอธิบายอย่างมืออาชีพ ก่อนจะหัวเราะคิกคักและพูดต่อ
“อีกอย่าง กรอบหน้าของเจ้าก็ดูเด่นเกินไป มันอาจจะไม่ใช่วัตถุดิบสำหรับการแปลงโฉมที่ดีที่สุด ซึ่งก็มีแต่หน้าอ้วน ๆ นี่ล่ะที่พอจะปิดบังเอาไว้ได้ ฮิฮิ ข้าไม่คิดเลย หลังจากที่เจ้าเปลี่ยนเป็นหน้าคนอ้วน เจ้าก็ดูน่ารักดีเหมือนกันนะ ฮะ ๆ ๆ”
ดูจากท่าทางการหัวเราะของโซฟีแล้ว หานซั่วรู้สึกว่าเธอจะตั้งใจเปลี่ยนเขาให้เป็นคนอ้วนอยู่แล้ว ราวกับว่ายิ่งเขาดูน่าเกลียดเท่าไหร่ เธอก็ยิ่งรู้สึกสนุกมากเท่านั้น
** Please note : หากท่านไม่ได้อ่านนิยายเรื่องนี้จากบล็อก https://gdk-th.blogspot.com/ แปลว่าท่านกำลังจ่ายเงินให้กับคนที่กำลังสุขสบายกับการหาเงินง่าย ๆ ด้วยการใช้นิ้วคลิกก๊อบผลงานแปลของเพจไปขายอีกต่อหนึ่ง **
“ตามนั้นแหละ เอาที่เจ้าสบายใจเลยแล้วกัน”
หานซั่วตอบอย่างสิ้นหวัง ไม่รู้ว่าตัวเองจะหัวเราะหรือร้องไห้ดี
“นี่ ยัดเจ้านี่ไว้ในท้องของเจ้าด้วยสิ”
ขณะที่กำลังหัวเราะคิกคักไม่หาย โซฟีก็หยิบหมอนเล็ก ๆ ใบหนึ่งออกมาจากแหวนมิติและยื่นให้หานซั่ว
“เจ้าก็รู้ พวกคนอ้วนต้องลงพุงหน่อย ๆ ด้วย… ไม่งั้นจะเรียกว่าอ้วนได้ยังไงล่ะ”
เมื่อเธอพูดเช่นนั้น ความสนุกสนานแสนเจ้าเล่ห์ของเธอก็ปรากฏวาบขึ้นมาในดวงตา ซึ่งหานซั่วก็มองออกอย่างชัดเจน
เช่นนั้นแล้ว หานซั่วจึงมั่นใจแล้วว่าโซฟีจงใจแกล้งเขา แต่ก็รู้ดีเช่นกันว่าเธอไม่ได้มีเจตนาร้ายอะไร และไหน ๆ ใบหน้าของเขาก็อวบอูมถึงขนาดนี้แล้ว เขาจึงรับหมอนจากโซฟีและยัดมันเข้าไปในเสื้อคลุมโดยไม่ปริปากออกความเห็นใด ๆ และเขาก็มีพุงยื่นออกมาทันที
“เห็นมั้ย… ไม่เลวเลย! ไม่เลวเลยจริง ๆ! เจ้าลองดูสิ!”
เมื่อเห็นพุงยื่น ๆ ของหานซั่ว เธอก็ปล่อยหัวเราะที่ดูร้ายกาจออกมา เธอพิจารณาพุงของหานซั่วผ่านกระจกซ้ำแล้วซ้ำอีก และถึงกับลูบมันไปมาด้วยความพอใจ เธอพยายามกลั้นหัวเราะและพูดต่อ
“ครั้งนี้ข้าจะยอมยกโทษให้เจ้าก็แล้วกัน ดูซิว่ารอบหน้าเจ้าจะกล้าหลบหน้าข้าอีกมั้ย”
ในที่สุด หานซั่วก็กระจ่างเสียที กลายเป็นว่าเหตุผลที่โซฟีจงใจกลั่นแกล้ง ก็คือการที่เขาวิ่งหนีเธอก่อนหน้านี้นั่นเอง พวกผู้หญิงนี่ช่างเจ้าคิดเจ้าแค้นและไม่ยอมให้อภัยใครง่าย ๆ เลยจริง ๆ แม้แต่ผู้หญิงที่จิตใจดีงามอย่างโซฟีก็ไม่ใช่ข้อยกเว้น ถึงได้ลงเอยด้วยการลงโทษหานซั่วด้วยการแกล้งเขาแบบนี้
ให้ตาย พวกผู้หญิงนี่น่ากลัวชะมัด ขนาดผู้หญิงสวย ๆ และใจดีแบบนี้ก็ไม่เว้นเลยแฮะ! หานซั่วแอบบ่นในใจ ขณะแสร้งยิ้มออกมา
“เอาล่ะ ตอนนี้เจ้าก็แค่เปลี่ยนเสื้อผ้า แล้วก็ทำหลังค่อม ๆ หน่อยก็พอ แค่นี้ก็ไม่มีใครจำเจ้าได้แล้ว”
โซฟีหยุดหัวเราะ ก่อนจะมองไปยังหานซั่วด้วยความพึงพอใจ และให้คำแนะนำเพื่อเติมเต็มผลงานชิ้นเอกของเธอให้สมบูรณ์แบบที่สุด
หานซั่วเอาเสื้อผ้าชุดใหม่ออกมาอย่างเคือง ๆ ทีแรกนั้น เขาตั้งใจจะบอกให้โซฟีหันไปทางอื่นก่อน แต่เมื่อนึกถึงแผนการแสนกลของเธอขึ้นมา หานซั่วจึงตัดสินใจที่จะเอาคืน และถอดเสื้อผ้าออกจนหมดต่อหน้าต่อตาโซฟี ราวกับว่าเธอไม่ได้ยืนอยู่ตรงนั้น
หานซั่วสวมใส่เพียงชุดนักรบที่แข็งแรงทนทานชิ้นหนึ่งที่ร่างกายท่อนบน เมื่อเสื้อผ้าชั้นนอกนั้นถูกถอดออก ก็เผยให้เห็นร่างกายกำยำล่ำสันที่เปลือยเปล่า เรือนร่างอันสมบูรณ์แบบของเขาราวกับรูปสลักของศิลปินเอก ที่ให้ความรู้สึกตราตรึงจิตอย่างบอกไม่ถูก อีกทั้งยังเปล่งประกายไปด้วยเสน่ห์อันเป็นเอกลักษณ์ของชายชาตรี
โซฟีตกตะลึงและนิ่งอึ้งไปทันที ขณะจ้องมองไปยังร่างกายเปลือยเปล่าอันน่าตื่นตาตื่นใจของหานซั่ว ดวงตาเลื่อนลอยของเธอฉายแววของความลุ่มหลงอย่างบอกไม่ถูก บางที เธออาจจะไม่เคยเห็นร่างกายของใครที่สมบูรณ์แบบถึงเพียงนี้มาก่อน เช่นนั้นแล้ว เธอจึงถึงกับทำอะไรไม่ถูกไปชั่วขณะ
ทันใดนั้นเอง โซฟีก็ตื่นจากภวังค์ และรีบหันกลับไปด้วยท่าทีกระวนกระวาย เธอกระทืบเท้าและหอบหายใจด้วยความโมโห
“คนผีทะเล! กล้าทำแบบนั้นต่อหน้าข้าได้ยังไง! เจ้าคนบ้า! ไร้ยางอายที่สุด!”
เมื่อเห็นท่าทีตีโพยตีพายของโซฟี หานซั่วก็รู้สึกเบาใจขึ้นอย่างน่าเหลือเชื่อ ราวกับว่าโชคร้ายที่ครอบงำเขาอยู่จางหายไปในพริบตา เขาจึงหัวเราะและพูด
“หึหึ ข้าไม่เห็นจะสนใจเลย ทำไมเจ้าต้องมาสนใจแทนข้าด้วยล่ะ?”
“เจ้า… เจ้าคนลามก! ครั้งแรกที่พบเจ้า นึกแล้วเชียวว่าเจ้าต้องไม่ใช่คนดีแน่ ๆ แล้วข้าก็คิดถูกจริง ๆ ด้วย!”
โซฟีต่อว่าหานซั่วอย่างขุ่นเคือง ไม่นานนัก เธอก็บ่นงึมงำกับตัวเองเบา ๆ ค… คนบ้าอะไร หุ่นดีชะมัด!
เมื่อได้ยินโซฟีพูดเช่นนั้น หานซั่วก็นึกย้อนกลับไปที่ป่าทมิฬ ถึงเรื่องที่ทั้งคู่เคยมีเวลาดี ๆ ร่วมกัน หัวใจของหานซั่วจึงเตลิดลอยไปไกล
“เชอะ! เสร็จรึยังล่ะ? รีบ ๆ เข้าสิ พวกเราต้องรีบกลับไปแล้วนะ!”
โซฟียังคงหันหลังให้หานซั่วและถามอย่างกราดเกรี้ยว
“เสร็จแล้ว เราจะไปไหนกันเหรอ?”
หานซั่วถามด้วยความแปลกใจ
โซฟีหันหน้ามาและพูดตอบ
“ก็ที่งานประมูลน่ะสิ นอกจากเทศกาลประมูลครั้งใหญ่ของจักรวรรดิคาซีในวันนี้แล้ว จะเป็นที่ไหนไปได้อีกล่ะ?”
“ได้เลย!”
หานซั่วตอบตกลงอย่างเต็มใจ เพราะนั่นก็คือสิ่งที่คาดหวังไว้อยู่แล้ว
************************