Great Demon King – กำเนิดราชันย์ปีศาจ - ตอนที่ 493
หานซั่วมีเวลาที่แสนวิเศษในค่ำคืนนั้น เขากับโซฟีพากันไปทานอาหารขึ้นชื่อของจักรวรรดิคาซีเป็นลำดับแรก จากนั้นก็ใช้เวลาที่เหลือชื่นชมวิวทิวทัศน์ยามกลางคืนที่โด่งดังของนครเรเวอรี่
แต่เมื่อผ่านไปครึ่งค่อนคืน โซฟีก็รู้สึกพอใจและยอมปล่อยหานซั่วไปในที่สุด แต่อย่างไรก็ตาม ด้วยข้ออ้างว่าเธอกลัวที่จะต้องกลับไปเผชิญหน้ากับพ่อของเธอ เธอจึงจองห้องพักที่อยู่ติดกับห้องของหานซั่วในโรงแรมเล็ก ๆ ที่เขาพักอยู่
หานซั่วรอจนโซฟีหลับไป หลังจากนั้น เขาก็แอบย่องออกไปทางหน้าต่างกลางดึก และมุ่งไปยังฐานปฏิบัติการขององครักษ์ชุดดำในจักวรรดิคาซี
ด้วยชื่อเสียงเกียรติยศของเขาในช่วงที่ผ่านมา ทำให้หานซั่วได้รับการปฏิบัติด้วยความเคารพอย่างที่สุดทันทีที่มาถึงฐานปฏิบัติการ ไม่นานนัก เขาก็ได้ที่อยู่ของคฤหาสน์ของบรากในจักรวรรดิคาซีจากสมาชิกที่ประจำการที่นั่น รวมทั้งข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับงานประมูลที่คนทั่วไปมิอาจล่วงรู้
ในช่วงดึกสงัด หลังจากที่ได้รับข้อมูลที่ต้องการจากศูนย์ปฏิบัติการขององครักษ์ชุดดำมาแล้ว เขาก็ลอบเข้าไปในคฤหาสน์ของบรากทันที ด้วยตั้งใจที่จะตามหา “ใบไม้มรกต” และขโมยมันกลับมา ซึ่งบังเอิญว่ามันทำให้เขาได้ประหยัดเงินไปถึง 300,000 เหรียญทองเลยทีเดียว
คฤหาสน์นั้นตั้งอยู่บนที่ดินผืนใหญ่ เมื่อหานซั่วมาถึง เขาก็ปลดปล่อยจิตออกมาเพื่อสัมผัสว่าบริเวณใดบ้างที่มีผู้คนอยู่มากที่สุด หลังจากที่ “ใบไม้มรกต” ถูกเก็บไปแล้ว จึงเป็นความท้าทายทีเดียวเมื่อหานซั่วต้องใช้จิตของตนเองสัมผัสถึงมันให้ได้ พลางคิดพิจารณาว่าควรใช้วิธีการรุนแรงในการช่วงชิงมาหรือไม่
** Please note : หากท่านไม่ได้อ่านนิยายเรื่องนี้จากบล็อก https://gdk-th.blogspot.com/ แปลว่าท่านกำลังจ่ายเงินให้กับคนที่กำลังสุขสบายกับการหาเงินง่าย ๆ ด้วยการใช้นิ้วคลิกก๊อบผลงานแปลของเพจไปขายอีกต่อหนึ่ง **
แต่ทว่า ตรงกันข้ามกับที่หานซั่วคาดการณ์ไว้อย่างสิ้นเชิง ขณะที่เขากำลังจะเคลื่อนไหวและออกจากที่ซ่อน เขาก็สังเกตเห็นใบหน้าที่คุ้นเคย นั่นก็คือปรมาจารย์ดาบกาเบรียล และอัชเชอร์ ผู้บัญชาการอัชเชอร์แห่งกองกำลังกริฟฟอนนั่นเอง
แต่เดิม อัชเชอร์เคยเป็นเจ้าเมืองของนครวาเลนแห่งจักรวรรดิแลนซล็อต และยังเป็นผู้บัญชาการกองกำลังกริฟฟอนอีกด้วย มีช่วงเวลาหนึ่งที่เขาได้เสพสุขกับชื่อเสียงอันรุ่งโรจน์ในจักรวรรดิแลนซล็อต แต่น่าเสียดาย อัชเชอร์กลับมีความทะเยอทะยานมากกว่านั้น ด้วยความร่วมมือของหานซั่ว ลอว์เรนซ์ และองครักษ์ชุดดำ พวกเขาก็พบหลักฐานในที่สุด ว่าอัชเชอร์กำลังคิดการกบฏซึ่งเป็นภัยต่อจักรวรรดิ เมื่อเรื่องนี้ถูกเปิดเผยและล้มเหลว เขาก็ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องหลบหนีออกจากจักรวรรดิแลนซล็อต
อัชเชอร์มีลูกชายหัวแก้วหัวแหวน 2 คน ซึ่งเคยเป็นศัตรูตัวฉกาจของหานซั่ว ซึ่งสุดท้ายแล้วก็ถูกฆ่าตายด้วยน้ำมือของหานซั่วไปทีละคน ๆ และไม่นานหลังจากที่ลูกชายของเขาถูกฆ่าตายจนหมด อัชเชอร์ก็ถูกต้อนให้จนมุม และไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากลี้ภัยไปยังจักรวรรดิคาซี ในขณะที่ย้อนกลับไป ณ หุบเขาแสงตะวัน กาเบรียลก็เคยร่วมมือกับกองกำลังทหารรับจ้างเคียวรุ้งและเกือบทำร้ายเอมิลี่ได้สำเร็จ แต่หลังจากนั้น เขาก็ได้รับบาดเจ็บสาหัสเสียเองและต้องระเห็จหนีไป
เมื่อทั้งอัชเชอร์และกาเบรียลมาถึงจักรวรรดิคาซี พวกเขาก็เข้าร่วมกับแบรดลีย์แห่งนครซีซาร์ ในขณะที่ความสามารถอันยอดเยี่ยมของอัชเชอร์นั้นเป็นที่เลื่องลือแม้แต่ในจักรวรรดิคาซี เขาจึงได้รับเกียรติจากราชวงศ์พิลลอนอย่างมาก และปัจจุบันก็กำลังเจริญก้าวหน้าไม่น้อย
ดูเหมือนว่าบรากกำลังจัดงานเลี้ยงส่วนตัวในคฤหาสน์ของเขา และการที่หานซั่วได้มาพบทั้งกาเบรียลและอัชเชอร์ ณ ที่แห่งนี้ก็เป็นอะไรที่พอคาดเดาได้อยู่แล้ว
หลังจากที่อัชเชอร์และกาเบรียลเข้าไปในคฤหาสน์ หานซั่วก็เห็นคนใหญ่คนโตของจักรวรรดิคาซีเดินทางมาที่นี่ด้วยรถม้าหรูหราคันแล้วคันเล่า แม้แต่พ่อค้าโซฟีที่เขาพบในงานประมูลก็เป็นหนึ่งในแขกที่ได้รับเชิญ หานซั่วพบว่าเขากำลังพูดคุยด้วยความกระตือรือร้มอยู่ภายในคฤหาสน์
แต่ที่น่าตกใจ แม้แต่สตรีสูงศักดิ์ซึ่งเคยแข่งกันประมูล “ไบไม้มรกต” ก็เป็นหนึ่งในบรรดาแขกที่ได้รับเชิญมาด้วยเช่นกัน เธอใส่ชุดราตรีสง่างาม แม้ว่าจะดูเจิดจรัส แต่เธอมีสีหน้าที่วิตกกังวลและรู้สึกเครียดอย่างเห็นได้ชัด
หานซั่วเฝ้าสังเกตการณ์จากบนหลังคาในระยะไกล พลางครุ่นคิดอยู่หลายตลบว่า “ไบไม้มรกต” จะไปอยู่ที่ใดได้บ้าง จิตของเขาตระเวนไปทั่วคฤหาสน์ ในขณะที่ทุกคนซึ่งดูเหมือนจะมีแนวโน้มที่จะแย่งชิง “ไบไม้มรกต” ไปล้วนมารวมตัวกันที่นี่ อย่างน้อยหานซั่วก็เชื่อว่า “ไบไม้มรกต” จะต้องอยู่ในคฤหาสน์นี้อย่างแน่นอน
ทันใดนั้นเอง คิ้วของหานซั่วก็ขมวดแน่น ก่อนจะฝืนยิ้มและหันมองไปด้านหลัง
“เจ้ามาที่นี่ได้ยังไงกัน?”
“ฮิ ๆ ข้าสังเกตมานานแล้วว่าเจ้าใจลอยตั้งแต่เมื่อตอนเย็น ข้ารู้ว่าเจ้าจะต้องทำเรื่องร้ายกาจบางอย่างในคืนนี้แน่ ๆ ข้าก็เลยทิ้งกลิ่นน้ำหอมไว้ที่ตัวเจ้านิดหน่อย แล้วก็ตามกลิ่นนั้นมาหาเจ้าไงล่ะ หืม? คิดว่าจะสลัดข้าหลุดง่าย ๆ รึไง? ไม่มีทางซะหรอก!”
โซฟีพูดด้วยรอยยิ้มอิ่มเอมใจหลังจากที่มาถึงอย่างคล่องแคล่วว่องไวด้วยม้าเปกาซัสของเธอ
หานซั่วมึนงงไปชั่วขณะ ก่อนจะนึกออกในทันที ก่อนหน้านี้ที่เขาหยอกล้อกับโซฟี เขามีโอกาสเอนตัวไปใกล้เธอ ดังนั้น เขาจึงติดกลิ่นน้ำหอมอ่อน ๆ มาจากตัวเธอ หานซั่วคิดว่านั่นคงเป็นเรื่องบังเอิญจึงไม่คิดอะไรมาก แต่กลับกลายเป็นว่าโซฟีทำเช่นนั้นเพราะมีจุดประสงค์อย่างนี้นี่เอง
“นี่ แม่คุณหนูผู้สูงศักดิ์และแข็งแกร่ง ถ้าเจ้ายังคงตามข้าอยู่แบบนี้ ไม่ช้าก็เร็ว เจ้าต้องเดือดร้อนแน่ ๆ”
หานซั่วพูดอย่างจนปัญญา ไม่รู้ว่าจะจัดการกับโซฟีอย่างไรดี
“ข้าไม่เห็นจะห่วงเรื่องนั้นเลย ทำไมเจ้าจะต้องมาคิดมากเรื่องนั้นแทนข้าด้วยล่ะ?”
โซฟีพูดขึ้นด้วยเสียงหวาน ๆ ของเธอ หลังจากนั้น เธอก็พูดด้วยเสียงตื่นเต้น
“เจ้าสงสัยว่าบรากเอาสิ่งนั้นไป ก็เลยมาที่นี่เพื่อสืบหาความจริงสินะ?”
“ไม่ใช่!”
หานซั่วตอบอย่างชัดเจน เมื่อโซฟีมีท่าทีงุนงง เขาก็พูดต่อ
“ข้ามาที่นี่เพื่อปล้น และเมื่อข้าพบสิ่งที่ต้องการ ข้าจะแย่งมันมาไม่ว่าจะด้วยวิธีใดก็ตาม และฆ่าทุกคนที่ขวางทางให้หมด!”
“อย่ามาขู่ข้าหน่อยเลย ข้าไม่กลัวหรอกน่า”
โซฟีคิดว่าหานซั่วพูดเล่น เธอตอบเขาพลางหัวเราะคิกคัก
หานซั่วส่ายศีรษะพลางถอนหายใจ เขาคร่ำครวญในใจ ผู้หญิงนี่ช่างเป็นสิ่งมีชีวิตที่ประหลาดจริง ๆ พอเราบอกความจริงก็ไม่เชื่อ แต่พอโกหก กลับคิดว่าเป็นเรื่องจริงซะงั้น…
ดวงตาเป็นประกายของหานซั่วจับจ้องอยู่ที่งานเลี้ยงซึ่งอยู่ไกลออกไป เขากำลังครุ่นคิดว่า “ใบไม้มรกต” อยู่ที่ไหน ทันใดนั้น เขาก็นึกถึงเจ้าผีดิบธาตุไม้ขึ้นมา ในฐานะที่เป็นสิ่งที่เขาหล่อหลอมขึ้นมาจากแดนป่าสัมบูรณ์ ผีดิบธาตุไม้ย่อมต้องมีความสามารถพิเศษในการสัมผัสถึงใบไม้มรกตได้ดีกว่า เพราะเป็นสิ่งที่มาจากต้นกำเนิดเดียวกัน
เมื่อเขานึกได้เช่นนั้น หานซั่วก็ก้าวถอยหลังไป 2-3 ก้าว โดยไม่คำนึงว่าโซฟีจะมองอยู่ข้าง ๆ เขาก็อัญเชิญเจ้าผีดิบธาตุไม้ออกมา
“หืม? เจ้าอัญเชิญนักรบผีดิบออกมาทำไมเหรอ?”
โซฟีถามด้วยความสงสัย เธอประหลาดใจกับท่าทีของหานซั่วมากทีเดียว
หานซั่วไม่ตอบอะไร แต่ใช้จิตของเขาอธิบายสิ่งที่เกิดขึ้นให้เจ้าผีดิบฟังเกี่ยวกับพลังที่น่าอัศจรรย์ของใบไม้มรกต ขณะที่หานซั่วอธิบาย เขาสัมผัสได้ถึงความตื่นเต้นดีใจของเจ้าผีดิบธาตุไม้ แม้ว่าเจ้าผีดิบธาตุไม้จะถูกหล่อหลอมขึ้นมาไม่นานนัก มันก็เข้าใจดีว่าดอกบัวอัคคีและกระบองทองคืออะไรสำหรับเจ้าผีดิบธาตุไฟและเจ้าผีดิบธาตุโลหะ
และในตอนนี้ มันก็มีโอกาสที่จะมีขุมพลังแห่งธาตุเป็นอาวุธของตัวเอง แน่นอนว่าเจ้าผีดิบธาตุไม้ย่อมตื่นเต้นดีใจอย่างแน่นอน
หลังจากที่หานซั่วอธิบายเรื่องที่เกิดขึ้น เจ้าผีดิบธาตุไม้ก็มองไปยังงานเลี้ยงด้วยความตื่นเต้นทันที พลังที่สะอาดสดชื่นตามธรรมชาติค่อย ๆ แผ่ซ่านออกมาจากตัวของมัน ราวกับว่ามันพยายามสัมผัสถึงไบไม้มรกตด้วยวิธีนี้
“เอ๋? เจ้าสิ่งนั้นอยู่กับมันเหรอ? ทำไมถึงรู้สึกว่ามันคือสิ่งนั้นเลยล่ะ?”
โซฟีตกใจ เธอชี้ไปยังเจ้าผีดิบธาตุไม้และร้องออกมาด้วยความฉงนสงสัย
“ไม่ใช่หรอก ถ้าอยู่ที่มัน แล้วข้าจะมาที่นี่ทำไมกันล่ะ?”
หานซั่วปฏิเสธ จากนั้นก็อธิบาย
“สิ่งนั้นน่ะ จะเป็นประโยชน์กับมันมาก ๆ เหตุผลที่ข้ายอมทุ่มประมูลด้วยราคาสูงลิ่วขนาดนั้นก็เพื่อเอามาให้เจ้านี่แหละ”
“ให้มันงั้นเหรอ? นักรบผีดิบเนี่ยนะ? เจ้านี่เป็นคนที่ตลกชะมัดเลย!”
โซฟีร้องออกมาด้วยความประหลาดใจขณะที่เธอชี้มาที่เจ้าผีดิบธาตุไม้อย่างไม่เชื่อสายตา
** Please note : หากท่านไม่ได้อ่านนิยายเรื่องนี้จากบล็อก https://gdk-th.blogspot.com/ แปลว่าท่านกำลังจ่ายเงินให้กับคนที่กำลังสุขสบายกับการหาเงินง่าย ๆ ด้วยการใช้นิ้วคลิกก๊อบผลงานแปลของเพจไปขายอีกต่อหนึ่ง **
“เจ้าไม่เข้าใจหรอกน่า!”
หานซั่วไม่ได้อธิบายอะไรต่อ แต่มุ่งความสนใจไปที่เจ้าผีดิบธาตุไม้
ขณะที่เจ้าผีดิบธาตุไม้กำลังลงมือ พืชพรรณที่อยู่รอบ ๆ คฤหาสน์ต่างเคลื่อนไหวโดยปราศจากลมพัด ซึ่งแลดูแปลกประหลาดอย่างมาก ความสดชื่นของธรรมชาติอบอวลไปทั่วทั้งคฤหาสน์ ราวกับว่าทั้งคฤหาสน์ปกคลุมไปด้วยพลังของใบไม้มรกต
ทันใดนั้นเอง หานซั่วก็เห็นเจ้าผีดิบธาตุไม้ตัวสั่นเป็นเจ้าเข้า จิตของเขาสามารถสัมผัสได้ถึงความตื่นเต้นอันเหลือล้นของมัน ทำให้ออร่าธรรมชาติแผ่กระจายออกมาและอบอวลหนาแน่นมากยิ่งขึ้น
หานซั่วตกใจ เขารู้ทันทีว่าเจ้าผีดิบธาตุไม้ชั้นยอดต้องพบใบไม้มรกตเข้าให้แล้ว เขาจึงรีบถามด้วยความประหลาดใจระคนดีใจ
“เจ้าพบมันแล้วใช่มั้ย?”
เจ้าผีดิบธาตุไม้พยักหน้าหงึก ๆ และเต็มไปด้วยความตื่นเต้น มันชี้นิ้วไปยังห้องรับรองที่อยู่ไกลออกไปและสื่อสารออกมา
“ในนั้น! ในนั้น!”
“อยู่ที่ใคร? ชี้ให้ข้าดูหน่อย!”
หานซั่วเองก็ตื่นเต้นดีใจด้วยเช่นกัน แทนที่จะใช้จิตในการสื่อสาร เขากลับพูดออกมา
หลังจากที่หานซั่วตะโกนออกมาเบา ๆ เจ้าผีดิบธาตุไม้ชั้นยอดก็ชี้ไปยังกลุ่มขุนนางชั้นสูงที่รวมตัวกันอยู่ในห้องรับรอง และรีบอธิบายกับหานซั่ว
“นั่น ๆ …เจ้าอ้วนนั่น เจ้าอ้วน… ในแหวนของเขา!”
โซฟีซึ่งสังเกตการณ์อยู่ข้าง ๆ เมื่อเห็นหานซั่วตะโกนบอกเจ้าผีดิบธาตุไม้ จากนั้นก็เห็นเจ้าผีดิบธาตุไม้ชี้ไปที่กลุ่มคนในห้องรับรองด้วยความตื่นเต้น ราวกับว่ามันกำลังอธิบายอะไรบางอย่างให้หานซั่วฟัง ในตอนนั้น โซฟีตะลึงงันไป เธอจ้องมองไปที่หานซั่วและเจ้าผีดิบธาตุไม้อย่างงงงัน และไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่ระหว่างมนุษย์กับผีดิบคู่นี้
ตู้ม!
ในตอนนั้นเอง แหวนมิติที่สวมอยู่ที่นิ้วของพ่อค้าโซฟี ขณะที่เขากำลังพูดคุยอย่างออกรสกับสุภาพสตรีที่งามสง่าคนหนึ่ง ก็ระเบิดขึ้นทันที มือข้างซ้ายของพ่อค้าโซฟีถูกฉีกออกกลายเป็นเศษชิ้นเนื้อดูน่าสยดสยอง ขณะที่พ่อค้าโซฟีกรีดร้องอย่างหวาดกลัว ใบไม้มรกตก็ลอยออกมาจากแหวนมิติ และลอยช้า ๆ ตรงมายังเจ้าผีดิบธาตุไม้ชั้นยอด
เมื่อเหล่าขุนนางที่กำลังพูดคุยสรวลเสเฮฮาอยู่ในห้องรับรองได้ยินเสียงระเบิดขนาดย่อม ตามด้วยเสียงกรีดร้องของพ่อค้าโซฟี ทุกคนต่างก็มองมาที่พ่อค้าโซฟีและเห็นมือซ้ายที่ขาดกระจุย พร้อมกับใบไม้มรกตที่ค่อย ๆ ลอยออกไปจากห้องรับรอง
ทุกคนต่างมึนงงไปตาม ๆ กัน กระทั่งโซฟี หรือแม้แต่หานซั่วเองก็ยังตกตะลึงไม่แพ้กัน เขาไม่รู้เลยว่าเจ้าผีดิบธาตุไม้ทำแบบนั้นได้อย่างไร
พ่อค้าโซฟีที่กำลังร้องโหยหวน ชี้มือขวาของตนเองไปยังใบไม้มรกตที่ค่อย ๆ ลอยห่างออกไปและตะโกนขึ้น
“อ้ากกกก! จับมันไว้ จับมันให้ได้!”
บรากที่อยู่ในห้องรับรองมีสีหน้าที่เปลี่ยนไปทันที ก่อนที่เขาจะสั่งการลูกน้องของเขาให้เคลื่อนไหว สตรีสูงศักดิ์ที่เข้าร่วมการประมูลคนนั้นก็รีบพุ่งตัวออกไป เธอยกกระโปรงขึ้น และวิ่งตามใบไม้มรกตโดยไม่สนใจกิริยาอาการของเธอเลยแม้แต่น้อย
********************************