Great Demon King – กำเนิดราชันย์ปีศาจ - ตอนที่ 478
ที่นี่คือโลกแห่งน้ำแข็งและหิมะที่หนาวเย็นที่สุดในอาณาจักรแห่งความลึกล้ำ ตลอดทาง มีเพียงลมอันเย็นเยียบที่พัดกระหน่ำบาดผิว หิมะโปรยปรายทั่วทุกหัวระแหงจนความขาวโพลนปกคลุมทั้งดินแดนไกลสุดลูกหูลูกตา ทั้งต้นไม้ ก้อนหิน แม่น้ำ ทุกสิ่งอย่างล้วนถูกเคลือบไว้ด้วยชั้นน้ำแข็ง ราวกับว่าโลกนี้ได้สูญสิ้นซึ่งสีสันอื่น ๆ ไปเสียแล้ว
แต่อย่างไรก็ตาม ภายใต้ระยะสัมผัสของจิตอันกว้างไกลของหานซั่ว ท่ามกลางความเหน็บหนาวที่บาดลึกไปถึงกระดูก เขายังสัมผัสได้ถึงตัวตนของบรรดาหมีน้ำแข็ง หมาป่าหิมะ และอินทรีเยือกแข็ง เผ่าพันธุ์ที่ชื่นชอบความหนาวเป็นชีวิตจิตใจ พวกมันเตร็ดเตร่ไปทั่วดินแดนที่เต็มไปด้วยน้ำแข็งและหิมะอันเปลี่ยวร้าง เพิ่มความมีชีวิตชีวาให้กับสถานที่แห่งนี้
ท่ามกลางภูเขามากมายที่เรียงรายเป็นทิวแถว หานซั่วมีเพียงเป้าหมายเดียวเท่านั้น หัวใจของเขาเย็นชาดั่งน้ำแข็ง ขณะเหาะทะยานด้วยความเร็วสูงพร้อมกับความปรารถนาที่จะล่าสังหาร
ผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดในอารามแห่งน้ำแข็งคือน้ำแข็งสวรรค์โครีย์และหิมะสวรรค์ทิอาน่า ทั้งคู่ถือเป็นกระดูกสันหลังของอารามแห่งน้ำแข็งเลยก็ว่าได้ และหนึ่งในนั้น หิมะสวรรค์ทิอาน่าก็เคยล่อลวงหานซั่วที่ภูเขาศักดิ์สิทธิ์ จนเขาถูกศาสนจักรแห่งแสงสว่างจับตัวไว้ได้ ในขณะที่น้ำแข็งสวรรค์โครีย์นั้น ไม่เพียงแต่จะทำร้ายมังกรดำทั้งเผ่า การกระทำของเขายังเป็นสาเหตุที่ทำให้กิลเบิร์ตต้องตายอีกด้วย
ยิ่งไปกว่านั้น อารามแห่งน้ำแข็งและศาสนจักรแห่งแสงสว่างก็ยังเป็นพันธมิตรที่ดีต่อกัน หานซั่วจึงไม่สามารถหาเหตุผลใด ๆ ที่จะไม่โกรธแค้นทั้ง 2 ฝ่าย
ก่อนที่จะเข้าไปถึงภูเขาน้ำแข็งที่อยู่ตรงใจกลาง หานซั่วก็ลดความเร็วในการเหาะลง ในขณะที่จิตของเขายังคงแผ่ออกไปอย่างเต็มที่ เขาก็ค่อย ๆ อำพรางตัวตนที่แผ่ออกมาจากร่าง และเฝ้าสังเกตทุกความเคลื่อนไหวบนยอดเขาลูกนั้น และมองหาหนทางที่จะสามารถบุกเข้าไปโดยไม่มีใครจับได้
** Please note : โปรดอ่านนิยายเรื่องนี้ จากบล็อกของผู้แปล gdk-th.blogspot.com เท่านั้น หากท่านกำลังอ่านจากเว็บไซต์อื่น แสดงว่าท่านกำลังจ่ายเงินให้กับผู้ที่ขโมยผลงานของนักแปลมาแสวงหาผลกำไรให้ตนเอง **
หานซั่วรวบรวมสมาธิ และจิตของเขาก็สัมผัสได้ถึงเขตแดนอันหนาวยะเยือกที่กางครอบคลุมพื้นที่ยอดเขาเอาไว้ เขตแดนนั้นกินอาณาบริเวณกว้างและเต็มไปด้วยลมหนาวที่พัดกระหน่ำ ซึ่งท่ามกลางสิ่งนั้น หานซั่วก็สัมผัสได้ถึงพลังศักดิ์สิทธิ์ของเทพีแห่งน้ำแข็งอีกด้วย
การค้นพบนี้ทำให้หานซั่วเข้าไปใกล้ด้วยความระมัดระวังตัวมากขึ้น เขาผ่อนความเร็วลงอีกขณะตรงไปยังอารามแห่งน้ำแข็งที่อยู่บนยอดเขา ภายในใจ หานซั่วกำลังคิดวกวนไปมาถึงวิธีรับมือกับสถานการณ์ที่กำลังเป็นอยู่ตอนนี้
ในตอนนั้น แม้ว่าจะมีสาวกของอารามแห่งน้ำแข็งคนแล้วคนเล่าที่เข้าออกภูเขาเยือกแข็ง แต่เขตแดนขนาดมหึมานั้นก็ยังไม่มีสัญญาณเตือนหรือการป้องกันใด ๆ ที่ถูกกระตุ้นขึ้นมา
หานซั่วค่อย ๆ สอดส่องอยู่พักหนึ่ง และพบว่าท่ามกลางสาวกที่เข้าไปในยอดเขาอันเป็นที่ตั้งของอารามแห่งน้ำแข็ง กลับเป็นบรรดาพวกที่ไม่ได้รับพรใด ๆ จากเทพีแห่งน้ำแข็ง แต่อย่างไรก็ตาม ร่างกายของพวกเขากลับเย็นเยียบดุจน้ำแข็ง และมีอุณหภูมิร่างกายต่ำกว่าอุณหภูมิปกติของมนุษย์ทั่วไปเป็นอย่างมาก
เมื่อมองเพียงปราดเดียว หานซั่วก็คิดหาทางออกจนได้ เขาเหาะขึ้นไปบนฟ้าในระดับที่สูงจนแทบจะมองไม่เห็นด้วยตาเปล่าจากบนพื้น หานซั่วค่อย ๆ ปรับลดอุณหภูมิร่างกายของตนเองลง และใช้เวทย์อัคคีเหมันต์เพื่อแผ่ไอเย็นออกมาจากร่าง เมื่อสามารถควบคุมทุกอย่างได้อย่างดีเยี่ยม ในชั่วพริบตา ร่างกายของหานซั่วก็ดิ่งลงจนเทียบเท่ากับเหล่าสาวกอารามแห่งน้ำแข็งที่อยู่เบื้องล่าง
ในอาณาจักรแห่งความลึกล้ำแห่งนี้ ยังมีผู้ที่มีพลังแข็งแกร่งเหนือกว่าหานซั่วอีกมากมาย แต่อย่างไรก็ตาม หานซั่วก็มั่นใจว่าไม่มีใครที่สามารถเหนือกว่าเขาในเรื่องของการควบคุมร่างกายภาพของตนเองได้ถึงเพียงนี้เป็นแน่ และความมั่นใจในตัวเองนี้ก็มาจากพลังของเวทย์ปีศาจที่หล่อหลอมร่างกายของเขาให้เต็มไปด้วยพรสวรรค์ที่ผิดมนุษย์มนา
เมื่อควบคุมอุณหภูมิร่างกายได้แล้ว หานซั่วก็สำรวจพื้นที่เบื้องล่างอีกครั้ง เพื่อให้มั่นใจเต็มร้อยว่าวิธีนี้เขาจะไม่ไปกระตุ้นเขตแดนที่ถูกกางไว้รอบ ๆ ภูเขาเยือกแข็ง ก่อนจะเริ่มมองหาโอกาสที่จะลอบเข้าไปข้างใน
หลังจากที่เฝ้ามองอยู่ระยะหนึ่ง หานซั่วก็พบว่าในช่วงครึ่งทางของภูเขาเยือกแข็ง มีหน้าผาสูงชันแห่งหนึ่งที่ไม่มีสาวกคนใดครอบครองพื้นที่นั้นอยู่เลยสักคนเดียว เมื่อพบจุดอ่อน หานซั่วก็รีบคว้าโอกาส ก่อนจะดิ่งลงจากที่สูงและร่อนลงไปบนหน้าผานั้นอย่างไร้สุ้มเสียง
จิตของเขายังคงแผ่ปกคลุมโดยรอบภูเขาเยือกแข็ง ในขณะที่อำพรางร่างกายตนเองอย่างละเอียดรอบคอบ แล้วเขาก็พบตำแหน่งที่อยู่ของน้ำแข็งสวรรค์โครีย์ — ซึ่งอยู่ในอาคารทรงกรวยบนยอดเขานั่นเอง
ในระหว่างนี้ น้ำแข็งสวรรค์โครีย์จะต้องพักฟื้นอยู่อย่างแน่นอน หานซั่วสัมผัสได้ว่าออร่าของเขานั้นสงบและมั่นคง ปราศจากความปั่นป่วนของอารมณ์ใด ๆ และไม่มีใครที่ประจำอยู่รอบ ๆ อาคารทรงกรวยนั้นแม้แต่คนเดียว ตราบใดที่หานซั่วสามารถลอบเข้าไปในอาคารนั้นได้ฉวยจังหวะซุ่มโจมตี เขาก็มั่นใจมากทีเดียวว่าจะทำได้สำเร็จ
แต่อย่างไรก็ตาม การที่จะไปถึงอาคารนั้นได้จากตำแหน่งของหน้าผาที่หานซั่วยืนอยู่ โดยไม่ถูกใครจับได้เสียก่อนในระหว่างทาง ก็ถือเป็นภารกิจที่แทบจะเป็นไปไม่ได้เลย
นั่นเป็นเพราะว่า ทั่วทั้งอาณาบริเวณของภูเขาเยือกแข็ง บนถนนหนทางสู่ภูเขาที่สูงชัน ไม่มีทั้งต้นไม้และก้อนหินใด ๆ ที่สามารถหลบเร้นกายได้เลย ในสถานที่ ๆ ทุกตารางนิ้วถูกห่มคลุมไปด้วยผืนหิมะและน้ำแข็ง ทำให้การเคลื่อนไหวแม้เพียงเล็กน้อยสามารถถูกพบเห็นได้โดยง่าย
ยิ่งไปกว่านั้น จากหอคอยเวทมนตร์ที่ตั้งอยู่บนยอดเขา หานซั่วสัมผัสได้ถึงคลื่นพลังเวทมนตร์ที่บางอย่างแผ่ออกมาและคล้ายคลึงกันกับเวทย์เนตรเบิกฟ้า ซึ่งดูเหมือนจะเป็นพลังที่สามารถจับตาทุกความเคลื่อนไหวได้ครอบคลุมทั้งภูเขา
หานซั่วครุ่นคิดด้วยคิ้วที่ขมวดแน่น ทันใดนั้น หานซั่วก็นึกถึงเจ้าผีดิบธาตุโลหะชั้นยอดขึ้นมา เมื่อลองพิจารณาอย่างถี่ถ้วนแล้ว เขาก็รู้สึกว่าวิธีนี้อาจจะได้ผล
แม้ว่าจะมีชั้นน้ำแข็งและหิมะหนาปกคลุมทั้งภูเขา แต่ลึกลงไปก็ต้องมีรากฐานเป็นหินแข็ง ในขณะที่ชั้นน้ำแข็งส่วนหนึ่งเกิดขึ้นเองโดยธรรมชาติ และอีกส่วนหนึ่งก็ถูกอารามแห่งน้ำแข็งสร้างเสริมขึ้นมา ซึ่งด้วยความสามารถของเจ้าผีดิบธาตุโลหะชั้นยอด หานซั่วก็จะสามารถดำดิ่งผ่านชั้นหินใต้ดิน และไปโผล่บริเวณเบื้องล่างของอาคารที่โครีย์อาศัยอยู่ได้อย่างแน่นอน
มันต้องเป็นไปได้แน่ ๆ! หานซั่วผายมือทั้ง 2 ข้างออกทันที แล้วเล็บของเขาก็ยาวออกมาอย่างบ้าคลั่งในฐานะคมดาบปีศาจที่เป็นประกายเงางาม ด้วยทักษะของเวทย์ปีศาจนี้เอง หานซั่วก็เริ่มขุดลึกลงไปในชั้นน้ำแข็ง และหลังจากที่ทะลวงลึกลงไปถึง 3 เมตร ในที่สุด หานซั่วก็พบกับรากฐานอันมั่นคงของภูเขาเยือกแข็ง — ซึ่งก็คือชั้นของหินนั่นเอง
หานซั่วสั่งการไปยังเจ้าผีดิบธาตุโลหะชั้นยอด เมื่อมันเข้าใจคำสั่ง แสงสีทองก็เปล่งประกายออกมาจากฝ่ามือของมัน พลังงานธาตุโลหะหลั่งไหลเข้าไปในหินราวกับสายน้ำ ไม่นานนัก ภายใต้การเฝ้ามองด้วยใจจดจ่อของหานซั่ว ชั้นหินที่แข็งแกร่งเหล่านั้นก็แยกออกจากกันและเปิดเส้นทางออกมาให้เห็น
ขณะที่หานซั่วมองไปยังอุโมงค์ที่ถูกสร้างขึ้นมา เขาก็อดไม่ได้ที่จะนึกปลาบปลื้มอยู่ในใจถึงประโยชน์มากมายที่ผีดิบแห่งธาตุชั้นยอดทั้ง 5 ตนนำมาให้เขา โดยไม่ต้องนึกรวมถึงความแข็งแกร่งของพวกมันแต่ละตนเลยด้วยซ้ำ
หานซั่วเดินทางไปตามตำแหน่งของโครีย์ที่เขาสัมผัสได้ และด้วยความช่วยเหลือของเจ้าผีดิบธาตุโลหะชั้นยอดในระยะครึ่งทางของภูเขาที่เหลือ หานซั่วก็มุ่งหน้าตรงไปยังยอดเขาที่น้ำแข็งสวรรค์โครีย์อยู่อย่างไม่รีบร้อน
** Please note : โปรดอ่านนิยายเรื่องนี้ จากบล็อกของผู้แปล gdk-th.blogspot.com เท่านั้น หากท่านกำลังอ่านจากเว็บไซต์อื่น แสดงว่าท่านกำลังจ่ายเงินให้กับผู้ที่ขโมยผลงานของนักแปลมาแสวงหาผลกำไรให้ตนเอง **
ส่วนตัวของเจ้าผีดิบธาตุโลหะชั้นยอดนั้นก็สามารถผสานตัวเข้าออกกับชั้นหินได้อย่างอิสระ ราวกับว่ามันกำลังแหวกว่ายอยู่ในสายน้ำ แต่ในเมื่อตอนนี้มันจำเป็นต้องพาหานซั่วมาด้วย เจ้าผีดิบธาตุโลหะชั้นยอดก็ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องสร้างอุโมงค์ขึ้นมา และด้วยวิธีที่หานซั่วเองก็ไม่เข้าใจ ฝ่ามือของมันก็ปลดปล่อยแสงสีทองเรืองรองออกมา แล้วชั้นหินแข็งก็เปิดแยกออกจากกัน ก่อนจะปิดเข้าหากันอีกครั้ง และหนทางเบื้องหน้าก็ปรากฏให้เห็นมากขึ้นเรื่อย ๆ
ขณะที่มือของเจ้าผีดิบธาตุโลหะชั้นยอดเปล่งแสงสีทองออกมา อุโมงค์นั้นก็ไม่ได้มืดเลยสักนิดเดียว ระหว่างที่เขากำลังตามหลังเจ้าผีดิบธาตุโลหะขึ้นไปตามเส้นทางที่สูงชัน เขาก็พินิจพิจารณาถึงวิธีการลอบสังหารน้ำแข็งโครีย์ที่เหมาะสมไปด้วย
ทันใดนั้นเอง เจ้าผีดิบธาตุโลหะชั้นยอดก็หยุดชะงัก ทำให้หานซั่วที่ไม่ทันระวังเกือบจะชนมันเข้า
พวกเขาเพิ่งเดินกันมาได้ไม่กี่ร้อยเมตร และหนทางสู่ยอดเขาของภูเขาเยือกแข็งที่ซึ่งน้ำแข็งสวรรค์โครีย์อยู่ก็ยังอีกยาวไกล แต่ทำไมเจ้าผีดิบธาตุโลหะชั้นยอดถึงได้หยุดกะทันหันเช่นนี้?
หานซั่วสับสนไม่ต้อง ขณะจ้องมองด้านหลังของเจ้าผีดิบธาตุโลหะชั้นยอด เขาก็ไม่ลังเลที่จะส่งกระแสจิตสื่อสารกับมัน
“ทำไมถึงหยุดล่ะ?”
“ท่านพ่อ ดูนั่น!”
เจ้าผีดิบธาตุโลหะชั้นยอดหลีกไปทางด้านข้าง ก้อนหินรอบตัวมันหดถอยไปเล็กน้อยเพื่อให้มีที่พอสำหรับหานซั่วและตัวมันเองได้ยืนข้าง ๆ กัน
หานซั่วเดินเข้าไปยังที่ว่างที่เจ้าผีดิบธาตุโลหะชั้นยอดสร้างขึ้นมาเป็นกรณีพิเศษ และทอดสายตามองไปยังทิศทางที่มันชี้ให้ดูด้วยมือขวา ตอนนั้นเอง เขาก็ต้องตกตะลึงกับสิ่งที่เห็น
เบื้องหน้าของหานซั่ว เป็นห้องขนาดใหญ่ที่สร้างขึ้นภายในชั้นหินของภูเขาให้เป็นโพรง และด้านใน เป็นที่ตั้งของรูปสลักอันงดงามตระการตาของเทพีแห่งน้ำแข็งที่ตั้งตระหง่านด้วยความสูงกว่า 60 เมตร
รูปสลักขนาดมหึมาของเทพีแห่งน้ำแข็งนี้ถูกสร้างขึ้นด้วยน้ำแข็งเป็นเงาระยิบระยับราวกับคริสตัลชั้นเลิศที่แกะสลักอย่างวิจิตรและอ่อนช้อยงดงามราวกับมีชีวิต สีใบหน้าของเธอเย็นชาดุจน้ำแข็ง ในมือซ้ายถือคทาคริสตัลที่ทำจากน้ำแข็งด้วยท่าทีราวกับว่าเธอกำลังต่อสู้กับปีศาจร้าย สีหน้าของเธอดูมุ่งมั่นและเด็ดเดี่ยว ให้ความรู้สึกถึงความศักดิ์สิทธิ์และศรัทธาอันแรงกล้า
เทพีแห่งน้ำแข็งสวมใส่ในชุดคลุมที่เป็นสายดูแปลกตา และเป็นเพราะทั่วทั้งรูปสลักถูกสร้างขึ้นจากน้ำแข็งขนาดมหึมาก้อนเดียวกัน หานซั่วจึงสามารถมองเห็นภายในรูปสลักได้อย่างชัดเจน
ภายในรูปสลักนั้นปราศจากอวัยวะภายในใด ๆ มีเพียงน้ำแข็งและพลังงานพิเศษบางอย่างที่กำลังไหลเวียนอยู่ มันเปล่งประกายราวกับเพชรขณะที่โคจรไปทั่วเรือนร่างของรูปสลักในรูปแบบทิศทางที่ดูน่าพิศวงไม่น้อย
อย่างไรก็ตาม บริเวณหน้าท้องส่วนล่างของรูปสลักเทพีแห่งน้ำแข็งในจุดที่มดลูกควรอยู่ กลับเป็นร่างอันเปลือยเปล่าของหญิงสาวผู้งดงามคนหนึ่งที่มีผิวพรรณผุดผ่องราวกับหยก ดวงตาของเธอกำลังหลับสนิท ปราศจากสัญญาณแห่งชีวิตใด ๆ ที่แผ่ออกมาจากร่างของเธอ แต่ความงดงามที่เธอครอบครองนั้นสามารถทำให้นักบุญสาวของศาสนจักรแห่งแสงสว่างดูด้อยลงไปถนัดตา — ความงามอันสมบูรณ์แบบนั้นดูราวกับว่าเป็นไปไม่ได้เลยที่จะมีตัวตนอยู่บนโลกใบนี้!
หานซั่วยืนอยู่เบื้องล่างของรูปสลัก เมื่อเขาเงยหน้าขึ้นมองความวิจิตรตระการตาที่ใหญ่โตมโหฬารของรูปสลักเทพีแห่งน้ำแข็ง ก็ผุดความรู้สึกต่ำต้อยขึ้นมาในส่วนลึกของจิตใจ เขาถึงกับนิ่งอึ้งไปชั่วครู่หนึ่งกับรูปสลักเทพีแห่งน้ำแข็งที่มาปรากฏตรงใจกลางของภูเขาได้อย่างไรก็มิอาจทราบได้
สิ่งเดียวที่แน่ใจได้ คือรูปสลักนี้ถูกแกะสลักขึ้นจากก้อนน้ำแข็งขนาดมหึมาเพียงก้อนเดียว และต้องมีเหตุผลบางอย่างแน่นอนที่ทำให้อารามแห่งน้ำแข็งขุดโพรงขึ้นมาตรงใจกลางภูเขาเพื่อวางรูปสลักอันใหญ่โตของเทพีแห่งน้ำแข็งไว้เช่นนี้ เมื่อหานซั่วตั้งสติได้อีกครั้ง เขาก็ยังรู้สึกช็อกไม่หาย และจ้องมองด้วยดวงตาเป็นประกายต่อไปทั้งอย่างนั้น
หญิงสาวที่ร่างเปลือยเปล่าอยู่ตรงบริเวณครรภ์ของเทพีแห่งน้ำแข็งที่เย็นยะเยือกและปราศจากสัญญาณของชีวิต จิตของหานซั่วไม่สามารถตรวจพบวิญญาณใด ๆ และไม่ว่าอย่างไร เขาก็ไม่สามารถเข้าใจได้เลยว่าทำไมถึงปรากฏภาพที่น่าประหลาดตรงใจกลางภูเขาเช่นนี้
ขณะที่หานซั่วได้แต่งุนงงและสับสน จู่ ๆ เสียงอึกทึกครึกโครมก็ดังขึ้นจากกำแพงหินด้านบนเหนือรูปสลัก หานซั่วจ้องมองอย่างตั้งใจ แล้วแผ่นหินราบขนาดใหญ่ก็ยื่นออกมาจากกำแพงนั้น พร้อมกับสาวกของอารามแห่งน้ำแข็งจำนวนหนึ่งที่ยืนอยู่
ทันทีที่เสียงอึกทึกนั้นดังขึ้น หานซั่วก็ก้าวถอยหลังด้วยสัญชาติญาณและรีบสื่อสารกับเจ้าผีดิบธาตุโลหะชั้นยอดทันที มันโบกมือครั้งหนึ่ง แล้วเส้นทางที่เปิดสู่เบื้องหน้าของเขาก็หดเล็กลงอย่างรวดเร็ว ซึ่งเมื่อแผ่นหินราบเหนือรูปสลักยื่นออกมาจนสุด ทางที่อยู่เบื้องหน้าหานซั่วและเจ้าผีดิบธาตุโลหะชั้นยอดก็หดเล็กลงจนเหลือเพียงรอยแยกเล็ก ๆ รอยหนึ่งเท่านั้น
******************************