Great Demon King – กำเนิดราชันย์ปีศาจ - ตอนที่ 494
ความเปลี่ยนแปลงอย่างกะทันหันที่เกิดขึ้นกับพ่อค้าโซฟีดึงดูดความสนใจของบรรดาแขกเหรื่อที่อยู่ในห้องรับรอง และเมื่อสตรีสูงศักดิ์ที่เคยพบในสำนักประมูลรีบพุ่งตัวตาม ‘ใบไม้มรกต’ ออกไป ก็ยิ่งทำให้ทุกคนรู้สึกประหลาดใจมากขึ้นอีก
ตั้งแต่วินาทีที่ ‘ใบไม้มรกต’ พุ่งบินออกมาจากแหวนมิติบนนิ้วมือซ้ายของพ่อค้าโซฟีที่ระเบิดออก ทุกคนต่างเงียบสนิทเพราะเสียงกรีดร้องอย่างน่าเวทนาของพ่อค้าโซฟีที่ดังอย่างต่อเนื่อง บรากเองก็เหลือบมองเพียงระยะเวลาสั้น ๆ ก่อนจะหันไปออกคำสั่งกับธูรัมที่อยู่ข้าง ๆ ด้วยเสียงแผ่วเบา
“ไปเอามันมา!”
โดยไม่พูดอะไร ธูรัมก็รีบไล่ตาม ‘ใบไม้มรกต’ ไปทันที และตามหลังสตรีสูงศักดิ์ผู้นั้นไปติด ๆ
บนหลังคาด้านนอกคฤหาสน์ หานซั่วเองก็จ้องมองด้วยความงุนงงอยู่พักหนึ่งทีเดียว เมื่อเห็นว่า ‘ใบไม้มรกต’ กำลังพุ่งบินมาหาเขา และทุกคนในคฤหาสน์ต่างก็พร้อมใจกันจับจ้องมายังทิศทางนั้น ซึ่งหานซั่วก็รู้ทันทีว่าตำแหน่งของตนเองและโซฟีนั้นถูกเปิดเผยเสียแล้ว
“เกิดอะไรขึ้นน่ะ?”
หานซั่วถามเจ้าผีดิบธาตุไม้ชั้นยอด เพราะเห็นได้ชัดว่าความผิดปกติที่เกิดขึ้นกับ ‘ใบไม้มรกต’ ต้องเกี่ยวข้องกับเจ้าผีดิบธาตุไม้ชั้นยอดอย่างไม่ต้องสงสัย ซึ่งเขาเองก็ไม่คาดคิดเช่นกันว่าเจ้าผีดิบธาตุไม้จะมีความสามารถที่น่าอัศจรรย์ดเช่นนี้ด้วย
** Please note : หากท่านไม่ได้อ่านนิยายเรื่องนี้จากบล็อก https://gdk-th.blogspot.com/ แปลว่าท่านกำลังจ่ายเงินให้กับคนที่กำลังสุขสบายกับการหาเงินง่าย ๆ ด้วยการใช้นิ้วคลิกก๊อบผลงานแปลของเพจไปขายอีกต่อหนึ่ง **
“มัน… มันบินออกมาด้วยตัวมันเอง!”
เจ้าผีดิบธาตุไม้ตอบอย่างไม่มั่นใจนัก
หานซั่วผงะไปทันที แต่ไม่นาน เขาก็นึกขึ้นได้ถึงตำนานเกี่ยวกับขุมพลังแห่งธาตุทั้งห้า จากการแปลความทรงจำที่ชูชางหลานทิ้งไว้ให้ ก็มีบอกไว้เกี่ยวกับพลังสัมผัสอันน่าเหลือเชื่อระหว่างขุมพลังแห่งธาตุและผีดิบชั้นยอดด้วยจริง ๆ ซึ่งขุมพลังแห่งธาตุทั้งห้านั้นคือพลังที่ถูกสั่งสมและหล่อเลี้ยงอยู่ในแดนแห่งธาตุสัมบูรณ์มาเป็นเวลานานนับล้านล้านปี ไม่เพียงแต่จะประกอบไปด้วยพลังอันน่าอัศจรรย์ หากแต่ยังมีความสามารถในการเลือกนายของตัวมันเองอีกด้วย
และในครั้งนี้ เมื่อขุมพลังธาตุไม้ที่หล่อเลี้ยงขึ้นมาภายในแดนป่าสัมบูรณ์ สัมผัสได้ถึงออร่าแบบเดียวกันที่แผ่ออกมาจากเจ้าผีดิบธาตุไม้ชั้นยอด มันจึงถือว่าเจ้าผีดิบธาตุไม้ชั้นยอดคือผู้ที่เหมาะสมที่สุดที่จะเป็นนายของมัน เช่นนั้นแล้ว มันจึงระเบิดตัวเองออกมาจากพันธนาการภายในแหวนมิติของพ่อค้าโซฟี และบินมาหาเจ้าผีดิบธาตุไม้ผู้เป็นนายที่มันได้เลือกแล้ว
“เข้าใจล่ะ งั้นก็รีบ ๆ รับมันไว้เร็วเข้า!”
หานซั่วพูดเบา ๆ หลังจากที่รู้แล้วว่าเกิดอะไรขึ้น
ในตอนนั้น สตรีสูงศักดิ์และธูรัมเองก็ไล่ตามมาจนเกือบจะทัน ‘ใบไม้มรกต’ เต็มที และยิ่งไปกว่านั้น เหล่ายอดฝีมือที่ประจำอยู่ด้านในคฤหาสน์ก็สังเกตเห็นที่ซ่อนของหานซั่วและโซฟี และแห่กันออกมา ซึ่งยอดฝีมือผู้มีสีหน้าสงบเยือกเย็นที่อยู่หน้าสุด ก็เป็นใครไปไม่ได้นอกจากอัศวินศักดิ์สิทธิ์ซูโล พ่อของโซฟี
โซฟีมองไปยังพ่อของเธอที่กำลังเข้ามาใกล้มากขึ้นเรื่อย ๆ ความวิตกกังวลภายในใจของเธอปรากฏเด่นชัดผ่านทางสีหน้า พลางเร่งเร้า
“เร็วเข้าสิ! พ่อของข้าจะมาถึงอยู่แล้ว!”
หลังจากที่ได้รับคำสั่งจากหานซั่ว เจ้าผีดิบธาตุไม้ชั้นยอดก็รู้สึกปั่นป่วนขึ้นมาไม่แพ้กัน เพราะเมื่อ ‘ใบไม้มรกต’ ยังไม่ได้ยอมรับมันเป็นนายอย่างสมบูรณ์ เจ้าผีดิบธาตุไม้ชั้นยอดจึงยังไม่สามารถสั่งการมันได้ในขณะที่ยังอยู่ห่างไกลกันมาก ทั้ง 3 จึงไม่สามารถทำอะไรได้เลยนอกจากเฝ้ามองสตรีสูงศักดิ์และธูรัมที่ค่อย ๆ เข้าใกล้ ‘ใบไม้มรกต’ มากขึ้นเรื่อย ๆ
แต่อย่างไรก็ตาม ขณะที่ ‘ใบไม้มรกต’ บินมาใกล้ต้นไม้ใหญ่ต้นหนึ่ง ความเปลี่ยนแปลงบางอย่างก็เกิดขึ้น เมื่อ ‘ใบไม้มรกต’ พุ่งหายเข้าไปในต้นไม้ใหญ่นั้นอย่างน่าอัศจรรย์ ซึ่งตอนที่สตรีสูงศักดิ์และธูรัมไปถึง ‘ใบไม้มรกต’ ก็อันตรธานหายไปโดยไม่เหลือร่องรอยใด ๆ แม้แต่นิดเดียว
ธูรัมผงะไปทันที เพราะไม่รู้เลยว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่ ก่อนจะรีบชักดาบยาวออกมาตามสัญชาติญาณ ราวกับว่าตั้งใจจะทำลายต้นไม้นั้นเพื่องัดเอา ‘ใบไม้มรกต’ ออกมาให้ได้
“หยุดก่อน!”
ตอนนั้นเอง สตรีสูงศักดิ์ผู้นั้นก็ยกมือขึ้นมาห้ามธูรัมเอาไว้ และภายใต้ดวงตาฉงนสงสัยของธูรัม เธอก็หยิบคทาเวทมนตร์ที่ดูคล้ายกับรากไม้หลาย ๆ รากเกี่ยวกระหวัดกันไปมา และเริ่มร่ายคาถา
ขณะที่สตรีสูงศักดิ์กำลังร่ายเวทย์ ต้นไม้ใหญ่ที่อยู่เบื้องหน้าเธอก็เริ่มสั่นสะเทือนพร้อมส่งเสียงกรอบแกรบของใบไม้ กิ่งของมันโบกสะบัดไปมาราวกับหนวดปลาหมึก ในขณะที่พลังงานประหลาดแผ่ออกมาจากต้นไม้ใหญ่อย่างฉับพลัน และกระตุ้นให้มันเคลื่อนไหว
ทันใดนั้นเอง เสียงร้องด้วยความประหลาดใจเสียงหนึ่งก็ดังลั่นขึ้นกลางฝูงชน
“เธอเป็นฤๅษีแห่งพงไพรนี่นา!”
ในที่สุด พวกเขาก็ล่วงรู้ถึงตัวตนที่แท้จริงของสตรีสูงศักดิ์ผู้นั้น เพราะตามปกติแล้ว พวกฤๅษีของภาคีฤๅษีแห่งพงไพรจะแทบไม่ออกมาจากป่าเลยแม้แต่ครั้งเดียว จึงเป็นโอกาสที่หาได้ยากยิ่งเมื่อได้เห็นสตรีสูงศักดิ์ผู้มาร่วมงานเลี้ยงของพวกชนชั้นสูงในชุดราตรีหรูหรา สามารถปลดปล่อยพลังอันน่าพิศวงของธรรมชาติออกมาได้เช่นนั้น ซึ่งถ้าเธอไม่แสดงพลังออกมา ก็จะไม่มีใครล่วงรู้ถึงตัวตนของเธอเลย
ฝูงชนต่างจับจ้องด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความประหลาดใจยิ่งกว่าเดิม และเมื่อเธอร่ายคาถาจบ ต้นไม้ต้นนั้นก็เริ่มกระตุกอย่างรุนแรง ก่อนที่จะค่อย ๆ หยุดสั่นและกลับเป็นปกติในเวลาอันรวดเร็ว
สตรีสูงศักดิ์ถอนหายใจออกมาเบา ๆ เธอส่ายศีรษะและพูดออกมาด้วยความหดหู่อย่างที่สุด
“ดูเหมือนว่าภาคีฤๅษีแห่งพงไพรจะไม่สามารถครอบครอง หัตถ์เทพี ได้จริง ๆ สินะ”
ขณะที่สตรีสูงศักดิ์ถอนหายใจอย่างสิ้นหวัง ก็ตรงกันข้ามกับเจ้าผีดิบธาตุไม้ชั้นยอดอย่างสิ้นเชิง เมื่อมันตื่นเต้นดีใจจนตัวสั่นตั้งแต่หัวจรดเท้า เพราะหลังจากที่ ‘ใบไม้มรกต’ หายเข้าไปในต้นไม้ใหญ่ มันกลับมาปรากฏขึ้นอีกครั้งบนฝ่ามือของเจ้าผีดิบธาตุไม้ชั้นยอดอย่างไม่สามารถอธิบายได้ มันประคองถือ ‘ใบไม้มรกต’ ไว้แน่นในมือราวกับเป็นสิ่งที่ล้ำค่าเหลือเกิน
“ท่านพ่อ! ข้าได้มาแล้ว! ข้าได้มันมาแล้ว!”
เจ้าผีดิบธาตุไม้ชั้นยอดร้องตะโกนซ้ำไปซ้ำมาด้วยความตื่นเต้น
“เผยตัวออกมานะ!”
ก่อนที่อัศวินศักดิ์สิทธิ์จะมาถึง เขาก็ตะโกนลั่นมาแต่ไกลด้วยน้ำเสียงข่มขู่อย่างที่สุด
“เร็วเข้า รีบหนีกันเถอะ!”
ขณะที่โซฟีเร่งเร้าหานซั่ว เธอก็หันหลังเตรียมพร้อมที่จะหนีอย่างเต็มที่
** Please note : หากท่านไม่ได้อ่านนิยายเรื่องนี้จากบล็อก https://gdk-th.blogspot.com/ แปลว่าท่านกำลังจ่ายเงินให้กับคนที่กำลังสุขสบายกับการหาเงินง่าย ๆ ด้วยการใช้นิ้วคลิกก๊อบผลงานแปลของเพจไปขายอีกต่อหนึ่ง **
ในตอนนี้ เมื่อเขาได้ ‘ใบไม้มรกต’ มาครอบครองแล้ว หานซั่วก็ไม่จำเป็นที่ต้องอยู่ที่นั่นอีกต่อไป โดยไม่สนว่าเจ้าผีดิบธาตุไม้ชั้นยอดที่กำลังดีใจจนเนื้อเต้น เขาก็รีบร่ายเวทมนตร์ศาสตร์แห่งความตายเพื่อส่งเจ้าผีดิบธาตุไม้ชั้นยอดกลับไปยังมิติมืดทันที
ชั่วขณะที่หานซั่วกำลังจะเหินทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้าและจากไป เขาก็พบว่าซูโลได้เข้าประชิดมาอย่างรวดเร็ว ซูโลตั้งใจจะตะโกนเรียกให้หานซั่วและโซฟีหยุด แต่เมื่อเขาเห็นม้าเปกาซัสสีขาวของโซฟี ก็ไม่มีเสียงใด ๆ เล็ดลอดอออกมาจากปากที่อ้ากว้างของเขา ซูโลได้แต่เบิกตามองหานซั่วและโซฟีจากไปเงียบ ๆ พลางกล้ำกลืนเสียงตะโกนดังลั่นของตนเองที่เกือบหลุดออกจากปาก
“ฟีฟี่ นี่ลูกทำบ้าอะไรของลูกอยู่เนี่ย? แล้วเจ้านั่นมันเป็นใครกัน?”
เสียงตะโกนลั่นของซูโลแปรเปลี่ยนเป็นเสียงดุด่าอย่างแผ่วเบา แต่ก่อนที่ทั้งโซฟีและหานซั่วจะทันได้ตอบอะไร ซูโลก็ตะโกนขึ้นอีกครั้ง
“ไม่ว่ายังไง เจ้าก็ต้องออกไปจากที่นี่ก่อน แล้วพ่อค่อยไปคุยกับเจ้าทีหลัง!”
“ขอโทษนะคะ ท่านพ่อ!”
โซฟีฝืนยิ้มและตอบออกไป เมื่อเห็นว่าคนอื่น ๆ จากคฤหาสน์ใกล้จะไล่ตามมาทัน เธอก็รีบดึงหานซั่วไปและพูด
“ไปกันเถอะ!”
“ข้าขอโทษ!”
หานซั่วรีบฉวยจังหวะนั้นโค้งคำนับให้ซูโลก่อนจะจากไปพร้อมกับโซฟีด้วยความรวดเร็ว
เมื่อกลับมาถึงโรงแรมเล็ก ๆ หานซั่วก็คลายความกังวลลงอย่างสิ้นเชิง และไม่สนใจเหตุการณ์ความวุ่นวายที่เกิดขึ้นที่คฤหาสน์ของบรากเลยแม้แต่น้อย เพราะเมื่อได้ ‘ใบไม้มรกต’ มาครอบครองโดยไม่ต้องเสียเงินถึง 300,000 เหรียญทอง จึงไม่มีเหตุผลใด ๆ ที่จะทำให้เขาไม่มีความสุข หานซั่วไม่ได้ใส่ใจเรื่องคนที่คฤหาสน์ของบราก หรือแม้แต่ซูโลเองที่เห็นกับตาแล้วว่าเขาและโซฟีอยู่ด้วยกัน
แต่ตรงกันข้ามอย่างสิ้นเชิงกับโซฟีที่กระสับกระส่ายและเป็นกังวลทันทีที่มาถึง เธอทั้งกลัดกลุ้มและพร่ำบ่นอย่างเอาเป็นเอาตาย ในขณะที่หานซั่วก็พยายามปลอบโยนเธอทุกวิถีทางที่ทำได้อยู่นานสองนาน แม้จะยังสับสนอยู่ไม่หาย แต่เธอก็กลับไปที่ห้องเธอเพื่อนอนหลับพักผ่อนแต่โดยดี
การประมูลยังคงจัดอย่างต่อเนื่องไปอีก 2 วัน และด้วยข่าวกรองขององครักษ์ชุดดำ ทำให้รู้ว่ายังมีสิ่งที่ประเมินค่าไม่ได้ซึ่งจะถูกนำออกมาประมูลอีกเป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะในวันสุดท้ายที่มั่นใจว่าจะมีวัตถุดิบที่หาได้ยากอย่างยิ่ง แต่วัตถุดิบจะคืออะไรนั้น แม้แต่หน่วยข่าวกรองขององครักษ์ชุดดำก็คิดไม่ตก อย่างไรก็ตาม หานซั่วก็ตั้งคารอคอยวันที่ 3 ของการประมูลอย่างใจจดใจจ่อ
เมื่อเห็นว่ายังไม่ดึกมากนัก หานซั่วก็เอาแหวนกักวิญญาณที่เก็บวิญญาณของกิลเบิร์ตเอาไว้ออกมา และพูดคุยเล่นกับเขาอยู่พักหนึ่ง เหตุผลหลัก ๆ ที่เขาทำเช่นนั้นก็เพราะต้องการกระตุ้นให้วิญญาณของกิลเบิร์ตมีความเคลื่อนไหว และหลีกเลี่ยงออร่าไร้ชีวิตที่อาจเป็นพิษต่อเขามากเกินไป มิเช่นนั้นแล้ว ในอนาคต หลังจากที่ร่างใหม่ของเขาถูกหล่อหลอมขึ้นมา อาจจะเป็นการยากสำหรับเขาได้จะหวนคืนสู่ความมีชีวิตชีวาเหมือนเช่นที่เคยเป็น
หลังจากนั้น กิลเบิร์ตก็กลับไปฝึกฝนต่อ ในขณะที่หานซั่วเองก็ศึกษาตำราเวทมนตร์ศาสตร์แห่งความตายอันเร้นลับด้วยความขยันขันแข็ง เพราะเขาเชื่อว่าเหตุผลที่เขายังไม่เข้าใจ อาคมแห่งอายุ นั้น เป็นผลมาจากการขาดความเข้าใจในแก่นแท้ของเวทมนตร์ศาสตร์แห่งความตาย ซึ่งเมื่อใดที่เขาสั่งสมความรู้ได้มากถึงระดับหนึ่ง เขาก็จะพัฒนาในศาสตร์นี้ได้อีกไกลมากเลยทีเดียว
ขณะที่พระอาทิตย์ใกล้จะขึ้นเต็มที หานซั่วก็ยังคงศึกษาเวทมนตร์ศาสตร์แห่ความตายอันลึกซึ้งต่อไปอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย แต่ทว่าทันใดนั้นเอง หานซั่วก็รู้สึกถึงคลื่นสั่นสะเทือนบางอย่าง เขาขมวดคิ้วและรีบปลดปล่อยจิตออกไป ไม่นานนัก เขาก็สัมผัสถึงได้จิตสังหารอันไร้ขีดจำกัดที่แผ่ออกมาจากหุบเขาทารัคที่อยู่ไกลออกไป
หานซั่วตกตะลึง และตระหนักได้ทันทีว่าราชาหกเขาแห่งเผ่าวิญญาณได้พุ่งเป้าเชื่อมโยงมาที่เขาอีกครั้งหนึ่งแล้ว ดูเหมือนว่าหลังจากที่เวลาผ่านไปนานพอสมควร ราชาหกเขาแห่งเผ่าวิญญาณจะต้องฟื้นตัวจากอาการบาดเจ็บที่เคยได้รับระหว่างการต่อสู้กับนักบุญหญิงของศาสนจักรแห่งแสงสว่างแล้วอย่างแน่นอน
แต่ภายหลังอาการประหลาดใจ หานซั่วกลับรู้สึกดีใจไม่น้อย เพราะการที่เขาสามารถอำพรางจิตของตนเองได้ ก็ไม่จำเป็นที่จะต้องกังวลกับการคุกคามของราชาหกเขาแห่งเผ่าวิญญาณอีกต่อไป และยังมั่นใจด้วยว่า หากปีศาจเฒ่าสตรัทโฮล์มและทิอาน่ายังไม่สามารถผสานวิญญาณเข้ากับคริสตัลต้นกำเนิดแห่งธาตุได้ ราชาหกเขาแห่งเผ่าวิญญาณจะต้องรับรู้ถึงตัวตนของพวกเขาด้วยเช่นกัน
ที่ผ่านมา หานซั่วรู้สึกเสียใจที่แผนการล่อลวงราชาหกเขาแห่งเผ่าวิญญาณไปที่อารามแห่งน้ำแข็งเมื่อครั้งที่แล้วนั้นล้มเหลวไม่เป็นท่า และในตอนนี้ เมื่อเจ้าสิ่งมีชีวิตประหลาดนั่นหวนกลับมาอีกครั้ง ก็ตรงกับข้ามกับสิ่งใคร ๆ อาจคาดหวังโดยสิ้นเชิง เมื่อหานซั่วกลับรู้สึกตื่นเต้นกับเรื่องนี้
เช่นนั้นแล้ว ไม่เพียงแต่หานซั่วจะรีรอการอำพรางจิตของตนเอง แต่เขากลับใช้พลังอันน่าอัศจรรย์นั้นสื่อสารความรู้สึกไปยังราชาหกเขาแห่งเผ่าวิญญาณที่อยู่ในหุบเขาทารัคของสมาพันธ์พ่อค้าบรุท ห่างออกไปหลายพันไมล์ ซึ่งการส่งผ่านนั้นรวมถึงความรู้สึกดูถูกเหยียดหยามที่เขามีต่อมันอีกด้วย
เป็นที่แน่นอนว่า ทันทีที่สารของหานซั่วถูกส่งผ่านไปถึง เขาก็สัมผัสได้ถึงความเกรี้ยวกราดและบันดาลโทสะของราชาหกเขาแห่งเผ่าวิญญาณทันที แต่สิ่งที่ทำให้เขารู้สึกมีความสุขมากยิ่งกว่า คือการที่ราชาหกเขาเริ่มเคลื่อนไหว และกำลังมุ่งหน้ามาหาเขา!
******************