Great Demon King – กำเนิดราชันย์ปีศาจ - ตอนที่ 485
เพียงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ณ ป่าทมิฬ หานซั่ว โซฟี และจอมขมังเวทย์ธาตุไฟมาร์โซแห่งสมาพันธ์พ่อค้าบรุทได้ร่วมมือกันสำรวจแดนอัคคีสัมบูรณ์ อย่างไรก็ตาม เมื่อเกิดวิกฤติขึ้น มาร์โซได้ทอดทิ้งพวกเขาให้เผชิญความตาย แต่ท้ายที่สุดแล้ว เมื่อหานซั่วและโซฟีร่วมมือกัน พวกเขาก็สามารถหนีรอดจากอันตรายนั้นได้สำเร็จ
โซฟีมีสัญชาติเป็นคนของจักรวรรดิคาซี พ่อของเธอ ซูโล เป็นอัศวินศักดิ์สิทธิ์ที่มีชื่อเสียงในจักรวรรดิคาซี ซึ่งหานซั่วเองก็รู้เรื่องนี้มาตั้งแต่แรก
ใครจะไปคาดคิดว่าหลังจากที่เวลาล่วงเลยมาเป็นปี หานซั่วจะได้มาพบเธอโดยบังเอิญในการมาเยือนจักรวรรดิคาซีครั้งแรกเช่นนี้ ซึ่งหากย้อนไปตอนนั้น ก่อนที่หานซั่วและโซฟีจะลาจากกันในป่าทมิฬ เธอก็เคยเร่งเร้าหานซั่วให้ไปเยี่ยมเธอที่จักรวรรดิคาซีอยู่ก่อนแล้ว
หานซั่วจ้องมองโซฟีผู้งดงามซึ่งยืนห่างออกไปประมาณ 7-8 เมตร ขณะที่เธอกำลังหยิบเครื่องประดับชิ้นเล็ก ๆ ที่ดูบอบบางขึ้นมาด้วยความกระตือรือร้น หานซั่วไม่สามารถห้ามตัวเองไม่ให้หัวเราะออกมาได้ ตลอดทางของถนนที่ดูราวกับไม่สิ้นสุดนี้ มีข้าวของมากมายถูกนำออกมาวางขาย รวมทั้งเครื่องประดับเล็ก ๆ ที่ประเมินค่าไม่ได้วางอยู่ไม่ขาด โซฟีนั้นไม่ได้สนใจพวกอาวุธยุทโธปกรณ์เลย แต่กลับอ้อยอิ่งอยู่กับร้านที่ขายเครื่องประดับเหล่านี้แทน
ดูเหมือนว่าผู้หญิงทุกคนจะมีความปรารถนาโดยธรรมชาติที่อยากจะดูสวยงาม เครื่องประดับชิ้นเล็ก ๆ เหล่านี้ทั้งดูหรูหรา ประณีต แต่ไม่ได้มีประโยชน์ใด ๆ ไปมากกว่านั้น กลับสามารถดึงดูดความสนใจของโซฟีได้อย่างน่าเหลือเชื่อทีเดียว
2-3 ปี ผ่านไปราวกับเป็นเวลาเพียงชั่วพริบตา โซฟีผู้แสนงดงามนั้นดูราวกับดอกไม้แรกแย้มที่กำลังผลิบานอย่างเต็มที่ เธอจึงดูสวยงามมากกว่าเมื่อก่อนเสียอีก
ขณะเฝ้ามองความงดงามนั้นจากระยะไกล หานซั่วก็ไม่ได้เดินเข้าไปหาเธอแม้ว่าเขาจะต้องการมากก็ตาม สำหรับหญิงสาวผู้งดงามคนนี้ หานซั่วมีความประทับใจในตัวเธอไม่น้อย ก่อนหน้านี้ ณ แดนอัคคีสัมบูรณ์ จอมขมังเวทย์ธาตุไฟต้องการวางกับดักหานซั่ว แต่ก็ถูกสาวน้อยผู้เมตตาคนนี้ยับยั้งเอาไว้
เวลานี้ ณ จักรวรรดิคาซี สิ่งที่หานซั่วได้ทำไว้กับอารามแห่งน้ำแข็งทำให้เขากลายเป็นศัตรูของจักรวรรดิไปโดยปริยาย หากหานซั่วและโซฟีติดต่อกัน อาจเป็นการสร้างปัญหาให้กับโซฟีก็เป็นได้ แม้ว่าพ่อของโซฟีจะเป็นอัศวินศักดิ์สิทธิ์และมีอิทธิพลมากมายในจักรวรรดิคาซี แต่ก็ไม่ได้ไกล้เคียงกับอารามแห่งน้ำแข็งเลยสักนิด ไม่ว่าจะในด้านพลังความแข็งแกร่งหรือแม้แต่ด้านอำนาจอิทธิพล
ดังนั้น เขาจึงเฝ้ามองโซฟีอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะจากไปเงียบ ๆ เขาตั้งใจที่จะรักษาระยะห่างระหว่างโซฟีเอาไว้ เขาเดินอ้อมออกไปเล็กน้อย ก่อนที่จะเดินหาซื้อของในถนนที่คับคั่งเส้นนี้ และมองหาวัสดุที่เหมาะแก่การหล่อหลอมร่างใหม่ให้กับกิลเบิร์ตต่อไป
** Please note : หากท่านไม่ได้อ่านนิยายเรื่องนี้จากบล็อก https://gdk-th.blogspot.com/ แปลว่าท่านกำลังจ่ายเงินให้กับคนที่กำลังสุขสบายกับการหาเงินง่าย ๆ ด้วยการใช้นิ้วคลิกก๊อบผลงานแปลของเพจไปขายอีกต่อหนึ่ง **v
หินเก็บพลัง ซึ่งหานซั่วได้มาจากหญิงชราก่อนหน้านี้ นับว่ามีประโยชน์ต่อการฝึกฝนเวทย์ปีศาจอย่างมาก เหมือนกับที่ชื่อของมันบอกไว้ หินเก็บพลังสามารถเก็บกักแก่นมนตราปีศาจและพลังต่าง ๆ ได้ ในบรรดาอรรถประโยชน์ของมัน หนึ่งในนั้นคือการหล่อหลอมอาวุธเวทมนตร์อันทรงพลังที่ทนทานต่อแก่นมนตราปีศาจมากขึ้น ซึ่งจะช่วยเพิ่มความเร็วในการโคจรของแก่นมนตราภายในอาวุธได้ดีขึ้นอีกด้วย
เมื่อทำการหล่อหลอมร่างใหม่ให้กิลเบิร์ต ตราบใดที่หินเก็บพลังนี้สามารถผสานเข้ากับโครงกระดูกได้อย่างสมบูรณ์ มันจะทำให้กิลเบิร์ตสามารถพัฒนาร่างได้อย่างรวดเร็วในวันข้างหน้า แลกกับเงินแค่ 100 เหรียญทองก็ถือว่าถูกเหมือนได้เปล่า
และในเช้าวันเดียวกันนั้นเอง หานซั่วก็ได้วัตถุดิบแปลกประหลาดมาถึง 3 ชิ้น ระหว่างที่เฝ้ารองานประมูลสินค้าที่กำลังจะจัดขึ้นในจักรวรรดิคาซี ด้วยพลังงานอันล้นเหลือของหานซั่ว เขาก็ไม่หยุดพักเลยสักนิด หลังจากหลบเลี่ยงโซฟีได้แล้ว เขาก็ยังคงมองหาสิ่งของที่เหมาะกับเขาต่อไปเรื่อย ๆ
ในฐานะที่เป็นผู้ครอบครองจิตซึ่งมีประสาทสัมผัสอันยอดเยี่ยม และด้วยดวงตาที่เฉียบคมของเขา ครั้งนี้ หานซั่วก็ทำผลงานได้อย่างสมบูรณ์แบบเหมือนเช่นเคย เพราะในช่วงบ่าย เขาก็ได้วัตถุดิบหายากมาอีกราว 7-8 ชิ้น ซึ่งสามารถนำมาผสมเข้ากับร่างกระดูกได้เป็นอย่างดี จนกระทั่งถึงตอนค่ำที่บรรดาพ่อค้าเริ่มทะยอยกันปิดร้าน หานซั่วจึงจำต้องออกจากบริเวณนั้นอย่างไม่เต็มใจนัก
ในวันรุ่งขึ้น การประมูลก็จะเริ่มขึ้นอย่างเป็นทางการ เมื่อเทียบกับสิ่งที่วางขายตามร้านรวงต่าง ๆ สินค้าที่จะถูกนำออกมาประมูลเป็นเวลาถึง 3 วันนั้นน่าสนใจกว่ามาก รายการสินค้าตั้งแต่ลำดับแรกยันลำดับสุดท้ายล้วนเป็นสมบัติล้ำค่าที่ได้รับการรับรองความถูกต้องและความจริงแท้แน่นอนเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ของมีค่าบางอย่างที่มีเอกลักษณ์เฉพาะแต่ไม่ได้มีราคาสูงมากนักก็จะถูกนำออกมาประมูลบ่อยกว่าใครเพื่อน
หลังจากกลับมายังโรงแรมเล็ก ๆ ที่เขาพักอยู่ในตอนนี้ หานซั่วก็ปิดประตู และร่ายเวทย์ป้องกันเสียง และเวทย์เตือนภัยล่วงหน้า จากนั้น เขาก็นำแหวนกักวิญญาณออกมาและเริ่มสื่อสารกับวิญญาณของกิลเบิร์ต
ตลอดระยะเวลาหลายวัน หานซั่วเคยชินกับการพูดคุยเรื่องไร้สาระกับกิลเบิร์ต และขณะอยู่ภายในแหวนกักวิญญาณ มังกรดำกิลเบิร์ตก็รู้สึกเบื่อหน่ายอย่างมาก ตลอดทั้งวัน เขาก็มัวแต่วิตกกังวลว่าร่างใหม่ของเขาจะทำให้เขาสูญเสียความสามารถและความกระหายของชายชาตรีไปหรือไม่ แม้หานซั่วจะปลอบใจเขาทุกทางที่ทำได้ กิลเบิร์ตก็ยังคงวิตกกังวลอยู่อย่างนั้น
ร่างเดิมของกิลเบิร์ตถูกทำลายไปแล้ว และแม้ว่าวิญญาณของเขาจะออกมาได้ แต่นิสัยตามกมลสันดานของเผ่ามังกรดำก็ยังคงฝังรากลึกอยู่ ดูเหมือนว่าตราบเท่าที่วิญญาณของเขาจะไม่ถูกทำลายพินาศไป ธรรมชาติมังกรดำกิลเบิร์ตก็ไม่ได้เปลี่ยนแปลงไปเลยสักนิด
“อย่าห่วงไปเลยน่า ข้าจะหาวัตถุดิบที่หายากและมีค่าที่สุดมาให้ เมื่อมีโครงกระดูกเดิมของเจ้าและโครงสร้างร่างกายของมนุษย์เป็นรากฐาน การสร้างร่างใหม่นี่จะเป็นไปตามความพอใจของเจ้าเลย ร่างนี้จะทรงพลังซะยิ่งกว่าร่างมังกรดำของเจ้าเสียอีก แถมยังสามารถพัฒนาร่างได้อย่างไร้ขีดจำกัด พวกความปรารถนาและสมรรถภาพทางเพศที่เจ้าเป็นกังวลนักหนาก็จะรุนแรงยิ่งกว่าเดิม ให้ตายยังไงเจ้าก็ไม่มีวันกลายเป็นขันทีหรอกน่า!”
หานซั่วปวดหัวกับการโวยวายของกิลเบิร์ต จึงย้ำให้เขามั่นใจอีกครั้ง
“สุดยอดไปเลย! โชคดีจริง ๆ ที่ข้าไม่ได้เลือกมังกรกระดูก มังกรที่มีแต่กระดูก แต่ไม่มีอวัยวะอะไรเลยสักอย่าง แบบนั้นจะทำให้ข้ารู้สึกสำราญใจได้ยังไงกัน”
วิญญาณของมังกรดำกิลเบิร์ตยังคงวนเวียนไปมาอยู่ภายในแหวนกักวิญญาณ ขณะที่เขาร้องตะโกนออกมาอย่างตื่นเต้น
“เอาล่ะ ๆ เจ้าทำตัวดี ๆ หน่อยก็แล้วกัน ความรู้ในความทรงจำที่ข้ามอบให้เจ้าน่ะ เป็นทักษะการต่อสู้ที่จะทำให้วิญญาณของเจ้าแข็งแกร่งขึ้นอีก ไปใช้ความพยายามมากขึ้นกับเรื่องนั้นจะดีกว่านะ”
หานซั่วแนะนำ
มีศาสตร์ลี้ลับมากมายหลายแขนงในศาสตร์ของเวทย์ปีศาจ มีแม้กระทั่งเคล็ดวิชาลับที่สามารถเสริมความแข็งแกร่งให้กับดวงวิญญาณ ตราบใดที่มังกรดำกิลเบิร์ตยังคงฝึกฝนศาสตร์ลี้ลับนี้ วิญญาณของเขาก็จะแข็งแกร่งขึ้นเรื่อย ๆ ซึ่งเมื่อแข็งแกร่งมากพอ เขาก็จะสามารถมาปรากฏตัวต่อหน้าหานซั่วได้โดยไม่ต้องอาศัยแหวนกักวิญญาณ ยิ่งไปกว่านั้น เมื่อเวลาผ่านไป วิญญาณของเขาก็จะไม่สูญสลายไปสู่สรวงสวรรค์หรือหวนคืนผืนพิภพอีกต่อไปแล้ว
ในขณะที่วิญญาณชั่วร้ายบางจำพวกในโลก ภายใต้สถานการณ์แปลกประหลาดบางอย่าง ก็อาจมีความสามารถนั้นได้เช่นกัน เพื่อไม่ให้ดวงวิญญาณของพวกมันดับสลายไปตามกาลเวลาที่พ้นผ่าน แต่กลับทำให้วิญญาณแข็งแกร่งขึ้นแทน ดังนั้น เมื่อมาถึงจุดหนึ่ง พวกมันก็จะสามารถเข้าควบคุมร่างของมนุษย์และถือกำเนิดขึ้นใหม่อีกครั้งในโลกนี้ได้
เคล็ดลับที่หานซั่วถ่ายทอดให้กับมังกรดำกิลเบิร์ตนั้น เป็นเคล็ดลับในศาสตร์ของเวทย์ปีศาจ เพื่อปรุงแต่งวิญญาณให้กล้าแข็งและดุร้ายมากขึ้น สำหรับวิญญาณสามัญทั่วไปแล้ว ตราบเท่าที่พวกเขาเต็มใจและเพียรพยายามมากพอ พวกเขาก็จะกลายเป็นวิญญาณที่น่าสะพรึงกลัว และเป็นอิสระจากขีดจำกัดของกฎธรรมชาติได้อย่างแน่นอน ซึ่งมังกรดำกิลเบิร์ตก็มีจิตวิญญาณที่เข้มแข็งอยู่ก่อนแล้ว ตราบใดที่เขาฝึกฝนตามวิธีของหานซั่ว เขาไม่จำเป็นต้องใช้เวลามากนักที่จะสามารถแยกตัวมาออกจากแหวนกักวิญญาณได้อย่างสมบูรณ์ และจะยิ่งให้ประโยชน์กับเขามากกว่านั้นเมื่อเขาเชื่อมต่อกับร่างกายที่ถูกหล่อหลอมขึ้นใหม่
“นายท่าน ทำไมท่านถึงรู้เรื่องต่าง ๆ มากมายนักล่ะ? ข้าไม่เคยได้ยินเกี่ยวกับศาสตร์ต่อสู้ไหนที่ต้องฝึกฝนวิญญาณแบบนี้เลย ท่านเรียนรู้เรื่องพวกนี้ได้ยังไงกันน่ะ?”
หลังจากฝึกฝนได้ 2-3 วัน กิลเบิร์ตก็รู้ด้วยตนเองว่าวิธีนี้มีผลอย่างไร เมื่อวิญญาณของเขาแข็งแกร่งขึ้นเรื่อย ๆ ในตอนแรก เพียงการพูดคุยกับหานซั่วไม่กี่นาที ก็ทำให้วิญญาณของเขาอ่อนแรงลงเสียแล้ว แต่หลังจากฝึกฝนด้วยวิธีนี้เพียงไม่กี่วัน เขาก็สามารถพูดคุยกับหานซั่วได้นานนับชั่วโมง
“เจ้าจะถามให้มากความไปทำไม? ฝึกให้ดีเถอะน่า หลังจากนี้ เมื่อเจ้าได้ร่างใหม่ เจ้าจะรู้ถึงประโยชน์ของมันเองนั่นแหละ”
หานซั่วดุ
“ก็ได้ ๆ ท่านนี่น่ารำคาญชะมัดเลย!”
กิลเบิร์ตตอบด้วยอารมณ์หงุดหงิด หลังจากนั้น เขาก็เงียบเสียงลงอย่างไม่เต็มใจ และค่อย ๆ เสริมสร้างความแข็งแกร่งของวิญญาณต่อไปภายในแหวนกักวิญญาณนั้น
** Please note : หากท่านไม่ได้อ่านนิยายเรื่องนี้จากบล็อก https://gdk-th.blogspot.com/ แปลว่าท่านกำลังจ่ายเงินให้กับคนที่กำลังสุขสบายกับการหาเงินง่าย ๆ ด้วยการใช้นิ้วคลิกก๊อบผลงานแปลของเพจไปขายอีกต่อหนึ่ง **
เมื่อกิลเบิร์ตหยุดพูด หานซั่วก็ค่อย ๆ จมลงในห้วงความคิด ระหว่างนั้น หานซั่วไม่ได้ฝึกฝนเวทย์ปีศาจเลย เมื่อบรรลุสู่อาณาจักรพลังกามอสูรแล้ว เขาก็ไม่ได้พยายามที่จะก้าวข้ามไปยังอาณาจักรพลังเวทย์ปีศาจขั้นต่อไป แต่กลับปล่อยมันไปเรื่อย ๆ ทั้งอย่างนั้น
ตรงกันข้าม สำหรับเวทมนตร์ศาสตร์แห่งความตาย หานซั่วกลับใช้ความพยายามมากกว่า ในบรรดาอาคมทั้งสาม ซึ่งได้แก่ อาคมแห่งความหวาดกลัว อาคมแห่งความอ่อนแอ และอาคมแห่งอายุ หานซั่วสามารถควบคุมได้แล้ว 2 อย่างแรก ซึ่งในการต่อสู้ที่ครอบคลุมพื้นที่เป็นบริเวณกว้าง อาคมทั้ง 2 อย่างนี้จะทำให้กำลังรบของศัตรูอ่อนแอลง เรียกได้ว่าเป็นกุญแจสำคัญที่ทำให้สามารถพลิกสถานการณ์ได้เลยทีเดียว
มีเพียงอาคมที่ลี้ลับและน่าอัศจรรย์ที่สุด อย่าง อาคมแห่งอายุ ซึ่งอยู่นอกเหนือความสามารถของหานซั่วในตอนนี้ เมื่อไม่มีเงื่อนงำใด ๆ ที่จะทำความเข้าใจและหาทางแก้ปัญหาได้ เขาจึงไม่ได้พยายามต่อไปอย่างไร้ทิศทาง และไม่สิ้นเปลืองพลังงานจำนวนมากเพื่อศึกษาค้นคว้าเพิ่มเติม เขาจึงใช้เวลาและความพยายามในการฝึกฝนเวทมนตร์ที่อยู่ในระดับของจอมขมังเวทย์ผู้ใช้ความตายให้เชี่ยวชาญมากยิ่งขึ้น ซึ่งก็คือ — มหาเวทย์ฉีกสังขาร นั่นเอง
เวทมนตร์ศาสตร์แห่งความตายที่ชื่อว่า ‘มหาเวทย์ฉีกสังขาร’ นี้ ถือว่าเป็นเครื่องหมายอันเป็นเอกลักษณ์ของเวทมนตร์ศาสตร์แห่งความตายเลยก็ว่าได้ มันเป็นเวทมนตร์ทำลายล้างที่น่าสะพรึงกลัวสมชื่อ เมื่อมหาเวทย์ฉีกสังขารสามารถฉีกกระชากร่างกายของศัตรู ทำให้ยอดฝีมือคนใดก็ตามที่โดนเวทย์นี้เข้าไป ร่างกายของคนผู้นั้นจะถูกฉีกทึ้งแยกออกจากกันเป็นชิ้น ๆ และตายลงในที่สุด
แต่มีเพียงปัญหาเดียว คือเวทมนตร์ที่น่าสะพรึงกลัวระดับนี้ ก็ไม่ใช่สิ่งที่จะร่ายออกมาง่าย ๆ แม้จะทำสำเร็จ แต่มหาเวทย์ฉีกสังขารก็ต้องอาศัยความน่าจะเป็นที่จะปลดปล่อยออกมาได้เช่นกัน และแม้จะเป็นนักเวทย์ผู้ใช้ความตายที่สามารถร่ายเวทย์นี้ได้อย่างช่ำชอง หากเขาร่ายออกมาติด ๆ กันถึง 5 ครั้ง อาจจะมีเพียง 1 ครั้งเท่านั้นที่สำเร็จ
สำหรับนักเวทย์ผู้ใช้ความตายที่ไม่ได้มีความเข้าใจในศาสตร์แห่งความตายอย่างลึกซึ้ง ก็จะยิ่งมีความเป็นไปได้ที่ต่ำกว่า บางคนอาจจะสำเร็จได้เพียง 1 ใน 10 เท่านั้น และประสิทธิภาพในการทำลายล้างของมหาเวทย์ก็จะแตกต่างกันออกไป หากเป็นเวทย์ที่สมบูรณ์ ผู้ที่โดนเวทย์นั้นเข้าไปก็จะตายในทันที แต่หากเป็นเวทย์คุณภาพต่ำ ก็อาจจะทิ้งไว้เพียงบาดแผลฉกรรจ์ราวกับถูกอาวุธมีคมบาดเท่านั้น
ช่วงระหว่าง 2 วันก่อน ขณะที่หานซั่วกำลังฟื้นตัวจากอาการบาดเจ็บ เขาก็เข้าใจมหาเวทย์นั้นอย่างถ่องแท้แล้ว แต่ก็ยังไม่สามารถใช้มันได้อย่างเชี่ยวชาญ ในเมื่อตอนนี้กิลเบิร์ตหยุดพูดมากเสียที หานซั่วจึงได้เริ่มศึกษาเวทมนตร์อันเป็นเครื่องหมายของศาสตร์แห่งความตายนี้อีกครั้ง และยังคิดที่จะได้ทดลองมหาเวทย์นี้กับคนเป็น ๆ สักคนอีกด้วย
อีกหนึ่งคืนผ่านไปโดยไม่รู้ตัว รุ่งอรุณใหม่ได้เริ่มขึ้น เกิดเสียงอึกทึกครึกโครมก็ให้ได้ยินจากด้านนอกของโรงแรม วันนี้เองที่เป็นวันแรกของเทศกาลประมูล หานซั่วพักการฝึกฝนอย่างรวดเร็ว และรีบไปยังบริเวณนั้น และหวังว่าจะหาซื้อของดี ๆ ได้อีกในวันนี้
******************************